บทที่ 293 ถูกฝังไปพร้อมกัน
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ : แปลได้แล้ว
ในไม่ช้า จักรวรรดิมังกรเวหาก็ได้ประกาศราชโองการลงมาและคำแถลงนั้นก็ค่อนข้างรุนแรงมาก มันเป็นการสั่งให้ซูตี๋หวังไปรายงานตัวที่เมืองเทียนชิงและแถลงไขข้อกล่าวหาที่สมเหตุสมผลมา มิฉะนั้น พวกเขาจะส่งกองทัพและรวมพลอีกห้าอาณาจักรเพื่อไปโจมตีและทำลายอาณาจักรต้าเซี่ย
จากนั้นไม่นาน เหล่าอาณาจักรทั้งห้าต่างก็ประกาศออกมาเช่นกัน เขาขอให้ตระกูลราชวงศ์ต้าเซี่ยอธิบายมันออกมาอย่างสมเหตุสมผล ไม่อย่างนั้น พวกเขาจะเดินทัพไปพร้อมกับกองทัพจักรวรรดิมังกรเวหาเพื่อโจมตีอาณาจักรต้าเซี่ย
ในเวลานี้ กองกำลังของทัพใหญ่ๆทั้งหมดนั้นได้รวมกันเป็นปึกแผ่น เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ค่อนข้างสำคัญเพราะเกี่ยวข้องกับการอยู่รอดของเผ่าพันธุ์มนุษย์ หากไม่มีคำอธิบายที่สมเหตุสมผล พวกเขาก็จะต้องรวมกำลังกันและสั่งสอนอาณาจักรต้าเซี่ย หากไม่เช่นนั้นก็อาจจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นได้อีกในภายภาคหน้า
เป็นเรื่องปกติที่เหล่ามนุษย์จะทำสงครามระหว่างกัน แต่ในคราวนี้มันมีผู้ที่ดึงสัตว์อสูรเข้ามาช่วยในการต่อสู้ของเหล่ามนุษย์กันเอง มันเป็นการละเมิดกฎซึ่งปลุกระดมให้ผู้คนโกรธแค้น และพวกเขาจะต้องมีคำตอบกับเรื่องนี้ หากพวกเขาไม่ได้ทำลายอาณาจักรต้าเซี่ย มันก็จะไม่สามารถดับความโกรธแค้นของผู้คนได้
หอดาราสุ่ยเยว่ อารามเซนและสำนักใหญ่ๆทั้งสามต่างก็มีประกาศออกมาเช่นกัน พวกเขาเขียนวิจารณ์อย่างหนักหน่วงและขอให้ราชวงศ์ต้าเซี่ยให้คำอธิบายแก่พวกเขา มิฉะนั้นพวกเขาก็จะร่วมมือโจมตีอาณาจักรด้วยเช่นกัน เมื่อเป็นการเผชิญหน้ากับความเป็นธรรมของเหล่ามนุษย์แล้ว พวกเขาก็จะรวมกันเป็นปึกแผ่นอย่างน่าประหลาดใจ หากอาณาจักรต้าเซี่ยไม่สามารถให้คำอธิบายได้ภายในหนึ่งเดือน เหล่ากองทัพทั่วทั้งทวีปจะเดินทัพไปยังดินแดนของพวกเขา
อาณาจักรต้าเซี่ยจะสามารถให้คำอธิบายออกมาได้หรือไม่?
แน่นอนว่า ไม่!
แจกันเขียวพิสุทธิ์นั้นเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่เป็นของตระกูลราชวงศ์ต้าเซี่ย แต่ว่าก่อนที่จะเกิดการจลาจลจากสัตว์อสูร มันถูกซูตี๋กั๋วหยิบยืมไป เขาเป็นแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่และซูตี๋หวังเชื่อใจเขาเป็นอย่างมาก เมื่อซูตี๋กั๋วต้องการใช้แจกันเขียวพิสุทธิ์ ซูตี๋หวังก็ไม่ได้คิดอะไรมากมายและส่งมอบให้แก่เขา ทำไมมันถึงได้ตกไปอยู่ในมือของชายชุดดำที่ใช้มันลักพาตัวจิ้งจอกน้อยกันนะ? นี่ก็เป็นบางสิ่งที่ซูตี๋หวังไม่เข้าใจเช่นกัน
มันไม่สำคัญเลยหากว่าชายชุดดำทั้งแปดนั้นจะเป็นผู้ใต้บัญชาของซูตี๋กั๋ว เพราะเรื่องนี้ก็ไม่สามารถอธิบายได้ ซูตี๋หวังนั้นรู้ดีว่าเขาถูกป้ายสีเพราะเขาไม่ใช่ผู้บงการเรื่องนี้ เขาเป็นคนที่มีนิสัยอ่อนโยนและหลังจากที่ทหารหลายแสนคนของเขาถูกเจียงเปี๋ยหลีสังหารไป เขาก็สูญเสี่ยความกล้าหาญชาญชัยไปหมด เขานั้นมัวแต่หมกตัวอยู่กับนางสนมและเคล้าสุรา ทำไมเขาจึงได้มีความกล้าที่จะวางแผนการใหญ่หลวงเช่นนี้ได้กันล่ะ?
หลังจากได้รับรายงานจากเรื่องนี้ เขาก็โกรธจนเป็นลมไป และเมื่อเขาฟื้นขึ้นมาเขาก็ทุบทำลายข้าวของทุกอย่างในพระราชวังอย่างเดือดดาล จากนั้นเขาก็ออกพระราชโองการให้ประหารสายเลือดของซูตี๋กั๋วทิ้งเมื่อยังไม่รู้เรื่องราวจริงๆ และซูตี๋กั๋วมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน
ในตอนนั้นซูตี๋กั๋วเคยต่อสู้เพื่อบัลลังก์ แต่แล้วซูตี๋หวังก็ชนะอย่างตรงไปตรงมา มันไม่เหมือนกับที่ซูจือเหิงกล่าวว่าเขาได้แก้ไขคำสั่งและขโมยบัลลังก์
แม้ว่าในตอนนั้นซูตี๋กั๋วจะเป็นคู่แข่ง แต่เมื่อซูตี๋หวังขึ้นครองราชย์ เขาก็หาได้สนใจความเกลียดชังในอดีตไม่ ความแข็งแกร่งของซูตี๋กั๋วนั้นพิเศษมาก ซูตี๋หวังจึงทำลายข้อยกเว้นไปและเลื่อนตำแหน่งให้เขาได้เป็นแม่ทัพใหญ่ผู้ที่ถือครองอำนาจทหารหนึ่งในห้าส่วนของกองกำลังต้าเซี่ย
เหตุใดซูตี๋กั๋วจึงได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้? ทำไมเขาถึงได้โยนชีวิตตัวเองทิ้งไป? ใครคือผู้บงการที่แท้จริง?
ซูตี๋หวังไม่รู้อะไรเลย และเขาก็ไม่ได้ส่งใครไปลอบสังหารซูตี๋กั๋วด้วย เขานั้นรับรู้ได้ถึงมือที่มองไม่เห็นที่กำลังชักใยและควบคุมทุกอย่าง
เขากำลังถูกปรักปรำ!
เขาโกรธมากแต่ก็ไม่สามารถหาคำอธิบายที่สมเหตุสมผลได้ ยิ่งไปกว่านั้นคือเขาไม่กล้าไปยังเมืองเทียนชิง เมื่อซูผิงผิงตายไปแล้ว หากเขาเข้าไปยังเมืองเทียนชิงเขาก็เกรงว่าตนเองจะไม่ได้กลับออกมาอีก
สิ่งเดียวที่เขาทำลงไปคือประกาศลงไปโดยระบุว่าอาณาจักรต้าเซี่ยถูกปรักปรำอย่างไม่ชอบธรรมและไม่เคยวางแผนการสมคบคิดการใหญ่เช่นนี้ ซูตี๋หวังขอสาบานด้วยนามบรรพบุรุษของต้าเซี่ยว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ราชวงศ์อาณาจักรต้าเซี่ยที่เป็นผู้บงการแน่นอน
ด้วยคำพูดนับพันที่ถูกประกาศลงมา การแสดงอารมณ์ออกเป็นคำพูด และแม้แต่นำบรรพบุรุษของต้าเซี่ยออกมาสาบาน มันเห็นได้ชัดว่าซูตี๋หวังนั้นหวาดกลัวและตระหนกเพียงใด
การประกาศของเขานั้นไม่มีหลักฐานใดๆ ซึ่งมันไม่ได้เป็นคำอธิบายที่ไม่มีความสมบูรณ์เท่าไหร่นัก มันไม่ได้พูดถึงเรื่องแจกันเขียวพิสุทธิ์ด้วยซ้ำ ซูตี๋หวังรู้ดีว่าจะไม่มีใครเชื่อ เขาถึงแม้ว่าเขาจะพูดมันออกมาก็ตาม เขาจะบอกเพียงว่าเขาให้ซูตี๋กั๋วหยิบยืมแจกันเขียวพิสุทธิ์ไป ทุกๆอย่างนั้นเป็นซูตี๋กั๋วที่ทำทุกอย่าง และราชวงศ์ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นใดๆอย่างนี้หรอ? ใครมันจะไปเชื่อ?
