บทที่ 23 ความฝันในวัยเด็ก
บทที่ 23 ความฝันในวัยเด็ก
หลังจากที่ วาย ถามออกไปโต้งๆแบบนั้น ก็ไม่มีใครตอบอะไรออกมาอีก บทสนทนาจึงตัดจบลงที่ตรงนั้นไป
นักกีฬาอาชีพคนอื่นๆที่ไม่ได้ไปดูการสอบเมื่อวานนี้ จึงไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ว่า 2 คนนี้เป็นใคร แต่กัปตันทีมของทีมในระดับ Top 5 หลังจากวิเคราะห์อยู่สักครู่หนึ่ง ก็พอคาดเดาได้แล้ว ว่าทั้ง 2 คนนี้ น่าจะเป็นคนที่พวกเขาคาดเดาไว้
ยิ่งเป็นการเล่นของขุนช้าง ยิ่งเพิ่มความมั่นใจไปให้พวกเขาได้หลายส่วน แต่การมั่นใจเช่นนี้ของนักกีฬาอาชีพ ก็ไม่ใช่ว่าจะมั่นใจ 100% เต็ม
วายจึงต้องเข้ามาเปิดประเด็นในกลุ่ม เพื่อตรวจสอบดูว่า เหล่ากัปตันทีมอีก 4 คนนั้น คิดเหมือนกันกับเขาหรือเปล่า?
ส่วนเรื่องเหตุผลที่ทั้ง 2 คนนี้ ต้อง PK กันในสนามประลอง พวกนักกีฬาอาชีพไม่สามารถมั่นใจได้ว่า PK กันเพราะอะไร? เพราะทะเลาะกัน หรือ เพราะต้องการรู้ว่าใครเก่งกว่ากัน?
เหตุผลในการจะ PK กัน มีมากมายเหลือเกิน แต่ก็แอบได้ยินข่าวมาแว่วๆว่า ก่อนที่ขุนช้างจะกดออกจากห้องไป ได้ทิ้งข้อความอันหนึ่งเอาไว้
ไม่สำคัญหรอกว่าพวกเขาจะต่อสู้กันด้วยเหตุผลอะไร เพราะไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับพวกนักกีฬาอาชีพในตอนนี้เลย และตอนนี้ข้อสรุปก็ออกมาแล้วว่า 2 คนนี้ คือซาโด และ ขุนช้าง พวกนักกีฬาอาชีพรู้ แต่คนอื่นๆในเกมออนไลน์ไม่มีใครรู้
เรื่องวุ่นๆเหล่านี้ ก็ยังเป็นประเด็นต่อไปได้อีกสัก 2 3 วัน ไม่แน่หลังจากนี้ ขุนช้างและซาโด อาจจะถูกจับตามองโดยนักกีฬาอาชีพก็เป็นได้ เพราะพวกเขาต้องการคนเก่งๆเข้ามาอยู่ในทีมเสมอ เพื่อแชมป์ เพียงคำเดียวเท่านั้น
หลังจากซาโดไล่ดูกระทู้ต่างๆ และตามอ่านคอมเม้น ก็มีผู้คนออกมาแสดงความเห็นมากมาย ชมบ้าง ด่าบ้าง ตามประสาปะปนกันไป อย่างเช่น
“อันธพาลไม่ได้เก่งหรอก นักดาบคู่มันโง่”
“ฝีมืออันธพาลพลิ้วไหวเป็นอย่างมาก”
“อันธพาลเก่ง นักดาบคู่ก็เกือบชนะแล้วเช่นกัน”
“007ZA ขอคารวะ 1 จอก”
“จังหวะหลบสวยงามสุด”
“ถึงนายจะแพ้ แต่นายก็สุดยอด”
“ฝีมือระดับอาชีพชัดๆ”
หลังจากอ่านข้อความยาวๆไปขณะรอรถตู้ ซาโดก็ยังแอบคิดในใจว่า ตนคงมีฝีมือในระดับอาชีพจริงๆแล้วสินะ การที่ยังไม่ติดสินใจเข้าไปลุยลีคในปีที่จะถึงนี้ ตนคิดผิดหรือเปล่า?
การอยู่ค่ายฝึกต่อไป มันดีจริงๆหรอ? ความลังเลเริ่มเกิดขึ้นภายในจิตใจ แต่ซาโดก็ไม่ได้คิดว่า ตนมีฝีมือเทียบเท่าระดับเหล่า Top5 ของวงการ
นึกย้อนกลับไปยังคืนที่ต้องต่อสู้กับ แม่มดคนนั้น เมนี่ เจ้าของฉายาเทพแห่งแสง ผู้หญิงที่มีฝีมือเก่งกาจที่สุดใน The Killer Arena และเป็น แม่มดอันดับ 1 ของ The Killer Arena อีกด้วย
แม้ตนเองจะใช้อาชีพช่างไม้ ที่ไม่ได้ถนัดมากที่สุด แต่ซาโดเป็นคนที่เล่นมาทุกอาชีพแล้ว เขาชำนาญการเล่นอาชีพที่มีการต่อสู้ระยะประชิดตัวทั้งหมด
ส่วนพวกมือจู่โจมระยะไกล หรือ จอมเวทย์กึ่งธาตุพวกนั้น เขาไม่ชอบ เพราะคิดว่าไม่ใช่สไตล์ของเขา การที่เขาเลือกเล่น อาชีพอันธพาลต้องย้อนไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว
หลังจากที่ Sever1 เปิดทำการได้ไม่กี่วัน เพื่อนของซาโดคนหนึ่งมีชื่อว่า โอ๊ต โอ๊ตเป็นคนที่ไม่ชอบเรียนหนังสือเช่นเดียวกับซาโด ทั้ง 2 อยู่ในละแวกบ้านเดียวกันและได้มาเจอกัน จุดเริ่มต้นจึงกำเนิด
อาชีพอันธพาล ดูเหมาะสมที่สุดสำหรับพวกเขาในวัยเด็ก เหมาะสมยังไง ? ตรงนี้เป็นความคิดสำหรับเด็กๆ เพราะอันธพาล จะเป็นพวกที่ไม่เรียนหนังสือ วันๆหาแต่เรื่องใส่ตัว ชอบการชกต่อย ขี่รถมอเตอร์ไซด์เสียงดังเป็นต้น
พวกเขาทั้ง 2 คิดว่า จุดนี้ดูเป็นตัวตนใกล้เคียงกับพวกเขามากที่สุด แต่ไม่ได้ใกล้เคียงตรงที่ความเกเร ที่ใกล้เคียงก็คือ เรื่องที่ไม่เรียนหนังสือ พวกเขาทั้ง 2 จึงตัดสินใจเลือกเปลี่ยนอาชีพเป็นอันธพาลทั้งคู่ และเล่นด้วยกันจนถึง Lv.50
หลังจากนั้นไม่นาน พ่อแม่ของโอ๊ตต้องไปทำงานที่ต่างประเทศ โอ๊ตจึงต้องย้ายไปอยู่กับพ่อแม่ด้วย ประเทศที่โอ๊ตไป ซาโดก็ไม่รู้ว่าเป็นประเทศอะไร เพราะโอ๊ตไม่ได้บอกเอาไว้
ซาโดคิดไว้ว่า หากเจอโอ๊ตในเกมค่อยถามก็ได้ ยังไงเราก็เป็นเพื่อนสนิทกันอยู่แล้ว แต่ปรากฏว่า 1 อาทิตย์ผ่านไป โอ๊ตก็ไม่ออนเกมเสียที โอ๊ตขาดการติดต่อไปโดยสิ้นเชิง ช่องทางการติดต่อกับที่บ้านโอ๊ตก็ไม่มี
ซาโดที่เล่นเกม The Killer Arena ทุกวัน ก็รอเพื่อนคนนี้ออนไลน์อยู่เสมอ แต่ก็ไม่เลย ไม่มีวี่แวว คู่หูอันธพาล ได้เลือนหายไปหลังจากวันที่โอ๊ตย้ายบ้าน ไม่มีอีกแล้ว ตัวละครของโอ๊ตยัง Lv.50 เหมือนเดิม ทั้งๆที่ตอนนี้ Lv.อยู่ที่ 60 แล้ว
