ตอนที่3 เลขาใหม่
ตอนที่3เลขาใหม่
เอาตามตรงฉันก็ไม่ได้จะทำอะไรให้มันบานปลายมาขนาดนี้หรอกนะเพียงแต่มัดหมี่เริ่มดื้อด้านกับฉันก่อนทั้งๆ ที่ฉันไม่ควรจะให้มันเลยเถิดมาขนาดลงไม้ลงมือไปหลายต่อหลายครั้งซะขนาดนี้
“ฟู่...”พ่นลมออกจากปากเบาๆ ระหว่างนั่งเขี่ยส้อมตักขนมไปมาในจานเปล่า
‘นานขนาดนี้แล้ว ทำไมยังไม่ลงมาอีกนะหรือว่าเกิดอะไรขึ้นอีก’
“ครืดดด..”ฉันยืดตัวจากเก้าอี้ทันทีตอนคิดในใจแบบนั้นก่อนจะหันหน้าไปที่บันไดก็พบเข้ากับร่างของว่าที่เลขาคนใหม่ในสภาพขากะเผลกๆ จับราวบันไดลงมาด้วยกระโปรงทรงเอและเสื้อเชิ้ตแขนยาวติดกระดุมมิดยันลำคอ
“ตึก..ตึก..”
“...จะเที่ยงแล้ว...”
“ค่าๆ..รอก่อนสิคุณรีบอะไรขนาดน้าน..”
“บ่นอะไร..”
“เปล่าค่ะ..ตึกๆๆ...”
เมื่อมัดหมี่เดินลงมาจนถึงบันไดขั้นสุดท้ายได้ฉันก็รีบจ้ำอ้าวเดินนำไปที่รถในทันที
“เฮ้อออ..ให้ตายเถอะเป็นอะไรของเค้าอีกเนี่ยไหงวันแรกนิสัยดีฉิบหายวายปวง แต่ดูตอนนี้สิน่ากลัวยิ่งกว่าพวกโจรโรคจิตซะอีก..บรื๋อออ”
ไหนๆก็ไหนๆแล้วทำไมไม่หาวิธีจัดการคืนซะบ้างล่ะแต่ก็นะมโนไปงั้นเพราะตอนนี้ สถานะของฉันและคุณยูกิคือเจ้านายและนางทาส
“ตึกๆๆ...ไปไหนของเค้าล่ะเนี่ย”เดินกะเผลกๆออกมาจนหยุดอยู่หน้าประตูบ้าน โดยที่ไร้ร่างของเจ้านายวิตถาร
“ปริ๊นๆ...”เสียงบีบแตรจากรถสปอร์ตคันหรูสีดำเข้มที่ขับมาจอดเมื่อกี้นี้เอง
“??..”
“ขึ้นมา..ปึง”
“เฮ้อออ..ค่าๆรับทราบแล้วค่ะ..ฮึบ..ปึง”
“รัดเข็มขัด”
“ค่า..พรืดดด..แกร๊ก”
“..”
ไม่ช้ารถหรูก็พุ่งทะยานออกจากเขตรั้วบ้าน ระหว่างทางก็มีเพียงความเงียบที่ก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้จบจนกระทั่งฉันอดทนไม่ไหวเลยโพลงถามซะ
“คุณ”
“อืม”
“..คุณ..ทำงานเกี่ยวกับอะไรกันแน่”
“...ไม่ต้องยุ่ง”
“...”
‘เฮ้อคนบ้าอะไรเนี่ยเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย คอยดูเถอะจะเอาน้ำมนต์มาสาดให้ผีออกเพี้ยง’
เบนหน้าออกจากวงสนทนาเพื่อที่จะได้ดูวิวข้างทางได้ถนัดตา เอาตามตรงมันไม่ได้สวยงามเหมือนในนิยายหลายๆเรื่องที่เคยอ่านนะมันก็แค่วิวทั่วๆไปมีภูเขามีต้นหญ้า มีพวกไร่นาไร่สวนแล้วก็ตึกแถว ไม่ก็บ้านชาวบ้านทั่วๆ ไปตามประสาแต่มันดีตรงที่มีแต่ธรรมชาติจริงๆ ไม่ใช่พวกรถติดหรือเสียงแตรสนั่นเมืองที่เราเจอกันในทุกเช้าหรอกนะ
“หิวชะมัด..”
“หิวเหรอ..”
“..คะ..คุณ...0///0)”
“ไปกินที่บริษัท”ปากสวยขยับเขยื้อนนิดหน่อยพร้อมด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยเหมือนครั้งแรกที่เจอ แต่ไม่มีรอยยิ้มใดๆประดับบนใบหน้าเหมือนครั้งนั้น
‘คนบ้าอะไรขนาดไม่ยิ้มก็ยังสวยชิๆๆ’
เวลาก็ผ่านไปเรื่อยๆตามวิวข้างทางที่ผ่านไปฉับๆ เพราะตอนนี้ระดับความเร็วของรถกำลังเร่งขึ้นเรื่อยๆ จนฉันอดสงสัยไม่ได้ต้องหันหน้าไปส่องดู ถึงได้รู้ว่าความเร็วมันแตะที่300+กิโลเมตรต่อชม.แล้วขุ่นพระ
“คุณยู!!!..”ฉันอุทานออกมาอย่างตกใจสุดขีดที่เห็นเข็มปัดหน้ารถและความเร็วของมัน
“...”
“อึก...พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกด้วยยยยยยย”
จากที่เวลาจากการเดินทางน่าจะอยู่ราวๆชม.เศษๆ แต่ตอนนี้รู้ไหมออกมาจากบ้านแค่15นาทีก็ถึงบริษัทแล้วจ้า พร้อมด้วยสภาพของฉันที่เดินมึนหัวออกจากรถเพราะคลื่นไส้จะอ้วก
“อุ๊ก..ปึง..ตึกๆ..อ๊วกกก..”