เมื่อมีประกาศออกมา ทวีปก็เกิดความโกลาหลอีกครั้ง ในตอนแรกมีหลายคนที่ไม่เชื่อ แต่ในตอนนี้พวกเขามั่นใจว่าผู้ที่บงการนั้นเป็นราชวงศ์ต้าเซี่ย เกิดการกระตุ้นให้ผู้คนปลุกปั่นขึ้นมา ทำให้ชาวเมืองอาณาจักรเซิ่งหลิงลงชื่อขอเข้าร่วมทัพเพื่อทำลายล้างอาณาจักรต้าเซี่ยให้ราบเป็นหน้ากอง
จักรวรรดิมังกรเวหาตอบพร้อมกับกับประกาศอีกฉบับ โดยการสั่งให้ซูตี๋หวังไปรายงานตัวที่เมืองเทียนชิงและอธิบายกับพวกเขาต่อหน้าและเหล่ากษัตริย์ทั้งห้าอาณาจักร มิฉะนั้นเมื่อครบกำหนดเวลาหนึ่งเดือน พวกเขาจะส่งกองทัพตนและอีกห้าอาณาจักรไปโจมตี
ส่วนอาณาจักรอื่นๆไม่ได้ประกาศใดๆอีกต่อไป พวกเขาเริ่มมีการชุมนุมกองกำลังทหารโดยเฉพาะอาณาจักรเซิ่งหลิงซึ่งได้รวบรวมทัพไว้ที่ชายแดนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อาณาจักรเซิ่งหลิงประสบความสูญเสียจากทัพสัตว์อสูรอย่างใหญ่หลวงเช่นกัน หากในตอนนี้พวกเขาพบผู้บงการ พวกเขาจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปอย่างแน่นอน
อาณาจักรต้าเซี่ยนั้นอยู่ในสภาพที่สับสนอลหม่าน เหล่าตระกูลเล็กๆเริ่มอพยพและทอดทิ้งอาณาจักรไปมากมาย พวกเขารู้ว่าหากสงครามเริ่มขึ้น พวกเขาจะหนีไม่พ้นอีกต่อไป เหล่าขุนนางชั้นสูงก็เริ่มอพยพลูกหลานไปอย่างเงียบๆเช่นกัน มันไม่มีทางออกสำหรับสถานการณ์นี้ และเมื่อหมดเวลาหนึ่งเดือน เหล่ากองทัพก็จะเดินทัพมายังอาณาจักร ด้วยความแข็งแกร่งของอาณาจักรต้าเซี่ยในตอนนี้ พวกเขาสามารถดับสูญได้แม้เพียงแค่กองทัพจากอาณาจักรเดียว
“ไปซะ ทุกๆคน ต้องไปซะ!”
บรรยากาศภายในพระราชวังหลวงแห่งเมืองเซี่ยยวี่นั้นเต็มไปด้วยความกดดัน ซูตี๋หวังได้รวบรวมสมาชิกและผู้อาวุโสทั้งหมดของตระกูลซูมาเพื่อให้ทุกคนเตรียมการณ์หลบหนี เหล่าผู้อาวุโสนั้นไม่ต้องการที่จะจากไป ตระกูลซูนั้นได้ปกครองต้าเซี่ยมานับหมื่นปีและดินแดนแห่งนี้มีเกียรติยศของตระกูลซูอยู่ พวกเขาเลือกที่จะขอตายอยู่ที่นี่
ในที่สุด ซูตี๋หวังก็ได้สั่งให้เหล่าองค์ชายและองค์หญิงและเหล่าทายาทของตระกูลซูจากไป เขาและเหล่าผู้อาวุโสจากตระราชวงศ์พร้อมที่จะพินาศไปพร้อมกับอาณาจักรต้าเซี่ยแล้ว
ซูตี๋หวังนั้นมีนิสัยที่อ่อนแอและอ่อนโยน แต่เมื่อถูกบังคับให้เดินไปยังขอบหน้าผา เขาก็ได้เผยนิสัยที่องอาจและไม่ยอมแพ้ซึ่งมันเป็นสิ่งที่กษัตริย์ควรมี เขารู้ดีว่าไม่มีอะไรจะอธิบายและเขาถูกกำหนดให้เป็นคนบาปของตระกูลซูไปแล้ว เขาไม่ได้ต้องการหลบหนีและต้องการใช้ความตายไถ่บาปของเขา
ในคืนที่แปด มีคนเกือบพันคนรวมตัวกันที่พระราชวัง ในหมู่คนเหล่านั้นมีองค์ชายสิบสององค์ องค์หญิงหกองค์ และทายาทผู้เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ของตระกูล พวกเขาจะถูกพาหลบหนีออกไปโดยผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุด
อาณาจักรต้าเซี่ยนั้นสามารถล่มสลายลงได้ แต่ตระกูลซูนั้นไม่อาจสูญสิ้น หลังจากชนชั้นสูงเหล่านี้ซ่อนตัว และค่อยๆฟื้นพลังของพวกเขากลับมามันก็มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะสามารถกลับคืนสู่ทวีปได้
ทำไม่จึงกล่าวถึงการกลับคืนสู่ทวีปน่ะหรือ?
