บทที่ 26 พาหนิงชิงเชวี่ยกลับบ้าน
“อะไรนะ? เธอพูดว่าหนิงชิงเชวี่ยกับเย่โม่จะแต่งงานกัน เป็นไปได้อย่างไร?” เวลาเดียวกันนั้นเองซูจิ้งเหวินก็ตกตะลึงกับคำพูดของหลี่มู่เหมย เธอไม่นึกว่าหนิงชิงเชวี่ยจะมีแผนบ้าๆ แบบนี้ ความคิดแรกของเธอกลับกลายเป็นไม่เห็นด้วยกับแผนการนี้
หลี่มู่เหมยมองซูจิ้งเหวินอย่างประหลาดใจ ซูจิ้งเหวินดูจะออกอาการเยอะไปหน่อยแล้ว
ซูจิ้งเหวินก็ราวกับจะรู้สึกตัวแล้วว่าการตอบสนองของเธอดูจะเกินไปหน่อย เธอจึงพูดล้อเลียนตัวเองนิดๆ “ที่ฉันจะพูดคือผู้หญิงดีๆ อย่างหนิงชิงเชวี่ย เป็นไปได้อย่างไรที่จะแต่งงานกับเย่โม่ อีกอย่างเย่โม่ยัง... ถึงทำไปเพื่อหลีกเลี่ยงการหมั้นกับซ่งเฉ่าเหวิน แต่ก็ไม่ควรจะทำร้ายตัวเองแบบนี้”
หลี่มู่เหมยถอนหายใจ “ก็เพราะเย่โม่เสื่อมสมรรถภาพนั่นแหละ ชิงเชวี่ยเลยตัดสินใจได้ พี่ชิงเชวี่ยเองก็น่าสงสารมากจริงๆ แต่จากวันนี้ที่ฉันเห็นเย่โม่แล้ว เขาดูแตกต่างจากเย่โม่ที่ฉันจำได้อย่างสิ้นเชิง ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าคนๆ หนึ่งจะเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้ ถ้าตอนนี้เขาไม่ได้ถูกขับไล่ออกจากตระกูลเย่และไม่เป็นหมันก็คงจะดีหรอก”
ซูจิ้งเหวินนิ่งเงียบไป ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเธอถึงมักจะรู้สึกไม่เห็นด้วยกับเรื่องที่เย่โม่จะแต่งงานกับ หนิงชิงเชวี่ย เธอคิดหาเหตุผลไม่ออกจริงๆ เพราะว่าเขาเต้นรำกับเธอ? หรือเพราะว่าเขาคล้ายกับอาจารย์คนนั้นที่ขายยันต์ให้กับเธอกัน?
“เป็นอะไรไป? จิ้งเหวิน?” หลี่มู่เหมยที่เห็นซูจิ้งเหวินนิ่งเงียบไปก็ทักเธอทันที
ซูจิ้งเหวินถูกหลี่มู่เหมยดึงสติกลับสู่ความเป็นจริง “อ่า… ไม่มีอะไร แล้วจะให้ฉันช่วยอะไรล่ะ?”
หลี่มู่เหมยเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมซูจิ้งเหวินถึงเหม่อลอยบ่อยขนาดนี้ เธอพูดขึ้น “ฉันจะเอารูปหนิงชิงเชวี่ยกับเย่โม่อยู่บนเตียงเดียวกันในชุดนอนส่งให้เธอ หน้าที่ของเธอก็คือหาหนังสือพิมพ์บันเทิงเพื่อตีพิมพ์รูปก็โอเคแล้ว หลังจากนั้นก็ไปให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าพวกเขาแต่งงานกันแล้ว”
ซูจิ้งเหวินเบิกตากว้างมองหลี่มู่เหมย ผ่านไปครู่ใหญ่จึงพูดขึ้นว่า “แผนแย่ๆ แบบนี้เธอยังคิดออกมาได้? นี่ไม่ถือเป็นการทำลายชื่อเสียงของหนิงชิงเชวี่ยหรือไง?”
