ตอนที่แล้วคาถาที่ 19 : เกียร์เกม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปคาถาที่ 21 : สารเลว

คาถาที่ 20 : การแข่งขัน


ในที่สุดวันจริงก็มาถึงจนได้

งานเกียร์เกมถูกจัดขึ้นในช่วงวันเสาร์อาทิตย์พอดี ปกติจะไม่ค่อยมีคนเท่าไรนักในมหาวิทยาลัยช่วงวันหยุด แต่วันนี้กลับคึกคัก แน่นขนัดไปด้วยนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์จากหลากหลายมหาวิทยาลัยที่มารวมตัวกัน รุ่นพี่บอกว่าจบงานนี้ไป หลายคนได้ทั้งเพื่อน ได้แฟนต่างสถาบันกันเยอะแยะเมื่อปีที่แล้ว งานนี้จึงเป็นอีกงานที่เอาไว้ให้คนโสดได้มองหาคนที่ใช่รอบ ๆ ตัว

งานวันแรกเริ่มต้นตอนเก้าโมงเช้า มีพิธีเปิดเดินขบวนของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ รอบสนามคณะอย่างสนุกสนาน ไม่ต่างอะไรจากงานกิจกรรมอื่น ๆ  ช่วงเช้าผมทำหน้าที่ไปเดินนำขบวนถือป้ายของมหาวิทยาลัยคู่กับไหม เพราะเราสองคนเป็นเดือนและดาวของคณะ เลยได้รับหน้าที่นี้มา มีไอ้คีย์กับพี่ฟองถือธงคณะเดินตามมาด้านหลัง พร้อมกับเพื่อน ๆ ที่เหลือ ส่วนไอ้อิฐก็กลายไปเป็นมือถ่ายภาพประจำคณะถือกล้องถ่ายรูปคู่ใจของมันถ่ายบรรยากาศรอบ ๆ กับรุ่นพี่ปีสองอีกคน

หลังจากทำพิธีเปิดเสร็จ การแข่งขันกีฬาก็ถูกเริ่มขึ้น โดยมีการแข่งขันหลากหลายอย่าง อาทิเช่น บาสเกตบอล เปตอง แบดมินตัน ฯลฯ ผมเองก็มีแข่งเช่นกันในช่วงเย็นของวัน เลยพอมีเวลาไปเชียร์ไอ้คีย์กับไอ้อิฐก่อนได้ สถานที่แข่งขันกีฬาในช่วงเช้าถูกจัดขึ้นที่โรงยิมของมหาวิทยาลัย ผมกับไหมว่างเลยชวนกันไปนั่งดูไอ้คีย์กับไอ้อิฐแข่งกีฬา

ขณะที่ผมกับไหมกำลังเดินคู่กันเพื่อไปนั่งแถวฝั่งที่นักศึกษามหาวิทยาลัยเดียวกันกับพวกเรานั่งเชียร์เพื่อนอยู่ เสียงวี้ดวิ้วเป่าปากแถวนั้นก็ดังขึ้นมา ทำให้ผมกับไหมหันไปมอง

“เธอ ๆ มีแฟนยั้ง เราขอไลน์ได้เปล่า” เสียงทุ้มห้าวทักดังขึ้นขณะที่พวกเราเดินผ่านกลุ่มนักศึกษาชายต่างมหาวิทยาลัย ตามมาด้วยเสียงเอ่ยแซวของกลุ่มเพื่อนที่นั่งอยู่แถวนั้นที่คอยเชียร์

“มีแล้วค่ะ” ไหมตอบออกไปก่อนทำท่าจะเดินต่อ แต่ไอ้คนที่พูดมันก็ลุกขึ้นมาขวางไหมเอาไว้ มันตาบอดหรือไง ผมเดินคู่กับไหมมาขนาดนี้ มันคิดว่าไหมไม่มีแฟน

“มีแล้วก็ไม่เป็นไร เราไม่ถือ ขอไลน์หน่อยดิ” พูดจบไอ้นั่นก็หยิบมือถือของตัวเองขึ้นมาพร้อมกับทำท่าจะส่งให้ใยไหม ทำไมมันไม่จบวะ หน้าตาก็ดีแต่ดูนิสัยไม่โอเคเลย

“ไหม ไปเถอะ” ผมหันไปพูดกับไหมแล้วเอามือไปโอบไหล่เจ้าตัว พร้อมเดินเบี่ยงไปอีกทางที่มันไม่ได้ขวางอยู่

