[GS] บทที่ 11 คัมภีร์เป็นตาย
[GS] บทที่ 11 คัมภีร์เป็นตาย
อันที่จริงแล้วลู่หยุนไม่ได้อยากจะเข้ามาในห้องฝังศพมากนัก เขาพยามใช้เท้าตะกายไปทั่วห้องและมองไปรอบ ๆ
นี่เป็นห้องโถงมากกว่าห้องธรรมดา มันกว้างขวางและภายในตกแต่งอย่างหรูหรา ไข่มุกมหึมาส่องประกายในแต่ละมุมทั้งสี่เพื่อส่องสว่างห้องโถง เมื่อเห็นภาพตรงหน้า ดวงตาเขาก็ถึงกับกระตุก “มีคนอื่นที่นี่แน่ๆ!”
โลงศพยักษ์ตั้งเงียบ ๆ อยู่กลางห้องโถง ข้างใต้นั่นมีร่างแปดร่างที่ดูน่าขนลุกในชุดดำยืนอยู่ในรูปแบบแปลก ๆ มือของพวกเขาบิดและทำท่าทางประหลาด ที่ด้านหน้าของหีบห่อมีแผ่นยันต์สีแดงเข้มผูกติดไว้บนโลง
เมื่อสังเกตถึงการมาถึงของลู่หยุน สายตาชั่วร้ายก็จ้องมองมาที่เขาเสียจนทำให้หัวใจของชายหนุ่มเต้นโครมคราม
“ว่านเฟิง!” เขาหันกลับมามองอย่างระมัดระวังเพื่อหาใครบางคน หากแต่ไม่มีใครอยู่ข้างหลังเลยแม้แต่น้อย สาวรับใช้ตัวน้อยของเขาไม่ได้ติดตามเขามาด้วย แถมประตูที่ท่านเจ้าเมืองหนุ่มผ่านมานั้น มันก็ไม่มีอีกต่อไปแล้ว เหลือแค่เพียงกำแพงที่ราบเรียบปราศจากร่องรอยใด ๆ ตอนนี้ชายหนุ่มอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่เสียแล้ว
“ดูสิ เจ้านอนแมลงที่น่าสงสาร” เสียงหนักดังกึกก้องไปที่หูของลู่หยุน มันแหบแห้งและไร้ชีวิตชีวา หลังจากนั้นไม่นาน พลังอันมหาศาลก็ลากเขาขึ้นก่อนที่เขาจะถูกโยนไปที่เท้าข้างหนึ่งของพวกมัน “มนุษย์งั้นเหรอ? ไม่ใช่ผู้ฝึกตนใช่ไหม?”
“เป็นไปได้ยังไงกัน มนุษย์ธรรมดาเนี่ยนะจะจัดการกับหุ่นเชิดของข้าได้?” ชายอีกคนหนึ่งถามขึ้น และถึงเสียงของชายคนนี้จะไม่มีชีวิตชีวาเช่นกัน หากแต่มันก็แต่งแต้มไปด้วยความประหลาดใจ
ลู่หยุนเงยหน้าขึ้นสบตากับดวงตาสีแดงเข้มไร้อารมณ์คู่หนึ่ง สายตาที่จ้องมองมายังเขา มันทำให้ชายหนุ่มรู้สึกราวกับว่ามีของหนักนับพันชั่งทับโถมไปทั่วร่างกายของเขา
คนพวกนี้ต้องมาที่นี่ก่อนหน้าอย่างน้อยสองสามศตวรรษแล้ว! เรื่องราวตรงหน้าทำให้เกิดความหวาดกลัวในใจของลู่หยุน ภายในหัวความคิดของชายหนุ่มเริ่มทำงานอย่างรวดเร็ว
“เขาไม่ใช่ผู้บุกรุกคนเดียว เมื่อกี้ไอ้เด็กนี่มันกำลังเรียกหาใครอยู่”
“ฮิ ฮิ ดีนะที่เขาเป็นมนุษย์ เลือดและเนื้อที่บริสุทธิ์ไม่ได้รับการปนเปื้อน มันเหมาะมากสำหรับการนำไปบูชายัญ”
“เลิกพูดไร้สาระแล้วรีบเร็วเข้า ผู้ฝึกตนคนนั้นไม่ได้อ่อนแอนะ ถ้านางเข้ามาได้ล่ะก็พวกเราจบแน่ รีบทำพิธีแล้วเอาของมาได้แล้ว”
มือจากเงามืดยกลู่หยุนขึ้นไปกลางอากาศ
นี่มันไม่ใช่มือของมนุษย์สินะ? ลู่หยุนถึงกับตัวสั่นเมื่อเห็นเข้ากับนิ้วที่หนาและแข็งแรงเหมือนกรงเล็บของสัตว์ร้ายที่ถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ด พวกมันต้องการอะไรกันแน่? นี่คิดจะใช้ข้าเป็นเครื่องสังเวยงั้นเหรอ?!
