คาถาที่ 22 : ตัวหมากที่มองไม่เห็น
ผมมาถึงโรงแรมตามพิกัดที่แจ้งไว้ในแอพพลิเคชันภายในเวลาไม่กี่นาที
แน่นอนว่ามันต้องแลกมาด้วยเสียงด่าและเสียงบีบแตรดังลั่นไปทั่วทั้งท้องถนน และน่าจะโดนใบสั่งส่งตรงไปถึงบ้านด้วย เพราะขับรถเร็วเกินกำหนด ผมรีบจอดรถและวิ่งเข้าไปภายในโรงแรมทันทีที่มาถึง ตามมาด้วยร่างของไอ้อิฐและไอ้คีย์ที่วิ่งตามมาทางด้านหลังติด ๆ กัน
เข้ามาภายในโรงแรงผมก็ยิ่งรู้สึกคลั่งกว่าเดิม รู้แค่พิกัด แต่ไม่รู้ว่าไหมอยู่ตรงไหน ชั้นอะไร ผมแทบจะทึ้งหัวตัวเอง ก่อนวิ่งไปยังแผนกต้อนรับของโรงแรมแล้วถามออกไปอย่างร้อนรน
“นักศึกษามหาวิทยาลัย XXX พักกันอยู่ชั้นไหนครับ”
ผมยืนรอพนักงานตั้งสติอยู่สามวิก่อนคนที่ถูกถามจะตอบกลับมา เจ้าตัวเหมือนจะตกใจพอสมควร ที่อยู่ ๆ ผมก็วิ่งเข้ามาถามแบบกะทันหัน ในสภาพที่ถ้าคนที่มองมาที่ผมต้องคิดว่าผมหาเรื่องพนักงานคนนั้นอยู่แน่ ๆ หรือไม่ก็จะมาปล้นเขา แต่ตอนนี้ผมคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว ใครจะมองยังไงก็ช่าง ห่วงแต่ใยไหม ตอนนี้จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ ในหัวผมมีแต่ภาพเลวร้ายเกิดขึ้นเต็มไปหมด
“เอ่อ คือต้องการติดต่อใครเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ สามารถแจ้งชื่อให้ดิฉันโทรขึ้นปะ...”
“โธ่เว้ย ! ชั้นไหนก็บอกมาดิวะ” ผมรีบตัดบทพนักงานต้องรับที่พูดอะไรออกมายาวเหยียดเหลือเกิน จนคนที่พูดออกมาหน้าเสียหันไปมองหน้าเพื่อนพนักงานที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
“ขอโทษด้วยครับ พอดีเพื่อนผมมันมีเรื่องหงุดหงิดนิดหน่อย” ไอ้คีย์พูด ก่อนรีบเข้ามาเคลียร์สถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะพนักงานที่อยู่ตรงนั้นดูท่าทางกลัวผมจนตัวสั่นหลังจากที่ผมตะคอกใส่เขาไปเมื่อกี้
“อ้าว เฮ้ย อิฐ มาทำไมที่นี่วะ นึกว่าอยู่คอนเสิร์ตซะอีก” เสียงหนึ่งดังขึ้นทักไอ้อิฐ ผมหันไปมองแวบ ๆ ก็เห็นว่าเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเดียวกันกับพวกที่ผมกำลังตามหาอยู่ ดูท่าคนคนนั้นน่าจะเป็นบัดดี้ต่างมหาวิทยาลัยของไอ้อิฐ
“พอดีมาตามหาคนอะ แล้วมึงไม่ไปสนุกที่มหาวิทยาลัยเหรอ” ไอ้อิฐถาม
“เปล่าอะ ขี้เกียจ กูว่าจะไปหาร้านเที่ยวกับเพื่อนที่นัดไว้น่ะ”
“เจอมึงก็ดี มึงรู้จักนักฟุตบอลคณะมึงปะ มันหน้าตาดี ๆ หน่อย ที่เกือบจะเข้ามามีเรื่องกับมหาวิทยาลัยกูเมื่อตอนบ่ายเมื่อวานที่แข่งบอลอะ”
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าวะ มึงอย่าไปสนใจมันเลย คนเขาเอือมกลุ่มมันทั้งคณะแล้ว ได้ลงแข่งก็เพราะเส้นใหญ่กับหน้าตาดี สาว ๆ กรี้ดเท่านั้นแหละ” บัดดี้ไอ้อิฐพูดออกมา มันเหลือบมามองหน้าผมนิดหนึ่ง คงจะจำได้ว่าผมคือคนที่เกือบไปมีเรื่องกับพวกนั้นเมื่อวานตอนบ่าย
“เอาเถอะน่า บอกหน่อย มันอยู่ห้องอะไร พวกกูมีเรื่องสำคัญ” ไอ้อิฐพูดต่อ
“ถ้าคนที่มึงหมายถึงคือไอ้ชัยอะนะ มันกับเพื่อนอยู่ห้องตรงข้ามกูพอดี 609 ว่าแต่พวกมึงถามหามันมีเรื่อ...”