ทวีปนี้ไม่มีที่ที่ตระกูลซูจะสามารถอาศัยได้ พวกเขาจะต้องออกไปทางตะวันออกเฉียงใต้และท่องตระเวนไปยังทะเลที่ไกลโพ้นและหาเกาะเพื่อซ่อนตัว หากพวกเขาอยู่บนทวีปนี้ ทายาทเชื้อสายตระกูลซูจะถูกตามล่าและสังหารทีละคน
“ทุกคนจงฟัง! วันนี้เป็นวันที่ตระกูลซูของเรานั้นได้รับความอัปยศอดสูที่เลวร้ายที่สุด! ข้า ซูตี๋หวัง เป็นตราบาปแห่งตระกูลซู ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะจารึกเรื่องราวในวันนี้ไว้ในความทรงจำของพวกเจ้าและจดจำความอัปยศอดสูของเราไว้ จงแข็งแกร่งและประสบความสำเร็จซะ หากวันใดวันหนึ่งพวกเจ้าสามารถเพิ่มพูนพลังให้ตระกูลซูและหวนคืนสู่ทวีปนี้ได้ ข้า ซูตี๋หวังจะสามารถจากไปอย่างสงบสุขอยู่บนสวรรค์… ทุกคน จงเปิดใช้งานค่ายกลเคลื่อนย้ายซะ!”
ซูตี๋หวังหลับตาลงด้วยความเจ็บปวดและโบกมือขณะที่ค่ายกลเคลื่อนย้ายสว่างขึ้นอย่างรวดเร็ว
ค่ายกลเคลื่อนย้ายนี้ถูกสร้างขึ้นอย่างลับๆและสามารถใช้งานได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น มันเคลื่อนย้ายคนเหล่านี้ไปยังทะเลทางตะวันออกเฉียงใต้ มีเรือลำใหญ่อยู่หลายลที่สามารถนำทายาทตระกูลซุไปยังเกาะที่ปลอดภัยได้ ทายาทตระกูลซูก็จะสามารถหลบซ่อนอยู่ที่นั่นได้ขณะที่เข้าใกล้ประตูแห่งความตาย
“เสด็จพ่อ!”
“องค์ราชาของข้า!”
เหล่าองค์ชาย องค์หญิงและนางสนมทั้งหลายต่างส่งเสียงร้องออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจขณะที่ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยน้ำตาและความสิ้นหวัง พวกเขารู้ว่าการจากกันนี้มันคือการลาจากกันตลอดกาล
“ฟึ่บ!”
เมื่อค่ายกลเคลื่อนย้ายถูกเปิดใช้งานแล้ว ทุกคนต่างกำลังจะถูกเคลื่อนย้าย ร่างที่ขาวสง่างามก็เหาะเหินออกมาจากค่ายกลเคลื่อนย้าย และเมื่อซูตี๋หวังและคนอื่นๆจะรับรู้ได้ แสงของค่ายกลเคลื่อนย้ายก็สว่างขึ้นและพุ่งตรงขึ้นสู่ท้องฟ้าและแท่นกลไกของค่ายกลเคลื่อนย้ายก็ถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์
ซูตี๋หวังเดือดดาลทันที เขาดุว่า “รั่วเสวี่ย นี่เจ้าทำอะไรลงไป?! เจ้าต้องการที่จะถูกฝังไปพร้อมกับพ่อรึไง?”
ซูรั่วเสวี่ยเผยรอยยิ้มจางๆที่ดูน่าเศร้าแต่ก็ยังคงสวยงามออกมา นางพยักหน้าและตอบว่า “มันคงจะเดียวดายเกินไปกับการที่เสด็จพ่อจะต้องจากไปเพียงลำพัง รั่วเสวี่ยก็จะตามไปกับท่านด้วยจะได้มีคนคอยปรนนิบัติท่านยามอยู่ในโลกหน้า”