คาถาที่ 21 : สารเลว
พิธีปิดเกียร์เกมจบลงไปแล้วในช่วงเย็นของวัน
มหาวิทยาลัยของผมก็ชนะบ้าง แพ้บ้างในส่วนของกีฬาต่าง ๆ มันก็เหมือนกับการแข่งขันกีฬาทั่ว ๆ ไปนั่นแหละ พวกเราก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรกันมากอยู่แล้ว เพราะรู้อยู่ว่าจุดประสงค์ของงานในครั้งนี้ก็เพื่อให้นักศึกษาได้มาทำความรู้จักกัน สนุกสนานไปกับกิจกรรมที่ถูกจัดขึ้น ไม่ได้มาแข่งกันแบบดุเดือดว่าจะต้องเป็นที่หนึ่ง
เวลาประมาณสองทุ่มเศษก็มีงานคอนเสิร์ตที่จัดขึ้นโดยชมรมดนตรีสากลของคณะ เพื่อเป็นการผ่อนคลายนักกีฬา ร่วมสนุกกันครั้งสุดท้าย ก่อนที่นักศึกษาของแต่ละมหาวิทยาลัยจะแยกย้ายกันกลับไปสู่มหาวิทยาลัยของตนเองในวันพรุ่งนี้ ตอนนี้ผมและเพื่อน ๆ ก็เข้าไปร่วมสนุกกันอยู่ในหอประชุมรวมของมหาวิทยาลัย ที่เหล่านักศึกษากำลังเต้นกันอย่างเมามัน เสียงเพลงและดนตรีดังกลบไปทั่วทั้งหอประชุมรวม
“ไอ้คีย์ ไอ้อิฐ มึงเต้นเป็นปะเนี่ย เต้นหน่อยเพื่อน เพลงออกจะมัน” ผมหันไปตะโกนบอกเพื่อนทั้งสองคนของผมแข่งกับเสียงเพลง ซึ่งพวกมันกำลังยืนเก้ ๆ กัง ๆ ทำท่าตลก ๆ อยู่ ไอ้คีย์กับไอ้อิฐไม่ได้มีสกิลเรื่องพวกนี้เลย ตั้งแต่ตอนรับน้องละ ยิ่งไอ้คีย์ยิ่งหนัก หน้านิ่ง ๆ ของมันในเวลาแบบนี้ผมเห็นกี่ทีแล้วก็ขำ ช่างคอนทราสกับบรรยากาศเหลือเกิน สงสัยต้องไปตามพี่ฟองมาเป็นตัวช่วย ในขณะเดียวกัน ใยไหมก็กำลังวาดลีลาใส่เต็มที่พอ ๆ กับผม ต้องแบบนี้ดิ มันถึงจะสนุก
“ใครมันจะไปเอวดีเหมือนมึงวะไอ้ชา” ไอ้คีย์พูด พร้อมทำท่าจะเดินออกไปข้างนอก เล่นเอาผมฮาเลย ดูมันประชดเข้า แต่ใครจะยอมปล่อยให้เพื่อนเดินไปอย่างงั้นล่ะ ผมเอื้อมมือไปดึงตัวมันสองคนมากอดคอไว้ ก่อนร้องเพลงโดดเต้นแร้งเต้นกาไปพร้อมกัน
“ทำตามกู นี่ดูกู ฮ่าฮ่าฮ่า”
ผมทำท่าอะไรไปตามเรื่องตามราว แล้วบอกมันสองคนให้ทำตาม
“ท่าไรมึงเนี่ย คิดว่าตัวเองเป็นนักร้อง K-pop ไงวะ” ไอ้อิฐพูดพลางดึงมือผมออกจากคอมัน ไหมที่ยืนมองอยู่ก็ขำออกมา เจ้าตัวคงอยากจะเข้ามาสนุกด้วย อยู่ดี ๆ ก็กระโดดมากอดคอผมไว้แน่น
“โอ๊ย ! หนักไหม น้ำหนักขึ้นปะเนี่ย” ผมแกล้งพูดล้อไหม ซึ่งโดนเจ้าตัวทุบไหล่มาหนึ่งที แทบทรุดเลย
“บ้าเหรอ ! เท่าเดิม”
ไม่รู้ซิ ตอนนี้ผมโคตรสนุกเลย ลืมเรื่องพ่อมดแม่มด ลืมเรื่องวันจันทรุปราคา ลืมทุกอย่างที่มันเครียด ๆ ออกไปจากหัวหมด มันเหมือนผมได้ย้อนเวลากลับไปสมัยมัธยม ช่วงที่เราไปเที่ยวเทศกาลดนตรีด้วยกันสี่คนหลังจากสอบติดมหาวิทยาลัย อารมณ์ในตอนนั้นก็แบบนี้แหละ สนุกสนาน เฮฮา มีผมกับไหมที่ใส่ไปจนสุด แต่ไอ้คีย์กับไอ้อิฐยืนนิ่งเป็นท่อนไม้เลย