“เฮ้ยเดี๋ยวดิ คุยกันก่อน” มันพูดต่อพร้อมกับเดินมาขวางหน้าผม มันจะเอาไงกันแน่วะ แบบนี้มันจงใจหาเรื่องชัด ๆ

“มีอะไร”

“เป็นเพื่อนสาวเหรอ” มันพูดออกมา ทำท่าขำแบบชวนโมโหที่สุด ผมกำหมัดแน่นแทบจะพุ่งไปหามัน แต่ไหมดึงชายเสื้อผมไว้ก่อน มีเรื่องแบบนี้คงไม่ดีต่อทั้งสถาบันและกับตัวเอง แต่เห็นปากมันดีขนาดนี้ ผมก็อยากจะเข้าไปใส่สักหมัดสองหมัดเหมือนกัน มาถึงถิ่นเขาแท้ ๆ ยังมีหน้ามาปากดีอีก

“ชา ไปเถอะ อย่ามีเรื่อง”

“อุ๊ย ไม่ตอบด้วยว่ะ สงสัยจะจริงว่ะพวกมึง”

พูดจบก็หันไปหาพวกเพื่อนมัน ตามมาด้วยเสียงหัวเราะคิดคักจากคนในกลุ่มนั้น ผมว่าผมชักทนไม่ไหวกับมันแล้วนะ

“ตัวเองรีบพาเพื่อนสาวตัวเองไปสิคะ เขาทำท่าเหมือนจะมาต่อยหน้าเราเลยอะ” เสียงนั้นยังคงตามยั่วโมโหผมอยู่เรื่อย ๆ โชคดีที่ไหมเดินจ้ำออกมาจากกลุ่มคนพวกนั้นพร้อมดึงแขนผมตามออกมาด้วย ไม่งั้นผมคงน๊อตหลุดไปแล้ว

“มันจงใจหาเรื่องชาเลยนะเว้ยไหม แม่งปากดีฉิบ” ผมพูดกับไหม

“พวกปากหมาอะ อย่าไปสนใจเลย ใจเย็น ๆ นู่น ๆ ไปดูคีย์แข่งกัน” ไหมบอกผม

“ถ้ามันมายุ่งกับไหมอีก ต้องรีบบอกนะ” ผมกำชับกับไหม ดูท่าไอ้พวกนั้นมันดูไว้ใจไม่ได้แบบบอกไม่ถูก งานมีตั้งสองวันคงต้องได้มาวนเวียนโคจรมาเจอกันอีกแน่ อารมณ์ผมช่วงเช้าเลยกลายเป็นหงุดหงิดไปเลยที่มาเจอเรื่องแบบนี้ แต่ก็เป็นไม่นานเพราะหลังจากนั้นผมกับไหมก็ไปนั่งเชียร์รวมกับเพื่อน ๆ ของมหาวิทยาลัยตัวเองอย่างสนุกสนาน

ผลปรากฏว่าทั้งแบดมินตันและบาสเกตบอลของมหาวิทยาลัยเราได้เข้ารอบชิงชนะเลิศ เสียงแฟนคลับของไอ้คีย์กับไอ้อิฐต่างกรีดเชียร์สนั่นหวั่นไหวไปทั้งยิม

ช่วงเย็นของวัน การแข่งขันกีฬาฟุตบอลก็ถูกจัดขึ้นที่สนามหญ้าของคณะ แดดตอนนี้ไม่ค่อยร้อนมากเท่าไรนัก แต่ถ้าวิ่งไปวิ่งมานาน ๆ ก็เล่นเอาเหนื่อยแย่เหมือนกัน ผมหลังจากที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยก็ออกไปยืนวอร์มร่างกายพร้อมกับเพื่อน ๆ ในคณะและรุ่นพี่ที่มาลงแข่งด้วยกัน ทางด้านหลังของพวกเราเป็นกองเชียร์จากเพื่อนร่วมสถานบันที่เตรียมพร้อมกันมาเชียร์เต็มที่

ด้านหน้าของแสตนมีกลุ่มเชียร์ลีดเดอร์ของมหาวิทยาลัยผมยืนอยู่ ใยไหมเองก็เป็นหนึ่งในคนที่ยืนอยู่ในกลุ่มนั้น  เจ้าตัวยืนโบกมือส่งยิ้มให้ผมอยู่ไกล ๆ ผมจึงโบกมือแล้วยิ้มตอบกลับไป พร้อมกับได้ยินเสียงกรีดเชียร์ของสาว ๆ ที่มองอยู่ดังกลับมา ก็แหงล่ะ ตัวผมเองก็มีแฟนคลับไม่ใช่น้อย ไม่แพ้ไอ้คีย์และไอ้อิฐที่มายืนถ่ายรูปให้อยู่ห่าง ๆ แถวแสตนเชียร์ด้วยเหมือนกัน ผมเห็นมันสองคนชูสองนิ้วให้กำลังใจผมอยู่ไกล ๆ