ได้ยินแค่นั้นผมและเพื่อนก็รีบวิ่งไปที่ลิฟต์ของโรงแรมทันที มือกระหน่ำรัวไปที่ปุ่มกดลิฟต์ก่อนรีบเดินเข้าไปแล้วกดปิด อีกแป๊บเดียวนะไหม ชากำลังขึ้นไป
“อ้าวเฮ้ย ยังไม่ทันบอกเลยมีอะไร รีบอะไรกันขนาดนั้นวะ” ชายหนุ่มอีกคนที่ยืนอยู่แถวเคาน์เตอร์พนักงานต้อนรับได้แต่ยืนเกาหัวอย่างไม่เข้าใจ ก่อนตัดสินใจปล่อยผ่านเดินออกมาจากตัวโรงแรม เพราะนี่ก็ใกล้ถึงเวลาที่เขาต้องออกไปหาเพื่อนที่ได้นัดเอาไว้แล้ว
ผมวิ่งมองซ้ายมองขวาหาห้องที่บัดดี้ไอ้อิฐบอกอย่างรวดเร็ว ชั้นนี้ทั้งชั้นเงียบสนิท สงสัยคงเป็นเพราะนักศึกษาส่วนใหญ่ที่อยู่ชั้นนี้ไปร่วมสนุกกันที่คอนเสิร์ตเกือบทั้งหมด ไม่นานผมก็พบห้องที่ต้องการ ก่อนหันไปมองห้องที่อยู่ตรงข้ามตามคำบอกที่ได้รับมา ผมกระหน่ำเคาะประตูห้องอย่างรวดเร็ว
เปิดดิวะ !
“ใครวะ ! ไอ้เชี้ยแมนมึงออกไปดูดิ พวกไอ้เต๋าหรือเปล่า เคาะไรขนาดนั้นวะ หูกูไม่ได้หนวก” เสียงตะโกนดังอย่างหงุดหงิดจากในห้องทำให้ผมกำหมัดแน่น ไม่ผิดแน่ เสียงมันจริง ๆ ด้วย ผมกระหน่ำเคาะไปอีกครั้งจนในที่สุดประตูก็เปิดออกมา หนึ่งในเพื่อนของไอ้คนที่จะจีบไหมมองหน้าผมอย่างตกใจเมื่อเห็นว่าใครมาเยือนที่หน้าประตูเพราะลืมส่องตาแมว มันทำท่าจะปิดประตูทันที แต่พวกผมไวกว่า ผมถีบประตูกระแทกหน้ามันจนล้มหงายไปกับพื้น ไอ้คีย์กับไอ้อิฐต่างรีบวิ่งตามเข้ามาในห้อง
“เฮ้ย พวกมึง !” เสียงคนล้มไปนอนกับพื้นร้องเรียกเพื่อนของมัน
ภาพที่ผมเห็นตรงหน้ามันทำให้ผมสั่นไปทั้งตัวด้วยความโกรธ ใยไหมกำลังนอนอยู่บนเตียงในสภาพสลบไสล กระดุมเสื้อของเจ้าตัวถูกปลดออกจนหมด เผยให้เห็นเนินอกขาวเนียนกับเสื้อในที่เจ้าตัวใส่อยู่ ร่างของไอ้สัตว์นรกนั่นผละตัวออกจากใยไหมหันมามองผมอย่างตกใจ เพราะมันคงคิดไม่ถึงว่าผมจะตามมาได้เร็วขนาดนี้ ในขณะที่เพื่อนของมันที่กำลังกดมือถือถ่ายคลิปเรื่องเลว ๆ ที่พวกมันกำลังทำต่างก็รีบเก็บมือถือของตัวเอง
ไม่อยากจะคิดเลย ... ว่าถ้าผมมาช้ากว่านี้อีกนิดเดียว ไหมจะเป็นยังไง
มันเป็นเพราะผมไม่เดินตามไหมไปห้องน้ำแท้ ๆ
ไอ้พวกระยำ !
