MATOP ตอนที่ 5
การเดินจากยอดเขาถึงเชิงเขานั้นใช้เวลาเพียงสิบนาทีเท่านั้น มีคนหลายคนกำลังรอเขาอยู่ที่นั่นด้วยรอยยิ้มที่ตลกขบขัน บางคนก็ทำท่าทางเพื่อแสดงขนาดและรูปร่างของอวัยวะบางอย่างบนตัวของโรแลนด์ ซึ่งนั่นเรียกเสียงหัวเราะของผู้คนโดยรอบได้อย่างดี
ใบหน้าของโรแลนด์ร้อนวาบขึ้นมา แต่เขาแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นและเดินผ่านพวกเขาไป เขาสามารถสัมผัสดวงตาที่กำลังมองมาของพวกเขาจากด้านหลัง แม้ว่าเขาจะอยู่ห่างออกไปหลายสิบเมตร
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ประสบการณ์ที่ดีนัก สำหรับผู้เริ่มต้นเล่นเกม
ถ้ามันเกิดขึ้นในความเป็นจริง โรแลนด์อาจจะต้องย้ายไปอยู่เมืองอื่น แต่เนื่องจากเขาอยู่ในเกม... มันก็น่าอายอยู่ แต่เขาก็รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นเมื่อเขาคิดว่าคนพวกนั้นเป็น NPC ทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม การตอบสนองของคนเหล่านั้นล้วนมีเหตุผลอย่างแท้จริง อย่างที่เกมได้อ้างไว้ว่า NPC ทุกคนนั้นมีความฉลาดเหมือนคนจริง ๆ
ระหว่างเดินไปเรื่อย ๆ บนถนน โรแลนด์ก็สังเกตเห็นเหล่าชาวบ้านที่คึกคักรอบตัวเขา บางคนกำลังเดินอย่างรีบร้อน บ้างก็เร่ขายสินค้าต่าง ๆ และบางคนก็กำลังแบกสัมภาระหนัก ๆ ให้กับคนอื่น
พวกเขาทั้งหมดนั้นดูเหมือนเป็นคนธรรมดา ทุกคนผิวสีเข้มและสวมใส่เสื้อผ้าลินิน บางครั้งก็มีผู้หญิงอายุน้อย ๆ ที่มีผิวขาวกว่าเดินอยู่บนถนนเช่นกัน
เมื่อเปรียบเทียบกับพวกเขาแล้ว โรแลนด์เป็นคนที่แปลกประหลาดที่สุด
แม้เขาจะยังสวมเสื้อผ้าลินินสีเทาปนน้ำตาล แต่ผิวของเขาก็ขาวกว่าผู้หญิงทุกคน เห็นได้ชัดว่าเขานั้นไม่เคยได้รับความลำบากมาก่อน
ดังนั้นคนอื่น ๆ ต่างจับจ้องมาที่เขาทุกที่ที่เขาเดินผ่านไป
โรแลนด์ไม่สนใจสายตาที่มองเขาด้วยการตัดสินและมาถึงสะพานในที่สุด เขาจำถนนหนทางทั่วไปของเมืองนี้ได้ เมื่อเขามองลงมาจากบนยอดเขาดังนั้นเขาจึงไม่ต้องถามทางคนอื่น
สะพานหินนั้นมีขนาดกว้างและยาวไปตรง ๆ สองข้างทางคือทะเลสาบที่เป็นประกายระยิบระยับ เมื่อลมเย็น ๆ เหนือทะเลสาบ ลอยมาสัมผัสใบหูของเขา เขารู้สึกเหมือนว่าเขานั้นกำลังบินอยู่
โรแลนด์นั้นอดไม่ได้ที่มองไปยังทะเลสาบ คลื่นน้ำที่น้ำกระเพื่อมดูราวกับพลอยไพลินเมื่อมองจากบนราวสะพาน เขาสามารถมองเห็นทะเลสาบทั้งหมดได้จากยอดเขา แต่ตอนนี้เขาอยู่บนสะพาน ทะเลสาบนั้นดูกว้างใหญ่ราวกับไม่มีที่สิ้นสุด
บนเรือที่อยู่ไกลออกไปชาวประมงกำลังลากอวนขณะร้องเพลงไปด้วย
เมื่อเดินมาถึงอีกฝั่งของสะพานมีเด็กสามคน เป็นเด็กชายสองคนและหญิงหนึ่งคน พวกเขาอายุประมาณ 7 ขวบและแต่ละคนก็ถือตะกร้าอยู่ในมือ ในชุดที่เหมือนเย็บจากเศษผ้าพวกเด็กนิสัยไม่ดีกระโดดไปที่ด้านหลังของโรแลนด์
พวกเขาชี้มาที่โรแลนด์และหัวเราะในเวลาเดียวกัน
ในขณะนี้ความสามารถทางภาษายังไม่หมดและโรแลนด์ก็เข้าใจคำพูดของพวกเขา
“แม่ฉันบอกว่าเขาชอบแก้ผ้าหละ”
“ปู่ของฉันบอกว่า อาจมีอะไรบางอย่างผิดปกติในหัวของเขา”
“คุณพ่อบอกว่าเขาพยายามจะล่อลวงผู้หญิง ว่าแต่ล่อลวงคืออะไรเหรอ ?”