ไม่นานก็ถึงเวลาที่ต้องลงแข่ง นักกีฬาของมหาวิทยาลัยฝั่งตรงข้ามก็เดินเข้ามาในสนามบ้างเหมือนกัน ผมแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง ว่าไอ้คนที่ผมเห็นเมื่อเช้าที่มันพยายามจะจีบไหมมายืนอยู่ตรงหน้า มันยักคิ้วส่งให้ผมอย่าท้าทายแล้วชี้ไปทางแสตนเชียร์ที่ใยไหมยืนมองอยู่ พร้อมกับพูดออกมาอย่างไร้เสียงแต่ผมอ่านริมฝีปากมันออก

เมียกู

ผมรู้ว่ามันจงใจยั่วโมโหผมก่อนลงแข่ง เลยพยามยามทำท่าไม่สนใจอะไรมันมาก

“มึงรู้จักเหรอวะไอ้ชา” เสียงเพื่อนร่วมคณะผมที่อยู่ข้าง ๆ ถามขึ้นมา เพราะมันเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด

“เปล่าไม่รู้ว่ะ มึงคอยระวังมันไว้ดี ๆ ละกัน”

“เออ กูเต็มที่อยู่แล้วเพื่อน มอเราต้องชนะดิวะ”

เพื่อนที่ทักผมหันมาตบไหล่ผมหนึ่งที ก่อนพวกเราจะวิ่งเข้าไปที่กลางสนาม

การแข่งขันเริ่มต้นขึ้นไม่นาน มหาวิทยาลัยของผมก็เดินเกมไปได้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่พวกเราจะยิงประตูนำไปสามต่อศูนย์หลังจากเริ่มแข่งไปในเวลาไม่กี่นาที สถานการณ์ตอนนี้ถือว่าพวกเราค่อนข้างได้เปรียบมากทีเดียว เพราะมีรุ่นพี่ปีสองคนหนึ่งที่เป็นตัวเทพสำหรับสนามนี้ มองเกมทะลุปุโปร่ง ประกอบกับการที่พวกเราฝึกซ้อมกันมาอย่างหนักหน่วงในหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา ทำให้พวกเราเป็นทีมเวิร์คได้อย่างสมบูรณ์แบบ

เสียงเชียร์ดังขึ้นเป็นระยะ ๆ จากเพื่อน ๆ ที่อยู่ด้านข้างสนาม ผมกล้าพูดได้เต็มปากเลยว่าพวกเราต้องเข้ารอบชิงชนะเลิศแน่นอน ไอ้คนปากดีแต่สกิลการเล่นกลับไม่เห็นดีอย่างปากเลย ผมยิ้มเยาะมันบ่อยครั้งหลังจากที่แย่งบอลจากมันมาได้ จนคิดว่าผมน่าจะทำให้มันหัวร้อนพอสมควรเลย

“ชา !”

เสียงรุ่นพี่ผมดังขึ้นพร้อมกับลูกบอลที่กำลังจะถูกส่งมาหา แต่มันกลับถูกแทนที่ด้วยเสียงร้องโอดโอยพร้อมกับร่างของรุ่นพี่ปีสองทีมผมที่ล้มลงไปกองกับสนามหญ้า และเพื่อนอีกคนที่อยู่ใกล้ ๆ กระเด็นล้มไปไม่ต่างกัน พร้อมกับเสียงนกหวีดของกรรมการที่ดังขึ้นมาด้วย ผมรีบวิ่งไปดูร่างของรุ่นพี่ตัวเองกับเพื่อนที่กำลังกุมขาตัวเองอย่างเจ็บปวด เสียงโห่ร้องดังขึ้นมาจากรอบสนาม ไม่รู้ว่าเป็นฝั่งไหน แต่ผมว่ามันไม่แฟร์เลยเล่นแบบนี้

มันจะเล่นดี ๆ กันไม่ได้ใช่ปะ ...

