SB:ตอนที่ 1 โลกแห่งการฝึกสตว์
SB:ตอนที่ 1 โลกแห่งการฝึกสตว์
อ๊า เหตุใดถึงเจ็บเยี่ยงนี้ ? บ้าชิบ ที่นี่ที่ไหน? ข้ายังไม่ตายหรือ? “ ลู่หยางรู้สึกตัวขึ้นพร้อมกับความเจ็บปวด. เขามองไปที่หน้าผาตรงหน้าอย่างว่างเปล่า บัดนี้ เขาห้อยอยู่บนต้นไม้ใหญ่ท่ามกลางภูเขา เขาเป็นคนงานที่ตายตั้งแต่ยังหนุ่มในอุบัติเหตุทางวิศวกรรม
ทันใดนั้น ความทรงจำแปลกประหลาดปรากฏขึ้นมาในความคิดลู่หยาง ทำให้เขาเข้าใจสถานะของตัวเองอย่างรวดเร็ว
“บ้าชิบ นี่ข้ากลับมาเกิดใหม่แล้ว” ลู่หยางงุนงง เขาไม่คาดคิดว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นแต่ในนิยายจะเกิดกับเขาจริงๆ
ในโลกนี้ ไม่มีพลังอำนาจหรือเวทมนต์ใดๆ มีเพียงแต่วิชาควบคุมสัตว์อสูรซึ่งเมื่อฝึกถึงจุดสูงสุดผู้ฝึกตนใช้พลังของสัตว์อสูรในการเสริมความแข็งแกร่งของร่างกายและขโมยพรสวรรค์ของเหล่าอสูรเพื่อตนเอง
ช่างบังเอิญจริงๆ เจ้าของร่างนี้ก็ชื่อลู่หยางเช่นกัน เขาอายุสิบหกปีและมาจากตระกูลธรรมดาในเมืองชิงหยาง เขามีแม่และน้องชายอายุห้าชวบ
พ่อที่เป็นเสาหลักคนเดียวของตระกูลของเขาได้หายตัวไปในขณะที่น้องของเขาพึ่งเกิด โชคดีที่ลู่หยางแบกรับภาระดูแลตระกูลตั้งแต่นั้นมา ตอนนี้เขาเป็นนักล่าผู้ช่ำชอง
“ไอ้เด็กคนนี้เข้าท่าดีนะ” น่าเสียดายที่เขาถูกทำร้าย” ลู่หยางชื่นชมเจ้าของร่างนี้ และอดถอนหายใจไม่ได้
ลู่หยางและสหายของเขาจากเมืองฉิงเหอ หลี่ยี่ ออกล่าสัตว์ด้วยกันในภูเขา ครั้งนี้ โชคเข้าข้างเขา เขาพบเม็ดยาจิตวิญญาณในตำนาน ซึ่งเป็นเม็ดยาที่ล้ำค่าที่แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญนักฝึกอสูรก็อยากครอบครอง มันสามารถทำให้เกิดการนองเลือดในเมืองชิงหยางเล็กๆแห่งนี้ได้
ภายใต้ความเย้ายวนของเม็ดยาจิตวิญญาณ หลี่ยี่จู่โจมไปที่ลู่หยาง กระแทกเขาลงจากหน้าผา และชิงเม็ดยาไป
ในท้ายที่สุด เจ้าของร่างนี้ตายจากบาดแผลสาหัสและเกิดใหม่จากวิญญาณลู่หยางปัจจุบัน
หลี่ยี่ได้เปิดเผยตัวตนในท้ายที่สุด เขารู้สึกอิจฉาลู่หยางมาตั้งแต่ต้นเพราะลู่หยางโดดเด่นกว่าเขา เซวียหลิงหลิงที่รู้จักในนาม“ดอกไม้แห่งชิงหยาง”สนิทสนมกับลู่หยางมาตลอด ยิ่งไปกว่านั้นสองตระกูลได้ตกลงหมั้นหมายกัน นี่เป็นสิ่งที่หลี่ยี่ไม่ต้องการ
เพื่อเม็ดยาและเพื่อสาวงามแล้วเขาพร้อมที่จะทรยศสหาย