หลี่มู่เหมยถอนหายใจซ้ำอีกครั้ง “ก็แค่ชื่อเสียงเท่านั้น เทียบกับการตกอยู่ในมือของหมาป่าอย่างซ่งเฉ่าเหวินยังถือว่าดีกว่ากันเยอะ ตระกูลซูของเธอเองก็อยู่ที่เมืองหลวง เธอก็คงจะรู้ดีว่าซ่งเฉ่าเหวินมันเป็นหมาป่าหิวโหยประเภทไหน ถ้าพี่ชิงเชวี่ยเลือกได้ คิดว่าเธออยากทำแบบนี้หรือไง?”
แน่นอนซูจิ้งเหวินรู้ว่าซ่งเฉ่าเหวินเป็นคนแบบไหน ถ้าบอกว่าเขาเป็นคนเลวทรามก็ยังถือว่าทำให้คำๆ นี้แปดเปื้อนด้วยซ้ำ เขาเป็นปีศาจที่กินคนโดยไม่เหลือทิ้งไว้แม้แต่กระดูก ที่ปักกิ่งไม่รู้ว่ามีหญิงสาวกี่คนที่ถูกเขาย่ำยีกับมือ ซูจิ้งเหวินเข้าใจแล้วว่าทำไมหนิงชิงเชวี่ยจึงเลือกตัดสินใจทำแบบนี้
ผ่านไปครู่ใหญ่ ซูจิ้งเหวินก็พูดขึ้น “แล้วถ้าเป็นแบบนี้ ไม่ใช่ว่าเย่โม่จะกลายเป็นเหยื่อหรือไง? เขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลยนะ”
“ฉันเองก็รู้ว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ในเรื่องนี้ ตอนแรกก็คิดเอาไว้ว่าถ้าให้เงินไปแล้วเย่โม่จะต้องชอบแน่ๆ แต่ดูจากเย่โม่วันนี้แล้วฉันยังไม่กล้าเชื่อสายตาเลยว่าเขาคือเย่โม่จริงๆ หรือว่าคนที่ผ่านความทุกข์ยากจะ เปลี่ยนแปลงไปได้มากขนาดนี้กัน? ฉันช่วยมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ได้แต่เฝ้ารอดูว่าเย่โม่จะเต็มใจหรือไม่เต็มใจช่วยชิงเชวี่ย ถ้าเขาไม่ยอมช่วยพวกเราก็หมดหนทางแล้ว” หลี่มู่เหมยพูดขึ้นด้วยอาการจนใจเล็กน้อย
ซูจิ้งเหวินเปิดปาก แต่ท้ายที่สุดแล้วเธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก ทั้ง 2 คนต่างนิ่งเงียบไป
……….
“เธอมีเรื่องอะไรกันแน่ถึงต้องไปพูดที่บ้านของผม? พูดที่นี่ไม่ได้หรือไง?” เย่โม่ถามขึ้นอย่างประหลาดใจ
หนิงชิงเชวี่ยก้มหน้าลงต่ำ เธอไม่รู้จะอธิบายให้เย่โม่ฟังยังไงดี ถ้าเย่โม่ไม่เห็นด้วยกับแผนการของหลี่มู่เหมยล่ะก็ หนีออกนอกประเทศจะช่วยแก้ปัญหาไหมนะ? ผ่านไปครู่หนึ่งเธอจึงกัดฟันพูดขึ้น “ที่ฉันอยากไปก็เพราะมีเรื่องจะพูดกับนายสองต่อสอง”
เมื่อเห็นหนิงชิงเชวี่ยกัดฟันพูดพร้อมกับขมวดคิ้วแน่นแล้ว เย่โม่ก็ถอนหายใจ ถึงเขาจะไม่รู้จุดประสงค์ของหนิงชิงเชวี่ย แต่เขาเคยเห็นท่าทางแบบนี้จากอาจารย์ลั่วอิ่งมาก่อน เขาจึงพูดขึ้นอย่างจำใจ “เอาเถอะ เธอจะมากับผมก็ได้ ตอนนี้ผมจะกลับแล้ว รอผมไปบอกลาจิ้งเหวินก่อน”
