SB:ตอนที่ 2 สัตว์เลี้ยงสงครามต้าเฮย
SB:ตอนที่ 2 สัตว์เลี้ยงสงครามต้าเฮย
“ฮึ่ม มันหนีไวจริงๆ แต่สุดท้ายมันก็ตายอยู่ดี” หนึ่งในชายชุดดำกล่าวอย่างเย็นชา แววตาเย็นเยือกวาบขึ้นมาภายใต้ชุดดำ
“ฮืมม สารลับไม่ได้อยู่ที่มัน!” ชายชุดดำอีกคนกล่าวอย่างเย็นชาหลังจากค้นศพ
ทันใดนั้น สายตาเย็นเยือกของมันกวาดมองไปโดยรอบ มันกล่าว
“มีบางคนมาที่นี่ ตามมันไป!”
“วูบบ” ชายชุดดำสองคนพุ่งทะยานไปทิศทางที่ลู่หยางจากไปด้วยความเร็วดุจปีศาจ จากแสงสลัว จะมองเห็นชุดดำของมันมีสัญลักษณ์กะโหลกวิญญาณขนาดใหญ่อยู่”
“…”
บัดนี้ ลู่หยางได้กลับมาที่บ้านของเขาในเมืองชิงหยางและพบกับมารดาและน้องชายของเขา
“พี่ชาย พี่ชาย” น้องชายเขา ลู่หลี่ วิ่งมากอดเขาอย่างตื่นเต้น ดวงตาโตเต็มไปด้วยความห่วงหา
“อ๊า” ลู่หยางอุ้มลู่หลี่ขึ้น และรู้สึกได้ถึงความผูกพัน เขาตื่นเต้นอย่างมาก เนื่องจากเขาเคยเป็นเด็กกำพร้ามาก่อนในชาติที่แล้ว เขาไม่เคยมีความผูกพันกับใคร แต่บัดนี้เขามีน้องชายในสายเลือด
“พี่ชาย ท่านบาดเจ็บ” เสื้อผ้าลู่หยางฉีกขาดและมีรอยเลือดอยู่บนร่างกาย กลิ่นเลือดทำให้หน้าลู่หลี่บูดเบี้ยว เด็กคนนี้น่ารักนัก ถึงกับเป็นห่วงพี่ชายตั้งแต่ยังอายุแค่นี้
“อ๊า หยาง เจ้าบาดเจ็บรึ?” แม่เขา ซู่หลาน เดินมาด้วยสีหน้ากังวล
“หลี่ ลงมา พี่ชายเจ้าบาดเจ็บนะ!”
“ท่านแม่ ข้าไม่ได้เป็นอะไร!” ลู่หยางวางลู่หลี่ลง แม่เขาในชีวิตนี้แม้เสื้อผ้าจะมอมแมมแต่ก็มิอาจปกปิดเสน่ห์ของเธอได้
“พระเจ้าช่วย” เลือดเยอะเช่นนี้ เพราะแม่ไร้ประโยชน์เอง แม่ให้เจ้าไปเสี่ยงชีวิตข้างนอก หากมีอะไรเกิดขึ้นกับเจ้าล่ะก็ “ฮือ ฮือ” แม่ของเขาตกใจกลัวเมื่อเห็นเสื้อผ้าเต็มไปด้วยคราบเลือด สีหน้าขาวซีด น้ำตาไหลออกมาอย่างกลั้นไม่ได้
ทุกๆวันแม่เขากังวลอยู่ตลอด ทั้งโทษตนเองที่ไร้ประโยชน์ หลังจากบิดาของครอบครัวหายตัวไป นางที่เป็นผู้หญิงไม่สามารถเลี้ยงครอบครัวได้
“นั่งลงเร็วเข้า แม่จะไปตามหมอเจียง”
