บทที่ 12 ออกจากสุสาน
บทที่ 12 ออกจากสุสาน
"แย่แล้ว!" ทั้งแปดคนหน้าซีดวิ่งวนเป็นวงกลมก่อนที่ไฟสีเขียวจะพุ่งลงมาอย่างรวดเร็ว แต่เปลวไฟพวกนั้นก็ถูกปัดป้องไว้ด้วยเลือดสีแดงฉาน
"หืม?" ยู่อิงขมวดเล็กน้อย "นี่มันอะไรกัน? ทำไมเพลิงมรกตของข้าถึงได้ถูกปัดป้องไว้ได้ล่ะ? ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพวกเจ้าถึงยังเดินเล่นอยู่ในสุสานของข้าได้"
หญิงสาวคลี่ช่องว่างระหว่างนิ้วของนางอย่างนุ่มนวล ก่อนที่ห้องโถงจะถูกห่อหุ้มด้วยแสงสลัวๆ
"นี่มันวิชาทัศนียภาพแห่งความเด่นชัด!!" ชายคนหนึ่งพึมพำด้วยความประหลาดใจ
“ถ้างั้นยู่อิงก็ยังไม่ตายในพิธีกรรมเมื่อพันปีก่อน แถมนางยังใช้สุสานในการฟื้นฟูบาดแผลด้วย!”
"นี่คือพลังของเซียนชัดๆ!"
หวือ!
เมื่อถูกบดบังด้วยทัศนียภาพแห่งความเด่นชัด ไฟสีเขียวก็พุ่งทะยานเข้ามาทะลุโล่สีเลือดนั่นไป
"โทษทีนะศิษย์พี่!" ฉับพลันเสียงคำรามก็ดังมาจากหนึ่งในพวกเขา ก่อนที่จะตามมาอย่างรวดเร็วด้วยการกระทำแปลกประหลาด ๆ ของชายคนนั้น
"เจ้าทำอะไรน่ะเลานัว?!” คนอื่น ๆ พากันกรีดร้อง สหายของพวกเขาเลานัวกำลังทำการบูชายัญตนเอง!
ตู้ม ตู้ม ตู้ม
หลังจากเสียงนั่นหยุดลง ร่างทั้ง 7 ร่างก็ได้หลอมรวมเข้ากับเลานัว พละกำลัง และพลังที่ได้จากการเสียสละชีวิตของมิตรสหายระดับจิตวิญญาณทั้ง 7 ของตนเอง นั่นทำให้เขาได้รับพลังขั้นเซียน
ยู่อิงเมื่อเห็นเรื่องราวที่เกิดขึ้น นางก็ถึงกับโมโห "เจ้าสารเลว!" เมื่อพูดจบเปลวไฟในมือของหญิงสาวก็ค่อย ๆ สลายไป "เจ้ากล้าทำการบูชายัญวิญญาณในโลกแห่งเซียนงั้นเหรอ!"
มือของหญิงสาวเรียกดาบทั้ง 7 ออกมา ก่อนส่งมันเข้าหาเป้าหมาย
"รอก่อนเถอะยู่อิง! กลุ่มเซียนของพวกข้าจะต้องได้รับการล้างแค้น!" เลานัวตัวสั่นและร่างของเขาระเบิดออก หมอกเลือดที่เต็มไปด้วยพลังของเขากระจายไปทั่วทั้งห้องก่อนที่จะหายไป
ดาบทั้งเจ็ดของยู่อิงพุ่งหายไป ก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงกรีดร้องจากความเจ็บปวดที่อีกด้านนึงของทางเดิน
"ยู่อิง เจ้าทำลายพลังวิญญาณของข้า! เจ้ากับข้าจะต้องเป็นศัตรูไปจนกว่าโลกนี้จะดับสูญ!"
เลือดไหลออกมาจากมุมปากของยู่อิง นางลงมาพื้นและคุกเข่าลงข้างหนึ่ง "นายท่าน ยู่อิงปล่อยให้พวกมันหนีไปได้หนึ่งคน ข้าน้อยคนนี้น้อมรับการลงทัณฑ์"
ลู่หยุนที่คลานออกมาจากโลงศพได้แต่ตะลึงกับสิ่งที่เขาเพิ่งได้เห็น การต่อสู้เมื่อกี้อาจใช้เวลาสักสิบลมหายใจ แต่ผลกระทบนั้นมากมายมหาศาล มันไม่เหมือนที่เขาได้เคยเห็นผู้ฝึกตนต่อสู้มาก่อนเลย เมื่อเทียบกับการต่อสู้ของว่านเฟิง เก้อหลงและแมลงศพแล้ว การปะทะกันของเซียนก็คือชีวิตและความตายที่สามารถตัดสินกันในไม่กี่วินาที!