หัวใจของเจ้าเมืองหนุ่มทรุดลง ครั้งนี้เขาได้ตายแน่ ๆ ยังไงเสียตัวเขาก็เป็นแค่มดปลวกที่ไม่สามารถต่อกรคนพวกนี้ได้เลย
"การบูชายัญเป็นเรื่องต้องห้ามในโลกเซียน แต่ในเมื่อสุสานแห่งนี้ไม่เห็นแสงเดือนแสงตะวันอยู่แล้ว งั้นก็ไม่มีใครรับรู้ได้หรอก" ชายคนหนึ่งกล่าว เขาตวัดนิ้วเบา ๆ ผ่านข้อมือของลู่หยุน
ฉัวะ!
เลือดสีแดงสาดขึ้นไปบนอากาศ ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ทั้งแปดคนทเริ่มร่ายมนตร์
‘ไม่คิดว่าเลือดของเราจะพุ่งได้ไกลแบบนี้เลยแฮะ’ ลู่หยุนรู้สึกได้ถึงความอ่อนแอที่คืบคลานเข้ามาและสติที่เลือนราง
หวือ!
ทันใดนั้นเปลวไฟสีแดงก็ลุกไหม้ท่วมตัวลู่หยุน ร่างของเขาค่อย ๆ ลุกขึ้นและนอนลงบนโลงศพที่ลอยอยู่ โลงศพคือแท่นบูชา ส่วนลู่หยุนเป็นเครื่องสังเวย
เลือดของชายหนุ่มย้อมโลงศพจนกลายเป็นสีแดง ระลอกคลื่นกระเพื่อมของเลือดสั่นไหวจะเห็นผิวคลื่น ร่างทั้งแปดพยายามทำให้ยันต์หลอมรวมเข้ากับโลงด้วยความตื่นเต้น
ร่างกายของลู่หยุนกำลังไหม้ เปลวไฟสีแดงตกแต่งห้องโถงทั้งหมดด้วยความร้อน และแสงสว่างเจิดจ้า
ครืน!
หลังเกิดเสียงมากมาย ฝาโลงก็ได้เปิดออก
"เราทำได้! เราทำได้!" หนึ่งในแปดร่างตะโกนด้วยความตื่นเต้น พวกเขาอยู่ในสุสานมานานหลายศตวรรษ และในที่สุดความพยายามของพวกเขาก็เห็นผล! ความสำเร็จครั้งนี้ทำเอาทั้งแปดคนน้ำตาไหล
“เราควรนำมนุษย์มาบูชายัญตั้งแต่เมื่อครึ่งศตวรรษที่แล้ว มันน่าจะทำให้เรื่องนี้ง่ายขึ้นเยอะเลย” หนึ่งในพวกเขาคร่ำครวญอย่างเงียบ ๆ
"ช้าก่อน!" เรียกชายอีกคนหนึ่งออกมาด้วยชุดดำ “ร่างของไอ้เด็กนั่นหายไปไหนแล้ว?”
......
ที่นี่เป็นอีกที่ที่ไม่เคยเห็นแสงตะวัน ลู่หยุนจ้องมองรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ต่อหน้าเขาด้วยความตะลึง “นี่คือคัมภีร์สัมฤทธิ์จากสุสานราชวงศ์ฮั่นไม่ใช่เหรอ นี่ข้ากำลังจะได้กลับไปที่นั่นงั้นเหรอ?”