“ไอ้เหี้ย ! มึง !” ผมพุ่งตัวไปกระชากร่างของมันออกมาให้ห่างจากตัวใยไหม ต่อยหน้ามันไปหนึ่งหมัดก่อนที่มันจะทันตั้งตัว มันเซถลาออกมาแบบมึน ๆ ผมก็เหวี่ยงตัวมันให้ล้มลงไปนอนกับพื้น ก่อนกระหน่ำต่อยไปที่ใบหน้าของมันอีกหลายครั้ง ดูท่ามันจะไม่ได้เก่งอย่างที่ปากพูด เพราะโดนไปแค่หมัดสองหมัดก็ดูท่าจะจอดซะแล้ว
“มึงเก่งนักไม่ใช่เหรอ ! ปากดีด้วยนี่ ! ลุกขึ้นมาซิ ลุกขึ้นมาซิวะ !” ผมตะคอกใส่หน้ามันที่ยังดูมีสติอยู่ มันยันตัวขึ้นมาขยับตัวทำท่าจะลุกหนีผม ขณะเดียวกันเพื่อนอีกสองคนของมันก็ถูกไอ้คีย์กับไอ้อิฐจัดการอยู่ ไม่นานเพื่อนมันสองคนก็ถูกจัดการ โดนลากไปกองรวมกันที่มุมหนึ่งของห้อง ก่อนที่ไอ้คีย์จะเข้าไปช่วยใยไหมหาผ้าห่มมาคลุมตัวให้
เลือดของมันไหลย้อยเต็มมือของผม ใบหน้ามันเขียวช้ำ ผมมั่นใจว่าฟันมันต้องหลุดออกจากปากซี่สองซี่แน่นอน ร่างตรงหน้าพยายามถอยตัวหนีไปที่ประตูทางออก แต่ผมก็ลากตัวมันกลับมาเหวี่ยงลงพื้นแล้วเตะซ้ำไปที่ชายโครงของมัน ก่อนกระทืบซ้ำไปที่ท้องอีกหลายที แต่มันยังไม่พอหรอก มันกล้าดียังไงเอามือสกปรกแบบนั้นมาแตะต้องตัวไหม รอบตัวผมตอนนี้เหมือนมีแค่ผมกับมัน ความโกรธแค้นที่ผมมีมันมากเกินกว่าที่จะหยุดแล้วตอนนี้ แล้วเสียงหนึ่งก็กระซิบดังขึ้นอยู่ในหัวผม
ฆ่ามันซิ ฆ่ามันเลย
“ไอ้ชา ! เฮ้ย พอก่อน ใจเย็น” ผมไม่แน่ใจว่าเป็นเสียงไอ้อิฐหรือไอ้คีย์ ผมได้ยินไม่ถนัด ก่อนที่ใครบางคนจะมาดึงตัวผมไว้ไม่ให้เข้าไปกระทืบมันต่อ
แบบนั้นแหละ เอามันให้ตาย เลือดแค่นี้ยังน้อยไป
“ปล่อยกู ! อย่ามายุ่งกับกู !” ผมร้องตะโกนออกไปอย่างโมโห สะบัดร่างของคนที่เข้ามาจับตัวเอาไว้อย่างหงุดหงิด แทบจะไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่าตอนนี้ทำอะไรลงไป ผมอยากที่จะฆ่ามันอย่างเดียว ทุกอย่างมันเหมือนเป็นอัตโนมัติไปหมด ผมไม่สนใจแม้ว่าจะต้องทำร้ายเพื่อนของตัวเอง ร่างของไอ้คีย์และไอ้อิฐ ถูกผมใช้พลังผลักกระเด็นกลับเข้าไปในห้องอย่างรุนแรง