ข…ข้าจะกลายเป็นคนอย่างยู่อิงในสักวันข้างหน้า ข้าคนนี้เองก็สามารถเป็นเซียนได้เช่นกัน! การแสดงออกของชายหนุ่มค่อย ๆเปลี่ยนไปสู่ความตื่นเต้นอย่างมาก
"ลุกขึ้น" ลู่หยุนถอนหายใจยาว ๆ “เจ้าทำได้ดีมาก! อ่าใช่ ... มีสมบัติอื่นใดในสุสานของเจ้าอีกไหม” ทันใดนั้นเขาก็จำได้ว่าทำไมเขาถึงมาที่นี่ตั้งแต่แรก
“สุสานนี้ถูกสร้างขึ้นในช่วงสงครามเมื่อหนึ่งแสนปีก่อน หลังจากที่เซียนโบราณตายลง ผู้เดินทางก็ได้ฝังข้าน้อยไว้ที่นี่ ข้าน้อยไม่รู้หรอกว่าในนี้มีอะไรบ้าง” ยู่อิงดูเหมือนสับสนตัวเอง
ความผิดหวังส่องประกายไปทั่วใบหน้าของลู่หยุน แต่มันก็หายไปอย่างรวดเร็วพอ ๆ กับที่เคยเกิดขึ้น ยังไงซะผู้หญิงคนนี้ก็ถือได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดที่สุสานเก็บไว้ ถูกไหมล่ะ?
เซียนโอสถ ยู่อิง!
“เจ้าเคยได้ยินเกี่ยกับยานพคุณไหม? เจ้าทำมันขึ้นมาได้ไหม?” เขามองไปที่... ลูกน้องคนใหม่ของเขา
"ข้าน้อยสามารถทำได้ นายท่าน" ยู่อิงพยักหน้า
“ทำได้ดีมาก!” ลู่หยุนตะโกนอย่างร่าเริง
“นายท่าน ยานพคุณนั่นมีไว้สำหรับคนที่ไม่สามารถฝึกตนได้ นายท่านต้องการไปทำไม?” ยู่อิงถามคำถาม
“เอ๊ะ?” ลู่หยุนกระพริบตา “อือ ข้าว่า ตอนนี้ข้าน่าจะเป็นเซียนแล้วล่ะมั้ง”
การเผชิญหน้ากับยู่อิง และการใช้คัมภีร์เป็นตายที่ทำให้เขามาอยู่ในร่างของสายเลือดที่ไร้ค่านี้ ทำได้ขนาดนี้ไม่ให้เรียกว่าเซียนแล้วจะเรียกว่าอะไรกัน?
“ถึงกระนั้นข้าก็ต้องการยาเม็ดนี้แหละ ไม่เพียงแค่นั้น แต่ข้าต้องประกาศการค้นพบที่ว่าออกไปพร้อมกับจัดงานเฉลิมฉลองอย่างยอดเยี่ยม! ไม่อย่างนั้นการหายเป็นปกติของข้าจะต้องถูกสงสัยอย่างแน่นอน” ถึงแม้ว่าลู่หยุนจะยังไม่คุ้นชินกับโลกเซียน แต่เขาก็พอจะรู้จักวิธีการจัดการเรื่องต่างๆ
การเป็นเจ้าเมืองเขตสนธยาเป็นตำแหน่งที่มีการแย่งชิงที่สูง ทุกคนล้วนคาดหวังว่าชายหนุ่มจะถูกไล่ออกภายในครึ่งปีต่อจากนี้ ถึงแม้ตัวเขตจะยากจนก็ตาม แต่อำนาจของเจ้าเมืองก็มีความสำคัญในมณฑลหลางเซี๋ยเทียนอยู่ดี
ไม่มีทางที่เขาคนนี้จะลาออกตอนนี้หรอก เพราะว่าข้าผู้นี้กำลังจะกลายเป็นผู้ฝึกตนแล้ว อีกอย่างถ้าชายหนุ่มไม่ได้เป็นเจ้าเมืองต่อไป พวกศัตรูเก่าคงตามล่าหัวเขาอย่างเปิดเผยแน่ ๆ
นอกจากนี้ยู่อิงเอง นางก็ได้กลายเป็นหนึ่งในผู้ติดตามของเขาแล้ว
“งั้นตอนนี้เจ้าอยู่ที่ระดับไหนแล้วล่ะ ยู่อิง?” ลู่หยุนถาม
“ข้าน้อยอยู่ในระดับเซียนแล้วนายท่าน แต่ข้ายังไม่ได้พลังกลับมาเต็มที่ ดังนั้นในตอนนี้จึงมีพลังเทียบเท่าระดับแกนกลางเท่านั้น”
“เป็นเซียนแล้วงั้นเหรอ?” ดวงตาของลู่หยุนสว่างขึ้น เขามองยู่อิงเป็นครั้งคราว นี่คือเทพธิดาสุดสวยที่เรียกตัวเขาว่า เจ้านายเชียวนะ ได้ฟังแค่นี้หัวใจเขาก็พองโตแล้ว
“นายท่าน ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดข้าก็จะ…” ขณะที่ยางพูด ยู่อิงก็ถอดชุดสีขาวนวลออกจนเผยให้เห็นผิวเรียบเนียนสวยมากขึ้น
“เดี๋ยวๆๆ ใส่เสื้อก่อน!” ลู่หยุนรีบพูด
"รับทราบ นายท่าน" ยู่อิงใส่เสื้อกลับไปอีกครั้ง
ร่างกายนี้ได้รับความเสียหายจากมังกรแบกโลงที่มีพลังงานด้านลบ ถ้าข้าคนนี้ทำตามที่ใจต้องการล่ะก็... ใจจริงข้าก็ไม่อยากปฏิเสธหรอก แต่ถ้าทำล่ะก็ข้าได้ตายจริง ๆ แน่!