เจ้าเมืองหนุ่มมองไปรอบ ๆ อย่างว่างเปล่า ไม่มีแหล่งกำเนิดแสงอื่นใดนอกจากแสงสลัวที่มาจากโคมโบราณ
“คัมภีร์เป็นตาย” เขาเปล่งเสียงพูดโดยไม่รู้ เมื่อได้เห็นตัวอักษรในหนังสือเล่มนั้น
“ข้ารับใช้ยู่อิง ขอต้อนรับนายท่าน” เสียงเย็น ๆ ผ่านหูลู่หยุน
เขาหันไป ก่อนที่จะตัวแข็งทื่อทันทีที่ได้เห็นภาพเบื้องหน้า มีผู้หญิงเปลือยกายนั่งคุกเข่าต่อหน้าลู่หยุน สะโพกของเธอยกสูงในอากาศ
“เจ้าพูดว่าอะไรนะ?” ลู่หยุนถามอีกครั้ง “เดี๋ยวก่อน จ จะ เจ้าคือ ยู่อิง!”
“ข้ารับใช้ ยู่อิงขอต้อนรับนายท่าน” ผู้หญิงเปลือยกายเงยหน้าขึ้นและพูดอีกครั้ง
ได้ไงกัน...
นี่มันบ้าเกินไปแล้ว หญิงสาวร่างเปลือยตรงหน้าเขาคือผู้หญิงในภาพวาดนั่น!
นางคือเซียนโอสถ ยู่อิง
ยู่อิงที่ตายไปแล้วในช่วงสงครามเซียนเมื่อหลายพันปีก่อน
ลู่หยุนก้าวถอยออกไปโดยไม่คิด นางตายไปแล้ว! แต่ที่นี่ตอนนี้นางกลับยังมีชีวิตอยู่!
หวือ!
ก่อนที่ชายหนุ่มจะฟื้นจากอาการช็อก เสียงระเบิดดังขึ้น เปลวไฟสีดำล้อมรอบร่างของเจ้าเมืองหนุ่มเอาไว้ และทันใดนั้นหน้ากระดาษของคัมภีร์ก็เปิดอย่างช้า ๆ ในหน้าแรกที่ว่างเปล่า บัดนี้ได้มีสองชื่อถูกเขียนลงไป : เก้อหลง ยู่อิง
"เกิดอะไรขึ้นที่นี่กันแน่?" ลู่หยุนรู้สึกว่าความคิดของเขาไม่สามารถทำความเข้าใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้าได้เลยแม้แต่น้อย สองคนที่มีชื่อเขียนไว้ในคัมภีร์ได้ตายไปแล้ว และตอนนี้พวกเขาก็กลับมามีชีวิตอีกครั้ง? ตัวเขาเองก็ตายในสุสานราชวงศ์ฮั่น แต่กลับชาติมาเกิดในโลกแห่งเซียน
“ทั้งหมดนี่เกี่ยวข้องกับคัมภีร์เล่มนี้งั้นเหรอ?”
หวือ!
เปลวไฟสีดำที่ล้อมรอบกระแทกเข้าสู่ร่างกายของลู่หยุน ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะได้ตอบสนองอะไร ข้อมูลจำนวนมหาศาลก็ทะลักเข้ามาในหัวของเขาอย่างไม่หยุด
“การคืนชีพอยู่ในเงื้อมมือของข้า ชีวิตและความตายของทุกโลกล้วนแต่อยู่ใต้บัญชาของข้าทั้งสิ้น!” ปากของเขาเปล่งถ้อยคำออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
ยู่อิงตัวสั่นเมื่อได้ยินแบบนั้น หญิงสาวก้มหัวที่เพิ่งเงยขึ้นมาลงไปอีกครั้ง
แสงสีดำมืดส่งผ่านดวงตาลู่หยุน “ชีวิตและความตาย!” ดวงตาของชายหนุ่มเปล่งแสงและทักษะวิชาต่าง ๆ ก็ปรากฏขึ้นในหัวของเขา ...นี่มันคือหนทางแห่งการฝึกตน!
