เล่มที่ 12 บทที่ 4
เล่มที่ 12 บทที่ 4
ด้วยร่องรอยการโจมตีของหุ่นพลกระบี่นั้นทำให้หยางอี้สามารถย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นได้ไม่ยาก อาศัยเวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งเค่อชายหนุ่มก็มาถึงตำหนักหลังใหญ่หลังหนึ่ง มองให้ชัดยังพอคาดเดาได้ว่าควรเป็นตำหนักหลักของสำนักพฤกษาเหล็ก!
“ปราณกระบี่แบบเดียวกันแต่จางลงไปไม่น้อยนับว่าอ่อนที่สุดตั้งแต่ไล่ตามมา ดังนั้นปราณกระบี่ตกค้างอยู่นี่สมควรเป็นกระบี่แรกที่หุ่นพลกระบี่ฟันออกมาไม่ผิดแน่!”
หยางอี้ตรวจสอบพื้นที่ภายในอีกครั้งก่อนจะเดินเข้าไปในตำหนักด้วยความระมัดระวัง ก่อนหน้านี้มีตัวอย่างแล้วแน่นอนว่าเขาย่อมไม่อาจประมาทได้ หุ่นพลกระบี่ตัวนั้นเทียบได้กับเบิกนภาขั้นเจ็ดหรือมีกำลังเท่ากับเซียนกระบี่! คนกลุ่มนั้นจะอย่างไรก็พลังยุทธ์เบิกนภาขั้นกลางจึงพอหลบหนีไปได้
แต่หยางอี้เป็นแค่ผู้ฝึกยุทธ์เบิกนภาขั้นที่หนึ่ง! ต่อให้มีความสามารถพอจะสู้กับเซียนหรือเบิกนภาขั้นปลายได้แต่ก็ต้องใช้ไพ่ตายทั้งหมด เขาย่อมไม่ปรารถนาจะทำเช่นนั้น!
“มรดกราชาที่ว่าดูแล้วคงอยู่ใต้ตำหนักหลังนี้! วางใจเถอะในตำหนักชั้นบนนี้ไม่อันตรายอะไร ที่พวกเขาถูกหุ่นพลกระบี่ไล่ตามเกรงว่าคงเหยียบลงไปชั้นล่างมาแล้วเป็นแน่!”
เสี่ยวอีกล่าวออกมาทำให้หยางอี้คลายใจลงเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปยังโถงลึกของตำหนัก ภายในตำหนักแม้ใหญ่โตแต่ก็เพราะพังทลายลงมาไม่น้อยจึงไร้ความงดงามในอดีต อย่างไรก็ตามสุดขอบด้านในของตำหนักที่เดิมทีเป็นภาพสลักบางอย่างนั้น เวลานี้กลับเปิดออกเป็นประตูลับบานหนึ่ง! แน่นอนว่านี่คือสิ่งที่กลุ่มคนเมื่อครู่นี้ทิ้งเอาไว้
“เหอๆ หากไม่ใช่มีคนพบร่องรอยก็เกรงว่ามรดกของราชาพฤกษานี้คงหลับใหลไปอีกนาน!”
หยางอี้ตรวจสอบด้านนอกประตูลับอีกครั้งก่อนจะลงไปด้านล่างด้วยความระมัดระวัง เสี่ยวอีในฐานะจิตวิญญาณเทพแม้ไม่มีพลังต่อสู้ แต่กลับรอบรู้ทุกสิ่งในแดนซากเทวะแห่งนี้ราวกับสารานุกรมเคลื่อนที่! รูปสลักริมกำแพงทางเดินที่ทอดลงไปด้านล่างนั้นทีแรกหยางอี้ไม่เข้าใจแต่พอเสี่ยวอีอธิบายมาไม่นานก็กระจ่าง!
ราชาพฤกษาเหล็กนั้นเดิมทีแล้วคิดอ่านถึงเรื่องสงครามไว้ก่อนแล้ว จึงได้สร้างชั้นใต้ดินนี้ขึ้นมาอย่างลับๆ ด้วยความภาคภูมิเพียงหนึ่งเดียวก็คือวิชาพฤกษาเหล็กที่คิดค้นขึ้นมาในชีวิต หากจะให้เลือนหายไปนั้นก็น่าเสียดายยิ่ง! ครั้งที่แดนเทวะถูกจู่โจมเพราะไม่คิดทิ้งดินแดนไปอาศัยชีวิตที่เหลือสู้ตายกับศัตรู จึงได้นำมรดกสำคัญมาทิ้งเอาไว้ในห้องลับแห่งนี้!