“ฮึ่ม” คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ “วางใจเถอะ ตั้งแต่วันนี้เจ้าจะเป็นข้า ข้าจะเป็นเจ้า ข้าจะล้างแค้นให้เจ้าอย่างแน่นอน” ลู่หยางสาบานในใจ เมื่อรู้สึกได้ถึงความเกลียดชังและความไม่เต็มใจในความทรงจำของร่างนี้
ราวกับว่าเขาได้รับรู้ถึงความตั้งใจของลู่หยาง การรีรอที่จะถูกครอบครองและความเกลียดชังของร่างนี้ได้สลายไปในทันใดราวกับถูกปลดปล่อยขณะที่ลู่หยางเองก็รู้สึกถึงความปลอดภัยและความสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
“ติ้ง !”เจ้าของจิตวิญญาณ กับเจ้าของร่างเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์ และระบบฝึกอสูรเริ่มที่จะทำงาน 1% 2%.... ทันใดนั้น เสียงเย็นชาดังขึ้นมาในใจของลู่หยาง นั่นใคร ใครกำลังพูด ลมเย็นพัดโชยผ่านไปทำให้ลู่หยางรู้สึกสะท้าน นี่มันแปลกเกินไป
43% 44% “100%” เสียงที่ไม่รีบร้อนนั้นตามมาด้วยความอบอุ่นที่ประหลาดแทรกซึมเข้าไปทั่วร่างกายของลู่หยาง บาดแผลทั้งหลายของเขาหายวับไปกับตา
“ระบบฝึกอสูรถูกดำเนินการแล้ว นายท่านเชิญตรวจสอบได้!”
“สวบบ!”จริงๆแล้วก็เป็น.นิ้วทองคำในตำนาน หรือนี่เป็นผลประโยชน์ของผู้ชนะ อารมณ์ของลู่หยางปะทุขึ้นมาขณะที่เขาเข้าใจในสถานการณ์แล้ว การเชื่อมต่อประสานเสมือนจริงผุดขึ้นมาในใจของเขา นี่คือระบบควบคุมอสูร
“ตัวตน: ลู่หยาง”
“วิชาควบคุมอสูร: ไม่มี”
“สัตว์เลี้ยงสงคราม: ไม่มี”
“ทักษะ: ไม่มี”
“กระเป๋าสัตว์เลี้ยง: 5 ช่อง (การบริโภค: แก่นผลึกหรือผลึกสามารถใช้ขยายพื้นที่)”
“กระเป๋าสวรรค์และปฐพี: ไม่ทำงาน”
“เตาหลอมเหล่าอสูร: ไม่ทำงาน”
“อาภรณ์เทพควบคุมอสูร: ไม่ทำงาน”
“.....”
“ไม่ว่าคนผู้หนึ่งจะมีพรสวรรค์ดีแค่ไหน ก็เทียบไม่ได้กับระบบฝึกอสูรนี้ ยิ่งลู่หยางรับรู้ถึงมันเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งตื่นเต้นเพราะตราบเท่าที่เขามีคุณสมบัติตอบสนองต่อระบบควบคุมอสูร เขาก็จะได้สัตว์เลี้ยงสงครามมากเท่าที่เขาต้องการ
สำหรับกระเป๋าสวรรค์ปฐพี เตาหลอมเหล่าอสูร อาภรณ์เทพควบคุมอสูร และสิ่งอื่นที่ยังไม่ทำงาน ไม่มีข้อมูล มันน่าจะเป็น กระเป๋าเก็บสิ่งของ
บัดนี้ข้าต้องการเพียงวิชาควบคุมอสูรเพียงวิชาเดียว และข้าจะมีโอกาสเป็นผู้ฝึกอสูร” ลู่หยางตาลุกวาว แต่ขมวดคิ้วในทันใด วิชาควบคุมอสูรล้ำค่าเกินไป และมันยากสำหรับเขาที่จะได้มา
ความหวังเดียวของเขาก็คือวิชาควบคุมอสูรระดับปฐมภูมิทีได้รับการตกทอดมา แต่อย่างไรก็ดี เมื่อตอนที่เขาอายุ 6 ขวบ เขาค้นพบว่าเขาไม่มีพรสวรรค์ในการฝึกอสูรและไม่มีคุณสมบัติในวิชาควบคุมอสูร