“เดี๋ยวฉันไปห้องน้ำก่อนนะ” ไหมพูดขึ้นมาหลังจากเพลงที่นักร้องร้องไปเพิ่งจบ ตอนนี้แต่ละคนเหงื่อโชกเลย แม้ว่าในนี้จะเปิดแอร์เย็นมากก็เถอะ
“เดี๋ยวเดินไปเป็นเพื่อน” ผมบอกไหม ทำท่าจะเดินตามไปแต่เจ้าตัวห้ามไว้ก่อน
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันไปคนเดียวได้ ห้องน้ำอยู่ข้างนอกใกล้นิดเดียวเอง” ไหมพูดต่อ
“เอางั้นเหรอ”
“อื้ม ๆ อยู่นี่สอนคีย์กับอิฐเต้นเถอะ” ไหมพูด ไม่วายหันมาแซวไอ้คีย์กับไอ้อิฐที่กลับไปยืนนิ่งเป็นท่อนไม้มองนักร้องที่กำลังเริ่มร้องเพลงใหม่ ขณะที่รอบตัวมีแต่คนเต้นกันแบบเมามัน มันเป็นภาพที่ขำจริง ๆ มีเพื่อนแบบนี้ ว่าแล้วผมก็รีบเดินเข้าไปแจมพวกมัน เพื่อทำให้ท่อนไม้ทั้งสองกลายเป็นมนุษย์ดิ้นได้
ขณะที่นักศึกษาทั้งสี่คนกำลังมีความสุขอยู่นั้น ทั้งสี่คนก็ไม่ได้รู้สึกตัวเลยว่ามีสายตาอีกสามคู่กำลังจับจ้องที่พวกเขาอยู่ ท่ามกลางเหล่านักศึกษามากมายในหอประชุมรวมที่กำลังเต้นกันอย่างสนุกสนาน แน่นอนว่าคงไม่มีใครสังเกตเห็นหรอก สายตาเหล่านั้นไม่ได้จ้องมองเพราะเห็นว่าพวกเขาหน้าตาดีหรือกำลังเต้นกันด้วยท่าทางแปลกประหลาด แต่มันกลับเต็มไปด้วยความหมั่นไส้และเคียดแค้นเหมือนพวกที่แพ้แล้วพาล
ทันทีที่ร่างของนักศึกษาสาวในกลุ่มเดินแยกออกมาจากนักศึกษาหนุ่มทั้งสามคน ใบหน้าที่ดูดีตรงข้ามกับความคิดอันชั่วร้ายก็แสยะยิ้มออกมา พร้อมหันไปบอกเพื่อนอีกสองคนที่อยู่ข้าง ๆ เขา
“ได้จังหวะละ ไปเถอะพวกมึง”
ร่างของใยไหมเดินออกมาจากด้านในของห้องน้ำ บริเวณนี้ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านเท่าไร แต่ก็มีแสงไฟส่องสว่างไปทั่ว ที่เธอมาใช้ห้องน้ำตรงนี้ก็เนื่องจากห้องน้ำที่อยู่ใกล้หอประชุมรวมดันมีคนแน่นมาก ดูจากลักษณะแล้วต้องรอต่อคิวนานแน่ ๆ เธอเลยเดินแยกออกมาใช้ห้องน้ำอีกทางด้านหนึ่งของตัวอาคาร ตอนนี้เจ้าตัวกำลังเดินกลับไปที่หอประชุมรวมเพื่อนเข้าไปร่วมสนุกในคอนเสิร์ตกับเพื่อน ๆ ต่อ แต่สัญชาติญาณบางอย่างกำลังบอกเธอว่า กำลังมีคนจ้องมองและเดินตามข้างหลังเธออยู่ ขาของเจ้าตัวเริ่มก้าวไวขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดเสียงรองเท้ากระทบกับพื้นเหมือนคนวิ่งตามมาก็ดังขึ้นชัดเจนจนต้องหันกลับไปมองดู
“พวกนาย ตามฉันมาทำไม” ใยไหมพูดขึ้นมาเมื่อเห็นหน้าของชายหนุ่มทั้งสามคน เธอจำได้ดีเพราะเจอคนพวกนี้เมื่อวานตอนเช้าแถมยังเกือบจะมีเรื่องชกต่อยกับชาบูเมื่อตอนที่แข่งฟุตบอลอีกด้วย
“หืม ตามมาทำไมดีน้า” ร่างชายหนุ่มหน้าตาดีที่อยู่ตรงกลางพูดขึ้นพร้อมหัวเราะร่วน ทำหน้าคิดพลางเดินขยับตัวเข้ามาใกล้ใยไหม
“ว่าไงพวกมึง ตามมาทำไมดีวะ” ร่างนั้นพูดต่อ หันไปถามความเห็นของเพื่อนตัวเองอีกสองคน ว่าแล้วเพื่อนอีกสองคนก็วิ่งไปขวางทางใยไหมไม่ให้เดินหนีไปได้ก่อนเข้าไปล็อคตัว
“จะทำอะไรอะ ! ปล่อยนะ ช่วยด้วย ! อุป !” เสียงหญิงสาวร้องหาคนช่วยได้เพียงเท่านั้น ก่อนมือหนาของใครคนหนึ่งจะเอื้อมมาตะครุบที่ปากของเธอ ช่างน่าขยะแขยงเหลือเกิน ไม่น่าเลย เธอไม่น่าเดินมาเข้าห้องน้ำตรงนี้เลย เพราะคิดว่าไม่น่าจะมีอะไรแท้ ๆ เพราะนี่ก็ยังอยู่ในมหาวิทยาลัย เจ้าตัวยังไม่ยอมแพ้พยายามดิ้นหนีออกจากวงแขนของผู้ชายทั้งสองที่จับตัวไว้ แต่แรงผู้หญิงคนเดียวหรือจะสู้แรงผู้ชายสองคนได้
“มึงโทรเรียก Grab ยั้ง จะดิ้นทำไมวะ ! โอ๊ย กัดกูอีก อีนี่ !” ร่างที่เอามือปิดปากร้องขึ้นมา ใยไหมได้จังหวะใช้ศอกกระแทกด้านหลังคนที่จับตัวไว้ แต่ก่อนที่เธอจะวิ่งหนีออกไปจากตรงนั้นได้ ผ้าขนสีขาวก็โปะเข้ามาที่จมูกเธอ ภาพตรงหน้าค่อย ๆ เลือนรางลงไปเรื่อย ๆ พร้อมกับสติสัมปชัญญะที่หายไป ก่อนเจ้าตัวจะปล่อยตัวตามแรงโน้มถ่วงที่มีคนมารับเอาไว้
“ดีนะกูเอาติดมา ไม่คิดว่าจะได้มาใช้ที่นี่” คนที่โปะผ้าเข้าที่จมูกใยไหมพูดขึ้น
“เรียบร้อย เดี๋ยวรถก็มา”
ไม่นานรถยนต์คันหนึ่งก็วิ่งมาจอดแถวบริเวณฝั่งตรงข้ามของหอประชุมรวมบริเวณที่ไม่ค่อยมีคนอยู่แถวนั้น ร่างของผู้ที่รอสามร่างกับอีกหนึ่งร่างก็ถูกพยุงตัวขึ้นไปนั่งในรถ
“น้อง นั่นเพื่อนน้องเหรอ” คนขับรถถามชายหนุ่มทั้งสามคนที่เพิ่งเข้ามาในรถด้วยความไม่ไว้ใจ ผู้ชายสามคน ผู้หญิงหนึ่งคนในสภาพสลบไสลแบบนี้มันไม่ค่อยจะดีเลย ยิ่งสมัยนี้ด้วย ข่าวเลวร้ายมีให้เห็นเกือบแทบทุกวัน
“ครับพี่ พอดีแฟนผมเขาไม่ค่อยสบายน่ะ ผมเลยจะพากลับที่พัก” ชายหนุ่มหน้าตาดีที่นั่งข้างหญิงสาวที่สลบอยู่ตอบกลับมา พร้อมเอามือลูบผมหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง
“น้องผู้หญิงเขาพักที่โรงแรมเหรอ”
“อ่อ ใช่ครับ พอดีเราไม่ใช่นักศึกษามหาวิทยาลัยนี้ เรามาแข่งกีฬาน่ะครับ พี่รีบไปเถอะครับ ส่วนเพื่อนผมพวกมันอยากกลับที่พักพอดี เลยติดรถกลับมาด้วย มันไม่ใช่อะไรแบบที่พี่คิดหรอกครับ” ชายหนุ่มตอบกลับมายิ้ม ๆ
ยิ้มที่ดูดีจนแยกไม่ออกว่าแกล้งทำ ...
