บทที่ 23 ความประทับใจแรกของหนิงชิงเชวี่ย
“มือนาย?” ซูเหมยจ้องมองเย่โม่ที่ทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอชี้ไปที่มือของเย่โม่ด้วยอาการตกตะลึง
เมื่อเย่โม่เห็นซูเหมยเขาก็ขมวดคิ้ว “จิ้งเหวิน ผมจะไปพักสักหน่อย” พูดจบเขาก็เดินไปอีกด้านเพื่อเปลี่ยนไปนั่งโต๊ะตัวอื่น
“เย่โม่?” หนิงชิงเชวี่ยมองหลี่มู่เหมยแปลกๆ ในใจคิดว่าเย่โม่คนนี้เป็นใครกัน?
หลี่มู่เหมยยิ้มเจื่อนๆ เธอรีบลากหนิงชิงเชวี่ยมาอีกด้านหนึ่ง “ที่จริงแล้วเขาก็คือเย่โม่ คนที่หมั้นกับเธอไง เพียงแต่เขาตอนนี้ต่างจากเมื่อก่อนอยู่บ้าง ไม่เพียงรูปร่างหน้าตาที่เปลี่ยน กระทั่งบุคลิกก็ต่างจากแต่ก่อนอย่างสิ้นเชิง ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา ฉันเองก็ไม่ได้เจอเขานานแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมจิ้งเหวินถึงได้เชิญเขามา”
“เขาคือเย่โม่เองหรือ?” หนิงชิงเชวี่ยหันไปมองเย่โม่อีกครั้งอย่างไม่รู้ตัว เย่โม่ตรงหน้าเธอคนนี้ทั้งคำพูดและการกระทำของเขาทั้งไม่อวดดีและไม่ถ่อมตัว ถึงเสื้อผ้าของเขาจะเก่าโทรมอย่างมาก ทว่ากิริยาท่าทางของเขาดูเป็นธรรมชาติ ทั้งผ่อนคลายและมั่นใจ กระทั่งบนร่างของเขายังมีกลิ่นอายชายชาตรีอยู่จางๆ ตัวเธอที่อยู่ไกลๆ ยังรู้สึกได้
คนแบบนี้จะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้ยังไง? ถ้าหากเขาไม่เสื่อมสมรรถภาพแล้วเธอต้องไปอยู่กับเขาจริงๆ นี่ก็... หนิงชิงเชวี่ยเริ่มรู้สึกลังเล แต่แล้วเธอก็หัวเราะเยาะตัวเองทันที ถ้าคนตรงหน้าเธอคือเย่โม่จริงๆ เช่นนั้นท้ายที่สุดแล้วก็ยังยากที่จะบอกว่าเขาจะเห็นด้วยกับแผนการของเธอ
“ชิงเชวี่ย… ฉันว่าเขาเปลี่ยนไปมากนะ เดี๋ยวฉันจะไปหาข้อมูลจากเขาก่อน เธอนั่งอยู่นี่แหละ” เมื่อหลี่มู่เหมยที่ได้พบเย่โม่ก็เกิดรู้สึกสงสัยในแผนการของตัวเองขึ้นมาทันที เย่โม่ตรงหน้ากับคนไร้ค่าที่เขาลือกันดูจะไม่มีอะไรเหมือนกันแม้แต่น้อย หากจะต้องเลือกจริงๆ ว่าเขาไม่ดีตรงไหนล่ะก็ คงจะเป็นเส้นผมอันยุ่งเหยิงของเขาที่ไม่เคยผ่านการจัดผมจากช่างมืออาชีพเลย
หนิงชิงเชวี่ยดึงมือของหลี่มู่เหมยไว้ “มู่เหมย เรื่องแบบนี้ให้ฉันไปเองเถอะ”
เย่โม่สังเกตเห็นว่าคนที่มาที่นี่ล้วนร่ำรวยมีฐานะ เสื้อผ้าล้วนดูดีมีราคา เมื่อเทียบกันแล้วเสื้อผ้าของเขาถือว่าซอมซ่ออย่างมาก แต่เรื่องนี้ก็ไม่อาจทำให้เขารู้สึกต่ำต้อยด้อยค่าแต่อย่างใด เขากลับรู้สึกเฉยชา เมื่อจุดสูงสุดในชีวิตไม่เหมือนกันความคิดของคนเราจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ยังไม่พูดถึงเรื่องที่เย่โม่ไม่มีเสื้อผ้าดูดีแบบนั้น หรือต่อให้มี เขาก็ยังจะยึดมั่นในวิถีชีวิตของตัวเองอยู่ดี สิ่งที่เขาตามหาไม่ได้อยู่ตรงนี้ หากเป้าหมายของเขาอยู่ตรงนี้ล่ะก็ ตัวเย่โม่เองก็คงอิจฉาคนรวยเหล่านี้ไปแล้ว แต่แค่นี้จะนับเป็นอะไรได้กัน? ชีวิตคนเราสั้นแค่ไม่กี่สิบปีเท่านั้น ตายแล้วก็เอาอะไรติดตัวไปไม่ได้ ตัวเขาตามหาชีวิตอมตะตั้งแต่แรกแล้ว ถึงตอนนี้การฝึกของเขาจะช้าลงมากแต่เป้าหมายชีวิตของเขาก็ยังคงเป็นเช่นเดิม