ลู่หยุนไม่เคยฝึกตนมาก่อน ดังนั้นเขาจึงไม่รู้วิธีการ อย่างไรก็ตามร่างกายของเขากลับมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างรวดเร็วและเริ่มกระบวนการในทันทีเมื่อวิธีการดังกล่าวปรากฏขึ้น พลังงานบางอย่างไหลเวียนอย่างช้า ๆ จนก่อให้เกิดคลื่นลม และกระแสปราณก็ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเขาแล้ว นี่คือปราณประยุกต์ ขั้นแรกของระดับปราณ!
นี่คือช่วงเวลาที่ลู่หยุน ท่านเจ้าเมืองสนธยากลายเป็นผู้ฝึกตนอย่างเป็นทางการ!!!
ลู่หยุนหลับตา ตอนนี้เขาสามารถมองเห็นพื้นที่ว่างเปล่าซึ่งมีศูนย์กลางเป็นคัมภีร์เป็นตาย ที่ถูกรายล้อมไปด้วยเปลวไฟสีดำ ถัดจากนั้นก็มีมังกรเก้าตัวที่แบกโลงศพขนาดยักษ์นอนอยู่
“ดูเหมือนว่าคัมภีร์จะเป็นสาเหตุว่าทำไม มังกรแบกโลงศพ ถึงกลายเป็นวิชาการต่อสู้ของข้าสินะ” ลู่หยุนบ่น “และเจ้าคัมภีร์ก็เป็นคนพาข้าออกจากสุสานมาสู่โลกแห่งเซียนด้วยเช่นกัน”
เมื่อเขาเปิดดวงตาอีกครั้ง ไฟสีดำสองเส้นก็สะบัดผ่านพวกเขาไป เจ้าเมืองหนุ่มหันไปหายู่อิงและได้รับข้อมูลทั้งหมดของนางในทันที
“ยู่อิง เจ้าเมืองคนที่ 8 แห่งเขตสนธยา มณฑลหลางเซี๋ยเทียน ผู้สามารถปรุงโอสถแห่งเซียนได้ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้เป็นเซียนก็ตาม และด้วยความขัดแย้งที่มีต่อผู้อื่น นางจึงตายในระหว่างที่กำลังทำการบวงสรวงให้กับสวรรค์อยู่ ดวงจิตของนางกระจัดกระจาย ก่อนจะเกิดใหม่ในร่างของเซียนในโลกแห่งนี้ นางคือทูตแห่งสังสารคนแรก”
ข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับหญิงสาวเบื้องหน้าพุ่งเข้ามาที่ลู่หยุนอย่างง่ายดาย ทั้งประสบการณ์ชีวิต วิธีการฝึก วิชาต่อสู้ และข้อมูลอื่น ๆ ไม่มีเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับนางที่ลู่หยุนไม่รู้
ลู่หยุนคุกเข่าบนพื้นพร้อมกับจ้องมองสาวงามตรงหน้า
“เจ้านะลุกขึ้นได้แล้ว” ลู่หยุนเสนอ
“รับทราบเจ้าคะ” ภาพที่หญิงงามตรงหน้าลุกขึ้นเกือบทำให้เลือดกำเดาของชายหนุ่มไหลออกมา
“เจ้า...หาเสื้อผ้าใส่ก่อนจะได้ไหม?” เจ้าเมืองหนุ่มพูดติดอ่าง ดูเหมือนว่าการควบคุมตัวเองในสถานการณ์แบบนี้ช่างเป็นเรื่องที่ยากเสียเหลือเกิน
“ชุดของข้าน้อยถูกเผาไปจนหมดสิ้นแล้ว ได้โปรดให้อภัยด้วยเจ้าคะที่ไม่สามารถทำตามคำบัญชาได้” ขณะที่พูดหญิงสาวก็หมุนตัวอย่างช้า ๆ ให้เห็นรูปร่างทั้งหมด ก่อนที่จะปรากฏแสงสีขาวคลุมร่างของนางเอาไว้ให้กลายเป็นชุดกระโปรงสีขาวนวล ซึ่งนั่นก็ทำให้นางดูงดงามราวกับเทพธิดายังไงยังงั้น