1 เดือนหลังจากนั้น ซาโดเริ่มเบื่อกับการที่ไม่มีคู่หูในการเล่นเกม สัญญาที่เคยให้ไว้ว่าจะไปเป็นเล่นลีคด้วยกันก็คงเป็นไปไม่ได้แล้ว แต่จะเลิกเล่นก็ไม่ได้ เพราะรู้สึกว่า ตัวเองได้หลงรักเกมเกมนี้เข้าให้แล้ว
และยังมีคำสัญญาที่ให้ไว้ว่า จะไปเล่นลีคด้วยกันอีก ถึงแม้จะไม่มีโอ๊ตแล้วก็ตาม แต่ซาโดก็ยังจะทำตามความฝันที่เคยพูดไว้ให้สำเร็จให้ได้ ความฝันในวัยเด็กของเขา
จากนั้นไม่นาน ซาโดก็นำเงินเก็บของตนเอง ที่แม่ให้เหลือจากการไปโรงเรียน และ ได้มาจากพ่อที่โอนมาให้ทุกเดือน เอาไปซื้อ ID เกมจากในกระทู้ที่ตั้งขาย ซึ่งไอดีที่เขาซื้อมา มีครบทุกอาชีพ Lv.50 เต็ม
ในปีแรกที่เปิดทำการ จะ Lv.เต็มเพียง 50 เท่านั้น เขานำมันมาศึกษาทีละตัวๆ โดยการ PK บ้าง ลงดันเจี้ยนบ้าง เพื่อหาจุดเด่นของสกิล หาวิธีต่อคอมโบ
การนำไป PK ยังสามารถเรียนรู้จากคู่ต่อสู้ได้อีกว่า อาชีพนี้มีการทำคอมโบจากสกิลอย่างไร มีวิธีการเล่นที่เหมาะสมอย่างไร ไม่มีอะไรจะดีไปกว่า การสัมผัสอาชีพนั้นๆด้วยตนเอง
หากเราอยากรู้ว่า นินจาคาถาเก่งไหม? ทำไม ยองวอน ถึงสามารถหาวิธีการเล่นใหม่ๆพบเจอเสมอ ชื่อของเทพอิสระ ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย
หากพูดถึงอันดับ 1 ในการดวลเดี่ยว ยองวอน คือที่สุด อาจมีแพ้บ้างไม่แปลก เพราะเขาเป็นคนไม่ใช่เครื่องจักร คู่ต่อสู้ของเขาก็เป็นคนเช่นกัน เมื่อคู่ต่อสู้ของเขาแพ้ ก็ต้องกลับไปหาวิธีแก้ไข เพื่อรับมือในการเจอกันครั้งต่อไป
การนำเงินไปซื้อ ID มาเพื่อศึกษา สำหรับซาโด อาจจะเสียเวลาไปมากหลายเดือน แต่ผลรับที่ได้มาถือว่า คุ้มค่าเป็นอย่างมาก อัตราการชนะ 8,000 กว่าครั้ง ได้มาเพราะโชคช่วยงั้นหรือ ? อาจมีบ้าง 2 3 % ที่เหลือก็คือ ฝีมือ และ ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับอาชีพต่างๆ
ซาโดเข้าใจในอาชีพแต่ละอาชีพมากพอสมควร เพราะได้สัมผัสมันด้วยตนเอง ทดลองสิ่งต่างๆด้วยตนเอง ต่อสู้บ้าง ลงดันเจี้ยนบ้าง แต่สุดท้ายแล้ว ก็ยังเลือกใช้ 007ZA เป็นเพราะว่า ซาโดอยากได้แชมป์ด้วยอาชีพที่เขาและเพื่อนเขาตัดสินใจเลือกในตอนแรก อาชีพอันธพาล