ผมหันไปมองหน้าคนที่มันทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาอย่างพร้อมมีเรื่อง มันยกยิ้มกวน ๆ ขึ้นมาพร้อมทำท่าทางไม่รู้ไม่เห็น เพื่อนที่อยู่ในทีมผมต่างเดินมาสมทบพร้อมมีเรื่องเช่นกัน ทุกคนในทีมต่างเห็นว่าจังหวะที่พี่เขาจะส่งบอลมาให้ อยู่ ๆทีมของมหาวิทยาลัยฝั่งตรงข้ามก็วิ่งเข้าไปขนาบข้างอยู่หลายคน จนพวกเรามองไม่เห็นว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ก่อนที่พี่เขาจะล้มลงไปแบบนั้น แบบนี้มันโกงกันชัด ๆ พวกนั้นมันจงใจแกล้ง มันไม่ใช่อุบัติเหตุ

กรรมการรีบมาแยกพวกเราทั้งสองมหาวิทยาลัยออกจากกันก่อนจะมีเรื่อง แล้วเวลาในครึ่งแรกก็หมดลงไป ผมและเพื่อน ๆ ต่างมาประชุมกันวางแผนต่อในครึ่งหลังว่าจะเอายังไงต่อ เพราะกัปตันทีมของเราดันขาเดี้ยงลงแข่งไม่ไหวไปแล้ว แถมคนเก่ง  ๆ อีกคนก็ข้อเท้าพลิกลงแข่งไม่ไหวไม่ต่างกัน

“พวกนั้นแม่งเล่นแรงแบบนี้ได้ไงวะ”

“นั่นดิ งานนี้แข่งเพื่อให้สามัคคี ให้ได้รู้จักกันแท้ ๆ”

“เออ ช่างเถอะ พวกเราทำให้เต็มที่ก็พอ คนดูเต็มสนาม ถ้ามันจะทำแบบนั้นอีก เดี๋ยวกรรมการก็ปรับแพ้เองแหละ”

ผมและเพื่อน ๆ พูดคุยกันระหว่างเบรกครึ่งแรก ไอ้คีย์กับไอ้อิฐก็เดินตามมาถามว่าเป็นไงบ้าง ดูสถานการณ์ในสนามตึงเครียดเหมือนกับกำลังจะมีเรื่องกันเลย ผมก็เลยเล่าให้พวกมันฟังคร่าว ๆ สักพัก ก่อนวิ่งกลับไปที่สนามเพื่อเริ่มการแข่งขันในครึ่งหลังต่อ

คนอื่นจะยังไงก็ช่าง ... แต่สำหรับผมแล้ว

ถ้าจะเล่นโกง ๆ แบบนี้ผมก็พร้อมจะเล่นด้วย

โกงมา โกงกลับ 100%

10 ต่อ ศูนย์เป็นไง เอาให้มันแทรกแผ่นดินหนีไปเลย

หลังเริ่มเกมในครึ่งหลังไม่นาน ภาพประวัติศาสตร์ที่เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นไม่กี่นาทีก่อนก็เกิดขึ้นซ้ำอีกครั้ง เพื่อนคนหนึ่งในทีมผมที่ได้บอล กำลังเลี้ยงบอลมาเพื่อส่งต่อให้คนอื่น ถูกทีมฝ่ายตรงข้ามวิ่งขนาบเข้ามาหาในรูปแบบเดิม ในเมื่อเล่นกันแบบนี้ผมก็พร้อมที่จะเล่นด้วย ผมบังคับให้ลูกบอลที่พวกนั้นแย่งมาได้กระเด็นออกมาหาเพื่อนในทีมเดียวกันกับผม

“เฮ้ย มึงไปส่งให้ทีมฝั่งนั้นทำไม !” เสียงร้องโวยวายดังขึ้นมาจากทีมฝั่งตรงข้าม

ผมทำแบบนั้นครั้งแล้วครั้งเล่าจนทำสกอร์ได้ตามที่ต้องการ คิดแล้วก็ได้แต่ขำในใจ ไอ้พวกที่มันเล่นนอกกรอบต้องเจอแบบนี้แหละ ผมจะทำให้มันรู้ซึ้งถึงความหัวร้อนที่แท้ทรูมันเป็นยังไง

หนึ่งนาทีสุดท้ายก่อนหมดเวลาครึ่งหลัง ผมจงใจให้ทีมฝั่งตรงข้ามได้รับบอลไป ใครคนหนึ่งในทีมนั้นวิ่งหลบหลีกเลี้ยงบอลอย่างชำนาญเหมือนไม่เคยเป็นมาก่อน ตามมาด้วยเสียงร้องอย่างงุนงงจากคนในทีมของตัวเอง ร่างนั้นวิ่งไปเรื่อย ๆ ผ่านคนในทีมผมไปอย่างพลิ้วไหว และท้ายที่สุด

เตะเข้าโกลตัวเอง !