“...บรืนนนน..เอี๊ยดด..ปึง..ตึกๆๆ”
“อึก..แค่กๆ..ให้ตายเถอะคนบ้าอะไรเนี่ยกะจะฆ่าฉันวันแรกเลยรึไงเนี่ยไหนบอกจะไม่ให้มา..ชิ”
ล้วงคอตัวเองเสร็จก็เดินกะเผลกๆเข้าประตูโรงแรมไปที่มีบริษัททำงานอยู่ด้านบน ภายในโครตหรูหราประดับด้วยหินอ่อนหลากสีสัน พร้อมด้วยลานน้ำพุขนาดใหญ่และการจัดสรรต้นไม้ประดับตามมุมห้องอย่างมีระดับ ไม่เว้นแม้แต่โคมไฟระยะที่ประดับย้อยลงมาพวงโครตใหญ่
“แค่กๆ..ไปไหนของเค้าอีกล่ะเนี่ยโธ่เอ๊ย...” ยืนเท้าเอวหน้างงๆที่ลานน้ำพุก่อนจะมีพนักงานในชุดสูทคนนึงเดินมาทัก
“เอ่อไม่ทราบว่ามีอะไรให้ผมช่วยรึเปล่าครับ?หื้ม?^^”
“คะ..อ่อ..มีค่ะมี..ไม่ทราบว่าเห็นคุณยูกิไหมคะพอดีฉันมากับเค้าแต่เดินตามไม่ทัน”
“อ่อบอสหรอครับ..”
“อือหือ”พยักหน้าให้พนักงานหนุ่มเบาๆจนหน้าสั่นคอแทบหลุด
“ทางนี้เลยครับ เจ็บขาหรอครับงั้นเดี๋ยวผมประคองนะครับ..วางมือไว้ที่แขนผมได้เลย”
“เอ๋..คะ..ไม่ต้องก็ได้ค่า..”
“ไม่เป็นอะไรครับผมเต็มใจช่วย”พนักงานหนุ่มยิ้มรับด้วยความเป็นกันเอง
“ปล่อยเถอะค่า...พรืดดด”
เสียงรองเท้าของฉันดังครืดคราดไปกับพื้นหินอ่อนตลอดทางที่โดนประคองไปจนถึงหน้าลิฟต์ โครตอายเลยตอนคนมองไปหมดระหว่างทาง
“ชั้นที่40นะครับ..ติ๊ง ถ้าหากต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อได้ที่เคาท์เตอร์ตรงประตูนะครับ บัยบายครับ”พูดจบชายหนุ่มก็กลับไปทำงานตามเดิม
“บัย..ค่า..แหะๆๆ” หัวเราะแห้งๆให้พ่อหนุ่มคนนั้นจนเดินหายลับไป ไม่คิดจะมีคนปกติที่อยู่แถวนี้เลยรึไงเนี่ย รวมทั้งฉันด้วยเนี่ยแหละพอมาถึงก็สร้างวีรกรรมแต่เริ่มเข้าบริษัทด้วยการให้ปุ๋ยต้นไม้ที่หน้าบริษัทหรือโรงแรมอะไรก็ตามจนชุ่มอยู่ในพุ่มหญ้า ดีนะไม่มีคนเห็นนอกจากคุณยูกิ
“40..ติ๊ง..ให้ตายเถอะเริ่มเจ็บแผลอีกแล้วแหะ..อื๋ออ..”พิงตัวกับผนังของลิฟต์มองดูรอบๆ ตัวไปเรื่อยเพราะมันดันเป็นกระจกใสข้างหนึ่งเต็มๆ จนมองเห็นชั้นต่างๆได้อย่างชัดแจ๋วค่อนข้างนานกว่าจะมาถึงชั้นสูงสุดได้ก็สักพักนึงแหละแต่ในลิฟต์ไม่มีคนกดก็เลยขึ้นไวหน่อย
“ติ๊ง..ติ๊ง..ให้ตายเถอะมันจะสูงอะไรขนาดนี้เนี่ย”มองดูลิฟต์ที่ปิดกลับคืนก่อนจะเดินกะเผลกๆ ตามทางทอดยาวไปเรื่อยๆ จนเจอเข้ากับหน้าห้องสีน้ำตาลเข้มประดับด้วยป้ายเล็กๆ ที่ติดไว้
“ประธานยู..เหอะคนบ้าอะไรทิ้งพนักงานตัวเองหน้าตาเฉย..ฮึย”
“ก๊อกๆๆ..คุณยู..อยู่ไหมขออนุญาตค่า..”หมุนลูกบิดเข้าห้องไปทันทีไม่รอช้า
“เข้ามา..” มีแต่เสียงเรียบๆ ที่ตอบกลับออกมาจากภายในห้องฉันก็ไม่รอช้าผลักประตูเข้าไปในทันที สะดุดตาเข้ากับท่านประธานในโต๊ะนั่งที่เซ็นต์เอกสารแบบไม่ลืมหูลืมตา
“ขอโทษค่ะที่มาช้า”
“ไปไหนมา..”เสียงเรียบๆนั่นยังคงบ่นตามปกติแต่ไม่ยอมเงยหน้าจากกองเอกสารที่อยู่บนโต๊ะไม้ ถ้าลองสังเกตดีๆ จะเห็นเอกสารไม่ต่ำกว่า4เล่มซึ่งภายในคือกระดาษเป็นตั้งๆ หนาเป็นคืบ
“เอ่อ...จ๊อกกก..”