“เฮ้อ!” ชั่งเถอะ ข้าจะคิดเมื่อข้าเป็นผู้ฝึกอสูร
ภูเขาเป็นสถานทีที่น่ากลัวที่สุดในตอนกลางคืน เต็มไปด้วยเหล่าอสูรที่ดุร้ายที่มีเพียงผู้ฝึกอสูรที่จะต่อกรกับมันได้ แตกต่างจากลู่หยางและคนอื่นๆที่ล่าแต่อสูรธรรมดาๆ
โชคยังดี ที่มีเถาวัลย์จำนวนมากบนหน้าผาและลู่หยางฟื้นตัวจากบาดแผลแล้ว
สายมากแล้ว ลู่หยางเดินอย่างระมัดระวัง เขาได้ผสานร่างอย่างสมบูรณ์แบบกับร่างนี้และรับรู้ความรู้สึกของตัวเขาในอดีต เขาเคยเป็นเด็กกำพร้า แต่ตอนนี้จู่ๆมีมารดากับน้องชายทำให้เขาตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
“ป้าบ” ขณะที่ลู่หยางกำลังเดินกลับไปหาครอบครัว ทันใดนั้นมีมือจับที่ขาเขา ทำให้เขาล้มลงหน้าคว่ำ
“บัดซบ” นี่มันอะไร ลู่หยางหวาดกลัว บ้าชิบ
“ช่วยด้วย….ช่วยข้าด้วย” มีชายหนุ่มเต็มไปด้วยบาดแผลจับขาลู่หยางไว้ขณะที่เขาเดินผ่าน
“บ้าเอ้ย พี่ชาย ท่านเป็นใคร ท่านบาดเจ็บสาหัสเยี่ยงนี้ได้ยังไง” ลู่หยางมองไปที่ชายคนนั้นด้วยความตกใจ
“ช่วยข้าด้วย”ชายคนนั้นจับขาลู่หยางแน่นราวกับเชือกฟางเส้นสุดท้าย
“พี่ชาย ข้าจะช่วยท่านได้ยังไง ท่านบาดเจ็บเยี่ยงนี้ ท่านมีชีวิตรอดได้หรือ?” ลู่หยางพูดคร่ำครวญพร้อมชี้ไปที่หน้าอกชายคนนั้น
มีรอยแผลใหญ่โชกเลือดบนหน้าอกชายคนนั้นราวกับว่าถูกกรงเล็บสัตว์ทิ่ม เห็นได้ชัดว่าหัวใจเขาแตกละเอียดไปครึ่งหนึ่ง ไม่มีใครทราบว่าเขาหายใจอยู่ได้อย่างไร
ราวกับว่าคำพูดของลู่หยางกระตุ้นเขา เขาลืมตาเปิดกว้างราวกับแสงสว่างกลับคืนมา เขาไม่งุนงงเหมือนแต่เดิม
“หนุ่มน้อย ข้ารู้ข้ากำลังจะตาย เจ้าช่วยข้าหน่อยได้หรือไม่” ชายหนุ่มถอนหายใจมองไปที่ลู่หยางด้วยแววตาคาดหวัง
“นี่…”ลู่หยางตกใจ เขาเริ่มลังเล นอกจากรอยแผลจากกรงเล็บอสูร มันยังมีรอยมีดดาบ ชัดเจนว่าเขาต้องการแก้แค้น ลู่หยางไม่ต้องการรนหาที่ให้ตัวเอง
“ไม่ต้องห่วง ข้าจะ….. เป็นเรื่องง่ายมาก ไม่มีอันตราย” ราวกับรับรู้ความกังวลของลู่หยาง ชายหนุ่มรีบอธิบายและคว้าตำรามาจากอกเสื้อ “ถ้าเจ้า...สัญญาว่าจะช่วยข้า วิชาควบคุมอสูรชั้นปฐมภูมินี้จะเป็นของเจ้า”
“วิชาควบคุมอสูรชั้นปฐมภูมิ” ลู่หยางดวงตาลุกวาว บัดนี้เขาต้องการวิชานี้มาก
เมื่อเขาได้วิชานี้ ลู่หยางจะกลายเป็นผู้ฝึกอสูรทันที ถ้าเขาสามารถยกระดับตนเอง ครอบครัวเขาจะสบายขึ้น แม่เขาไม่ต้องทำงานเย็บผ้าทั้งวันแลกเงิน น้องชายเขาจะเติบโตพร้อมกับสุขภาพที่ดี