เหงื่อเย็นไหลบนหน้าผากของลู่หยุน ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะเป็นผู้ฝึกตนแล้วก็ตาม แต่พลังของชายหนุ่มก็ยังอ่อนแออยู่ดี ตอนนี้เขาต้องค่อย ๆ ฟื้นพลังของตัวเองกลับมาอีกครั้งก่อน!
......
เมื่อว่านเฟิงเห็นลู่หยุนอีกครั้ง หญิงสาวที่กำลังร้องไห้อย่างหนักก็วิ่งเข้ามาหาเขา นางร้องไห้และร้องไห้จนน้ำตาแห้งจากนั้นก็หลับไป
“ผู้เดินทาง…” เขามองไปที่ห้องส่วนตัวของยู่อิง นางถอนหายใจและโบกมือ ไฟลุกติดภาพวาดนั่นจนกลายเป็นเถ้าธุลี
ชลู่หยุนยังคงนิ่งเงียบ การเผาภาพวาดนั่นเหมือนการทำลายอดีตของนางเอง นับแต่นี้ไปนางก็คือข้ารับใช้ของเขาเท่านั้น
“ออกจากที่นี่กันเถอะ”
ลู่หยุนหันกลับมาที่ทางออกอีกครั้ง ตอนนี้ชายหนุ่มได้อุ้มว่านเฟิงเอาไว้ในอ้อมแขนของเขา ส่วนยู่อิง นางก็ได้แต่มองหญิงสาวในอ้อมแขนเขาด้วยสายตาอิจฉา
“เฮ้ย! กลับมานี่นะ ง่ำ ง่ำ! รับหัวบินไปอีกครั้งซะ! โอ้ว ฟันของฉัน! ผิวของแกแข็งจริงๆ!” ภายในห้องปรุงยา เก้อหลงก็ยังคงสู้อยู่กับผีดิบพันปีอยู่
แมลงวันที่บินไป พวกมันต่างพุ่งดิ่งเข้าไปในตัวของราชเลขาทั้งซ้ายและขวา แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาสนใจแม้แต่น้อย การที่มีรูเลือดไหลไปทั่วร่างกายของชายชราพร้อมกับแมลงวันที่บินผ่านไปมา สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าพวกเขาในตอนนี้ช่างเป็นภาพที่น่าเกลียดน่ากลัวยิ่งนัก
เก้อหลงดูเหมือนจะไม่ระวังอะไรเลยนอกจากผีดิบตรงหน้า หัวของชายแก่เกาะติดกับมันและดูดกลืนพลังหยินเข้าไปไม่หยุด
“…เขาเป็นข้ารับใช้ของนายท่านด้วยหรือเปล่า?” ยู่อิงถามด้วยความสับสน
“ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน” ลู่หยุนยิ้มอย่างหงุดหงิด “ชื่อของเขาถูกเขียนลงในคีมภีร์เป็นตาย แต่เขาไม่ได้เป็นข้ารับใช้ของข้าหรอก”
ถึงตอนนี้ลู่หยุนก็ไม่รู้ว่าเก้อหลงคือตัวอะไร แต่เพราะชื่อของชายแก่อยู่ในหนังสือด้วย นี่ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่ายังไงเขาก็เป็นข้ารับใช้ของลู่หยุน ละมั้ง?