“??”
“0//0) ..ขอโทษค่า..”
‘โธ่เว้ยไอ้ท้องบ้ามาร้องอะไรตอนนี้เนี่ยเห็นไหมคุณยูหยุดเขียนเลย’
“..ทำไมไม่กินอะไรมา”
“ฉะ..ฉันออกมาพร้อมกับคุณนั้นแหละ”
“อืม..พรืดๆ..แกร๊กๆๆ”
“...”ฉันไม่อยากยืนรอนานนักเพราะเจ็บขาก็เลยเลือกที่จะไปนั่งแถวๆ นั้นไปก่อน
“อืออ..หิวข้าว”
“..แกร๊กๆ..ในตู้เย็นมี”
“คะ??”ฉันเลิกคิ้วมึนๆเล็กน้อยอะไรคือในตู้เย็นมี??หัวคนเรอะ????
“อาหาร..ไมโครเวฟตรงนั้น..แกร๊กๆ..”
ฉันเบนสายตาไปที่โต๊ะทำงานทันที ตอนแรกก็คิดว่าจะบ้าๆ ซะอีกแต่ก็ยังมีน้ำใจนะเนี่ยสบายท้องสิเรา
“ขออนุญาตถอดรองเท้านะคะ..เป๊าะ..เฮ้อสบายจังเลย..ฟุ่บ..แปะๆๆ”
เดินเท้าเปล่าเต๊าะแตะไปมากับพื้นห้องจนมาถึงห้องครัวเล็กๆแถวนั้นซึ่งอยู่ไม่ไกลจากห้องทำงานของคุณยูเท่าไหร่ สบโอกาสก็เดินสำรวจไปเรื่อยระหว่างหาของกินเพิ่ม ทันทีที่เปิดตู้เย็นได้ฉันก็เจอเข้ากับกองอาหารแช่แข็งมากมายและน้ำเปล่า
“ไม่เห็นจะมีของหวานเลยนี่..”ยักไหล่อย่างไม่ยี่หระก่อนหอบเอาอาหารแช่ไปเวฟ ตามด้วยการเดินหาของกินเล่นในครัวจิ๋ว แต่ก็ไม่พบอะไรเลยนอกจากน้ำเปล่า
“อยากกินของหวาน..ให้ตายเถอะอะไรเนี่ยมีแต่น้ำ..น้ำเต็มไปหมดเลย”
“ไม่คิดจะมีอะไรหวานๆเพิ่มไขมันในตัวเลยรึไงเนี่ย”บ่นอุบอิบเบาๆกับตัวเองในห้องครัว
บ่นงึมงำไปตลอดทางระหว่างหอบอาหารอุ่นๆ ไปที่ห้องทำงานคุณยูทันที
“ฮ่า..หอมๆๆ..กินแล้วนะคะงั่ม..แจ๊บๆๆ”
ฉันมัวแต่งวนอยู่กับการกินอาหารจนลืมถามเรื่องงานไปเลย
“แกร๊กๆๆ..ห้ามทำเลอะ”
“อ่าๆๆ..งั่มๆๆ”ฉันไม่สนใจและตักอาหารเข้าปากต่อไป
“ห้าม..นั่งถ่างขา”
“อะ??..อื๋ออออออ..”
ฉันสะดุ้งเฮือกใหญ่ตอนที่โดนดุว่าห้ามถ่างขาเพราะว่ากระโปรงทรงเอมันเลิกขึ้นตอนนั่งจนเห็นขาอ่อนไปหมดแล้วตอนนี้
“แล้วก็อีกข้อ..ห้ามเดินเท้าเปล่า”
“อึก...”สะอึกเฮือกใหญ่ก่อนจะรีบดึงกระโปรงให้ลงมาปิดขาทันทีแต่ยังไม่ทันที่จะได้ดึงกระโปรงลงเสียงปริศนาก็ดังขึ้น พร้อมเนื้อกระโปรงที่ร่นขึ้นมาตามรอยแตกของมัน
“แคว่ก!!”
“??”
“..เฮ้อ..ให้ตายเถอะคุณ”ยูกิชะงักมือที่เขียนเอกสารลงและส่ายหัวไปมากับมัดหมี่
“0//0) ..ฉันขอโทษคุณยู...”ฉันเริ่มแหกปากก่อนยุกยิกไปมาอย่างน่ารำคาญเพราะว่ากระโปรงเจ้าปัญหาดันขาดเพราะแรงดึงของฉันจนยาวขึ้นมาถึงสะโพกแถมโชว์เกงลิงออกมาให้เห็นคาตา
“ครืนนนน..ตึกๆๆ”เสียงของเก้าอี้ที่ถูกเลื่อนออกตามด้วยเสียงฝีเท้าของยูกิที่เดินดุ่มๆ มาหาฉันด้วยท่าทีเรียบเฉยก่อนจะนั่งยองๆ แล้วก็ทำการดึงกระโปรงฉันออก
“แคว่กกกก..”
“กริ๊ดดดดดดด..คุณทำบ้าอะไรเนี่ย!!”
“เกะกะ...ครืดดด..รูดซิปออก”
“ม่ายยยย” ฉันยอมปล่อยของกินทุกอย่างกับโต๊ะก่อนจะยื้อกระโปรงตัวเองสุดชีวิตแต่แรงของยูกิมันมากกว่าผู้หญิงปกติธรรมดาที่แข็งแรงจนเหมือนควายเหมือนวัวนะ
หรือน่าจะมีมากกว่าก็เลยดึงกระโปรงหลุดจากสะโพกฉันไปได้ง่ายๆโดยที่ฉันยื้อไว้แทบตาย
“ฟึบ..ไปเอาชุดฉันมาใส่..”