นิ่งเงียบไปทั้งสนาม ก่อนเสียงหัวเราะจะดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว สรุปได้ว่าทีมของมหาวิทยาลัยผมเข้ารอบไปได้อย่างกินขาดด้วยสกอร์ตามที่ผมบอกไปด้านบน พวกนั้นคงจะหัวลุกติดไฟเพราะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับทีมตัวเองกันแน่ ถึงได้เล่นกันห่วยแตกขนาดนั้น

ผมมองไอ้คนที่เข้ามาจีบไหมแล้วยิ้มให้มันหนึ่งที ก่อนพูดออกมาอย่างไม่มีเสียงเหมือนอย่างที่มันทำกับผมก่อนแข่ง

กระจอก

ร่างนั้นแทบพุ่งตัวเข้ามาหาผมแต่ยังดีที่ตอนนี้พวกเราอยู่กันกลางสนามคนอยู่เต็มไปหมด เพื่อนของมันเลยดึงตัวเอาไว้แล้วลากถอยห่างออกไป

เสียงร้องอย่างยินดีดังขึ้นเมื่อผมและเพื่อน ๆ เดินกลับไปที่แสตนของฝั่งมหาวิทยาลัยตัวเอง ใยไหม ไอ้คีย์ ไอ้อิฐ เดินตามมาสมทบพร้อมยื่นขวดน้ำส่งให้ผม

“ฝีมือมึงใช่ไหมไอ้ชา” ไอ้อิฐกระซิบพูดแบบขำ ๆ

“กูเปล๊า” ผมบอกมันไปพร้อมกับปล่อยหัวเราะไปอย่างเต็มที่อีกหนึ่งยก ผมว่ามันรู้อยู่แล้วล่ะว่าเป็นฝีมือผม มันคงแกล้งถามไปเล่น ๆ แบบนั้น

“เสียงสูงเชียวนะ แต่กูชอบ ฮ่าฮ่า” พูดจบผมกับมันก็กำหมัดขึ้นชนกัน ให้ตายซิ ยังนึกขำหน้าไอ้นั่นไม่หาย

อีกมุมหนึ่งของวงสนทนา ร่างของชายหนุ่มสามคนที่เพิ่งแพ้จากการแข่งขันฟุตบอลอย่างยับเยิน กำลังเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างหงุดหงิด

“เจ็บใจชิบหาย มึงเห็นหน้าไอ้ตี๋นั่นปะ กูอยากเอาเท้าไปประทับบนหน้ามันชะมัด พวกมึงไม่น่าห้ามกูเลย” ร่างหนึ่งที่ดูเหมือนเป็นหัวโจกของกลุ่มพูดขึ้นมา

“เออ กูเห็น แต่มึงจะไปทำแบบนั้นกลางสนามได้ไงวะ โดนทัณฑ์บนมหาลัยพอดี” อีกคนที่ตัวสูงน้อยกว่าพูดขึ้น

“แล้วไอ้ดิวเป็นเหี้ยอะไร แม่ง เตะเข้าโกลตัวเอง ประสาท มึงก็อีกตัว ส่งบอลให้ทีมนั้นไม่รู้กี่ครั้ง” คนที่พูดคนแรกพูดต่อพร้อมหันไปหาร่างที่อยู่ทางซ้ายมือ

“ตอนนั้นกูก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นนี่หว่า กูไม่ได้เตะด้วยซ้ำ บอลมันลอยไปเอง” ร่างที่สามพูดขึ้นมา

“สัส มึงเพ้ออะไรของมึง เมากระท่อมเหรอ”

“แล้วมึงจะเอาไงต่อ ไปดักกระทืบมันปะ กูเองก็หมั่นไส้มันตั้งแต่เมื่อเช้าละ” ชายคนที่สองหันไปพูดกับหัวหน้ากลุ่มของตัวเอง คนฟังทำหน้าคิดแป๊บหนึ่ง  ก่อนร่างนั้นจะแสยะยิ้มออกมา เมื่อความคิดเลว ๆ นั้นถูกกลั่นกรองออกมาจากสมองพร้อมกับคำพูดของมัน

“กูว่า มันมีวิธีที่เด็ดกว่านั้น เมียมันไง สวยฉิบหาย ได้ข่าวว่าดาวคณะด้วย อยากให้มาครางให้กูได้ยิน”

“กูขอต่อนะ”

“กูด้วย”

“ได้ดิวะเพื่อน หลังพิธีปิดพรุ่งนี้ค่อยจัดการ”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด