Chapter 1 The student of a poor family
Chapter 1 The student of a poor family
ผู้แปล C
หลังพระอาทิตย์อัสดง ในเมืองชานซิตี้ได้ถูกปกคลุมด้วยความมืดมิดขนาดใหญ่
ดวงดาวบนท้องฟ้าช่างดูเล็กเหมือนดังเช่นฝุ่นผงธุลี
ภูเขาสูงตั้งตระหง่านถูกแสงยามอาทิตย์อัสดงตกกระทบ เรืองแสงคล้ายสายรุ้ง
มันช่างเป็นฉากที่งดงามเสียนี่กระไร
ณ ป้อมยามที่18
หนิงเถาเหน็บจดหมายตอบรับไว้ในกระเป๋ากางเกงของเขาและเดินออกมาทางป้อมยาม
ด้านหลังของเขาเป็นตึกเรียนที่สวยงามและ
ด้านหน้าของเขาเป็นถนนหน้าทางเข้าโรงเรียน
“พ่อครับ แม่ครับ ผมจะไม่ทําให้พ่อกับแม่ผิดหวัง
ผมจะไปมหาวิทยาลัยทางการแพทย์ซึ่งเป็นโรงพยาบาลในเครือของชานซิตี้พรุ่งนี้
และเริ่มฝึกงานที่นั่นครับ” หนิงเถาพึมพํากับตัวเอง
เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ราวกับว่าข้างบนนั้น เขาได้เห็นหน้าพ่อแม่ซึ่ง
พวกเขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อสี่ปีก่อนอีกครั้ง
ขณะนั่นเองรถยนต์BMW 745Li ขับมาจอดช้าๆหน้าประตูโรงเรียน
เมื่อไฟส่องที่ป้ายทะเบียนรถ หนิงเถาจําได้ทันทีว่านี่เป็นรถของหยางไฮ
หยางไฮเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนของเขา ซึ่งวันๆไม่ทําอะไร
พึ่งพาแต่ครอบครัวที่ร่ํารวยของเขาไปวันๆ
หนิงเถาเพียงแค่ชายตามองที่รถก่อนที่จะมองไปยังตึกเรียน
อย่างไรก็ตาม รถBMW 745Li ขับมาหยุดข้างๆหนิงเถา หน้าต่างรถเลื่อนเปิดลง
หยางไฮในทรงโมฮอกนั่นเอง เขามองมายังหนิงเถอด้วยรอยยิ้ม “ไง หนิงเถา
เราเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนเก่ากันไง ทําไมไม่ทักทายตอนเจอกันหน่อยละ?”
เขาถามหนิงเถา
หนิงเถาเพีย
แค่ยิ้มอ่อนที่มุมปากและตอบกลับหยางไฮไปว่า “ไง หยางไฮ
กําลังจะออกไปเที่ยวข้างนอกหรอ?”
ขณะนั้นเองผู้หญิงที่นั่งข้างหยางไฮ
หันมาซบที่อกของหยางไฮและพูดกับเขาด้วยเสียงนุ่มนวลว่า “ไฮ ทําไมต้องไปทักทาย
รปภ.ด้วยอ่ะ? ไปกันเถอะ”
“เขาไม่ใช่รปภ. แต่เขาเป็นนักเรียนที่ยอดเยี่ยมคนนึงในชั้นเรียนของผมเลยละ
แต่ตั้งแต่ที่พ่อแม่เขาตายจากอุบัติเหตุรถยนต์
โรงเรียนก็เลยให้เขาทํางานเพื่อหาเลี้ยงตัวเองเล็กๆน้อยๆละ”
หยางไฮอธิบายด้วยน้ําเสียงแปลกๆ “ฉันพูดถูกมั้ยหนิงเถา?”
หนิงเถาไม่ได้พูดอะไรออกมาภายนอกเขาดูเหมือนนิ่งสงบ แต่ลึกเข้าไปในใจ
เขายังคงมีบาดแผลที่เหมือนรอยแผลเป็นจากเหตุการณ์นั้นอยู่เสมอ
แต่หลังจากสี่ปีที่เขาใช้ชีวิตคนเดียวโดยปราศจากพ่อและแม่
เขาจึงเรียนรู้ที่จะเก็บงําอารมณ์ความรู้สึกของเขาไว้ให้อยู่เพียงในใจเขาเท่านั้น
ผู้หญิงคนนั้นชําเลืองมองมาที่หนิงเถาแวบนึงและหันไปพูดกันหยางไฮว่า
“ฉันหิวมากเลยอ่ะไฮเมื่อไหร่เราจะไปทานข้าวกันสักที?”