“อื๋อ??”
“เฮ้อ..มานี่..ฮึบ”
“กริ๊ดดดดด”
โดนเจ้าตัวอุ้มไปแบบไม่ทันตั้งตัวก่อนโดนเหวี่ยงเข้าใส่เตียง?? ใช่มีเตียงอยู่แถวนี้เป็นขนาดพอเหมาะแก่การทำ..ไม่ใช่เว้ย ฉันตัวโยนไปมาบนเตียงก่อนจะถูกอะไรสักอย่างที่ดูเหมือนผ้าขี้ริ้วฟาดใส่หัว
“ฟึบ..เอาไปเปลี่ยนซะ..อย่ามาโชว์”
“อื๋อ..คุณมันเป็นคนใจร้าย!!”ทำไมฉันถึงตะโกนแบบนี้ออกไปนะแทนที่จะบอกขอบคุณค่ะแทน
“เหรอ..เธอคิดว่าฉันใจร้าย..ฉันคนนี้เนี่ยนะ”
“อึก..อย่าเข้ามานะ..”
ฉันถอยหลังกรูเข้าไปเรื่อยๆ จนชิดฝาผนังเพราะว่ายูกิกำลังปีนขึ้นมาบนเตียงด้วยท่าทีที่เรียบเฉยไม่แสดงสีหน้ามีแต่เพียงน้ำเสียงที่ปรับเปลี่ยนมาชวนหงุดหงิด
“ถ้าฉันใจร้ายจริง..ป่านนี้เธอคงไม่ได้มาอยู่นี่แล้วล่ะ..ฟุ่บ..แต่งตัวให้เรียบร้อยตอนบ่ายฉันมีธุระต้องไปสะสาง”ยูกิบ่นออกมานิดหน่อยก่อนเดินออกจากห้องไป
“อ..อึก”ลอบกลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่หลังจากเห็นท่าทีของยูกิเมื่อกี้ แววตาที่ฉายออกมาพร้อมจะเอาจริงได้ทุกเมื่อไม่มีคำว่าล้อเล่น ถ้าหากฉันเกิดกวนโอ๊ยมากกว่านี้คงได้ไปนอนคุยกับรากมะม่วงแหงๆ หรือนอนในโลงไม้หอมๆสักที่แถวๆไหนในภูเขาแทนก็ได้
“อึก..รีบแต่งตัวดีกว่า..โอ๊ย..เจ็บ..อือ”เพียงแค่ขยับขานิดหน่อยก็ต้องสะดุ้งเฮือกเพราะอาการเจ็บแปล๊บที่ลามขึ้นมาถึงต้นขา
“เจ็บ..”ลองขยับขาไปมาก็เจ็บสรุปว่าพิการไปแล่วช่วยด้วยคุณหมอ
“อื้อ..เจ็บ..”พยายามประคองขาช้าๆ เพื่อที่จะเปลี่ยนชุดสรุปก็ทำไม่ได้นอกจากเอามาพาดใส่บ่าแล้วก็กะเผลกๆออกจากห้องไปเพื่อที่จะไปห้องน้ำแต่ว่าก็โดนทักเข้าซะดื้อๆ
“ไปไหน!!”
“อึก..ห้องน้ำ..”
“ทำไมไม่เปลี่ยนชุด”
“...”ฉันที่ยืนขาเดียวทำอะไรมากไม่ได้นอกจากจะรีบจ้ำอ้าวไปห้องน้ำแต่ยูกิดันไหวตัวทันจับแขนฉันดึงแล้วก็รับเข้ามากอดซะดื้อๆ
“ว้าย..อือ”
“..ขาเจ็บ..ทำไมไม่บอก”
“อื๋อ...”
เสียงเรียบ ที่บ่นงึมงำข้างหัวของฉันก่อนจะประคองตัวฉันแล้วอุ้มไปวางที่โซฟา
“เหยียดขา..”
“อื้อ..จะ..เจ็บบบ..”
“อืม..”ยูกิทำได้แค่ฮึมฮัมในลำคอก่อนจะค่อยๆใช้มือแตะเบาๆที่แผลของฉันแล้วไล่คลำไปมาจนทั่ว
“เดี๋ยวประคบเย็น...เอาขาพาดไว้บนนี้ก่อน..ตึก”
“อื้อ...”ฉันยอมทำตามแต่โดยดีเหมือนว่ายูกิจะไม่รู้ว่าแผลฉันอักเสบหนักเพราะวิ่งตามนี่แหละทั้งเดินทั้งวิ่งมันก็เจ็บหนักไปสิ สักพักยูกิก็กลับมาพร้อมน้ำแข็งในผ้าเช็ดหน้าแล้วมัดเป็นปมก่อนจะมาประคบที่ขาฉันเบาๆจนทั่ว
“เย็น..!!”
“อดทน..”
“มันเย็นนนน..อือออ”
“เฮ้อ..ขี้บ่น..”
“อื้ออออ..”
“...”
ยูกิวางมือจากน้ำแข็งแล้วก็ดึงแก้มแห้งๆของฉันเข้ามาก่อนจะประกบริมฝีปากเย็นๆลงไปแล้วไล่ขบเม้มไปมาอย่างนุ่มนวล
“อื้อ..อื้มมม”ฉันเบิกตาอย่างตกใจสุดขีดก่อนยกมือดันหัวไหล่ของยูกิให้ออกไปห่างๆ แต่ก็ไม่ไหวเพราะแรงกดที่ทับลงมามันหนักกว่าแรงของฉันจะดันออกไหวก็เลยอ่อนเปลี้ยให้ยูกิไล่จูบจนพอใจก่อนจะยอมผละออกไปช้าๆ
“อื้ม..ขี้ดื้อ”
“อื๋อ...”