โรแลนด์หันกลับมามองเด็ก ๆ อย่างช่วยไม่ได้
ว้าว…
เด็ก ๆ รีบวิ่งไปที่ปลายอีกด้านหนึ่งของสะพาน ราวกับว่าพวกเขานั้นกลัวโรแลนด์ ก่อนที่พวกเขานั้นจะทำหน้าล้อเลียนเขาอย่างย่ามใจ
อารมณ์เที่ยวชมเมืองของเขาถูกทำลายโดยเด็ก ๆ เหล่านั้น โรแลนด์ปัดมือของเขาเข้าด้วยกันแล้วเดินต่อไป เด็กทั้งสามวิ่งไกลออกไปจนมองไม่เห็นแล้ว
เกวียนเทียมลากำลังเคลื่อนที่ข้ามสะพาน โรแลนด์ตั้งใจจะโบกเพื่อขอติดเกวียนไปด้วยในตอนแรก แต่ในไม่ช้าเขาก็เลิกความคิดนั้น หลังจากที่เห็นสิ่งที่บรรทุกอยู่ในเกวียนส่วนใหญ่เป็นอุจจาระและอุปกรณ์แปลก ๆ บนเกวียนนั้นมันดูน่าขยะแขยงเกินไป
หลังจากข้ามสะพานเสร็จ โรแลนด์ก็ออกไปจากเมือง และเริ่มต้นเดินไปบนถนนที่ชาวชนบทใช้สัญจร เขาสามารถบอกได้ว่าถนนนั้นเป็นหลุมเป็นบ่อและขรุขระแม้เขาจะสวมรองเท้าอยู่ก็ตาม เนื่องจากเขานั้นคุ้นเคยกับถนนราดยางมะตอยในเมืองมากกว่า ดังนั้นเขาควรจะรู้สึกเหนื่อยหลังจากเดินไปบนถนนโทรม ๆ นี่ซักพัก
แต่น่าแปลก เขาไม่รู้สึกเหนื่อยหลังจากเดินมาเกือบชั่วโมง
อาจเป็นเพราะฉันเป็นตัวละครในเกม โรแลนด์พยายามคิดถึงความเป็นไปได้
เมื่อเมืองเรดเมาน์เทนถูกทิ้งไว้ข้างหลัง บนถนนมันช่างเงียบและสงบอย่างมาก ถัดจากถนนไปด้านข้างเป็นป่า โรแลนด์เห็นเกวียนเทียมลาเป็นครั้งคราวหลังจากเขาออกมาจากเมือง แต่ตอนนี้สิ่งที่เขาได้ยินนั้นคือเสียงลมพัด เสียงร้องแปลก ๆ ของนกที่ไม่รู้จัก มันช่างเพิ่มความอ้างว้างของป่าได้เป็นอย่างดี
หลังจากที่โรแลนด์ข้ามเนินเขา ต้นไม้ข้างทางก็กลายเป็นต้นเมเปิ้ล ไม่มีอะไรที่ได้ยินยกเว้นเสียงของลม แม้แต่เสียงเหล่าแมลง โรแลนด์จำได้ว่านี่เป็นที่อยู่อาศัยของพวกแมงมุมยักษ์
แมงมุมยักษ์นั้นตัวจะยักษ์สักแค่ไหน ? โรแลนด์ค่อนข้างอยากรู้อยากเห็น แต่เขาก็เลิกคิดที่จะไปเยี่ยมชมพวกมัน แผนของเขาคือไปเมืองถัดไปและหาผู้เล่นคนอื่น ๆ การคมนาคมในเมืองที่สะดวกมากยิ่งขึ้นและค้นหาความรู้เกี่ยวกับโลกนี้หรือหางานง่ายทำ เขาสามารถอยู่ในเมืองนั้นได้จนกว่าเขาจะมีรายได้ที่เพียงพอที่จะไปยังเมืองอื่น ๆ หลังจากเขาที่เขาพบเจอเพื่อน ๆ ของเขา