“งั้นเหรอ อื้ม ๆ พี่ก็แค่สงสัย ไม่โกรธกันนะ” คนขับรถพูดพลางมองผ่านกระจกไปทางด้านหลังของรถตัวเอง เห็นดูไอ้หนุ่มนั่นก็หน้าตาดี ท่าทางไว้ใจได้ ดูเป็นห่วงเป็นใยคนที่สลบอยู่ คงจะไม่น่ามีอะไรหรอกมั้ง หลังจากนั้นเจ้าตัวก็เลิกคิดฟุ้งซ่านหันไปสนใจกับการขับรถต่อ หารู้ไม่ว่า …
คนดีหรือคนชั่ว ... มันมองที่หน้าตาไม่ได้ ! บางทีไอ้ที่หน้าตาดี ๆ แต่ข้างในเละยิ่งกว่าสิ่งปฏิกูลก็มีถมเถไป
“ไอ้คีย์ ไอ้อิฐ ไหมยังไม่กลับมาเลยว่ะ” ผมหันไปคุยกับพวกเพื่อนหลังจากเพลงล่าสุดเพิ่งถูกร้องจบไป ไหมไปเข้าห้องน้ำนานจัง ป่านนี้ผมคิดว่าน่าจะกลับเข้ามาในงานได้แล้วนะ มันทำให้ผมรู้สึกเป็นห่วงแปลก ๆ
“เออ นั่นซิ กูก็ว่าเกือบ 20 นาทีแล้วนะเพลงจบไปสามสี่เพลงแล้ว” ไอ้อิฐพูด
“พวกเราออกไปดูปะ” ตามมาด้วยไอ้คีย์
“เออ ไปก็ดี” ผมตอบมันไป
ผมและเพื่อนอีกสองคนพากันเดินออกมาด้านนอกของงานคอนเสิร์ต ที่บริเวณห้องน้ำของหอประชุมรวมซึ่งมีคนเดินเข้าเดินออกกันให้พลุกพล่าน ผมมองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นวี่แววของใยไหมเลยสักนิด มันทำให้ผมรู้สึกร้อนใจเพิ่มขึ้นเข้าไปอีก กลัวมันจะเกิดเรื่องแย่ ๆ ขึ้นมา ใจจริงผมอยากจะเดินเข้าไปตามในห้องน้ำหญิงเลยด้วยซ้ำ แต่กลัวคนที่อยู่ข้างในห้องน้ำจะต้องแตกตื่นแน่ ๆ ผมเลยลองสอบถามผู้หญิงที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำไม่นานดู
“โทษนะครับ ผมถามอะไรหน่อย ข้างในมีผู้หญิงตัวสูง ๆ ขาว ๆ หน้าตาหวาน ๆ อยู่หรือเปล่าครับ” ผมถามออกไป
“ไม่เห็นนะคะ” ผู้หญิงคนนั้นทำหน้าคิดเล็กน้อยก่อนตอบออกมา คำตอบที่ได้รับตอนนี้มันทำให้ผมเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข กลัวว่าไหมจะเป็นอะไร
“กูว่ามึงลองโทรหาไหมดีกว่า” ไอ้อิฐออกความเห็น ผมเองก็คิดว่าจะทำแบบนั้น เลยหยิบมือถือในกระเป๋ากางเกงของตัวเองมากดโทรออก
“ทำไมไม่รับวะ ไหมชอบเปิดสั่น สงสัยไม่ได้ยินเสียง เดี๋ยวโทรอีกรอบ” ผมพูดกับตัวเองเดินวนไปวนมาเหมือนหนูติดจั่น พยายามจะคิดในแง่ดี ทำไมไม่รับนะไหม หายไปไหนเนี่ย เป็นอะไรหรือเปล่า