"ชู่ว!" ยู่อิงขมวดคิ้ว คำสั่งง่าย ๆ ของเธอตามมาด้วยไฟมรกตที่เผาไหม้ทั้งผีดิบและแมลงวันโลหิตที่บินไปมาให้กลายเป็นเถ้าถ่าน
เก้อหลงหยิบหัวของตัวเองขึ้นมา แล้ววางมันกลับไปที่เดิม
“เจ้าเผาง่ำง่ำของข้า สาวน้อย! และเกือบจะเผาหัวของข้าด้วย!” เขามองยู่อิงอย่างเย่อหยิ่ง
“เจ้าน่าจะกลัวฟันหักมากกว่านะ” หญิงสาวพูดจากใจจริง “สัตว์ประหลาดนั่นอยู่ในสภาพกึ่งตาย ถ้ามันตื่นขึ้นมาจริง ๆ ล่ะก็ อย่างน้อยก็อยู่ในระดับแก่นชีวิตแล้ว เจ้าคิดว่าจะกินมันได้หรือ?”
หากชื่อของชายแก่ไม่อยู่ในหนังสือ ป่านี้หญิงสาวก็คงจะเพิกเฉยต่อเขาตั้งแต่แรกแล้ว
เก้อหลงตัวสั่นทันทีเมื่อได้ยืน ก่อนที่รูบนหัวของเขาจะได้รับการฟื้นฟู ที่มันสามารถฟื้นฟูได้ก็เป็นเพราะว่าพลังหยินที่ชายแก่กลืนกินไปก่อนหน้านี้นั่นเอง
“หม้อนี่เป็นของเจ้าหรือเปล่า” ลู่หยุนถามขณะที่ว่านเฟิงยังอยู่ในแขนของเขา
“ไม่ใช่” ยู่อิงส่ายหัวของนาง “มันอาจจะเคยเป็นของเซียนที่ถูกฝังอยู่ที่นี่ในตอนแรก”
จริง ๆ แล้วสุสานแห่งนี้เป็นของเซียนที่ถูกสังหารไปในสงครามครั้งที่แล้ว ยู่อิงเป็นคนที่มาใหม่หลังจากนั้น ยังไงก็คงต้องขอบคุณผู้เดินทางที่นำนางมาฝังไว้ที่นี่
“มันทำเงินได้ไหม?” ดวงตาของลู่หยุนสว่างขึ้น
“น่าจะได้เพราะเป็นของเซียนโบราณ” ยู่อิงตอบจริงจัง
“งั้นเอาไปด้วยเถอะ!” ลู่หยุนเปล่งประกายด้วยความสุข เมื่อสิ้นคำสั่ง ยู่อิงก็เก็บมันเข้าไปในแขนเสื้อของนางในทันที
เมื่อทั้งกลุ่มออกจากสุสานก็เป็นเวลากลางคืนแล้ว ดวงดาวดวงจันทร์ส่องแสงทั่วท้องฟ้าไปหมด
ตอนนั้นเองที่ว่านเฟิงถูกปลุกให้ตื่น แต่เมื่อเห็นหญิงสาวตื่นขึ้นมา ลู่หยุนกลับบังคับให้นางกลับไปหลับต่อ นางน่าจะเหนื่อยทั้งกายและใจมามากแล้ว วันนี้ให้นางพักให้สมใจเถอะ
“นายท่านดูเหนื่อย ๆ อยากให้ข้าอุ้มนางแทนไหม?” เก้อหลงถามด้วยรอยยิ้มประหลาด
“ไปไกล ๆ เลยไป๊!” ลู่หยุนเว้นระยะห่างและเตะชายชราให้ออกไปด
“แปลกนะ” ชายหนุ่มรำพึงขณะที่เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า “กลุ่มดาวนั่นมันคุ้นกับของบนโลกมากเลย ถึงจะมีแตกต่างกันตรงจุดนั้นกับจุดนี้เล็กน้อย แต่มันก็ยังเหมือนกันสุด ๆ ที่โลกของเราเองก็มีตำนานหรือเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับพวกเซียนอยู่บ้าง หรือว่ามันมีที่มาจากโลกเซียนแห่งนี้กัน??”
ไม่ว่าจะยังไง ดวงจันทร์ของที่นี่กับโลกมนุษย์ก็ยังไม่เหมือนกันอยู่ดี
หลังจากใช้เวลาไม่นาน ในที่สุดลู่หยุนและคนรับใช้ของเขาก็มาถึงประตูเมืองสนธยาแล้ว
“ใครกัน?” ได้ยินเสียงตะโกนจากด้านบนสุดของประตูเมือง
“ช้าคนนี้คือเจ้าเมืองสนธยา!” ลู่หยุนตะโกนจากด้านล่าง
“โอ้ ท่านเจ้าเมืองนี่เอง!” ท่านหยิงที่อยู่เมื่อตอนเช้ายื่นหน้าออกมา “ได้โปรดกลับมาในภายหลังนะท่าน มันเป็นช่วงเวลาที่อันตรายมากในตอนนี้ พวกเราไม่สามารถเปิดประตูตอนกลางคืนได้”
............ ..