“ท่านแม่ ข้าไม่เป็นไรจริงๆ” มันเป็นเลือดจากสัตว์ร้าย ถ้าท่านไม่เชื่อข้า ดูสิข้าไม่มีบาดแผลบนตัวเลยนะ” ลู่หยางเกรงว่ามารดาจะไม่เชื่อมัน จึงถอดเสื้อออก หลังจากที่ระบบฝึกอสูรทำงานบาดแผลของเขาฟื้นฟูหมดอย่างอัศจรรย์
“จริงรึ แต่.. ทำไมเลือดถึงมากเช่นนี้” แต่ก่อนเจ้าไม่เคยมีเลือดมากขนาดนี้ และนี่เจ้ากลับบ้านมาช้า นางสัมผัสร่างกายลู่หยางอย่างไม่เชื่อ นางพูดคุยกับลูกชายนางต่อ นางรู้จักลูกชายนางดี และรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“ท่านแม่ วันนี้สัตว์ดุร้ายในหุบเขามากมายเหลือเกิน ข้าไม่ได้อะไรกลับมาเลย” ลู่หยางลูบหัวอย่างเขินอาย เมื่อมันมาเกิดในร่างนี้ ก็ถึงยามค่ำแล้ว
“หากไม่ได้อะไร ก็ไม่เป็นไร ทีหลังเจ้าไม่ต้องไปอีกแล้ว ข้ากังวลตลอดเวลา ข้าเย็บเสื้อผ้าขายได้ ข้าไม่ต้องการให้เจ้าเสี่ยงชีวิตอีก” นางจับลู่หยางแน่น กลัวว่าสักวันหนึ่ง ลู่หยางจะไม่ได้กลับมา
นี่คือความรักจากมารดางั้นรึ ลู่หยางมองไปที่แม่ของเขาที่กังวล จิตใจรู้สึกอบอุ่น
“ท่านแม่ ไม่ต้องห่วง ข้าให้สัญญา ข้าไม่เป็นไร” ลู่หยางยิ้มปลอบใจนาง เป็นยิ้มที่มาจากก้นบึ้งของหัวใจ
“ท่านแม่ ท่านอย่าทำงานหนัก ผมท่านหงอกหมดแล้ว เชื่อข้าเถอะ ชีวิตพวกเราจะดีขึ้น” ลู่หยางกล่าว แม่ของเขาพึ่งจะสามสิบ แต่เพราะทำงานหนัก นางจึงเริ่มมีผมหงอก
สังเกตภายนอกแม่ของเขาต้องงดงามมากเมื่อยังสาว แต่ตอนนี้นางผอมเกินไป มีรอยย่นตามผิวหนัง ลู่หยางเจ็บปวดหัวใจเมื่อเห็นเช่นนี้
“…”
“ติ๊ง พบวิชาควบคุมอสูร ต้องการตรวจสอบหรือไม่” หลังจากที่เขาปลอบแม่ของเขา เขากลับมาที่ห้องนอนจากนั้นนำตำราออกมา เสียงระบบดังขึ้นในหัว
“ตรวจสอบ” ลู่หยางตรวจสอบด้วยความคาดหวัง การตรวจสอบนี้ลู่หยางต้องใช้สายตากวาดมองทั้งตำรา ตำรานี้มีเพียงสามหน้า บ่งบอกวิธีฝึกการควบคุมอสูร
“ติ๊ง หลังจากตรวจสอบท่านได้รับวิชาควบคุมอสูรชั้นปฐมภูมิ อันดับหนึ่งดาว ต้องการเรียนรู้หรือไม่”
“เรียนรู้!”