“กูว่ามันแปลก ๆ แล้วว่ะ” ไอ้อิฐพูดต่อ
“มึงเข้าแอพตามโทรศัพท์เช็กดูดิ ว่าตอนนี้ไหมอยู่ไหน” ไอ้คีย์พูดขึ้นบ้าง ในเวลาแบบนี้มันคงเป็นคนที่มีสติมากที่สุดในกลุ่มที่คิดจะทำอย่างอื่นได้ เพราะตอนนี้ผมแทบคิดอะไรไม่ออก หัวตันไปหมด มันร้อนรนจนจะเป็นบ้า ลืมไปเลยว่าพวกเรามีแอพตามโทรศัพท์ของแต่ละคนเผื่อเวลาของใครหาย
“ไอ้คีย์ ไหมไม่ได้อยู่ที่มหาวิทยาลัย” ผมพูดออกไปพร้อมกำหมัดแน่นเมื่อเห็นพิกัดของไหมในจอมือถือของตัวเอง ทำไมไหมไปอยู่ที่นั่นได้
“แล้วอยู่ไหน” ไอ้คีย์ถาม
“โรมแรม XXX ที่พักของพวกมหาลัย XXX”
“รีบไปเถอะ กูว่าเป็นเพราะมึงไปมีเรื่องกับพวกมันเมื่อวานแน่”
ผมรีบวิ่งแบบไม่สนใจอะไรตรงไปที่รถของตัวเองทันที ไม่ทันได้ฟังประโยคของไอ้คีย์จนจบด้วยซ้ำ ไอ้คีย์กับไอ้อิฐเองก็รีบวิ่งตามผมมาที่รถเหมือนกันเมื่อเห็นผมวิ่งนำมาก่อน หลังจากถึงรถ ผมก็กระชากประตูรถพร้อมกับเข้าไปประจำที่คนขับก่อนออกรถจากที่จอดอย่างรวดเร็ว
ไหมอย่าเป็นอะไรไปนะ ชากำลังไป ...
“ชา มึงขับรถเร็วไปแล้วนะ” เสียงไอ้คีย์ที่นั่งอยู่ด้านข้างพูดกับผม
“มึงไม่ห่วงไหมหรือไง !” ผมหันไปตะคอกไอ้คีย์ด้วยความโกรธ ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ผมควบคุมทั้งสติและน้ำเสียงตัวเองไม่ได้ มันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน อารมณ์ของผมมันขึ้นแบบควบคุมไม่อยู่ มันร้อนไปทั่วทั้งตัวเหมือนอยู่ในกองไฟ ผมห่วงไหมมาก กลัวไอ้พวกระยำพวกนั้นมันจะทำอะไรเลว ๆ ลงไปแล้วผมไปไม่ทัน นี่มันชีวิตจริง ไม่ใช่ละครที่พระเอกต้องตามไปช่วยนางเอกได้ทันทุกที
“ห่วงซิ กูแค่อยากเตือนสติมึง ขับดี ๆ อย่าประมาท”
“มึงใจเย็น ๆ ไอ้ชา พวกกูก็ห่วงไหมไม่น้อยไปกว่ามึงหรอก” ไอ้อิฐพูดเสริม
ผมไม่ตอบอะไรไอ้คีย์และไอ้อิฐกลับไป รู้ดีว่าพวกมันหวังดี แต่ตอนนี้ผมไม่อยากจะพูดอะไรออกไปอีกแล้วให้เสียเวลา สายตาจ้องไปยังถนนที่อยู่ตรงหน้าแล้วรีบขับรถมุ่งตรงไปให้ถึงจุดหมายปลายทางเร็ว ๆ