อย่างไรก็ตามผู้ที่จะเข้ามารับมรดกไปก็ใช่ว่าจะเป็นใครก็ได้! นอกจากมีวาสนาพบเจอแล้วยังต้องมีชะตาต้องกันอีกด้วย! ตามจารึกอักษรนั้นหุ่นพลกระบี่ที่ราชาพฤกษาทิ้งเอาไว้นั้นมีอยู่เก้าตัว แต่ละตัวล้วนมีความแข็งแกร่งในระดับที่ต่างกัน หากมีผู้บุกรุกเข้ามาในห้องลับก็จะถูกหุ่นพลกระบี่ไล่ตามสังหาร! และหุ่นพลกระบี่ที่หยางอี้เห็นนั้นก็ถือเป็นหุ่นพลกระบี่ที่อ่อนแอที่สุด! แน่นอนว่าราชาพฤกษาได้คิดอ่านเอาไว้แล้วไม่ต้องให้มีคนบุกเข้ามาชิงมรดกไป จึงได้ทิ้งหุ่นพลกระบี่ระดับนภาเอาไว้ตัวหนึ่ง!
หยางอี้นั้นแม้จะเข้าทางประตูเดียวกัน แต่กลับไม่ได้ใช้กำลังฝ่าเข้ามา ดังนั้นจึงไม่ถือเป็นผู้บุกรุก ชายหนุ่มเดินตามบันไดลงมายังชั้นล่างสุดก็เจอกับโถงใหญ่อีกห้องหนึ่ง ตรงกำแพงสลักตัวอักษรเอาไว้สองแถวบนล่าง ด้านบนมีคำสั้นๆอยู่สี่คำ!
มรดกพฤกษาเหล็ก!
ดวงตาของหยางอี้ฉายแววตื่นเต้นก่อนไล่สายตาลงมาอ่านข้อความด้านล่าง
‘ตัวข้าเว่ยอู๋ลิ่ว เจ้าสำนักพฤกษาเหล็กสำเร็จเป็นราชาเนรมิตใช้ชีวิตดุจราชา...ตลอดชีวิตหลายหมื่นปีสิ่งที่ข้าภาคภูมิใจที่สุดก็คือวิชาพฤกษาอมตะ! วิชานี้บรรลุขึ้นมาตอนเหยียบย่างเข้าสู่เนรมิตสัมผัสมรรคาฟ้าดินกระจ่างชัดในศาสตร์แห่งไม้! คนรุ่นหลังเอ๋ย...ในเมื่อมีวาสนาต่อกัน ราชาผู้นี้ได้ทิ้งมรดกเอาไว้ด้านหลังกำแพงนี้! ขอเพียงเจ้าผ่านการทดสอบสามด่านก็จะได้รับมรดกภูมิปัญญาของข้า! นอกจากนี้หนึ่งในงานอดิเรกของข้าก็คือการสร้างหุ่นกล หุ่นทั้งเก้าตัวข้าได้ทิ้งเอาไว้คอยเฝ้ารักษาที่แห่งนี้แบ่งออกเป็น เบิกนภาขั้นกลางสามตัว ขั้นสูงสองตัว ปฐพี สูง กลาง ต่ำ อย่างละตัว และนภาขั้นต่ำอีกหนึ่งตัว รวมทั้งหมดเป็นเก้าหุ่นพลกระบี่ผู้พิทักษ์มรดก! หากเจ้าสามารถผ่านด่านทั้งสามรับมรดกของข้าได้ หุ่นทั้งเก้าตัวนี้ล้วนมอบให้กับเจ้า! อย่างไรก็ตามหุ่นพลกระบี่นั้นต้องการแหล่งพลังงานสูง สงครามปะทุข้าผู้เป็นราชาไม่อาจมอบของขวัญให้เจ้ามากนัก ก่อนมรดกจะมีผู้สืบทอดนอกจากหุ่นเบิกนภาทั้งสี่ตัวแล้วตัวอื่นๆล้วนอาศัยจิตวิญญาณที่ข้าทิ้งเอาไว้เป็นพลังงานขับเคลื่อนหุ่นพลกระบี่ ’
หยางอี้สูดหายใจเข้าลึกในทันที!