ผมหันไปมองร่างที่อยู่ตรงหน้าที่ยังสามารถลากสังขารตัวเองหนีออกนอกห้องไปได้ ผมเดินตามมันออกไปอย่างช้า ๆ เพราะรู้ดีว่ายังไงมันคงไม่พ้นมือผมไปได้หรอก
หลอดไฟแต่ละดวงบริเวณระหว่างทางเดินระเบิดไล่กันไปจนสุดทาง
ความมืดเข้ามาปกคลุมบริเวณรอบ ๆ แต่น่าแปลกใจที่ผมยังคงเห็นร่างของมันที่คลานหนีไปอย่างน่าเวทนาอย่างชัดเจน
ตัวของมันที่คลานหนีผมออกไป บริเวณข้อเท้าเหมือนมีอะไรบางอยากลากมันกลับมาหาผม
“ปะ ปล่อย กู กะ กลัวแล้ว มึงเป็นตัวอะไร” เสียงนั้นพูดด้วยความหวาดกลัวและสั่นเครือ พนมมือไหว้ผม พลางขยับตัวถอยห่าง ผมไม่รู้ว่าตัวผมตอนนี้รู้สึกยังไงดี มันทั้งโกรธ ทั้งสะใจ ที่เห็นมันได้ทรมาน
ฆ่ามันซิ เอาเลย
มันสมควรตายแล้ว
ฆ่ามันเลย
ฆ่ามัน !
ความรู้สึกลึก ๆ ของผมอยากให้มันตาย ... ซึ่งตอนนี้ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ขวางผมไว้ไม่ได้
ร่างของมันค่อย ๆ ลอยขึ้นมากลางอากาศตามความคิดของผม มือทั้งสองข้างของมันบีบไปที่ลำคอของตัวเอง มันสมควรแล้วที่จะต้องตายแบบนี้ ร่างตรงหน้าผมลิ้นจุกปาก ดิ้นพล่านเหมือนปลาที่ขึ้นมาอยู่บนบก ยิ่งผมเห็นเลือด เห็นความทรมานของมันผมก็ยิ่งสะใจ ผมไม่สนใจว่าผลกระทบที่จะตามมาคืออะไรอีกแล้ว เหมือนคนสติขาด ประกอบกับเสียงในหัวที่ยังบอกให้ผมฆ่ามันอย่างต่อเนื่อง
ใบหน้าของมันบิดเบี้ยว ตะเกียกตะกายหาอากาศหายใจ ซึ่งไม่นานมันจะขาดใจตาย
มันกำลังจะตาย ... และผมกำลังยืนมองด้วยความสะใจ
อยู่ ๆ ผมก็ถูกแรงที่มองไม่เห็นผลักกระเด็นไปติดกับฝาผนังระหว่างทางเดิน คนที่กำลังจะขาดใจตายร่วงลงสู่พื้นก่อนมันจะไอออกมาอย่างรุนแรง ผมหันไปมองร่างของไอ้คีย์เดินออกมาจากห้องนั้น มันนั่นเองที่เป็นคนขัดขวางไม่ให้ผมฆ่าไอ้ระยำนั่น ก่อนที่ผมจะได้ทำอะไรต่อ ร่างของไอ้คีย์ก็พุ่งตัวเข้าหาผมแล้วต่อยเข้าที่ใบหน้าหนึ่งทีให้ได้สติ
“มึงบ้าไปแล้วเหรอ ! กะจะฆ่ามันให้ตายเลยหรือไง มึงอยากเป็นฆาตกรเหรอไอ้ชา !”
