ตอนที่แล้วบทที่ 297 ผู้ลี้ภัย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 299 การต่อสู้ครั้งใหญ่มักจะเริ่มจากเรื่องของสตรี

บทที่ 298 เอาชีวิตไปทิ้ง


สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ : แปลได้แล้ว

“เห้ออ…”

ณ ตำหนักหรูภายในสำนักจิตอสูร เฉียนว่านก้วนกำลังนั่งจิบน้ำชาและถอนหายใจในเวลาเดียวกัน แม้ว่าตระกูลเฉียนจะสามารถอพยพเครือข่ายการค้าออกมาจากอาณาจักรต้าเซี่ยได้อย่างหวุดหวิด แต่ก็ได้รับความเสียหายไปไม่น้อย

อย่างไรก็ตามเมื่อคิดได้ว่าหากสงครามเริ่มขึ้น ตระกูลของเขาก็ยังสามารถทำกำไรจากมันได้ เขาจึงหยุดหงุดหงิดกับเรื่องนี้

ตอนนี้เฉียนว่านก้วนได้หันไปกังวลเรื่องของซูรั่วเสวี่ยแทน เขาไม่กล้าจินตนาการเลยว่าหากเจียงอี้รู้ว่าซูรั่วเสวี่ยกำลังจะตาย เขาจะระเบิดความโกรธออกมาขนาดไหน

ปัง!

แต่ยังไม่ทันไรประตูตำหนักก็ถูกเปิดอย่างแรง ทันทีที่เฉียนว่านก้วนเห็นว่าผู้ที่มาเป็นใคร ร่างของเขาก็ลุกพรวดจากเก้าอี้และอุทานด้วยความตกใจ

“ลูกพี่ เจ้า—เจ้ากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่?!”

“ฮึ่ม!”

เจียงอี้เค้นเสียงในลำคอและจ้องเขม็งไปที่อีกฝ่ายก่อนจะตะโกนออกมา “ทำไมเจ้ากับเจ้าสำนักถึงไม่แจ้งข้าว่ามีเรื่องใหญ่ขนาดนี้เกิดขึ้น? แล้วตอนนี้ซูรั่วเสวี่ยยังอยู่ในเมืองเซี่ยยวี่หรือไม่?”

สีหน้าของเฉียนว่านก้วนเผยให้เห็นความลำบากใจ จากนั้นก็กล่าวตอบด้วยเสียงอันสั่นเครือ

“ลูกพี่ พวกเรากำลังหาทางออกอยู่ เจ้าอย่าเพิ่งหุนหันพลันแล่นไป หรือไม่…”

“หยุดนอกเรื่องได้แล้ว!”

เจียงอี้ตะโกนขัดจังหวะ จากนั้นก็เอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงอันเย็นชา

“ข้าถามว่าซูรั่วเสวี่ยยังอยู่ในเมืองเซี่ยยวี่หรือไม่?”

สีหน้าของเฉียนว่านก้วนซีดขาวลงทันตา สุดท้ายเมื่อไม่มีทางเลือก เขาก็กัดฟันแน่นและตอบ

“ใช่! ข้าได้ส่งคนไปพาตัวนางกลับมาแล้ว แต่นางยืนยันที่จะตายไปพร้อมกับอาณาจักรต้าเซี่ยดังนั้น…”

ฟึ่บ!

แต่ก่อนที่เขาจะกล่าวจบนั้น ร่างของเจียงอี้ก็ได้หายไปจากตำแหน่งเดิมแล้วและทะยานไปไกล เหลือทิ้งไว้เพียงคำพูดสุดท้าย

“เสี่ยวนู๋ เจ้ารออยู่ในสำนักนี่แหละ!”

“ลูกพี่!”

“นายน้อย!”

เจียงเสี่ยวนู๋กับเฉียนว่านก้วนตะโกนออกมาด้วยความตกใจ โดยเฉพาะรายแรกที่ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นแม้แต่น้อย แต่นางก็รู้ว่ามันจะต้องเป็นเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน นางมองไปที่ร่างอันอวบอ้วนของเฉียนว่านก้วนและเอ่ยด้วยความร้อนใจ

“พี่ใหญ่เฉียน นายน้อยรีบร้อนไปไหนหรือ?”

“ที่ไหนนะรึ? ลูกพี่กำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองเซี่ยยวี่เพื่อช่วยเหลือใครบางคนและต้องปะทะกับกองทัพที่มีกำลังพลนับล้าน เขากำลังจะเอาชีวิตของตัวเองไปทิ้ง!”