เช่นเดียวกันกับความดูแลเอาใจใส่ที่อาจารย์ลั่วอิ่งมีต่อเขา หากคนที่มีชีวิตมา 2 ชาติเช่นเขายังไม่เข้าใจความรู้สึกของอาจารย์อีกเขาก็สมควรตายอีกรอบแล้ว เมื่อเทียบกันแล้วเย่โม่มองว่าสิ่งอื่นๆ ล้วนไม่สำคัญ
“เย่โม่...” หนิงชิงเชวี่ยเดินมาหยุดข้างๆ โต๊ะของเย่โม่ เธอพูดขึ้นด้วยอารมณ์ซับซ้อน
“มาแล้วหรือ? นั่งสิ” เย่โม่ยิ้มบางๆ ต้อนรับราวกับเป็นเพื่อนบ้าน ถึงเธอจะรู้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่ได้เจอกัน ถึงจะรู้ว่าเธอไม่เคยอยากพบเจอคนๆ นี้เลย หนิงชิงเชวี่ยกลับเกิดความรู้สึกราวกับได้พบคนคุ้นเคยที่ไม่ได้เจอกันแสนนาน
“ขอบคุณ” หนิงชิงเชวี่ยนั่งลงพร้อมกับรู้สึกโล่งอกขึ้นมา เย่โม่เป็นเหมือนกับทะเลสาปอันสงบนิ่งที่ทำให้ใจของเธอสงบลง
“คิ้วเธอขมวดมุ่น แววตาแฝงความเหนื่อยล้า มีอะไรในใจหรือเปล่า? ถ้าช่วยได้ผมก็ยินดี” เย่โม่รู้ดีว่าผู้หญิงอย่างหนิงชิงเชวี่ยไม่มีทางมาพูดคุยกับผู้ชายที่เธอถอนหมั้นแล้วอย่างไร้สาเหตุแน่นอน ที่เธอมาถึงนี่คงเพราะมีเรื่อง ถ้าอย่างนั้นสู้ให้เขาเอ่ยปากก่อนจะดีกว่า อีกอย่างถึงแม้เสียงที่เธอพูดกับหลี่มู่เหมยจะเบา แต่เย่โม่ก็ยังได้ยินอยู่ ที่เขานึกไม่ถึงก็คือคู่หมั้นของเขาจะเป็นหญิงงามขนาดนี้ เทียบกันแล้วถือว่าไม่น้อยไปกว่าอาจารย์ลั่วอิ่งของเขาเลย
เขาไม่ได้รู้สึกเกลียดหนิงชิงเชวี่ย หรือพูดอีกอย่างคือไม่รู้สึกอะไรกับเธอเลย เพียงแต่เมื่อเย่โม่ได้เห็นแววตาอันโศกเศร้าสับสนของเธอแล้ว มันทำให้เขาหวนนึกถึงอาจารย์ลั่วอิ่งก็เท่านั้น
หนิงชิงเชวี่ยมองเย่โม่ด้วยความประหลาดใจในความสามารถการสังเกตรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ได้อย่างทะลุปรุโปร่งแบบนี้ ความคิดและคำพูดอันชัดเจนของเขา คนแบบนี้น่ะหรือคือคุณชายไร้ค่าที่ถูกทอดทิ้ง?
“คือฉัน...” หนิงชิงเชวี่ยคิดอยู่นานแต่ก็ไม่กล้าพูด ได้แต่แอบถอนใจ คิดในใจว่าให้หลี่มู่เหมยมาพูดแต่แรกก็ดีหรอก
เย่โม่ที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอไม่ได้ให้ความรู้สึกกดดันแม้แต่น้อย กลับทำให้เธอรู้สึกได้ถึงความสงบภายในใจ ในที่สุดหนิงชิงเชวี่ยก็ตัดสินใจพูดขึ้น “เพราะการแต่งงานของฉัน...”
เย่โม่ที่นั่งอยู่อย่างผ่อนคลายเริ่มย่นคิ้ว สุดท้ายในใจเขาก็เริ่มเกิดระลอกคลื่นขึ้น เป็นครั้งแรกที่เขาพูดตัดบทหนิงชิงเชวี่ย “ตระกูลหนิงของเธอยกเลิกการหมั้นหมายของพวกเราไปแล้ว อีกอย่างตอนนี้ผมก็ไม่ใช่คนตระกูลเย่จากเมืองหลวงอีกแล้ว...”