“บอกข้ามาท่านต้องการให้ข้าทำอะไร แล้วข้าจะตัดสินใจว่าจะช่วยท่านหรือไม่” ลู่หยางไม่ใช่คนวู่วาม สิ่งที่แลกมากับวิชาควบคุมอสูรนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายแน่
ถึงเป็นแค่วิชาคุมอสูรชั้นปฐมภูมิก็มีค่าถึงทองร้อยชั่ง เป็นเงินพันชั่ง ต้องรู้ว่าปีนึงสามัญชนใช้เงินเพียงแค่ห้าสิบถึงหกสิบชั่งเงินเท่านั้น
“นำสารลับนี้มอบให้แคว้นเซียงหยาง” ชายที่บาดเจ็บมองไปที่ลู่หยาง เขาไม่คาดคิดว่าเด็กคนนี้ที่ดูอ่อนแอ จะมีบุคลิกของผู้ใหญ่ ไม่เผยความโลภที่เด็กควรจะมี
“ง่ายแค่นี้เชียวรึ” ลู่หยาง งุนงง แคว้นเซียงหยางไม่ไกลจากเมืองชิงหยาง อยู่ในระยะห้าสิบกิโลเมตร ส่งสารลับนี้นั้นง่ายเกินไป
“ใช่ ง่ายแค่นั้นแหละ ! ได้โปรด….ข้าต้องส่งมอบสารลับนี้ให้ถึงมือแม่นางอู๋ฮวง และนี่คือเหรียญรับรองของข้า!” ชายผู้บาดเจ็บขอร้องพร้อมๆกับส่งสารลับ วิชาควบคุมอสูรขั้นปฐมภูมิ และเหรียญตราสีเขียวไว้ในมือของลู่หยาง ลู่หยางลังเลชั่วขณะหนึ่งแต่แล้วก็ตอบตกลง เรื่องแค่นี่ดูเหมือนไม่มีอันตรายอะไร และในเมื่อเขาอยากเป็นผู้ควบคุมอสูร เขาก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปฎิเสธ
“เอาล่ะ ไหนๆข้าก็จะตายแล้วข้าจะให้แก่นระดับปฐมภูมิทั้งสองนี้แก่เจ้า ข้าได้หลบหนีตลอดทางมาถึงที่นี่ ข้ามีแค่สิ่งเล็กๆนี้ติดตัว ไม่เช่นนั้นแล้วข้าคงให้อะไรเจ้าได้ดีกว่านี้ ชายบาดเจ็บฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้และได้ล้วงเอาของสีแดงสองสิ่งออกมาจากอกเสื้อจริงๆแล้วมันคือแก่นผลึกอสูรชั่วร้ายระดับปฐมภูมิสองตัว แก่นผลึกนี้เป็นพลังงานที่ถูกควบรวมมาจากร่างของอสูร มันมีค่ามาก แค่แก่นผลึกทั้งสองก็มีค่าถึงยี่สิบตำลึงเงิน
“ท่านไม่กลัวข้านำของท่านไปโดยไม่ส่งสารให้ท่านรึ” ลู่หยางรับแก่นผลึกและถามขึ้น
“เจ้าไม่ทำหรอก ข้าเชื่อเจ้า” ชายบาดเจ็บยิ้มกริ่ม พร้อมกับแสงในดวงตาหม่นลง
“เร็วเข้า ไปเร็ว อย่าห่วงข้า ถ้าเจ้าช้า เจ้าจะไม่ได้ออกจากหุบเขานี้” หลังจากชายคนนี้พูด เขาหยุดหายใจ ทว่าดวงตาเขายังเปิดกว้างมองไปที่ลู่หยาง
“อ๊า หลับให้สบายเถอะ ข้าจะทำตามสัญญาแน่นอน” ลู่หยางปิดตาของชายหนุ่มลง เก็บของและจากไป
ชายหนุ่มพูดถูก ท้องฟ้าเริ่มมืดลง หุบเขาอันตรายอย่างมาก ลู่หยางจึงไม่สามารถนำศพชายหนุ่มกลับไปได้
สองชั่วโมงหลังจากที่ลู่หยางจากไป ร่างดำสองร่างปรากฏขึ้นในป่า มันกระโจนสองทีก็มาถึงข้างศพของชายที่สิ้นชีวิต