การแสดงออกทางสีหน้าของเฉียนว่านก้วนมืดมนอย่างถึงที่สุด เมื่อไม่อาจห้ามปรามอีกฝ่ายไว้ได้ เขาจึงรีบมุ่งหน้าไปตำหนักเจ้าสำนักทันที เพราะมีเพียงจูเก๋อชิงหยุนเท่านั้นที่จะสามารถหยุดยั้งเจียงอี้ได้

“อะไรนะ?! นายน้อยกำลังจะเอาชีวิตไปทิ้ง?”

จู่ๆ เจียงเสี่ยวนู๋ก็รู้สึกหวาดกลัวไปถึงขั้วหัวใจ ทันใดนั้นนางก็กลับหลังหันและวิ่งออกไปโดยไม่สนใจเจียงหยุนไฮ่ที่กำลังเดินสวนเข้ามา นางมุ่งหน้าออกไปทางด้านนอกของสำนักด้วยความเร็วสูงสุด

แต่มันก็แค่นั้น…

ไม่ว่านางจะวิ่งเร็วแค่ไหน แต่จะเทียบกับเจียงอี้ได้ยังไง? เมื่อนางออกมาถึงที่ด้านนอกของสำนัก เขาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว

“จะทำยังไงดี? ข้าจะทำยังไงดี?”

เวลานี้ดวงตาของเจียงเสี่ยวนู๋แดงก่ำและร้อนรนเป็นที่สุด แต่ไม่นานนักนางก็ตัดสินใจอะไรบางอย่างได้และรีบวิ่งลงจากเขาจิตอสูรอย่างรวดเร็ว

เจียงเสี่ยวนู๋เป็นเพียงแค่หญิงสาวธรรมดาที่ไม่ได้เข้าสู่เส้นทางวรยุทธ นางอาจจะต้องใช้เวลาหนึ่งถึงสองวันในการไต่ลงไปตามถนนเพื่อลงไปเนินเขา

นอกจากนี้ยังมีโอกาสที่จะต้องเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรที่หลบซ่อนตัวอยู่ระหว่างทาง ถึงอย่างนั้นนางก็ไม่หวาดกลัวและพยายามไปให้ถึงที่นั่นให้เร็วที่สุด

แต่โชคดีนักที่ไม่นานต่อจากนั้น เจียงเสี่ยวนู๋ก็ได้พบกับหน่วยลาดตระเวนหน่วยหนึ่ง นางจึงตะโกน “ข้าขอรบกวนให้พวกใต้เท้าช่วยพาข้าไปยังหุบเขาเมฆาทมิฬได้ไหมเจ้าคะ? ข้ามีธุระสำคัญที่ต้องรีบทำ”

“เจียงเสี่ยวนู๋?”

เหล่าสมาชิกหน่วยลาดตระเวนต่างก็ตระหนักได้ทันทีว่านางคือเจียงเสี่ยวนู๋ ในเวลานี้ชื่อเสียงของเจียงอี้พุ่งทะยานถึงจุดสูงสุด ใครบ้างที่ไม่รู้ว่าเขาเกือบจะแตกหักกับอาณาจักรเสินหวู่เพราะหญิงสาวผู้นี้?

เมื่อหน่วยลาดตระเวนเห็นนาง พวกเขาก็รีบบึ่งมาโดยไม่กล้ารอช้า ทางด้านของเจียงเสี่ยวนู๋เองก็หยุดพักเล็กน้อยในขณะที่กำลังหอบหายใจ จากนั้นก็เอ่ยต่อ

“พวกท่านรีบพาข้าไปยังหุบเขาเมฆาทมิฬเร็วเข้า มิฉะนั้นมันจะสายเกินไป!”

“ก็ได้!”

หน่วยลาดตระเวนไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่พวกเขาไม่คิดจะปฏิเสธเพราะมันเป็นเพียงคำขอเล็กน้อยเท่านั้น นอกจากนี้ผู้ที่ขอร้องพวกเขาคือเจียงเสี่ยวนู๋ซึ่งเป็นคนสนิทของคนผู้นั้นอีกด้วย

หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนคือคนผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มซึ่งอยู่ในจุดสูงสุดขอบเขตจื่อฝู่ เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงและรีบแบกเจียงเสี่ยวนู๋มุ่งหน้าไปยังหุบเขาเมฆาทมิฬทันที

ด้วยความเร็วของเขา เพียงแค่สี่ชั่วโมงก็ได้มาถึงหุบเขาเมฆาทมิฬแล้ว แต่ทันใดนั้นร่างของเขาก็ต้องหยุดชะงักเมื่อสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวจากภายในและไม่กล้าที่จะก้าวเท้าเข้าไป

ตึง! ตึง!

แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้ตัดสินใจอะไร จู่ๆร่างของสัตว์อสูรขนาดยักษ์ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า แต่น่าประหลาดนักที่บนไหล่ของมันมีจิ้งจอกน้อยตัวหนึ่งกำลังยืนอยู่

ทางด้านของจิ้งจอกน้อยกับราชันโลหิตแดงเองก็ประหลาดใจไม่แพ้กัน ทำไมเจียงเสี่ยวนู๋ถึงกลับมาเร็วนัก? อีกทั้งยังมีมนุษย์คนอื่นตามมาด้วย?

“เสี่ยวเฟย! เสี่ยวเฟย!”

เจียงเสี่ยวนู๋รีบวิ่งไปข้างหน้าด้วยสีหน้าอันร้อนรน เมื่อราชันโลหิตแดงเห็นเช่นนั้น มันก็ยืนฝ่ามือยักษ์ออกไปและจับร่างของนางขึ้นมาไว้บนไหล่ของมัน

เมื่อเห็นภาพตรงหน้า หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเพราะตระหนักได้ว่าทั้งสองฝ่ายรู้จักมักคุ้นกัน ดังนั้นเขาและคนที่เหลือจึงค่อยๆพากันถอยออกมาและจากไปในที่สุด

“เสี่ยวเฟยแย่แล้ว! นายน้อยกำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองเซี่ยยวี่เพื่อช่วยชีวิตใครบางคน ข้าได้ยินมาว่ากองทัพของจักรวรรดิมังกรเวหาและอีกห้าอาณาจักรกำลังบุกโจมตีอาณาจักรต้าเซี่ย”

“พี่ใหญ่เฉียนยังบอกว่านายน้อยกำลังจะปะทะกับคนเหล่านั้นด้วยตัวคนเดียว เขากำลังจะเอาชีวิตไปทิ้ง! ข้าจะทำยังไงดี?”

เจียงเสี่ยวนู๋พูดกับจิ้งจอกน้อยพลางร้องไห้สะอึกสะอื้น นางไม่รู้จริงๆว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่และรู้สึกมืดแปดด้านไปหมด นางไม่มีทางเลือกจนต้องรีบมาร้องขอความช่วยเหลือจากองค์หญิงน้อยเผ่าอสูรนางนี้

“จี้จี้!”

เสี่ยวเฟยเองก็หวาดวิตกไม่แพ้กัน นางหันไปทางราชันโลหิตแดงและขอให้มันพากลับสู่ยอดเขาเทพธิดาทันที

จิ้งจอกน้อยไม่สามารถออกจากเขตหุบเขาสามหมื่นลี้ได้ พละกำลังของนางเองก็อ่อนแอเช่นกัน สิ่งเดียวที่นางทำได้คือขอความช่วยเหลือจากมารดา

หากว่าจักรพรรดินีสัตว์อสูรยังไม่ออกจากการบำเพ็ญหรือไม่เต็มใจที่จะช่วยเหลือ พวกนางเองก็หมดหนทางที่จะช่วยเจียงอี้แล้ว

……

“โง่เง่าที่สุด!”

ภายในสำนักจิตอสูร หลังจากที่จูเก๋อชิงหยุนได้รับแจ้งจากเฉียนว่านก้วน เขาก็รีบใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์กวาดผ่านทั่วทั้งสำนักทันที แต่เมื่อพบว่าเจียงอี้ไม่อยู่ในสำนักแล้ว เขาจึงลองสำรวจใต้ดินแทนจนในที่สุดก็เห็นเจียงอี้กำลังนั่งอยู่บนหลังของเถาอู้ซึ่งกำลังมุ่งหน้าไปทางใต้ด้วยความเร็วสูงสุด

จูเก๋อชิงหยุนรีบส่งข้อความผ่านเครื่องรางสื่อสารเพื่อเรียกตัวเจียงอี้กลับมา แต่อีกฝ่ายก็เพิกเฉยทั้งหมด และด้วยความเร็วของเถาอู้ ไม่นานนักเขาก็หลุดออกจากขอบเขตของสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของชายชรา

“บัดซบ!”

นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าสำนักจูเก๋อชิงหยุนมีโทสะขนาดนี้ในรอบหลายสิบปี เจียงอี้เป็นเด็กหนุ่มที่เขาให้ความสนใจเป็นพิเศษ แล้วเขาก็ไม่ได้ล้อเล่นเรื่องที่จะยกตำแหน่งเจ้าสำนักให้กับอีกฝ่าย

หากให้กล่าวตามจริง… เขารู้ความลับเกี่ยวกับตันเทียนของเจียงอี้นานแล้วแต่ก็ยังคงเก็บเงียบเอาไว้

จูเก๋อชิงหยุนรู้ดีว่าเขาได้มาถึงบั้นปลายของชีวิตแล้วและในบรรดารองเจ้าสำนักทั้งหมด ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่มีศักยภาพเพียงพอที่จะทะลวงสู่ขอบเขตจินกังได้

ในเวลานี้ทั่วทั้งทวีปกำลังสับสนวุ่นวายและกำลังจะเกิดสงครามใหญ่เนื่องจากสมดุลของขั้วอำนาจที่เปลี่ยนไป

จูเก๋อชิงหยุนไม่ได้สนใจความตายของตัวเอง แต่เมื่อเขาจากไป สำนักจิตอสูรจะกลายเป็นหมูที่นอนรออยู่บนเขียง เมื่อไม่มียอดฝีมือขั้นจินกังคอยปกป้อง มันคงจะถูกกลืนหายไปโดยขั้วอำนาจอื่นในเวลาไม่นาน

เจียงอี้เป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียวที่เขาเตรียมจะฟูมฟักดูแล แต่ผู้สืบทอดคนนี้กลับกำลังจะเสี่ยงชีวิตเพียงเพราะหญิงสาวผู้หนึ่งและจะต้องกลายเป็นศัตรูกับคนทั้งทวีป!

หากนี่ไม่ใช่การกระทำที่โง่เขลา แล้วจะเรียกมันว่าอะไร?

โดยปกติแล้ว จะไม่มีใครกล้าแตะต้องเจียงอี้ที่มีจักรพรรดินีสัตว์อสูรคอยหนุนหลัง

แต่กับสถานการณ์ปัจจุบันนั้นต่างออกไป หากเจียงอี้ไปถึงเมืองเซี่ยยวี่ เขาจะต้องเข้าปะทะกับกองทัพอย่างหมดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ทางจักรวรรดิมังกรเวหาและห้าอาณาจักรเองก็คงไม่คิดที่จะยอมถอยหากอาณาจักรต้าเซี่ยไม่ถูกทำลายไปจนหมดสิ้น ไม่เช่นนั้นพวกเขาทั้งหมดจะต้องเสื่อมเสียเกียรติและชื่อเสียง

นอกจากนี้มันยังเป็นความขัดแย้งภายในเผ่าพันธุ์มนุษย์ หากจักรพรรดินีสัตว์อสูรไม่ต้องการที่จะทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองเผ่าพันธุ์ย่ำแย่ไปกว่านี้ นางก็คงจะไม่เข้ามาเกี่ยวข้อง

และสำหรับเจียงอี้นั้น การเดินทางในครั้งนี้ของเขา… จะเป็นการตีตั๋วเที่ยวเดียวและจะไม่ได้กลับมาอีกเลย!

“ลืมมันซะ!”

หลังจากที่เวลาผ่านไปสักพักหนึ่ง จูเก๋อชิงหยุนก็สงบสติอารมณ์ได้ จากนั้นเขาก็กล่าวออกมาเสียงดัง

“รองเจ้าสำนักฉี! จงรวบรวมรองเจ้าสำนักทั้งหมดให้ข้าและเจ้าจงอยู่เฝ้าสำนักไว้ ชายชราผู้นี้จะพาพวกเขาไปเที่ยวชมเมืองเซี่ยยวี่เสียหน่อย”

“นานแล้วเหมือนกันที่กระดูกผุๆของข้าไม่ได้ขยับไปไหน… หากไม่ลงมือเสียบ้างเกรงว่าทวีปแห่งนี้คงจะหลงลืมนามจอมกระหายเลือดจูเก๋อชิงหยุนเป็นแน่!”

……

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด