Chapter 4 : The sky clinic คลินิกแห่งนภา
Chapter 4 : The sky clinic คลินิกแห่งนภา
หนิงเถาย่างเท้าผ่านใต้ทางเดินที่มีลักษณะโค้งของถนนการ์เด้น ไปสู่ถนนอันเงียบสงัด
ถนนปูด้วยหินแผ่นสีฟ้า มีร่องรอยการเดินของคน ล่อ และม้า กระเบื้องแต่ละชิ้นเหมือนบอกเล่าประวัติศาสตร์ของถนนสายนี้ได้เป็นอย่างดี
คลินิกแห่งนภาตั้งอยู่ปลายสุดของถนนการ์เด้น เมื่อมองจากตรงนี้จะเห็นเป็นเหมือนบ้านชั้นเดียว ถูกปูด้วยแผ่นกระเบื้องสีฟ้าคราม ส่วนผนังที่เป็นหินถูกคลุมด้วยเถาไอวี่และมอสจำนวนมาก
บ้านหลังนี้ไม่มีส่วนหน้าของบ้าน มีเพียงประตูไม้ที่ประกอบอยู่กับผนังที่เป็นหิน ส่วนภาพที่อยู่บนประตูก็เกือบเลือนหายไปแล้ว แต่ยังโชคดีที่มีป้ายแขวนอยู่ “คลินิกแห่งนภา” อยู่ตรงขื่อของประตู หนิงเถาคิดในใจว่าบางทีนี่อาจเป็นบ้านของชาวเขาที่ยากจนก็เป็นได้
“นี่มันคือคลินิกจริงๆหรอเนี่ย?” หนิงเถาสงสัย
หนิงเถาลองชำเลืองมอง จากที่เขาเดินผ่านจนมาหยุดที่คลินิกแห่งนี้ ถนนทั้งสายวางเปล่า ถ้ามองแค่ภาพลักษณ์ภายนอกกับตำแหน่งที่ตั้งของคลินิกดูผิดฮวงจุ้ยสุดๆ น่าจะล่มตั้งแต่ยังไม่ได้เปิดคลินิกด้วยซ้ำ
“เฮ้อ..ไหนๆก็มาถึงที่นี่ละ ลองเข้าไปดูหน่อยละกันว่ามีอะไร” หนิงเถาปลอบใจตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็หยิบกุญแจที่ได้มาจากเชินพิงดาวสอดเข้าไปในล็อคและเปิดประตูออก
ข้างหลังประตู หนิงเถาพบห้องที่เต็มไปด้วยฝุ่นเหมือนมีหมอกจำนวนมาก เขาเห็นโคมไฟรูปดาวเจ็ดแฉกแต่แสงไฟเท่านี้ก็ไม่พอที่จะทำให้หนิงเถามองเห็นภายในห้องชัดเจนขึ้นเลย
หนิงเถาหายใจเข้าลึกๆแล้วเดินเข้าไปในห้อง
หลังจากที่เขาเดินผ่านเข้าไปแล้ว ประตูของคลินิกแห่งนี้ค่อยๆ ปิดลงอัตโนมัติโดยที่หนิงเถาไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย
นี่มันห้องเก่าๆ ขนาดประมาณ 30 x 40 เมตร ไม่มีหน้าต่าง โต๊ะ เก้าอี้ ขั้นวางหนังสือ ภาชนะทุกประเภท โต๊ะสามขา กาน้ำเซรามิก และของต่างๆ ที่มีขนาดต่างกัน ทุกอย่างวางรวมกันอยู่ในห้องอย่างไม่เป็นระเบียบ
ต้นเหตุของควันในห้องนั้นมากจากที่ตั้งกระทางสามขาที่ทำจากทองแดงขนาดใหญ่ ซึ่งสูงเกือบครึ่งหนึ่งของส่วนสูงผู้ใหญ่ และข้างๆประตูพบใบหน้าของมนุษย์ซึ่งหลับตาอยู่ ไม่มีการแสดงออกของใบหน้าแต่อย่างใด ซึ่งดูแปลกกว่าธรรมชาติอย่างบอกไม่ถูก
หนิงเถาชะโงกตัวเข้าไปดูในโต๊ะสามขาและจ้องเขม็งว่ามีอะไรในนั้นหรือไม่ แต่เขาก็ไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลยเนื่องจากมีควันเต็มไปหมด
เขาล้มเลิกที่จะศึกษาโต๊ะสามขาตัวนั้น จึงเดินต่อไปข้างหน้า ขณะที่เดินอยู่นั้น เขาเห็นประตูอยู่ตรงผนังด้านซ้ายของห้อง เหนือประตูขึ้นไปมีสัญญาลักษณ์ที่ทำจากไม้และมีจารึกว่า “ห้องเก็บศิลปะแบบดั้งเดิมและแบบเวทย์มนต์” ต่อมาเข้าจึงหันมาทางด้านขวาของกำแพง เขาเห็นประตูเช่นกัน ซึ่งเหนือประตูก็มีคำบางคำจารึกอยู่แต่ก็ยากที่จะอ่าน เนื่องจากควันในห้องที่มากมายเหลือเกิน
หนิงเถาจึงก้าวไปทางขวาประมาณ 3-4 ก้าว และโบกมือให้ควันนั้นจางหายไป วลีที่อยู่บนประตูทำให้หนิงเถานิ่งไปชั่วขณะ
ผนังด้านขวาตรงขื่อประตูแขวนป้ายที่จารึกไว้ว่า “ห้องยาอายุวัฒนะและอุปกรณ์ต่างๆ” และยิ่งไปกว่านั้น ตรงกำแพงถูกเขียนไว้ด้วยตัวหนังสือสีแดงซึ่งมีสีคล้ายเลือด
ตรงผนังถูกเขียนว่า
“ฉันทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว!!”
“ฉันกำลังจะบ้าตาย!!!”
“ฉันอยากเป็นอิสระเสียที....ให้อิสรภาพแก่ฉัน..หรือจะให้ความตายแก่ฉัน”
“ฉันไม่สามารถเดินต่อไปได้ถ้ายังเป็นแบบนี้อยู่!”
“ฉันคิดออกแล้ว...อะฮ่า”
“เชินพิงดาว...โอ้...เชินพิงดาว เจ้าต้องหาตัวตายตัวแทนมาแทนที่เจ้า”
หลังจากที่เขาอ่านข้อความนี้เสร็จ หนิงเถาจำได้ขึ้นมาทันทีว่า คำพูดที่เขาได้ยินย่างคลุมเครือเมื่อเขาอยู่ในอาการโคม่าเมื่อคืนนั้นคือ...... “ท้ายที่สุดฉันก็เป็นอิสระแล้ว.....มีความยุติธรรมอยู่บนโลกนี้จริงๆ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ”
หนิงเถารู้สึกตกใจขึ้นมาทันที “นี่ฉันเป็นคนที่ถูกต้มคนนั้นหรอเนี่ย?? ฉันเนี่ยนะ?”
เมื่อนึกได้ดังนั้นแล้วเขาจึงเปิดหนังสือสัญญาโอนย้ายของเชินพิงดาวขึ้นมา ไม่มีอะไรผิดปกติ ลายเซ็นของเขาก็ยังอยู่ชัดเจน
หนังสือสัญญานี้ไม่ได้มีกับดัก
ณ ตอนนั้นเอง หน้าของมนุษย์ที่อยู่บนโต๊ะทองแดงสามขาลืมตาขึ้นมา ควันที่อยู่ในห้องทั้งหมดก็กลับเข้าไปอยู่ในโต๊ะสามขาตัวนั้นเหมือนถูกกลืนเข้าไป
ตอนนั้นเองที่หนังสือสัญญาเริ่มสั่นและมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้น
หน้ากระดาษสีขาวเปลี่ยนเป็นกระดาษเก่าๆสีเหลือง
เมื่อสายตาของหนิงเถาเลื่อนลงมาดูที่หนังสือสัญญา ตัวเขาเองรู้สึกขนลุกขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นตัวอักษรค่อยๆหายไปช้าๆและเนื้อหาบางอย่างโผล่ขึ้นมาแทน
“ข้อตกลงของการครอบครองคลินิกแห่งนภา: ยินดีกับท่านด้วยที่ได้กลายมาเป็นเจ้าของของคลินิกแห่งนภา ค่าเช่ารายเดือนของคลินิกคือ 200 แต้มของการตั้งใจทำความดีและเจตนาแห่งความชั่วร้าย การค้างชำระจะถูกชดเชยด้วยอายุขัยของท่าน อายุขัยหนึ่งปีมีค่าเท่ากับหนึ่งแต้ม สัญญาฉบับนี้ผูกไว้กับจิตวิญญาณของท่านจนกระทั่งความตายพรากทั้งกายและจิตวิญญาณของท่านไป”
ลายเซ็นของหนิงเถาปรากฏอยู่มุมล่างขวาของหนังสือสัญญาเช่า
หนิงเถาเข้าใจทันทีว่าเชินพิงดาวหลอกลวงเขา
“ถ้าฉันจ่ายค่าเช่าไม่พอ ฉันจะต้องจ่ายมันด้วยอายุขัยของฉัน อายุขัยหนึ่งปีเท่ากับหนึ่งแต้ม..... ถ้าไม่ได้เปิดคลินิกเป็นเดือน ค่าเช่าเท่าไหร่กันที่อายุขัยของฉันจะต้องจ่าย?????!!!! ใครจะเอาก็เอาไปเถอะ ฉันไม่เอาด้วยหรอก!!!” หนิงเถาเริ่มฉุนขึ้นเรื่อยๆ ขึ้นเรื่อยๆ เขาคว้าหนังสือสัญญามาและฉีกมันออก
แคว้กกก!
หนังสือสัญญาขาดออกเป็นสองชิ้น และหล่นลงสู่พื้น
ตอนนั้นเองที่ร่างกายของหนิงเถาคล้ายจะขาดออกเป็นสองชิ้นเช่นกัน เลือดของเขากระเด็นลงสู่พื้น ความรู้สึกที่มากกว่าความปวดร้าวแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ทุกโสตประสาทของเขารับรู้ถึงมัน เขาไม่สามารถบังคับตัวเขาเองได้จนกระทั่งร่างของเขาล่วงลงบนพื้น
หนังสือสัญญาที่ขาดออกจากกันเป็นสองชิ้น ประกบกันกลางอากาศและรวมกันเป็นหนึ่ง มันร่วงลงมาสู่มือข้างขวาของหนิงเถาโดยปราศจากรอยขาดใดๆทั้งสิ้น
ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นของหนิงเถาหายไปในพริบตา มันเกิดขึ้นและดับลงเร็วมาก ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติดังเดิม
หนิงเถาลุกขึ้นจากพื้น สิ่งแปลกๆพึ่งเกิดขึ้น สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าเขาไร้ซึ่งทางเลือกใดๆ เขาจำเป็นต้องเปิดคลินิกเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าเช่า
แล้วไอ้ความตั้งใจทำคุณงามความดีนี่มันคืออะไร???
แล้วไหนจะบาปแห่งเจตนารมย์ชั่วร้ายนี่อีก???
หนิงเถาเกิดสงสัยขึ้นมา สายตาของเขามองหาคำตอบไปรอบๆ ไม่นานนักเขาเห็นขวดกระเบื้องลายครามเล็กๆวางอยู่บนโต๊ะและมีกระดาษแนบไว้ข้างขวด
หนิงเถาเดินไปที่โต๊ะ
ก่อนที่เขาจะพินิจพิจารณาของที่อยู่ในขวดกระเบื้องลายครามนั้น บนขวดเขียนด้วยลายมือว่า “ยาอายุวัฒนะปฐมภูมิ” เขาเห็นข้อความที่ถูกพิมพ์ไว้บนกระดาษข้างๆขวด
กระดาษแผ่นนี้ถูกทิ้งไว้เพื่อหนิงเถาจากเชินพิงดาว มีใจความว่า “ฉันขอโทษนะ พ่อหนุ่ม ฉันจำเป็นต้องทำแบบนี้ ฉันเป็นผู้เพาะปลูก ชื่อในเต๋าของฉันคือ สุนัขล่าเนื้อจากสรวงสวรรค์ของเต๋า ฉันติดอยู่ที่นี่เป็นเวลามากกว่า 2,000 ปีแล้ว”
“พ่อหนุ่มก็เหมือนกันฉัน มีทั้งรากเหง้าจิตวิญญาณที่ดีและเลว และมันคือความสมดุลที่สมบูรณ์แบบ”
“พ่อหนุ่มไม่จำเป็นต้องเดาไป ฉันมั่นใจว่าเธอเห็นออร่าภายในตัวของเธอแล้ว คนอื่นๆมีออร่าสีสัน แต่ของเธอกลับเป็นเพียงสีขาวและดำ”
“ตัวฉันเองไม่รู้ประวัติคลินิกนี้แน่ชัดนัก แต่มันถูกเรียกว่าคลินิกมาช้านาน โดยไม่สามารถสืบเสาะหาเรื่องราวในอดีตได้เลย ฉันมันโง่เองที่มาเป็นเจ้าของที่นี้ มันจะคิดราคาเธอด้วยค่าของความดีและความชั่วต่อเดือนเป็นค่าเช่า และถ้าหากคุณละเมิดมัน ชีวิตของคุณจะเป็นเครื่องชดเชยแฟน ฉันมักจะไม่สามารถหาค่าเช่ามาได้เพียงพอ นั่นจึงทำให้ชีวิตของฉันเองสั้นลงเรื่อยๆ ฉันไม่คิดว่าฉันจะสามารถมีชีวิตได้โดยปราศจากเธอ”
“สิ่งที่เรียกว่า ค่าของความดีและความชั่ว คือ ความตั้งใจทำคุณงามความดี และบาปแห่งเจตนารมย์ชั่วร้าย”
“ความตั้งใจทำคุณงามความดี คือ กุศลธรรมที่ผู้คนปิดบังความคิดที่ดี ที่จะทำบางอย่างที่ดี ส่วนบาปแห่งเจตนารมย์ชั่วร้ายคือ อกุศลกรรมที่ผู้คนปิดบังความคิดชั่วร้าย ที่จะทำบางอย่างที่เลวร้าย เธอต้องหาของตอบแทนของเรื่องดีและไม่ดีจากมนุษย์”
“คัมภีร์ที่บันทึกซึ่งทำจากไม้ไผ่ที่วางอยู่บนชั้นหนังสือคือ คัมภีร์บัญชีของคลินิก ซึ่งสามารถคำนวณค่าความดีและความเลวของผู้คนได้ ส่วนโต๊ะสามขาที่วางอยู่ตรงกลางห้องนั้นคือ ที่ค้ำแห่งความดีและความเลว ในขณะที่เธอเขียนสัญญาใบสั่งยาและให้ใครก็ตามเซ็น ที่ค้ำตัวนี้จะสกัดค่าความดีและความเลวของคนคนนั้นออกมาโดยอัตโนมัติ”
“ดังนั้น เธอต้องทำสัญญาเหล่านี้ภายในคลินิก กุญแจที่นี่ทำมาจากเหล็กและไม่มีอะไรในโลกที่สามารถทำลายมันได้ เธอจำเป็นต้องถือมันไว้ใกล้ตัวตลอดเวลา ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหนบนโลกใบนี้ เธอเพียงแค่วาดรูปแม่กุญแจด้วยเลือดของเธอบนกำแพงหรือบนประตู และใช้กุญแจดอกนี้ปลดล็อค เพียงเท่านี้เธอก็สามารถกลับมาคลินิกแห่งนี้ได้แล้ว”
“ขวดกระเบื้องลายครามบรรจุ ยาอายุวัฒนะปฐมภูมิห้าเม็ดสุดท้ายของฉันเอาไว้ มันถูกใช้ในการรวมสัญญาใบสั่งยา สามารถใช้ในการรักษาทุกอย่าง แต่ส่วนใหญ่ก็ใช้รักษาโรคร้ายแรง
ที่พบในคนปกติ นี่เป็นของขวัญสำหรับเธอ ตรงลิ้นชักบรรจุสูตรและวิธีการสกัดยาตัวนี้เอาไว้ เธอสามารถทำมันได้ด้วยตัวเองเมื่อเธอเชี่ยวชาญเวทย์มนต์ของอายุวัฒนะเพียงพอ”
“มีประตูอยู่สองบานในห้อง ประตูแรกคือ ห้องเก็บศิลปะแบบดั้งเดิมและแบบเวทย์มนต์ ส่วนอีกบานคือ ห้องยาอายุวัฒนะและอุปกรณ์ต่างๆ ฉันไม่เคยเข้าไปในนั้นเลยสักครั้ง ดังนั้นจึงไม่รู้ว่ามีอะไรในนั้นบ้าง”
“สุดท้ายนี้ อย่าได้คิดว่าค่าความดีและความเลวหาได้มาง่ายๆ คนที่ไม่ได้ดีมากและไม่ได้เลวมากมีค่าความดีและความเลวเพียงน้อยนิด ขอให้บอกเธอไว้ตรงนี้นะ พวกเรามักพูดว่า การช่วยชีวิตหนึ่งชีวิตดีกว่าการสร้างเจดีย์เจ็ดชั้นถวายแด่พระเจ้า ดังนั้นแล้วมันควรจะได้ค่าความดีมากถ้าเราช่วยใครสักคนไว้ใช่มั้ยละ? แต่ความเป็นจริงแล้ว การช่วยชีวิตหนึ่งคนมีค่าเพียง เจ็ดแต้มเท่านั้น เรื่องนี้สำคัญมากสำหรับเธอ จงจำไว้ให้ดี”
ท้ายสุดมีลายเซ็นอยู่ด้านล่างกำกับว่า “ด้วยความละอายใจ เชินพิงดาว เราคงไม่เจอกันอีก”
“ฉันไม่เชื่อแกหรอก....ละอายใจกับตัวเองเธอเชินพิงดาว!!!!!”
เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก หนิงเถาใจเย็นขึ้นมานิดนึง เขาเปิดลิ้นชักออกมาและเห็นสูตรการสกัดยาอายุวัฒนะปฐมภูมิที่เชินพิงดาวอิ้งไว้ เขาอ่านผ่านๆ พบว่าเขาไม่สามารถจับต้นชนปลายอะไรได้เลยแม้แต่น้อย เขาเปิดขวดลายครามและเทยาออกมาดู เขาพบยาเม็ดเล็กๆสีทองแดงจำนวน 5 เม็ด ซึ่งดูเหมือนเหล็กมากกว่ายาอายุวัฒนะเสียอีก
หนิงเถานำยากลับเข้าไปที่เดิม เขาเก็บขวดลายครามกลับเข้าไปในลิ้นชัก และค่อยๆปิดลิ้นชักอย่างระมัดระวัง เพราะสำหรับหนิงเถาแล้วขวดยาขวดนี้เป็นชีวิตพิเศษอันมีค่าของเขานั่นเอง
หนิงเถาหันไปมองโต๊ะสามขาทองแดงที่อยู่ข้างๆโต๊ะทำงาน พบว่าในหน้านั้นยังคงจ้องมองมาที่เขาเช่นเดิม
ไม่มีอะไรอยู่ใน ที่ค้ำแห่งความดีและความเลวเลย ยกเว้นเส้นสายแปลกๆซึ่งดูเหมือนแม่น้ำบนโลกที่นับไม่ถ้วน สลับไปมาอยู่ตรงก้น
หนิงเถาจึงเดินไปดูที่ชั้นหนังสือซึ่งมีคัมภีร์ไม้ไผ่วางอยู่ เขาหยิบมันขึ้นมา พบว่ามันค่อนข้างหนัก และให้ความรู้สึกสยองขวัญชอบกล แน่นอนว่าคัวมภีร์เล่มนี้ไม่ได้ทำจากไม้ไผ่ธรรมดา
เขาคลี่คัมภีร์ออกมา และพบเนื้อหาในนั้น “รายการสิ่งของในคลิกนิกแห่งนภา ความตั้งใจทำคุณงามความดี: ศูนย์ บาปแห่งเจตนารมย์ชั่วร้าย: ศูนย์ เวลาคงเหลือในการจ่ายค่าเช่า: 29 วัน 12 ชั่วโมง”
29 วัน 12 ชั่วโมง !!!!!! มันกำลังจับเวลาของเขาแล้ว!!!
เชินพิงดาวเป็นผู้เพาะปลูกซึ่งมีชีวิตมายาวนาน แต่เขาก็เกือบเป็นบ้าและพยายามที่จะหนี สถานะการณ์ของหนิงเถายิ่งแย่กว่า เขาเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาคนนึง ซึ่งมีชีวิตอยู่ไม่กี่สิบปี ค่าเช่าแต่ละเดือนสามารถพรากชีวิตเขาไปได้เลย
หนิงเถาเก็บคีมภีร์ไว้ที่เดิม “เมื่อฉันไม่สามารถกำจัดมันออกไปได้ ฉันก็จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ของฉันที่นี่แหละ!!! เชินพิงดาว คุณขับเคลื่อนคลินิกแห่งนี้ไม่ได้ แต่ฉันทำได้!!!”
โปรดติดตามต่อตอนที่ 5