“นี่เจ้าคิดจะยั่วยวนข้าใช่ไหมเนี่ย!” ลู่หยุนลูบจมูกของเขา อย่างน้อยตอนนี้ชายหนุ่มก็ยังสามารถควบคุมตัวเองไว้ได้
“ไม่แปลกใจเลยที่ว่าทำไมเก้อหลงและว่านเฟิงถึงไม่รู้ว่าตัวข้ากลับชาติมาเกิดในร่างนี้ คัมภีร์นั่นมีพลังแห่งการเกิดใหม่ เมื่อมันพาข้ามาที่นี่ นั่นก็ทำให้ข้าคนนี้กลับมาเกิดใหม่ในร่างของเจ้าเมืองหนุ่มแทน” เขากล่าว
ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้ว คัมภีร์เล่มนี้ก็คือสิ่งที่ทำให้เขาเกิดใหม่! และด้วยเหตุผลอะไรสักอย่างมันจึงทำให้คัมภีร์กลายเป็นส่วนหนึ่งของเขา
“แต่อะไรกันที่ทำให้ข้าเป็นแบบนี้ล่ะ? *เยียนหลัว*สักคนรึเปล่านะ? ถึงพลังของข้าในตอนนี้จะสูงกว่าเยียนหลัวเองก็เถอะ”
สายตาของยู่อิงในตอนนี้ดูไม่น่าเชื่อสุด ๆ
......
“ทำไมมันถึงว่างเปล่า! ของสิ่งนั้นอยู่ที่ไหน!” ชายแปดคนกำลังโวยวายอย่างลนลาน การหายตัวไปของร่างของลู่หยุนว่าแปลกแล้ว แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น สิ่งสำคัญคือพวกเขาต้องการสิ่งที่อยู่ในโลงนั่น ทัศนียภาพแห่งความเด่นชัด ต่างหาก!
อย่างไรก็ตามร่างกายและสมบัติของเจ้าของโลงกลับไม่อยู่ภายในโลงศพที่เปิดโล่งตรงหน้าของพวกเขา
“เป็นไปได้ไหมว่ายู่อิงไม่ได้ถูกฝังที่นี่? แล้วทำไมไฟถึงไหม้อยู่ข้างใต้นี่กันล่ะ?”
“ผู้เดินทางมันวางกับดักเอาไว้แล้วงั้นเหรอ?”
“เจ็ดร้อยปี! พวกเราเสียเวลากว่าเจ็ดร้อยปี!” ชายแปดคนหัวเสีย พวกเขากลับมาคร่ำครวญชีวิตของตัวเองอีกครั้ง พวกเขาเป็นสาวกที่ดีที่สุดในกลุ่ม หากพวกเขาไม่ได้เสียเวลาที่นี่ ป่านี้พวกเขาคงจะกลายเป็นเซียนไปนานแล้ว!
“พวกเจ้ามันอ่อนแอ พวกเจ้าไม่มีวันเป็นเซียนได้หรอก!” เสียงอันหนาวเหน็บของหญิงสาวดังขึ้นจากด้านบนสุสาน หญิงสาวมีรูปร่างที่สวยงามและอยู่ในชุดสีขาว
“เซียนโอสถ ยู่อิง! เป็นไปได้อย่างไร? เจ้าตายไปแล้วนี่!” ชายคนหนึ่งร้องไห้ด้วยความกลัวและสับสน
“เจ้ากล้าดียังไงถึงใช้นายท่านของข้าเป็นเครื่องสังเวย? จงชดใช้ด้วยชีวิตของเจ้าซะ!” หญิงสาวชี้นิ้วของนาง ก่อนจะส่งเปลวไฟเขียวขจีใต้โลงศพที่ลอยอยู่เหนือพื้นให้ระเบิดคลื่นเปลวเพลิงออกมา อัคดีได้เผาผลาญและแปรเปลี่ยนห้องนี้ให้กลายเป็นทะเลเพลิงในทันที
...
*เยียนหลัว เทพแห่งความตายของชาวจีน ที่คอยตัดสินความดีชั่วในตัวผู้ตาย หรือจะเรียกให้เข้าใจง่ายๆในความเชื่อไทยๆก็คือ พระยม หรือ พระยมราช นั่นเอง*