หุ่นพลกระบี่ระดับนภา! อย่างไรก็ตามน่าเสียดายที่หลังจากรับมรดกแล้วมีเพียงแค่หุ่นเบิกนภาที่ใช้งานได้ หากจะใช้หุ่นที่ระดับสูงกว่านั้นจำเป็นต้องหาแหล่งพลังงานมาใส่! อย่างไรก็ตามหยางอี้จำต้องโยนเรื่องพวกนี้ทิ้งไปก่อน อย่าลืมว่านั่นเป็นผลรางวัลจากการผ่านด่านทดสอบของราชาพฤกษาและตอนนี้เขายังไม่ได้เริ่มทดสอบเลยด้วยซ้ำ!
หยางอี้สูดหายใจเข้าลึกก่อนจะเดินไปยังกำแพงด้านหน้า ฝ่ามือยื่นออกไปทาบกำแพง แต่ความรู้สึกกลับอ่อนยวบไม่เหมือนของแข็ง! แท้จริงแล้วกำแพงนี้ก็คือม่านพลังชนิดหนึ่ง! หยางอี้ไร้ซึ่งความลังเลเดินฝ่าทะลุกำแพงเข้าไปในทันที
ด้านหลังกำแพงนี้คือลานกว้างแห่งหนึ่ง เมื่อหยางอี้เดินเข้ามาถึงก็พบกับชายหนุ่มใบหน้าคมเข้มสวมชุดยาวสีเขียวกำลังยืนอยู่
“ข้าคือร่างเงาที่ราชาพฤกษาเหล็กทิ้งเอาไว้ ในการทดสอบทั้งสามด่านเจ้าจะต้องเอาชนะร่างเงาที่มีระดับปราณเหนือกว่าเจ้า ด่านแรกหนึ่งระดับ ด่านที่สองสองระดับ และด่านที่สามสามระดับ ขีดความสามารถทุกอย่างล้วนเป็นเช่นเดียวกับตอนที่ราชาพฤกษาเหล็กมีพลังในระดับนั้นๆ”
กล่าวจบชายหนุ่มชุดเขียวตรงหน้าหยางอี้ก็ระเบิดพลังปราณออกมาบ่งบอกถึงเบิกนภาขั้นสอง!
“ผู้เยาว์หยางอี้! ผู้อาวุโสโปรดชี้แนะ!”
จบคำของหยางอี้ก็เป็นเหมือนสัญญาณการต่อสู้ อาภรณ์เทพสวรรค์ในมือหยางอี้กลายเป็นดาบเล่มหนึ่งขึ้นมาฟาดฟันไปเบื้องหน้า แม้ดูเหมือนช้าแต่รวดเร็วอย่างยิ่ง!
เคร้ง!
เสียงโลหะปะทะกันดังลั่น อย่างไรก็ตามแม้ว่าร่างกายของหยางอี้รวมถึงปราณต้นกำเนิดจะลึกล้ำเทียบได้กับเบิกนภาขั้นสองแต่กลับต้องถอยหลังไปหลายก้าว! แม้จะไม่ได้ใช้พลังเต็มที่แต่หยางอี้ก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาประลองกำลังแล้วถูกผลักให้ถอยไปเช่นนี้ ทว่าเมื่อนึกย้อนดูให้ดีก็เข้าใจได้ ผู้ฝึกยุทธ์ในดินแดนนี้ไม่อาจเทียบกับบ้านเกิดของเขาได้จริงๆ
ทว่านี่กลับทำให้เขาตื่นเต้น!
อาวุธในมือของหยางอี้เปลี่ยนไปอีกครั้งกลายเป็นหอกสีน้ำเงินแดง ปราณวิญญาณอสูรทั้งสองหมุนวนเป็นเกลียวแทงออกไปด้านหน้า อย่างไรก็ตามชายหนุ่มชุดเขียวกลับเพียงสะบัดกระบี่ในมือเบาๆเกิดเป็นปราณสีเขียวฟันออกมาสายหนึ่ง!
ปัง!
หยางอี้เบิกตากว้างมองดูกระบวนท่าหอกแหลกเป็นชิ้นๆ หนำซ้ำปราณกระบี่สีเขียวของอีกฝ่ายยังไม่สิ้นฝ่าทะลวงมาถึงตรง!
พิฆาตดิน!