ความเป็นจริงแล้วหนิงเถารู้จักผู้หญิงคนนี้เธอคือถังหลิง
ลูกสาวของผู้อํานวยการของสํานักงานด้านการเรียนการสอน
ซึ่งเธอทํางานอยู่ฝ่ายธุรการของมหาวิทยาลัยทางการแพทย์ซึ่งเป็นโรงพยาบาลในเครือขอ
งชานซิตี้
ปี๊ด! ปี๊ด!
เสียงแตรจากรถด้านหลังของหยางไฮดังขึ้น
แต่ถึงอย่างนั้น หยางไฮก็ยังไม่สะทกสะท้านและยังคงพูดติดตลกกับหนิงเถาต่อว่า
“หนิงเถา ทําพิธีสดุดีทหารให้ฉันหน่อยสิฉันอยากรู้สึกเหมือนตัวเองกําลังไปสนามรบ”
รอยยิ้มปรากฎบนใบหน้าของหนิงเถา
“คุณต้องเป็นผู้ชํานาญการด้านพลปืนใหญ่ที่น่าอัศจรรย์เป็นแน่โดยคุณจะยิงโดนเป้าหมาย
ทุกครั้งอย่างแน่นอน” หนิงเถายกยอหยางไฮ
หยางไฮพอใจกับคําพูดนั้นเป็นอย่างมากจึงหัวเราะออกมาอย่างดัง
หนิงเถาชะโงกหน้าเข้าไปในรถและกระซิบบอกหยางไฮว่า “ฉันรู้จักร้านอาหารญี่ปุ่นดีๆ
ที่อยู่แถวถนนลิเบอร์เรตติ้ง ดูมีคลาสมากๆ แฟนของคุณจะต้องชอบมัน”
รอยยิ้มเขินอายจองถังหลิงผุดขึ้นบนใบหน้าของเธอในขณะที่เธอได้ยินคําว่า
“แฟนของคุณ”
หนิงเถาชะโงกหน้าไปที่กระซิบข้างหูหยางไฮอีกครั้งและพูดด้วยเสียงเล็กเสียงน้อยว่า “
มีโรงแรมอยู่ถัดจากร้านอาหารญี่ปุ่นด้วยนะ ที่นั้นเต็มไปด้วยของที่น่าสนใจ
คุณจะได้รู้แก่นแท้ของวัฒนธรรมญี่ปุ่นเลยละ”
“จริงหรอ?” ตาของหยางไฮเป็นประกายขึ้นมา
“จริงสิ.....ใครโกหกคุณขอให้เป็นหมาเลย”
หนิงเถาพูดพร้อมยืนตรงและวันทยาหัตถ์ให้แก่หยางไฮ
หยางไฮยิ้มและพูดว่า “นายนี่เป็นเพื่อนที่ยอดเยี่ยมสําหรับฉันจริงๆ ไว้เจอกัน”
BMW 745Li เร่งความเร็วออกประตูโรงเรียนไป
หลังจากนั้น หนิงเถาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกดเบอร์
ไม่กี่วินาทีต่อมา เสียงผู้ชายดังขึ้นจากโทรศัพท์“สวัสดีครับ
ไม่ทราบว่านี่ใครโทรมาครับ?”
“ผอ.ถังครับ ผมเห็นผู้ชายคนนึงออกจากโรงเรียนไปกับลูกสาวคุณ
ผู้ชายคนนั้นเป็นไม่ได้เรื่องเลยครับ ผมได้ยินมาว่า
เขาเคยทําเด็กผู้หญิงคนนึงท้องต่อมาจึงพาเด็กคนนั้นไปทําแท้งครับ
ตอนนี้เขาจะพาลูกสาวคุณไปร้านอาหารญี่ปุ่น ซึ่งใกล้ๆนั้นมีโรงแรมเลิฟตั้งอยู่
ผมแนะนําว่าคุณนํานักเรียนที่เก่งด้านกีฬาสักคนที่ที่อยู่ตามนี้นะครับ...78
ถนนลิเบอร์เรตติ้ง ส่วนผมเป็นใครงั้นหรอครับ?
ผมเป็นนักเรียนธรรมดาคนนึงของคุณนั้นแหละผมคือ.......ช่างมันเถอะครับ
อย่าถามว่าผมเป็นใครเอาเป็นว่า ทําตามที่ผมบอกนะครับ” เขาพูดด้วยน้ําเสียงเข้มครึม
และวางสายโทรศัพท์ไป
“ฉันคือเหลยเฟิงผู้เสียสละ” หนิงเถาพูดกับตัวเอง
เหลยเฟิง (จีน: 雷
; พินอิน: Léi Fēng; 18 ธันวาคม ค.ศ. 1940 - 15 สิงหาคม ค.ศ. 1962)
เป็นทหารในสังกัดกองทัพปลดแอกประชาชนของสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นลูกกําพร้าจากจังหวัดฉางชา มณฑลหูหนาน และเข้าร่วมเป็นยุวสมาชิก
พรรคคอมมิวนิสต์จีน สมัครเข้าเป็นทหารพลาธิการในกองทัพปลดแอกประชาชนตั้งแต่อายุ 20 ปีและประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตในระหว่างปฏิบัติหน้าที่
ด้วยวัยเพียง 21 ปี[1]
ภายหลังการเสียชีวิต ชื่อและภาพลักษณ์ของเหลยเฟิงถูกพรรคคอมมิวนิสต์จีนนํามาใช้ในการโฆษณาชวนเชื่อในฐานะ ประชาชนจีนตัวอย่าง
ผู้สมถะ ทุ่มเท และอุทิศตนให้กับแนวทางของเหมา เจ๋อตง [2] มีการตีพิมพ์สมุดบันทึกประจําวันของเหลยเฟิง ที่เขียนชื่นชมแนวคิดของเหมา เจ๋อตง
ผู้นําพรรคคอมมิวนิสต์อย่างกว้างขวาง
BMW 745Li ของหยางไฮขับมาจอดตรงสี่แยกไฟแดงซึ่งใกล้จะไฟเขียวเต็มที
ขณะที่ไฟเขียวฉายขึ้นมารถหยางไฮเร่งความเร็ว ทันใดนั้นเอง
สุนัขตัวสีดําวิ่งข้ามถนนมาด้วยความเร็ว หยางไฮไม่หยุดรถจึงชนสุนัขตัวนั้นเข้าอย่างจัง
ปัง!
“วู้วว....”
เสียงควรญครางด้วยความเจ็บปวดของสุนัขตัวนั้นดังขึ้นทันทีเมื่อถูกชนเข้ากับรถของหย
างไฮ มันกระเด็นลอยขึ้นไปกลางอากาศ
หยางไฮจอดรถอย่างรวดเร็วและลงมาเช็คความเสียหายของรถ
เขาพบว่ารถไม่ได้เสียหายอะไรมากเขาสบถเล็กน้อยแล้วจึงขึ้นรถขับออกไป
สุนัขตัวนั้นกําลังจะตายอยู่บนถนน
รถบนท้องถนนเพียงแค่ขับผ่านไปมาแต่ไม่มีวี่แววใครที่จะสนใจมันเลย
หนิงเถาเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวรู้สึกสงสารมันเป็นอย่างมาก
จึงรีบวิ่งออกมากจากประตูและมุ่งหน้าไปที่เจ้าหมาอย่างรวดเร็ว
“อยากตายรึไงว่ะ?” เสียงคนขับรถตะโกนออกมา
เนื่องจากหนิงเถาวิ่งออกถนนมาโดยไม่ทันสังเกตรถที่วิ่งผ่านไปมาเลย
หนิงเถาเพิกเฉยต่อคําด่าของคนขับรถคนนั้น
เขาเพียงแค่เข้าไปอุ้มเจ้าหมาออกจากทางขับรถนํามันมาไว้ข้างทาง
เมื่อมองอย่างถี่ถวนแล้วเจ้าหมาตัวนี้ดูมีอะไรที่พิเศษเล็กน้อยคือ
มันเหมือนลูกครึ่งดัชชุนและครึ่งหมีเท็ดดี้มันดูผอม
ขนแลดูนุ่มแถมยังมีตาสีเขียวที่สวยมากแต่เมื่อมองเลื่อนลงไปที่ขาพบว่าขาขวาของมัน
หักและมีเลือดออก