เวลา 11.55 น. ซาโดเดินขึ้นรถตู้ไปพร้อมเก็บโทรศัพท์มือถือลงในกระเป๋า ซาโดจะไม่ค่อยนำโทรศัพท์ออกมาเล่นในขณะที่นั่งอยู่ในรถ เพราะว่า การเล่นโทรศัพท์ในรถนานๆ จะทำให้เกิดอาการมึนหัว วิงเวียนศีรษะ ซาโดเคยลองทำมาแล้ว หลังจากนั้นเขาก็ไม่กล้าเล่นโทรศัพท์ในรถนานๆเลย
การเดินทางกลับบ้านของเขานับว่านานถึง 7 ชั่วโมงกว่า ระหว่างทางก็นั่งหลับเป็นส่วนมาก ป้าข้างๆก็มีแอบมองมาบ้างพร้อมคิดในใจ
“เป็นเด็กเป็นเล็ก เดินทางมาไกลคนเดียว ใจกล้าไม่เบา” แต่สิ่งที่บ้าบิ่นมากกว่านั้น คือ พ่อแม่ปล่อยมาคนเดียวได้ไง หรือ เด็กคนนี้มันแอบหนีออกมากันนะ?
คิดไปคิดมาก็ไม่ได้คิดต่อ ลืมไปว่าไม่ใช่ลูกหลานตัวเองนี่ เป็นห่วงเขาเสียเหลือเกิน ก็เด็กอะนะ ด้วยความแปลกใจของมนุษย์ป้าที่ผ่านโลกมามากมาย จึงมีความคิดเช่นนี้ขึ้นมา
ถึง บ.ข.ส. ต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน ซาโดที่กลับมาถึงบ้านแล้ว แม่ก็ทำกับข้าวรอไว้แบบจัดชุดใหญ่ ฉลองที่ลูกผ่านการสอบ มีคุณสมบัติเพียงพอเพื่อเป็นนักกีฬาอาชีพ
แม้ในตอนแรกแม่จะไม่เห็นด้วยก็ตาม แต่เมื่อเห็นลูกทำสำเร็จ คนเป็นแม่จะไม่ยินดีด้วยก็ไม่ได้ ยังไงก็ลูกคนหนึ่งของเรา
ซาโดพูดคุยกับคุณแม่ไปพลาง กินข้าวไปพลาง เล่าเรื่องต่างๆมากมายให้คุณแม่ฟัง แม้คุณแม่จะเข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง ก็ยังทนฟังจนจบ
จากนั้นซาโดก็รีบขึ้นไปบนห้อง เพื่ออาบน้ำ แปรงฟันให้เสร็จ จะได้กลับมาเล่นเกมต่อ ถึงตอนนี้จะค่ำมืดแล้วก็ตาม แต่การได้เล่นก่อนนอนสัก 1-2 ชั่วโมง ทำให้กระชุ่มกระชวยเป็นอย่างมาก
วิถีเกมเมอร์ โต้รุ่งก็ไม่หวั่นเป็นธรรมดา แต่ถ้าบ่อยๆไป สุขภาพอาจจะเสีย บางคนเล่นทั้งวันทั้งคืน ไม่ยอมหลับยอมนอน ข้าวปลาก็ไม่กิน ไม่ใช่ว่าไม่มีเงิน แต่ด้วยความที่เล่นเพลินเกินไป ติดงอมแงม ขี้เกรียจจะออกไปไหนมาไหนแล้ว
แตกต่างกันกับนักกีฬาอาชีพ กินอาหารเป็นเวลา ออกกำลังกายทุกเช้าและเย็น ฝึกซ้อมเป็นเวลา เล่นเป็นเวลา การเข้านอนก็เป็นเวลาเช่นกัน อาจจะนอนไม่พร้อมกัน แต่ก็มีเวลาเป็นของตัวเองว่าห้ามนอนเกินกี่โมง