หยางอี้คำรามออกมาพร้อมกับควงหอกในมือวาดฟันออกไปราวประกายสายฟ้า เพลงหอกกระบวนท่าแรกเข้าปะทะกับปราณกระบี่เสียงดังกึกก้องก่อนจะสลายหายไปในที่สุด! พริบตานั้นสายตาของหยางอี้มองไปยังชายหนุ่มตรงหน้านั้นเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า!
“เหอๆ ไอ้หนูนี้ช่างไม่รู้เรื่องรู้ราวเสียจริงๆ เจ้าลืมไปแล้วรึว่าที่นี่คือที่ไหน? ดับสูญหลอมรวมสรรพสิ่ง! เนรมิตสัมผัสมรรคา! ในฟ้าดินล้วนเต็มไปด้วยมรรคาหากไม่สัมผัสมันจะบรรลุเทพได้อย่างไร? ในโลกนี้เต็มไปด้วยมรรคามากมาย ไล่ลงมาจากเนรมิตระดับจักรพรรดิถึงสัมผัสมหามรรคาได้ ราชันสัมผัสมรรคาใหญ่ ราชาสัมผัสมรรคาเล็ก! ต่ำกว่ามรรคคาก็คือความลี้ลับของฟ้าดิน แบ่งออกเป็นสูง กลาง ต่ำ นภาสัมผัสความลี้ลับขั้นสูง ปฐพีสัมผัสความลี้ลับขั้นกลาง เบิกนภาสัมผัสความลี้ลับขั้นต่ำ! ในโลกนี้เจ้าก็เหมือนผู้ฝึกยุทธ์ล่อนจ้อน การโจมตีไม่ต่างอะไรไปจากนักรบธรรมดาๆ แต่ผู้ฝึกยุทธ์ที่นี้ล้วนสัมผัสถึงความลี้ลับฟ้าดิน! เทียบกับเจ้าที่เหมือนคนล่อนจ้อนแล้ว ผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นๆก็เหมือนนักรบสวมชุดเกราะ! จะอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นถึงร่างเงาของราชาคนหนึ่งเชียวนะ! แม้จะเป็นเบิกนภาขั้นสองแต่ก็บรรลุความลี้ลับขั้นต่ำถึงระดับสามแล้ว! เจ้าจะมัวเก็บงำฝีมือไปทำไม? มีแต่ต้องใช้กำลังที่เหนือกว่าถึงจะล้มอีกฝ่ายได้! เวลามีไม่มากเจ้ามีความสามารถเท่าไหร่ก็ใช้ออกมาเสียให้หมด!”
เสี่ยวอีร่ายยาวออกมาทำให้หยางอี้เข้าใจอยู่บางส่วน น่าเสียดายเวลามีไม่มากหยางอี้ไม่อาจซึมซับข้อมูลนี้ แต่ที่แน่ๆคือเทียบกับผู้ฝึกยุทธ์ในดินแดนนี้แล้วเขายังอ่อนแอมาก! ไม่ต้องกล่าวถึงว่าเบื้องหน้าคือร่างเงาของราชาคนหนึ่ง! คนที่เป็นราชาเนรมิตได้ไยไม่ใช่อัจฉริยะ!?
หอกจักรภพปรากฏในมือของหยางอี้แทนอาภรณ์เทพสวรรค์ พริบตานั้นดวงตาของหยางอี้เจิดจ้าทั่วร่างอาบย้อมไปด้วยประกายสายฟ้า เทียบกันแล้วหอกจักรภพก็เทียบได้กับศาสตราวุธระดับทองขั้นสูงของดินแดนนี้เท่านั้น ไม่ต้องเดาก็รู้ว่ากระบี่ในมืออีกฝ่ายก็ไม่ด้อยไปกว่าหอกจักรภพเช่นกัน!
วูชช
ครั้งนี้หยางอี้ไม่ออมใช้กระบวนท่าปลิดชีพทัณฑ์หอกพิฆาตเซียนออกมาทันที! นี่เป็นกระบวนท่าที่รุนแรงอันดับต้นๆของหยางอี้แล้ว หากครั้งนี้ยังไม่ได้ผลถึงกับต้องใช้พิฆาตเทพกระบวนท่าที่สี่ล้มร่างเงาเช่นนั้น หยางอี้ก็เลิกฝันที่จะผ่านการทดสอบไปได้เลย!