“ติ๊ง” ขอแสดงความยินดีกับเจ้าของ อัตราความสำเร็จในการควบคุมอสูรดุร้ายอยู่ที่ 90% อัตราควบคุมอสูรชั้นปฐมภูมิ 60% อสูรชั้นยอด 30%
อสูรชั้นจักรพรรดิ์ 10% อสูรชั้นปราชญ์ 1% อสูรชั้นศักดิ์สิทธิ์ 0.1% ทุกครั้งที่ใช้วิชาคุมอสูรเขาจะต้องใช้แก่นผลึกตามระดับชั้น
“ระยะเวลาคูลดาว สิบวินาที”
แก่นผลึกชั้นต้นเป็นการควบรวมพลังของอสูรชั้นต้นที่ถูกควบเป็นผลึกจากพลังงานฟ้าดินหลังจากระยะเวลายาวนาน
“แม้มันเป็นเพียงแค่วิชาคุมอสูรชั้นแรก แต่ข้าสามารถเรียนมันได้ทันที” ลู่หยางตื่นเต้น ต้องทราบว่าวิชาที่ง่ายที่สุดยังต้องการเวลาในการเรียนรู้
แต่ด้วยระบบควบคุมอสูร ลู่หยางสามารถเรียนรู้วิชาคุมอสูรต่างๆได้ทันที
“ติ้ง เจ้าของสามารถเพิ่มระดับวิชาคุมอสูรได้ หนึ่งระดับใช้สิบแก่นผลึกชั้นต้น หรือแก่นชั้นกลางหนึ่งผลึก สูงสุดที่ระดับสิบ”
“ข้าไม่คาดว่าแก่นผลึกสามารถเพิ่มระดับวิชาคุมอสูรได้!”ลู่หยางนำแก่นผลึกออกมาและตาลุกวาว แค่วิชาระดับหนึ่งดาวนี้ก็มีค่าถึงร้อยตำลึงทอง เขาเพียงแค่มีแก่นผลึกเพียงพอในการเพิ่มระดับก็จะสามารถยกระดับวิชาควบคุมอสูรของเขาได้
ทว่าน่าเสียดายที่แก่นผลึกเพียงแค่สามารถเพิ่มระดับดาว ไม่สามารถเพิ่มระดับชั้นได้ ลู่หยางจำเป็นต้องหาวิธีที่จะได้วิชาคูมอสูรชั้นสูงในอนาคต
“ต้าเฮย มานี่” ต้าเฮยเดินมาหาลู่หยาง มันเป็นสุนัขที่ลู่หยางเก็บมาเลี้ยงห้าปีที่แล้ว มันแข็งแกร่งกว่าสุนัขปกติทั่วไป มันเคยฆ่าสุนัขป่าด้วยเขี้ยวของมันมาก่อน
“วิชาคุมอสูร” ลู่หยางใช้วิชาที่พึ่งเรียนมากับต้าเฮย
ในการควบคุมอสูรร้ายจำเป็นต้องใช้แก่นผลึกทว่า อสูรธรรมดาทั่วไปไม่จำเป็นต้องใช้ผลึกเพราะมันไม่สามารถควบรวมผลึกได้ ต้าเฮยเป็นสุนัขที่ลู่หยางรักนัก ลู่หยางต้องการให้มันเป็นสัตว์เลี้ยงสงครามของเขา
“ติ๊ง ขอแสดงความยินดีกับท่านในการได้รับสัตว์เลี้ยงสงคราม ท่านเข้าสู่ขั้นครึ่งก้าวสู่ผู้ฝึกอสูร” สมกับเป็นวิชาคุมอสูร โอกาสสำเร็จในการคุมอสูรมันสูงมาก ต้าเฮยไม่ขัดขืนแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตามในการเป็นผู้ฝึกอสูรที่แท้จริง มันต้องควบคุมอสูรชั้นต้นได้อย่างน้อยหนึ่งตัว
“ติ๊ง”สัตว์เลี้ยงสงคราม สุนัขดำ (ระดับอสูร มีเศษเสี้ยวของสายเลือดปราชญ์) ใช้แก่นผลึกชั้นต้นในการพัฒนาสู่อสูรชั้นต้น
ต้าเฮยมีสายเลือดปราชญ์ นี่มันอะไรกัน ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะเจอสายเลือดปราชญ์จากสุนัขข้างถนนเยี่ยงนี้
อสูรชั้นต้นเป็นระดับต่ำที่สุด เหนือกว่าพวกมันเป็นอสูรชั้นกลาง และอสูรชั้นสูง อสูรที่แตกต่างชนิดย่อมมีสายเลือดที่แตกต่าง คือ ธรรมดา ชั้นยอด ชั้นจักรพรรดิ ชั้นปราชญ์ ชั้นศักดิ์สิทธิ์ แม้เพียงแค่เศษเสี้ยวสายเลือดหากมันพัฒนาจนบริสุทธิ์ มันจะเป็นอสูรสุดยอดของแท้
“ติ๊ง”สุนัขดำมีศักยภาพสูง ใช้แก่นผลึกหนึ่งชิ้นในการพัฒนาเป็นชั้นต้น ท่านต้องการพัฒนาหรือไม่”
“พัฒนา” ลู่หยางไม่ลังเล
“ติ๊ง”สุนัขดำเริ่มการพัฒนา นับถอยหลัง12ชั่วโมง