ฉันถึงกับช็อกอีกรอบเมื่อได้ยินเสียงบ่นเบาๆ ว่าขี้ดื้อออกจากปากของยูกิก่อนที่ตัวของฉันจะถูกพันด้วยผ้าห่มผืนบางแล้วก็โดนอุ้มท่าเจ้าหญิงออกจากห้องไป
‘ฮือๆยังกินข้าวไม่อิ่มเลยง่า..’
“ติ๊ง..ติ๊ง..ติ๊ง..”มีแต่เสียงของลิฟต์ที่ดังไม่หยุดจนรำคาญได้เพราะว่าไม่มีเสียงพูดใดๆ ออกจากปากเพราะว่าตัวฉันกำลังแนบหัวกับนมของยูกิอย่างไม่มีทางเลือกในท่าอุ้มอยู่
“ตึก..ตึกๆๆ..”เสียงหัวใจที่ดังออกมาอย่างสม่ำเสมอของยูกิชวนให้ง่วงนอนชะมัดเลย
“คุณ..”
“อืม”
“ฉัน..ขอโทษด้วยค่ะที่ทำตัวไม่ดีใส่..”พูดไปก็งุดหน้าเข้ากับนมของยูกิไปเหมือนที่ซ่อนแอบดีๆ
“อืม..รู้ตัวก็ดี..จะได้ไม่ต้องโดนทำโทษ”
“อื๋อ..”ฉันถึงกับหูผึ่งเลยตอนได้ยินคำว่าทำโทษออกจากปากของยูกิ ให้ตายเถอะนี่กะจะฆ่าฉันจริงๆใช่ไหมหรือว่าอะไรยังไง
“ใกล้ถึงข้างล่างแล้ว..”
“อือ..”ฉันงุดหน้าซบกับนมนุ่มๆของยูกิต่อก่อนหลับตาปี๋ตอนที่ประตูลิฟต์เปิดออกมา
“ตึกๆๆๆ..”ได้ยินแต่เสียงฝีเท้าของยูกิที่เดินไปมาบนพื้นหิน และเสียงผู้คนที่พูดคุยไปมารอบๆ ตัวก่อนจะถูกวางลงเบาะนิ่มอีกรอบ
“อื้อ..”
“รัดเข็มขัด..ครืดดด..ปึง”
“..คุณ..ยู”
ฉันแทบไม่ได้ทำอะไรเลยมีแต่ยูกิที่ทำให้จนหมดก่อนที่รถหรูคันนี้จะแล่นออกไปทันทีทิ้งไว้ก็มีแต่เสียงหายใจเบาๆในรถของฉันและยูกิที่นั่งด้วยกัน ฉันอดใจไม่ไหวที่จะแอบชำเลืองดูใบหน้าที่โครตจะสวยแบบสวยวัวตายควายล้มของยูกิ ฉันอาจจะมองผิดไปก็ได้ที่ยูกิดูเป็นคนใจร้าย แต่ว่าก็อาจจะมีบ้างล่ะมั้งฉันชอบตอนที่ยูกิเป็นปกตินะแต่ทำไมฉันต้องพูดแต่ว่ายูกิด้วยล่ะต้องบอกว่าคุณยูสิ เราไปสนิทกันตอนไหนล่ะเนี่ยให้ตายเถอะไอ้มัดหมี่ไอ้คนบ้า
“เราจะไปไหนกัน..เหรอคะ”
“ไปหาหมอ...”น้ำเสียงเรียบๆตามเคยพร้อมด้วยรอยยิ้มเล็กๆที่มุมปากของยูกิ
‘ให้ตายเถอะคนบ้าอะไรกะล่อนฉิบหาย...แม่งเอ๊ย’
“ค่าๆ...”ฉันเลือกที่จะจกมือถือใช่ๆใช้คำว่าจกก็ได้นะมันสบายใจดี แล้วสไลด์หน้าจอเข้าเฟสไปคุยกับผัดหมี่ที่ออนอยู่
*ทำไรน้องพี่*
*กริ๊ดดดดดดดด ขุ่นพี่ทิ้งน้องไม่ยอมๆๆๆๆๆๆๆๆ*
*ใจเย็นๆๆ..พี่พยายามปลุกแล้วแต่ผัดไม่ยอมตื่นเองนี่*
*แงๆๆไอ้คนใจร้าย -*-)*
*พี่ผิดอาราย*
*ผิดทุกตรงที่ไม่ยอมบอกว่าจะไปตอนดึกอ่า*
*โอ๋ๆพี่ขอโทษน้องรักของพี่*
*หึๆๆงั้นก็โอนเงินมาซะดีๆ*
*แปะ..เอาไปก่อนเงินปลอม*
*แงๆๆไม่ยอมๆๆขอเงินที่โอนจริงๆสิพี่*
*ยังไงเงินจริง พี่ยังไม่ได้ทำงานเลย*
*แงะ..แล้วเจ้านายหล่อไหม???ขอดูหน่อยๆๆ*
*ไม่หล่อหรอกก็หน้าตาบ้านๆ*
‘บ้านๆที่ว่าเนี่ยบ้านอยู่บนสวรรค์น่ะนะ’
*ไม่ให้ดูหรอก*
*ขี้หวงง่า..นิดเดียวเอง..*
*แต่..*ฉันหยุดมือการพิมพ์ไว้ก่อนเงยหน้าขึ้นมาจ้องยูกิที่กำลังขับรถไม่ปริปาก
‘ถ้าแค่นิดหน่อยจะเป็นอะไรไหมนะ’
ไวเท่าความคิดมือของฉันยกขึ้นมาทันทีก่อนจะแชะแล้วกดส่งให้ผัดหมี่ไปทันที
*ติ๊ง..ก็หน้าตาบ้านๆ*
*กริ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด*
มีแต่เสียงกริ๊ดเต็มหน้าแชทไปหมดก่อนที่มัดหมี่จะส่งเสียงอัดมาให้ฟัง
*หน้าตาดีขนาดนี้ไปเป็นนางฟ้าเถอะค่ะ*
“อุ๊บ..ฮ่าๆๆ”ฉันเผลอหัวเราะออกมาอย่างควบคุมไม่ทันเพราะน้องมันพูดแบบนี้จริงๆ
“หือ?? มีอะไรให้ขำเหรอ”ยูกิชำเลืองมาหาฉันเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปตามเดิม
“ฮ่าๆ ๆ ขอโทษค่ะคุณยู”
“เธอแอบถ่ายรูปฉัน..รู้ไหมมันผิดกฎหมายนะ”น้ำเสียงดุๆบ่นออกมาให้ฟัง
“อึก..ขอโทษค่ะ..พอดีน้องฉันอยากเห็นคุณ”
“น้อง??..ไม่เห็นจะจำได้เลยนี่ว่าเธอมีน้องสาว..”