ผมหอบหายใจถี่ สติเริ่มกลับมา มองสภาพสิ่งที่เกิดขึ้นรอบ ๆ ตัว มือผมโชกไปด้วยเลือดของร่างที่นอนสลบอยู่ ร่างนั้นสลบไปแล้ว สภาพใบหน้าเละเทะจนดูไม่ได้ ไม่เหลือเค้าโครงเดิมเลยสักนิด ตลอดทางเดินเต็มไปด้วยเศษแก้วจากหลอดไฟที่ระเบิดออกมาด้วยอารมณ์ของผม
ไอ้คีย์หันไปมองกล้องวงจรปิดระหว่างทางเดินที่อยู่ห่างพอสมควร ก่อนมันจะช๊อตระเบิดแล้วร่วงลงมาที่พื้น มันคงอยากทำให้แน่ใจว่ากล้องตัวนั้นมันพังแล้วจริง ๆ
“รู้ตัวไหมว่าทำอะไรลงไป ไอ้อิฐเจ็บหนักเพราะมึงเลยรู้ไหม” ไอ้คีย์พูดขึ้นมาอย่างเคร่งเครียด
“หมายความว่าไง กูทำอะไรลงไป” ผมถามมันออกไป เท่าที่จำได้คือผมแค่ผลักมันทั้งสองคนให้พ้นจากทางเท่านั้นเอง
“มึงใช้พลังกระแทกร่างมันไปติดผนังห้องจนสลบ โชคดีที่กูเป็นยมทูต ร่างกายเลยฟื้นตัวอย่างรวดเร็วออกมาห้ามมึงทัน”
“กูขอโทษ” ผมพูดออกไป
“กูถามมึงจริง ๆ นะ มึงกะจะฆ่ามันให้ตายเลยเหรอไอ้ชา”
ผมเงียบไม่ตอบคำถามไอ้คีย์ ผมเองก็ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ผมโมโหมากมายจนถึงขนาดตั้งใจฆ่าใครสักคนลงได้ยังไง แต่มันก็เกิดขึ้นไปแล้ว
“ไหม ไหมเป็นไงบ้าง” ผมร้องถามไอ้คีย์เมื่อนึกถึงไหมขึ้นมาได้ ไม่รอฟังคำตอบจากมันผมก็รีบวิ่งกลับเข้าไปในห้องของโรงแรมอีกครั้ง
“มึงพาเพื่อนมึงที่นอนอยู่หน้าห้องไปโรงพยาบาล แล้วเลิกแล้วต่อกันซะ ถ้าไม่อยากให้พวกกูแจ้งความ” ไอ้คีย์พูดกับร่างสองร่างที่มุมห้องที่เพิ่งฟื้นขึ้นมา มันทั้งสองคนรีบลุกขึ้นเดินหนีออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว
“ไป ออกไปจากที่นี่เถอะ อีกไม่นานพวกพนักงานโรงแรมต้องขึ้นมาดูชั้นนี้แน่ เละเทะขนาดนี้ กูจะไปจัดการกล้องวงจรปิดที่เหลือด้วย” ไอ้คีย์พูดพร้อมเข้าไปพยุงตัวไอ้อิฐที่ยังไม่ได้สตินอนกองอยู่ที่พื้น ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผมทำร้ายไอ้อิฐไว้แรงขนาดนี้ เอาไว้ขอโทษมันทีหลังละกัน
ตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่ทางด้านหลังของรถ ขากลับ ไอ้คีย์เป็นคนขับพร้อมกับไอ้อิฐที่ยังสลบอยู่ด้านหน้าของรถเช่นกัน ผมหันไปมองหน้าใยไหมที่นั่งพิงผมอยู่ข้างตัวอย่างเป็นห่วง เจ้าตัวก็เป็นอีกคนที่ยังไม่ฟื้นขึ้นมา ผมกับไอ้คีย์เลยว่าจะพาไปโรงพยาบาลเพราะไหมคงต้องโดนวางยาอะไรสักอย่างเข้าไปแน่นอน ให้หมอตรวจสักหน่อยจะได้หายห่วง ระหว่างที่ผมกำลังเอามือลูบผมไหมพร้อมมองหน้าเจ้าตัวอย่างเพลิน ๆ อยู่ เสียงไอ้คีย์ที่กำลังขับรถอยู่ก็ดังขึ้นมา สายตามันมองผ่านกระจกมาทางด้านหลังอย่างเคร่งเครียด
“กูมีอีกเรื่องอยากจะบอกมึง”
“มีอะไรวะไอ้คีย์” ผมถาม
“มึงรู้ตัวไหมว่าตอนที่มึงทำร้ายมัน มึงดูไม่ปกติเลย”
“หมายความว่าไงไอ้คีย์ ก็ตอนนั้นกูโมโหอะ มันไม่ปกติยังไง” ผมถามมันอีกครั้งด้วยความไม่เข้าใจ ตอนนั้นผมอาจจะหลุดไปจริง ๆ ผมถึงขนาดคิดจะฆ่าคนได้เลย
“มึงยิ้ม ยิ้มเหมือนมึงมีความสุขที่จะได้ฆ่ามัน”
“กูไม่ได้ยิ้ม มึงตาฝาดหรือเปล่า ตรงนั้นมืดจะตาย” ผมเถียงมันกลับไป ผมสาบานได้ ตอนนั้นผมทั้งโมโห ทั้งแค้น ทั้งสะใจที่มันทรมาน แต่ความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลไม่ใช่สิ่งที่ไอ้คีย์กำลังพูดอยู่แน่ ๆ ผมไม่ได้มีความสุขที่จะฆ่ามัน
“ต่อให้มันมืดแค่ไหน สายตายมทูตของกูก็มองเห็น มึงยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มที่เหมือนไม่ใช่ตัวมึง”
คำพูดของไอ้คีย์ทำให้ผมนึกถึงเหตุการณ์เมื่อหลายวันก่อน วันที่ผมกับไหมไปดูหนังด้วยกันแล้วขากลับผมแวะเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัว หลังจากนั้นผมก็เห็นตัวเองในกระจกยิ้มออกมา รอยยิ้มที่ดูยังไงก็ไม่ใช่ตัวผม ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวผมอีกแล้ว
แต่ช่างเถอะ วันนี้มีเรื่องยุ่งวุ่นวายมากพอแล้ว ผมไม่อยากคิดอะไรให้มันรกสมองมากยิ่งไปกว่านี้ แค่วันนี้ไหมปลอดภัยไม่ได้เป็นอะไร ผมก็พอใจแล้ว
ระหว่างที่ชาบูกำลังนั่งคิดอะไรไปเพลิน ๆ ทางด้านหลังของรถ เงาของชายหนุ่มก็สะท้อนออกมาจากทางกระจกด้านข้าง กระจกสีดำสะท้อนใบหน้าที่เหมือนเจ้าตัวออกมาทุกประการ จะต่างกันก็ตรงที่ในกระจกสีดำ เงาของเจ้าตัวกลับกำลังหันหน้ามามองพร้อมกับแสยะยิ้มดูร่างที่อยู่นอกกระจกโดยที่เจ้าของเงาไม่ทันได้สังเกตเห็น
ตัวหมากที่มองไม่เห็น กำลังจะเริ่มเดินเกม ...