ในตอนนี้ 007ZA เข้าสู่เกมเรียบร้อยแล้ว และยังอยู่ในเมือง Prisoner Tower เช่นเดิม แต่สิ่งที่ทำให้ซาโดต้องตกใจ คือ รายชื่อคนที่ @ มาขอเป็นเพื่อน 978 คน เราสามารถ @ เพื่อนได้ 999 คนเท่านั้น และซาโดมีเพื่อนในเกมอยู่แล้ว 21 คน
978 คนที่แอดมานี้ คือจำนวนที่มันจำกัดแล้วจริงๆ คงจะมีคนที่แอดเข้ามาอีกเป็นหมื่นเป็นพัน แต่ไม่สามารถ @ เข้ามาได้แล้ว ต้องให้ซาโดทำการปฏิเสธออกไปก่อน คนอื่นถึงจะสามารถเพิ่มเพื่อนเข้ามาได้ใหม่
ยังดีที่ระบบเกมมีปุ่มให้กดปฏิเสธทั้งหมดในรวดเดียว ไม่เช่นนั้นละก็ มาไล่ปฏิเสธทีละคน ทีละคน ก็ไม่พักได้ทำอะไรแล้ว ซาโดไม่มีท่าทีลังเลใดๆทั้งสิ้น กดปฏิเสธในครั้งเดียวรวด 978 คน
ถ้าเขาอยากเป็นเพื่อนกับใครจริงๆ เขาจะ @ คนนั้นไปเอง การที่มีคนที่ไหนไม่รู้ @ เข้ามามั่วๆแบบนี้ ย่อมไม่ดีเป็นอย่างแน่นอน หากตอบรับคำขอเป็นเพื่อนแล้ว สิ่งต่อไปที่ตามมา คือ ข้อความ แล้วเราต้องตอบข้อความกลับกี่คนกัน คนเหล่านี้ไม่ได้ @ มาเล่นๆโดยไม่สนทนาอยู่แล้ว อาจจะมีบ้างที่ @ มาเฉยๆ แต่ก็เป็นส่วนน้อยเท่านั้น
ทางฝั่งของขุนช้าง หลังจากเขากลับถึงบ้าน เขาก็เริ่มออนเกมเช่นกัน เพื่อนของเขาในเกมมีอยู่ 158 คน ทำให้ผู้ที่สามารถ @ มาได้ มีเพียง 841 คนเท่านั้น แต่ขุนช้างเป็นคนใจกว้างอย่างมาก เขากดยอมรับทุกคนในรวดเดียว เพื่อนของเขาครบ 999 คน ในทันที
ใครที่จะเพิ่มเพื่อนเขาหลังจากนี้ ต้องรอให้เขาลบเพื่อนออกสักคนก่อน ถึงจะทำการ @ เข้ามาได้
และหลังจากการที่เขารับ @ เพื่อนไป 800 กว่าคนเรียบร้อยแล้ว ความซวยจึงเริ่มคลืบคลานมาหาเขาทีละก้าว ทีละก้าว
“สวัสดีครับ ผมชื่อ … ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“แน่นอนถ้าได้รู้จักกับผมต้องเป็นเรื่องที่น่ายินดี” ขุนช้างตอบทันที คำตอบของเขาทำเอาคนที่พิมพ์ถึงกับต้องเกาหัวเหมือนกัน ยังไม่ทันสนทนากับคนแรกเสร็จ คนต่อไปก็ส่งข้อความตามต่อมาแล้ว
“ขอบคุณที่รับ@ครับ”
“ขอบคุณทำไม? ไม่ใช่เรื่องยาก แค่กดคลิ๊ก 1 ครั้งเอง”
“เหอะๆ” อีกคนตอบกลับ แต่ไม่ทันที่ขุนช้างจะได้ตอบคนที่ 2 คนที่ 3 4 5 และคนต่อๆไป ต่างส่งข้อความมาหาขุนช้างอย่างรัวๆแล้ว
“เป็นเกรียติอย่างยิ่งที่คุณรับ @ ผม คุณชื่ออะไรครับท่านเทพ” คนที่ 3 พิมพ์เข้ามา
ขุนช้างเริ่มทนไม่ไหวแล้ว เพราะข้อความเข้ามาเยอะเหลือเกิน เข้ามาไม่หยุดไม่หย่อน เขาจึงได้ทำการปิดการ @ เพื่อนชั่วคราว และลบรายชื่อผู้ที่เขาไม่รู้จักออกทีละคนๆ
เขาก็อยากจะลบออกทีเดียวให้หมดเหมือนกัน แต่ติดอยู่ตรงที่เพื่อนเก่าของเขามี 158 คน รวมมิร่า ซาโด และบังเคน อยู่ในนั้นด้วย
หลังจากลบเพื่อนเสร็จแล้ว ก็ทำการลบแชทข้อความที่ค้างอยู่ออกต่อ มีทั้งหมด 200 กว่าข้อความ ใช้เวลาไปทั้งหมด 1 ชั่วโมงเศษๆ
เมื่อเคลียร์ทุกอย่างเสร็จสิ้น ขุนช้างก็รู้สึกโล่งอก โล่งใจ เหมือนยกภูเขาออกจากอกไปได้ ทั้งที่ตัวคุณเองแท้ๆ ที่เอาภูเขาก้อนนี้มาใส่ในอกของตัวเอง เขาบิดขี้เกียจไปมาได้สักครู่หนึ่ง ข้อความก็เด้งขึ้นอีกครั้ง ขุนช้างสะดุ้งโหยง พร้อมหลุดคำพูดออกมา
“เชี่ย”
ขุนช้างเกิดอาการหลอนเล็กน้อยกับเรื่องที่ผ่านมาเมื่อครู่ แต่เมื่อเขาดูชื่อที่แชทเข้ามา ก็รู้สึกโล่งอกอีกครั้ง เพราะชื่อที่ส่งข้อความเข้ามา ชื่อPain จอมเวทย์กึ่งธาตุของบังเคนนั่นเอง
“คุณกำลังลบเพื่อนอยู่หรือ?”
“คุณออกมา คุณแอบอยู่ตรงไหน?” ขุนช้างหันซ้ายหันขวา เดินออกไปดูที่หน้าต่าง ก้มใต้โต๊ะบ้าง ใต้เตียงบ้าง เหมือนกับว่าบังเคนแอบอยู่ในบ้านเขาจริงๆ
“จริงๆด้วยสินะ ผมผิดเอง” บังเคนกล่าว
“บังใจเย็นๆ บังอย่าคิดสั้น”
“เหอะๆ ผมลืมเตือนคุณว่า อย่ารับเพื่อนเป็นอันขาด”
“อ๋อ เรื่องนั้นเอง ผมก็ตกใจ คิดว่าบังหมายถึงอะไร ใจเสียหมดเลยเนี่ย เพื่อนรักของผม”
“ผมจะไปนอนแล้ว คุณอย่าไปบอกใครหละ ว่าผมเป็นเพื่อนรักคุณ”
“ได้เลยบัง ผมจะเหยียบไว้ให้มิด”
“ขอบคุณเพื่อนรัก” Pain ออฟไลน์ออกจากเกมทันที บังที่นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ก็แอบขำไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
“เพื่อนรักงั้นหรือ ถ้าคนอื่นรู้เข้า เขาคงคิดว่าผมเป็นแบบคุณแน่ๆ เพื่อนรักกันย่อมมีนิสัยคล้ายๆกัน ฮ่าๆ ขุนช้างเอ๊ย”