“อื๋อ..นี่คุณ!!!!!”
ฉันหันหน้าควับไปที่ยูกิทันทีด้วยสายตาที่ค่อนข้างจะงงๆมึนๆจากคำพูดเมื่อกี้ มันหมายความว่าอะไรเหมือนกับว่ายูกิรู้จักฉันมาก่อน
“จะถึงแล้ว...เอี๊ยด..บรืนนนน”
“...”
ฉันเลือกที่จะนั่งเงียบเพราะติดใจคำพูดเมื่อกี้ของยูกิก่อนจะเดินกะเผลกๆลงจากรถเข้าคลินิกไป หลังจากตรวจอะไรต่อมิอะไรจนเสร็จก็ได้เวลากลับบ้านซะแล้วสิ
“จะไปไหน..เหรอคุณ”
“ไม่รู้สิ..กลับบ้านล่ะมั้ง”ยูกิพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ เหมือนกับว่าโรงแรมไม่ได้สำคัญอะไรมากมาย
“แล้ว..โรงแรมคุณล่ะ”
“ฉันจะไปกังวลอะไรอีกในเมื่อ..งานอยู่ที่บ้าน”
“....”
ทันทีที่ถึงบ้านตัวของฉันก็โดนอุ้มดุ่มๆเข้าไปในบ้านจนถึงข้างบนก่อนโดนทุ่มลงกับเตียงจนกระเด้งตัวลอย
“...อั๊ก..คุณยู!!!!”
“เฮ้อให้ตายเถอะ..เธอจะตัวผอมเกินไปแล้วนะ”
“อื๋อ...คุณจะทำอะไรน่ะ..หยุดนะ”ยกมือขึ้นดันหน้าอกนุ่มๆของยูกิที่กำลังกดทับขึ้นคร่อมตัวฉันไว้ก่อนจะรวบตัวฉันมากอดแล้วก็กลิ้งนอนลงข้างๆ
“ขอโทษ...”
“อือ”
น้ำเสียงนุ่มๆที่ออกจากปากยูกิชวนให้ฉันมึนงงในหัวไม่มากก็น้อย ทำไมต้องมาขอโทษฉันด้วยล่ะ
“ขอโทษสำหรับวันนี้”
ยูกิกำลังรัดตัวฉันแน่นขึ้นไปอีกก่อนจะคลายอ้อมแขนลงแล้วก็จุ๊บหน้าผากฉันทีเผลอแล้วก็เดินลงจากเตียงไปทิ้งให้ฉันนอนเขินแก้มแดงแปร๊ดบนเตียง
“ตุ๊บๆๆๆ..ไอ้คนบ้า”
หน้าร้อนผ่าวแหมือนมีไฟจี้อยู่ตลอดเวลา บางทีก็ใจร้ายบางทีก็ใจดีคนบ้าอะไรเนี่ยกินยาไม่เขย่าขวดรึไง
“ตุ๊บๆๆ..เขินนนน”ระรัวหมัดทุบลงกับเตียงอย่างเขินอายก่อนยันตัวลุกนั่งจ้องมองไปรอบๆห้องของยูกิด้วยสายตาลุกวาว
“ทำไมมัน..เงียบเหงาจัง”
ก็จริงอย่างที่ฉันบอกไปเลยว่ามันเงียบเหงามากถึงมาก แทบไม่มีอะไรเลยนอกจากโต๊ะเปล่าๆ ถัดออกมาจะมีโต๊ะทำงานแล้วก็ตู้เสื้อผ้า กับเตียง ห้องน้ำ โคมไฟ แล้วก็ม่าน
“ไม่คิดจะเอาอะไรมาติดบ้างรึไง...”