อีกฝ่ายเองก็ไม่น้อยหน้า กระบี่ในมือเจิดจ้าไปด้วยแสงสีเขียว พริบตาฟันออกมาหนึ่งกระบี่กำเนิดไม้ หนึ่งกระบี่กำเนิดชีวิต!
พึบ พึบ พึบ
ปราณกระบี่ก่อเกิดเป็นพฤกษาดูแม้อ่อนแอ แต่กลับแหลมคมอย่างถึงที่สุด! อย่างไรก็ตามพิฆาตเซียนกระบวนท่าที่สามของหยางอี้ แม้ไม่แฝงความลี้ลับใดๆเอาไว้ แต่กลับมีพลังทำลายอย่างถึงที่สุด! พริบตาที่หอกสายฟ้าและกระบี่พฤกษาเข้าปะทะกัน สายฟ้าของหยางอี้ก็กลืนกินปราณกระบี่จนหมดสิ้นดับทำลายร่างเงาได้สำเร็จ!
หยางอี้สูดหายใจเข้าลึกมองไปยังพื้นที่ว่างเปล่าที่ร่างเงายืนอยู่ด้วยหัวใจเย็นเยียบ! แม้ว่าหนึ่งกระบวนท่าจะสามารถเอาชนะร่างเงาของราชาพฤกษาเหล็กลงได้ แต่เมื่อครู่นี้หยางอี้กลับสัมผัสได้ว่าชั่วที่ปราณกระบี่ถูกทำลายนั้นกลับมิได้หายสิ้นไปเสียทีเดียว! ในจังหวะแรกที่หอกสายฟ้าทำลายเหล่าพฤกษาไปนั้นกลับมีการก่อเกิดขึ้นมาช่วงหนึ่ง เพียงแต่ว่าความรุนแรงของพิฆาตเซียนนั้นมีมากเกินไปจึงทำลายสิ้นไปในที่สุด!
จินตนาการได้เลยว่าหากการโจมตีของเขาไม่รุนแรงพอปราณกระบี่สายนั้นที่ก่อเกิดเป็นพฤกษาไม่ว่าทำลายไปเท่าไหร่ก็จะกำเนิดขึ้นใหม่จนกระทั่งมาถึงตัวเขา! วิชากระบี่นี้น่ากลัวเกินไปแล้ว!
“ความลี้ลับแห่งไม้คุณสมบัติก็คือการฟื้นฟู แม้จะเป็นเพียงความลี้ลับขั้นต่ำแต่ก็ในระดับชั้นเบิกนภา สามารถเข้าใจได้ถึงขั้นสามขั้นห้าก็นับว่าน่ากลัวแล้ว! ว่ากันว่ามหามรรคาแห่งไม้นั้นมีอิทธิฤทธิ์ฟื้นฟูน่าอัศจรรย์ยิ่ง! ขอเพียงวิญญาณไม่แตกดับแม้โดนทำลายร่างกายก็ฟื้นฟูได้ราวกับเป็นอมตะ! ด่านที่หนึ่งร่างเงาก็เข้าใจความลี้ลับขั้นสามแล้ว ด่านที่สองและสามจะต้องเป็นขั้นสี่ขั้นห้าแน่นอน หรือแม้กระทั่งอาจไปถึงขั้นเจ็ด! ผู้เข้าถึงความลี้ลับที่มีคุณสมบัติฟื้นฟูเช่นนี้จุดอ่อนจุดแข็งล้วนขึ้นอยู่กับเวลา มีแต่ต้องดับทำลายให้ได้อย่างรวดเร็วจึงจะประสบผล หากยืดเยื้อกินเวลาให้อีกฝ่ายฟื้นฟูไม่จบสิ้นเช่นนั้นก็ลำบากแล้ว!”
เสี่ยวอีกลายเตือนหยางอี้ออกมาประโยคหนึ่งทำให้หยางอี้เข้าใจถึงกฎบางอย่างของดินแดนแห่งนี้ ชายหนุ่มพยักหน้ารับฟังก่อนจะมองไปยังร่างเงาของชายหนุ่มคนเดิมทีปรากฏขึ้นมาใหม่ และก็เป็นอย่างที่เสี่ยวอีว่าไว้ ระดับปราณของร่างเงาตรงหน้าคือเบิกนภาขั้นสามอีกทั้งพลังพิศวงที่เรียกความลี้ลับรอบกายยังน่ากลัวกว่าเมื่อครู่นี้ระดับหนึ่ง!