“นายยอมตกลงแล้ว?” หนิงชิงเชวี่ยผุดลุกขึ้นด้วยอาการดีใจ ครั้งแรกที่ได้พบกับเย่โม่ เพราะเขาแตกต่างจากที่หลี่มู่เหมยพูดโดยสิ้นเชิง เธอจึงเตรียมใจที่จะถูกปฏิเสธเอาไว้แล้ว คาดไม่ถึงว่าเย่โม่จะตอบตกลงแบบนี้
ตอนที่เย่โม่เพิ่งจะลุกขึ้นยืนก็เห็นซูจิ้งเหวินเดินมาด้วยกันกับหญิงสาวอีกคนหนึ่ง เหมือนเขาเคยเห็นเธอมาก่อนแต่จำไม่ได้เลย “จิ้งเหวิน ผมต้องไปแล้ว หนิงชิงเชวี่ยมีธุระกับผมพวกเราเลยจะกลับด้วยกัน”
หลี่มู่เหมยเห็นเย่โม่มองมาที่เธอราวกับไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อน เธอคิดในใจว่าเขาเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ
“อา… เย่โม่ นาย… ยอมรับข้อเสนอแล้ว?” ซูจิ้งเหวินมองหนิงชิงเชวี่ยและเย่โม่ด้วยอารมณ์อันแปลกประหลาด หลังจากถามไปแล้วเธอถึงเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าทำไมเธอถึงได้ถามคำถามนี้ออกไป
เมื่อเย่โม่เห็นสีหน้าของหญิงสาวทั้ง 3 เขาก็รู้ได้ลางๆ ว่ามีเรื่องที่เขายังไม่รู้อยู่อีก แต่เขาก็ทำเพียงแค่ยิ้มให้บางๆ ต่อให้มีเรื่องอะไรที่เขายังไม่รู้ เย่โม่ก็ไม่หวาดกลัวทั้งสิ้น
……….
ขณะที่หนิงชิงเชวี่ยนำกระเป๋าเดินทางธรรมดาๆ เดินตามเย่โม่เพื่อนั่งแท็กซี่ไปด้วยกันนั้นเอง ในใจเธอก็เกิดความรู้สึกอันแปลกประหลาดขึ้น เมื่อเธอเดินตามเย่โม่ไปบนท้องถนนก็ราวกับว่าความกดดันและความกังวลภายในใจได้จางหายไปอย่างไร้ร่องรอย ทั่วทั้งร่างรู้สึกผ่อนคลาย
“นี่คือที่ๆ นายอาศัยอยู่งั้นหรือ?” เมื่อหนิงชิงเชวี่ยได้เห็นสวนเล็กที่เย่โม่อาศัยอยู่เธอก็รู้สึกชอบที่นี่ขึ้นมาทันที ภายในสวนสงบเงียบมาก อีกทั้งสภาพภายในก็สวยงาม เขารู้จักหาสถานที่จริงๆ ถึงได้มาเจอที่ดีๆ แบบนี้
เย่โม่พูดยิ้มๆ “ใช่แล้ว แต่ว่ามันค่อนข้างโทรมไปหน่อย เทียบไม่ได้กับบ้านของเธอหรอก”
หนิงชิงเชวี่ยส่ายหัวไปมา “ไม่หรอก...ฉันชอบที่นี่มาก”
“เย่โม่! นายกลับมาแล้ว ฉันมีอะไรจะบอกนาย ครั้งที่แล้วที่นายไป...หืม เธอเป็นใคร?” ครั้งแรกที่ซู่เวยเห็นหนิงชิงเชวี่ย ความงามของหนิงชิงเชวี่ยทำให้เธอตะลึงงัน เธอมักถือดีอยู่เสมอว่ารูปร่างหน้าตาของเธอนั้นดูดีใช้ได้ แต่เมื่อนำไปเทียบกับหนิงชิงเชวี่ยแล้วเธอมันก็เป็นแค่ยัยเป็ดอัปลักษณ์ตัวหนึ่งเท่านั้น
ชายเก็บตัวอย่างเย่โม่กลับพาสาวสวยระดับนี้มาได้ ตัดสินคนจากภายนอกไม่ได้จริงๆ แต่ที่จริง เย่โม่ก็ไม่ได้หน้าตาน่าเกลียดนะเนี่ย