เย่โม่ไม่ได้พูดต่อแต่ความหมายของเขาชัดเจน นั่นคือเรื่องอื่นเขาช่วยได้ ทว่าในเมื่อตระกูลหนิงของเธอยกเลิกการหมั้นไปแล้ว การที่ยังดั้นด้นมาหาเขาอีกก็ดูจะเกินไปหน่อยแล้ว ถึงเขาจะรู้สึกดีต่อหนิงชิงเชวี่ยอยู่บ้าง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าหนิงชิงเชวี่ยจะมายุ่งวุ่นวายกับเรื่องนี้ได้
“ขอโทษนะ” หนิงชิงเชวี่ยรู้สึกหมดแรงขึ้นมาทันที เย่โม่ยิ้มบางๆ “ไม่ต้องขอโทษหรอก ผมเป็นแค่คนไร้ค่าที่ถูกขับไล่ออกจากตระกูลเย่ ไม่เหมาะสมกับตระกูลหนิงของเธอ ตามความเห็นผมการยกเลิกหมั้นครั้งนี้ก็เหมือนกับการได้รับอิสระครั้งใหญ่ ผมไม่มีความคิดจะโทษเธอ ก็แค่ไม่อยากพูดเรื่องนี้เท่านั้นเอง”
หนิงชิงเชวี่ยรู้สึกอึดอัดภายในใจขึ้นมา หากเธอได้ยินคำพูดเหล่านี้ของเย่โม่ก่อนที่จะเจอเขาล่ะก็ เธอคงแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน แต่เมื่อได้เจอกับเย่โม่แล้วแบบนี้เธอกลับรู้สึกว่าความคิดดูถูกเย่โม่และเรื่องที่ว่าเขาไม่เหมาะสมกับเธอกลายเป็นเรื่องตลกไปเลย
เย่โม่ตรงหน้าเธอเป็นแค่ผู้ชายไร้ค่าไม่มีอะไรสักอย่างเดียว แต่เขากลับแสดงออกมาถึงความมั่นใจ ทั้งไม่หยิ่งทะนงหรือถ่อมตน ต่างจากเย่โม่ที่เธอจินตนาการไว้มาก ราวกับว่าเขาไม่ใช่เย่โม่คนที่ไม่มีค่าอะไรเลย แต่กลับเป็นเย่โม่ผู้ดูหมิ่นโลกหล้า ชายผู้เหยียบย่ำเมฆ ณ จุดสูงสุด ความรู้สึกนี้เองทำให้หนิงชิงเชวี่ยรู้สึกอึดอัดภายในใจ
เย่โม่ถอนหายใจ เขารู้ว่าหนิงชิงเชวี่ยรู้สึกลำบากใจ แต่ในเมื่อมันไม่เรื่องที่เขาจะช่วยได้ ถ้าอย่างนั้นเขาก็จนปัญญาแล้ว คิดถึงตรงนี้เขาก็พูดขึ้น “ในเมื่อ...”
เหมือนหนิงชิงเชวี่ยรู้ว่าเย่โม่จะพูดว่าอะไร เธอกัดริมฝีปากแล้วขัดจังหวะเย่โม่ “คืนนี้ฉันอยากไปที่...”
เธอรู้สึกได้ในเวลานั้นเองว่าขณะที่เธอกำลังพูดตัดบทเย่โม่นั้น ในใจเธอรู้สึกสงบผ่อนคลาย คล้ายว่าความไม่พอใจที่ถูกเย่โม่ตัดบทตอนนั้นได้จางหายไปแล้ว
แต่หนิงชิงเชวี่ยเองก็คาดไม่ถึงเช่นกันว่าเธอจะถูกคนอื่นเข้ามาขัดจังหวะ
เสียงของหนิงชิงเชวี่ยยังพูดไม่ทันจบก็ถูกชายหนุ่มคนหนึ่งที่เดินมาหยุดข้างโต๊ะของเย่โม่พร้อมไวน์แดงครึ่งแก้วในมือขัดจังหวะ “ชิงเชวี่ย… ใช่เธอจริงๆ ด้วย! คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะได้เจอเธอในงานวันเกิดจิ้งเหวิน นี่ทำให้ผมประหลาดใจมากเลยนะ”
หนิงชิงเชวี่ยขมวดคิ้ว แต่เธอไม่ได้พูดอะไรอีก
ชายหนุ่มคนนี้รูปร่างหน้าตาดึงดูดทว่าดวงตากลับอยู่ไม่สุข เมื่อเขาเห็นเย่โม่ครั้งแรกแล้วก็เลิกสนใจทันที สาเหตุก็เพราะเย่โม่ดูไม่เหมือนแขกหรือกระทั่งบริกรด้วยซ้ำ
ชายหนุ่มคนนั้นเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเย่โม่แล้วพูดขึ้น “นายหลบไปหน่อย ผมไม่ได้เจอหนิงชิงเชวี่ยนานแล้ว”