เมื่อเขาเห็นแววจาอันน่าสงสารของมัน เขาไม่สามารถทนที่เห็นมันตายไปแบบนี้ได้
เขาจึงอุ้มมันกลับมาที่โรงเรียน
ขอร้องเพื่อนร่วมงานของเขาว่าเขาจะนํามันไปไว้ที่ห้องใต้ดินที่อยู่ใต้ห้องทดลอง
ในห้องใต้ดินนี้มีโต๊ะเก้าอี้และอุปกรณ์ทดลองที่ถูกทิ้งร้างไว้มากมาย
และตรงมุมเล็กๆของห้องตรงนั้น หนิงเถาอาศัยอยู่ที่นี่ เขามีหน้าที่ซ่อมโต๊ะ
เก้าอี้ที่พังด้วยเหตุนี้
เขาจึงนําห้องเล็กๆแห่งนี้เป็นห้องทํางานเนื่องจากสะดวกในการทําความสะอาด
ห้องเล็กๆนี้อัดแน่นไปด้วยหนังสือและยา
หนิงเถาวางเจ้าหมาดําไว้บนโต๊ะต่อมาเขาจึงนํา
ยาฆ่าเชื้อมาทําความสะอาดแผลของเจ้าหมา
ยาฆ่าเชื้ออาจจะเป็นเหตุทําให้เกิดความเจ็บปวดได้แต่เจ้าหมาดําก็ยังคงนอนแน่นิ่ง
เสมือนว่าไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดแต่อย่างใด
“เก่งมากเจ้าหมา ทําไมเจ้าถึงออกมาข้างนอกคนเดียว?”
เจ้าหมาดําจ้องมายังหนิงเถา ตาสีเขียวเข้มของมันดูน่าลึกลับชอบกล
“เจ้าหมาที่น่าสงสารกระดูกแกหักหลายส่วนเลยนะแกต้องอดทนหน่อยนะ
ฉันไม่มียาสลบให้แกนะแต่ฉันต้องจัดกระดูกให้เข้าที่ต่อจากนั้นจึงใส่เฝือกให้ขาแก”
เมื่อพูดจบเขาจึงเริ่มทําการรักษาเจ้าหมากล่าวได้ว่า เจ้าหมาดําตัวนี้เป็นคนไข้ (ตัว)
คนแรกของหนิงเถาเลยก็ว่าได้โดยระหว่างทําการจัดกระดูกอยู่นั้น
เขาก็เบี่ยงเบนความสนใจเจ้าหมาโดยการพูดกับมันไปเรื่อยๆ
หนิงเถาลูบหัวเจ้าหมาดําพร้อมยิ้มออกมา “ด้วยความยินดี
มันเป็นหน้าที่ของแพทย์ที่จะต้องรักษาและช่วยเหลือผู้ที่กําลังจะตาย”
แต่ทันใดนั้นเอง เจ้าหมาดําแว้งกัดไปยังข้อมือของหนิงเถา
“โอ้ยยยย!!” ฟันของเจ้าหมาทะลุเข้าผิวหนังหนิงเถาความเจ็บปวดแล่นเข้ามา
ผ่านทุกโสตประสาททั่วร่างกายของหนิงเถา เขาร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด
เจ้าหมาดําอ้าปากและคลายออกจากข้อมือหนิงเถา
ต่อมามันจึงกลิ้งและกระโดลงจากโต๊ะโดยใช้สี่ขายืน
เลือดสีแดงไหลออกมาจากข้อมือหนิงเถาหยดลงบนพื้น
เขาดูช็อคและตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หนิงเถาคว้าม้านั่งแล้วปาไปที่หัวของเจ้าหมา
“เจ้าหมาบ้า!! ฉันพึ่งช่วยชีวิตแกไปนะกล้าดียังไงมากัดฉัน ฉันจะฆ่าแก!!!!”
เจ้าหมาดําพุ่งไปยังประตูซึ่งเร็วกว่าสุนัขทั่วๆไป
หนิงเถายืนขึ้นอย่างตะลึงงัน
“วู้ววววว...” เจ้าหมาดํามองกลับมาที่หนิงเถาแวบนึงและวิ่งออกประตูไป
หนิงเถาพยายามที่จะไล่ตามมัน แต่จู่ๆ เขาก็รู้สึกเวียนศีรษะในที่สุด
สติของเขาหลุดหายไปพร้อมร่างกายของเขาที่ล้มลงบนพื้นห้อง........
“ตุ๊บ”