แน่นอนว่าหนิงชิงเชวี่ยก็มองซู่เวยอยู่เช่นกัน เพื่อนบ้านสาวสวยคนนี้ทำให้คนที่พบเจอรู้สึกถึงความมีชีวิตชีวา เธอรู้สึกว่าสายตาของเย่โม่นั้นไม่เลวเลย ไม่แปลกใจเลยที่ตอนแรกเขาลังเลที่จะพาเธอกลับมาด้วย คงเพราะเขามีสาวสวยอยู่ที่นี่ด้วยกันแต่แรกแล้ว
หรือว่าเขาไม่ได้เสื่อมสมรรถภาพทางเพศกัน? หนิงชิงเชวี่ยเริ่มรู้สึกทันทีว่าความคิดของตัวเองออกจะสกปรกอยู่บ้าง จริงสิ! แล้วเธอจะไปกังวลเรื่องของเขาทำไมกัน? ที่เธอมาที่นี่เพราะต้องการแต่งงานกับเขาเพื่อป้องกันตัวเองจากตระกูลซ่ง... อ่า! ไม่ถูกสิ ถ้าเธอแต่งงานกับเย่โม่แล้วหญิงสาวคนนี้จะยอมตกลงหรือ? หนิงชิงเชวี่ยรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที
บรรยากาศเปลี่ยนเป็นน่าอึดอัดอยู่บ้าง ขณะที่หญิงสาวทั้งสองคิดว่าเย่โม่จะช่วยแนะนำพวกเธอให้รู้จักกันนั้นเอง เย่โม่กลับเดินเข้าไปข้างใน หนิงชิงเชวี่ยมองซู่เวย เธอได้แต่เดินตามเย่โม่เข้าไป
เย่โม่พาหนิงชิงเชวี่ยมาที่ห้องแล้วพูดขึ้น “คืนนี้เธอก็อยู่ห้องผมละกัน ตอนนี้มีเรื่องอะไรก็พูดออกมาเถอะ”
“อา… แล้วคืนนี้นายจะนอนที่ไหนล่ะ?” ตอนแรกหนิงชิงเชวี่ยคิดเอาไว้ว่าจะนอนห้องเดียวกับเย่โม่ พอถึงเวลาหาแค่หาโซฟามาให้เธอนอนก็น่าจะได้แล้ว ขอแค่ให้คนอื่นๆ รู้ว่าเธอนอนห้องเดียวกับเย่โม่ก็พอแล้ว
แต่เมื่อเธอถามออกไปก็รู้สึกว่าไม่เหมาะสมอยู่บ้าง ไม่ใช่เพราะอายหรือว่าอะไร เธอเตรียมตัวเตรียมใจมาดีแล้ว เพียงแต่ว่าเธอดันไปนึกถึงหญิงสาวที่เจอกันหน้าประตูคนนั้น เธอคิดไม่ถึงว่าเย่โม่จะมีแฟนอยู่แล้ว การที่เขาอาศัยอยู่กับหญิงสาวคนหนึ่ง ถ้าไม่ใช่แฟนแล้วจะเป็นอะไรได้อีก? ในหัวหนิงชิงเชวี่ยไม่ได้คิดว่าพวกเขาเพียงแค่แชร์ที่อยู่ด้วยกันเลยแม้แต่น้อย
“ไม่ต้อง ผมมีที่พักอยู่แล้ว” เย่โม่พูดขึ้นอย่างสบายๆ
“ต้องขอโทษด้วยนะเย่โม่ นี่ฉันทำให้แฟนของนายเข้าใจผิดหรือเปล่า?” หนิงชิงเชวี่ยถามขึ้นด้วยท่าทีอึดอัดใจ อีกทั้งคำถามของเธอยังเพื่อทดสอบด้วยว่าเธอคนนั้นใช่แฟนของเย่โม่จริงๆ หรือเปล่า
เย่โม่โบกมืออย่างเฉยชา เขาไม่ได้อธิบายอะไรให้หนิงชิงเชวี่ยฟัง เขาไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น “เธอพูดว่ามีเรื่องอยากคุยด้วย ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว เธอพูดได้แล้ว”