ตอนนี้ก็เที่ยงแล้ว แสงแดดค่อนข้างแผดเผา โรแลนด์นั่งลงในที่ร่มเงาของต้นไม้และตัดสินใจจะพักสักครู่
ไม่ช้าหลังจากที่เขาได้ทิ้งตัวลงไปนั่ง เขาก็ได้ยินเสียงเด็กร้องไห้เบา ๆ ลอยมาจากที่ไกล
ไม่มีใครอยู่บนถนนและสถานที่นั้นเงียบมาก โรแลนด์มองไปรอบ ๆ และไม่เห็นอะไรเลยนอกจากต้นไม้และหญ้าที่มีสีสันต่าง ๆ
เขาหัวเราะเบา ๆ และคิดว่าเขาหูฝาดไปเอง เพราะว่าเขานั้นอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เงียบสงัด เสียงที่ได้ยินคงต้องเป็นเสียงของผีอย่างแน่นอน
เมื่อนั่งพิงต้นไม้ โรแลนด์ก็ยื่นมือของเขาออกมาและฟังเสียงลมที่พัดผ่านและเพลิดเพลินไปกับความสงบสุข แต่เขาก็กระโดดขึ้นยืนในวินาทีถัดไปและพุ่งเข้าไปในป่า
เป็นเพราะเขาได้ยินเสียงกรีดร้องอีกครั้งแม้มันจะฟังดูไกล แต่ฟังดูคุ้นเคยมาก จากนั้นเขาก็จำได้ว่ามันเป็นเสียงของ หนึ่งในสามของเด็ก ๆ ที่ล้อเลียนเขาเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะเด็กหญิง เพราะเสียงของเธอนั้นชัดเจนอย่างมาก
เด็กทั้งสามได้เดินนำหน้าเขามา
แมงมุมยักษ์ เด็กน้อย…เป็นไปได้ไหมว่า ?
เสียงกรีดร้องนั้นชัดเจนในไม่ช้าหลังจากที่เขารีบวิ่งเข้าไปในป่า จนกระทั่งเขาเข้าไปในป่า เขาเริ่มสังเกตเห็นว่าเงาสลัวใต้ต้นไม้ ใบไม้เน่าส่งกลิ่นเหม็นฟุ้งไปทุกที่ นอกจากนี้ยังมีใยสีขาวที่รากของต้นไม้มากมาย
ในขณะนี้เด็ก ๆ กำลังร้องไห้อยู่ใกล้ ๆ ข้างหน้า
โรแลนด์รีบวิ่งผ่านต้นเมเปิ้ลแปลก ๆ ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางอย่างน้อยสองเมตร เพื่อเห็นฉากที่น่าขนลุกที่สุด
เด็กทั้งสามอยู่บนกิ่งไม้ของต้นไม้สูงและแมงมุมตัวใหญ่กำลังคืบคลานอยู่บนต้นไม้เบื้องล่าง หลังจากการปะทะกันระหว่างขาแมงมุมและต้นไม้แต่ละครั้ง ทั้งต้นนั่นสั่นสะเทือนไปสักพักเลยทีเดียว และเด็ก ๆ ที่อยู่ข้างบนต้นก็จะร้องโหยหวนด้วยความหวาดกลัว
แมงมุมตัวนี้ใหญ่แค่ไหน ? อย่างน้อยมันก็สูงสัก 1.5 เมตร เมื่อพิจารณาถึงความยาวของขามัน ตัวมันกว้างกว่า 2 เมตร
แม่ง... โรแลนด์เป็นเพียงคนธรรมดาในความเป็นจริง ขาของเขาสั่นเกินกว่าที่จะควบคุมได้ เมื่อเขาพบเจอสัตว์ประหลาดที่ไม่น่าเชื่ออย่างไม่คาดคิด