ถ้าคนธรรมดาหลงเข้ามาคงหัวใจวายตายมันเรียบง่ายแบบไม่มีอะไรจริงๆ ถ้าจะมีโจรปล้นยังคิดหนักเลยมันจะมีอะไรอยู่รึไง
“ฮ่าๆๆถ้าหากฉันปล้นของนะ..ฉันยอมตายดีกว่าไม่มีอะไรให้ขโมยเลย”
ทิ้งตัวลงกับเตียงด้วยอาการที่ค่อนข้างจะง่วงจนหนังตาปิด เพราะโดนยูกิบังคับให้กินยาตอนอยู่คลินิกก่อนจะกลับบ้านนี่สิ
“หาวววว..ยา..มัน..อือ..คร่อก”และฉันก็ผล็อยหลับไปทั้งแบบนั้น ส่วนคุณยูไปไหนไม่รู้ฉันรู้แค่ว่าตัวเองหลับอยู่ในห้องของเจ้าตัวนี่แหละ หมอนสบายจังอยากได้กลับบ้านจังน้า
ส่วนยูกิก็ดันได้รับสายเข้าจากที่โรงแรมจนต้องกลับไปอีกรอบทิ้งมัดหมี่ให้นอนพุงกางไปก่อนในห้องของตัวเอง ถึงจะมีดุตวาดบ้างแต่เธอก็ไม่ได้อยากจะแกล้งมัดแบบนี้หรอกถ้าไม่ติดเรื่องที่เธอไม่ชอบคนกวนประสาท แล้วมัดก็ดันเป็นคนประเภทที่เธอไม่ชอบด้วยมันก็เลยทำให้เธอเผลอตัวใช้โหมดนี้จนได้
“ความจริงฉันไม่ได้อยากทำร้ายเธอหรอกมัด..ถ้าเธอพูดง่ายกว่านี้นะ”
ริมฝีปากสวยขยับเบาๆคล้ายกับกำลังพูดอะไรบางอย่างแต่กับไม่มีเสียงออกมา เหตุผลที่เธอต้องกลับมาที่โรงแรมอีกรอบเพราะมีประชุมแถมยังมีแขกคนสำคัญที่จะมาเยี่ยมเยือนด้วย
“อลิส...มาอีกแล้วสินะ”
มันไม่ง่ายเลยที่จะเลี่ยงไม่เจออลิสแต่ก็นะมันคือเหตุจำเป็น หลักๆที่รู้คืออลิสมักจะเกาะแกะเธอและป้วนเปี้ยนรอบๆหลายต่อหลายครั้งที่อลิสเข้าถึงเนื้อถึงตัวเธอมากเกินจำเป็น ซึ่งมันไม่ดีมากๆทั้งตัวเธอและเรื่องงานมันค่อนข้างลำบากที่มีเด็กสาวอายุยี่สิบปลายๆกำลังยั่วยวนหญิงสาววัย30+แบบเธอซึ่งมันไม่น่ารักเท่าไหร่ถ้าดูจากสิ่งที่เป็น
“แถม..ฉันก็มีคนที่หมายตาไว้แล้วขืนเผลอตัวทำรุ่มร่ามลงไปผลที่ตามมาคงไม่สวยแน่ๆ”
‘ไม่รู้ว่าอลิสจะมาไม้ไหนอีกแต่ต้องอยู่ห่างๆน่าจะดีกว่าสินะ’
“เดี๋ยวจะรีบกลับนะมัด..บรืน..บรืนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน”
เสือดำคันงามพุ่งทะยานหาลัยไปกับถนน ตอนนี้สิ่งที่เป็นกังวลหลักๆก็คือการหารือและตามสืบเรื่องของลุงมัดซึ่งหลักฐานที่ตรวจพบมันค่อนข้างจะเล็กน้อยและหาได้ยากคงต้องใช้เวลานานกว่าจะตามสืบพบ หวังว่าครอบครัวมัดจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นนะ
“หวังว่า..เธอจะไม่โกรธเรื่องที่ฉันดักฟังนะมัด...”ยูรู้ว่าสิ่งที่เธอมันค่อนข้างจะอันตรายแต่ก็ต้องตามสืบแต่เนิ่นๆเผื่อได้หลักฐานจากการดักฟังมัดหมี่บ้างไม่มากก็น้อย
พอมาถึงโรงแรมได้สิ่งที่เจอก็คืออลิสที่ยืนรับต้อนรับอยู่หน้าโรงแรมด้วยชุดไปรเวทสบายๆ
“อลิส??เอ่อ..ฉันไม่มีเวลาจะมาคุยด้วยขอตัวก่อนล่ะกัน..”ฉันรับตัดประโยคและเดินสวนไปอีกทางเพื่อจะขึ้นลิฟต์แต่ดูเหมือนว่าอลิสจะวิ่งตามมาติดๆแถมยังติดลิฟต์มาด้วยอีก ทำตัวไม่ถูกว่าจะวางตัวแบบไหน
“ยังพอมีเวลากว่าลิฟต์จะไปถึง..อลิส”
“คะ??พี่ยู..ไม่สิต้องเรียกว่าคุณยูกิ”
“วันนี้เธอมาเพราะอะไร..”
“มาเยี่ยมน่ะค่ะแถมจะมาคุยเรื่องที่ประชุมด้วยอลิสมีความเห็นจะบอกอีกเยอะแยะเต็มไปหมดช่วยรบกวนฟังสักเล็กน้อยบ้างนะคะคุณยู”
“อื้อ...ได้สิถ้ามันไม่เยอะจนเกินไป”ฉันเลือกที่จะไม่คุยต่อและรอจนลิฟต์มาถึงที่หมายก่อนจะสาวเท้ายาวๆไปที่หน้าห้องประชุม
“ก๊อกๆขออนุญาตค่ะ...แอ๊ดดด”
“คุณยูมาพอดีเลยค่ะ..”
“ว่าแต่เรียกประชุมด่วนนี่มีอะไรรึเปล่า”ทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยท่าที่แบบปกติก่อนขยับเก้าอี้มาชิดโต๊ะทำงานเพื่อจะได้นั่งสะดวก พร้อมอลิสที่เดินตามเข้ามาทีหลังปิดประตูก่อนเดินอ้อมค้อมมานั่งข้างๆ
“อ้าวคุณอลิสวันนี้มาด้วยเหรอคะเนี่ย?”พนักงานสาวคนหนึ่งถามขึ้นมาเพราะไม่ค่อยเจออลิสมาประชุมด้วยเท่าไหร่
“ค่ะ..วันนี้อลิสมีงานจะมาเสนอ”
“อ่อ..ค่ะคุณยูคือว่ามีคนมาขอร่วมหุ้นยื่นข้อเสนอให้เราไปจัดการร้านตรงท่าเรือน่ะค่ะมีความคิดเห็นยังไงบ้าง”พนักงานสาวไม่รอช้าที่จะยิงประเด็นเข้าใส่
“กิจการที่ว่าเกี่ยวกับอะไร..”ฉันนั่งกระดิกปากกาไปมาระหว่างรอคำตอบ
“ดูท่าจะเป็นรีสอร์ทน่ะค่ะ...แถมตรงนั้นยังเป็นทำเลที่ดีเหมาะแก่การทำแต่ว่ามันติดตรงที่คุณยูสนใจรึเปล่าคะแต่ถ้าเรื่องราคาพอตกลงได้นะคะเพราะว่าเขาไม่ได้คิดราคาที่แพงแต่เพราะเห็นว่าคุณยูน่าจะเหมาะกับการปรับเปลี่ยนพื้นที่เขาจึงยื่นข้อเสนอให้ค่ะ”
“เขาที่ว่าคือใคร?”
“ชาวบ้านน่ะค่ะ..เขาร่วมมือร่วมใจกันบอกว่าช่วยติดต่อคุณยูให้หน่อยเพราะมีเรื่องอยากให้ช่วย”
“เกี่ยวกับที่ดินเปล่าติดทะเลรวมทั้งยังเป็นจุดเที่ยวเหรอ..น่าสนใจดีนี่แต่คงต้องแวะไปดูกันก่อนน่าจะดีกว่านะ”ฉันเปรยขึ้นเบาๆ
“ถ้าสถานที่จริงนี่ค่ะเขาส่งรูปทั้งหมดมาให้ดูแล้วค่ะ..ปิ๊บ”ทันทีที่พูดจบจอมอนิเตอร์ก็ฉายภาพของวิวและสถานที่ ที่น่าจะเป็นทำเลสำหรับทำรีสอร์ทขึ้นมาให้ดู
“เป็นทำเลที่ค่อนข้างดีเลยนะคะเนี่ย”อลิสพูดเสริมขึ้นมาอีกแรง
“นั่นสิ..แล้วทำไมชาวบ้านถึงต้องขายถูกขนาดนี้ด้วย”ฉันตั้งคำถามในใจกับราคาที่ค่อนข้างถูกกว่าครึ่งหนึ่งของทำเลที่แพงหูฉี่แบบนี้
“ชาวบ้านบอกว่าอยากให้คุณยูช่วยพัฒนาชุมชนให้หน่อยค่ะ..แล้วก็อยากวานให้พวกชาวบ้านท้องถิ่นแถวนั้นมีการตั้งร้านขายของได้ถูกต้องตามกฎหมาย”
“อื้มแบบนี้นี่เอง..ได้กำไรทั้งสองฝ่ายสินะ..แต่ฉันต้องขอคิดดูก่อนว่าจะเปลี่ยนตรงนั้นให้เป็นอะไรดีอย่างน้อยๆก็จะไม่ต้องรื้อหรือทุบสิ่งสวยงามพวกนั้นทิ้ง”
“ลองทำเป็นร้านขายของไหมคะ??”อลิสพูดขึ้นมาลอยๆ
“ร้านขายของ..เหมือนบูททั่วๆไปสินะคะ”
“ก็คือเปลี่ยนให้เป็นสถานที่เที่ยวให้คนได้รู้จักเป็นวงกว้างและยังเซฟท่าเรือเก่าด้วยไงคะ”
“win win ทั้งสองฝ่ายจริงด้วยคุณยู”
“ใจเย็นๆเอส..ขอฉันนึกก่อน...อลิสไหนลองอธิบายสิ่งที่เธอคิดออกมาหน่อยสิ”
“ก็คือเราซื้อที่เสร็จแล้ว..ก็ปรับเปลี่ยนให้เป็นร้านขายของทั่วๆไป..หรืออาจทำเป็นแลนด์มาร์คใหม่เลยไหมคะ?”
“นั่นสิคะคุณยู..คนอื่นมีความเห็นอื่นไหม?”
“ไม่ครับ..ผมคิดว่าไม่น่ามีนะแล้ว..”
“ไม่ค่อยไม่มีเลยเป็นความคิดที่ดีนะคะ”
“นั่นสินะครับผมว่ามันเจ๋งออก”
“ผลสรุปออกมาว่าตามนั้นงั้นจบประชุมแต่เพียงแค่นี้แยกย้าย”
“ครับ..ค่า!!”
“เฮ้อออออออออ..นึกว่าจะไม่ชอบซะอีกนะคะเนี่ยคุณยู”
“อลิส??”
“คือว่าเสร็จแล้วเราไปดื่มกันสักหน่อยไหมคะ?อลิสมีร้านดีๆแนะนำ”
“ดื่มเหรอ..ฉันว่าคงไม่ดีกว่า”
“แต่ว่าคุณยู...”
“เอ่อ..งั้นก็ได้เดี๋ยวลงไปเจอกันข้างล่าง”
“ขอบคุณค่ะ..ตึกๆๆแอ๊ดดดด..ปึง”
“เฮ้ออ..ดูท่าคงจะต้องไปจริงๆสินะให้ตายเถอะยู..”ฉันสบถเงียบๆก่อนผละออกจากห้องตามไป