คาถาที่ 19 : เกียร์เกม
เกียร์เกมหรือวิศวสัมพันธ์ เป็นงานแข่งขันกีฬาของนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์จากหลากหลายมหาวิทยาลัย ซึ่งถูกจัดขึ้นเป็นประจำในทุก ๆ ปี
จุดประสงค์ก็เพื่อให้นักศึกษาของแต่ละมหาวิทยาลัยได้รู้จักเพื่อนร่วมสาขาอาชีพของตัวเองในอนาคต รวมถึงแลกเปลี่ยนแนวคิดอะไรใหม่ ๆ ซึ่งกันและกัน ในปีนี้เอง มหาวิทยาลัยของผมก็ได้รับหน้าที่เป็นเจ้าภาพในการจัดงานกิจกรรมครั้งนี้ โดยตัวงานจะถูกจัดขึ้นในอีกสองสามวันข้างหน้า ช่วงนี้คณะผมเลยดูยุ่ง ๆ วุ่น ๆ กันพอสมควรเลย พวกรุ่นพี่ก็ต้องเกณฑ์พวกปีหนึ่งไปขึ้นสแตนซ้อมเชียร์กันตั้งแต่อาทิตย์ก่อนแล้ว โชคดีหน่อย ที่ผม ไอ้คีย์ และไอ้อิฐไม่ต้องไปทำแบบนั้น เพราะแต่ละคนรับหน้าที่ในการแข่งขันกีฬามา รุ่นพี่เลยอนุญาตให้พวกเราที่ลงแข่งกีฬาไปซ้อมกีฬาแทนได้ แต่มันก็เหนื่อยอยู่ดีนั่นแหละ
อาทิตย์นี้ผมเลยไม่ได้ไปเรียนคาถาเพิ่มเติมกับไอ้แมทที่คอนโดมันเลย เพราะต้องมาซ้อมเล่นฟุตบอลกับเพื่อนที่คณะเลิกดึกทุกวัน ผม ไอ้คีย์ และไอ้อิฐเล่นกีฬากันคนละอย่าง ไอ้อิฐไปซ้อมตีแบด ไอ้คีย์ไปซ้อมบาส ถึงพวกเราจะเป็นเพื่อนที่โคตรจะสนิทกันก็เถอะ แต่ความชอบเรื่องของกีฬานี่ พวกเราชอบเล่นกันคนละอย่างเลย
ตัวผมเองตอนนี้ก็กำลังวิ่งเตะบอลซ้อมอยู่ที่สนามหญ้าของคณะ มองไปแถว ๆ แสตนเชียร์ก็จะเห็นกลุ่มเพื่อนที่ไม่ได้เล่นกีฬาอะไรซ้อมกันอยู่ ทางด้านหน้าของแสตนก็จะมีกลุ่มเชียร์ลีดเดอร์ของคณะที่ซ้อมท่าอยู่ไม่ต่างกัน อยากจะบอกว่าสาว ๆ คณะผมก็งานดีไม่แพ้คณะอื่นนะ แม้ว่าคณะเราจะมีผู้หญิงน้อยก็ตามที ถ้ามองไปที่กลุ่มเชียร์ลีดเดอร์ตรงนั้นละก็ มันจะโคตรเสียสมาธิเลย ความขาวนั้น ความโมเอะนั้นมันคือที่สุด ที่สำคัญ ใยไหมของผมดันตัวสูงยืนเด่นกว่าเพื่อน แอ่นตัวเอามือไพล่หลังทำท่าเตรียมพร้อมซะขนาดนั้น ต่อให้ผมไม่ได้ไปยืนมองใกล้ ๆ ก็เถอะ จะอดใจไม่ให้มองค้างยังไงไหว
“ไอ้ชา ! มัวแต่มองสาว ดูบอลดิเฮ้ย” เสียงเรียกของรุ่นพี่ปีสองดังขึ้นมา ทำให้ผมหันกลับไปหาคนที่ส่งบอลมาให้
“โทษครับพี่ แฮะ ๆ” ผมพูดออกไปก่อนหัวเราะแก้เก้อ แล้วหันไปสนใจกับลูกกลม ๆ ที่อยู่ในสนามต่อ
ผมกับเพื่อนที่คณะซ้อมเสร็จกันประมาณสองทุ่ม เล่นเอาเสื้อนี้ชุ่มไปด้วยเหงื่อทั้งตัวเหมือนเอาน้ำมาราดเลย ผมกับพวกเพื่อนที่ซ้อมบอลต่างแยกย้ายกันกลับ ตัวผมเองเดินไปทางแสตนเชียร์เพราะเห็นมีร่างของใยไหมนั่งรออยู่ เจ้าตัวก็เพิ่งจะซ้อมเสร็จก่อนผมไม่นาน ผมเดินไปยิ้มกว้างให้ไหม เจ้าตัวก็ส่งยิ้มตอบกลับมา
“อ่ะน้ำ” ไหมพูดพร้อมยื่นขวดน้ำส่งให้ผม ผมทำหน้าแปลกใจก่อนหยิบขวดน้ำมาเปิดดื่ม แล้วนั่งลงแถวแสตนที่ตอนนี้ไม่มีคนเพราะแยกย้ายกันกลับไปหมดแล้ว ไม่รู้วันนี้เจ้าตัวนึกยังไง มีเซอร์วิสผมด้วย
“โห อิจฉาเว้ย มีคนบริการน้ำด้วย”
“น้องไหมไม่เอามาให้พี่บ้างเหรอครับเนี่ย”
เสียวแซวดังมาจากปากเพื่อน และรุ่นพี่ปีสองในคณะที่ซ้อมฟุตบอลกับผมเสร็จแล้วเดินผ่านมาเห็นพอดี ทำเอาใยไหมทำหน้าไม่ถูก ไม่รู้จะตอบยังไงเลย แถมเจ้าตัวยังหน้าแดงอีกต่างหาก ปกติไหมสกิลปากธรรมดาซะที่ไหน แต่ตอนนี้ดูท่าจะเขิน ... รึเปล่า ไหมไม่เคยทำอะไรแบบนี้ให้ผมซะด้วย
ทุกวันนี้ทั้งคณะต่างรู้กันแล้วว่าผมกับไหมเราน่าจะเป็นมากกว่าเพื่อน เมื่อก่อนไหมอาจจะสนิทกับไอ้อิฐและไอ้คีย์ด้วย แต่พักหลังไหมอยู่กับผมบ่อยขึ้นจนหลายคนสังเกตได้ เราไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อย ๆ ถึงปากไหมจะบอกว่าผมยังไม่ใช่แฟนก็เถอะ แต่ในทางปฏิบัติตอนนี้เราก็ไม่ต่างอะไรจากคนที่คบกันเป็นแฟน
“คนนี้ของกูครับเพื่อน ห้ามยุ่ง ส่วนพี่ พอเลยครับ นู่น แฟนพี่ยืนจ้องอยู่นู่น” ผมพูดขำ ๆ กับเพื่อนร่วมคณะและรุ่นพี่ที่เดินผ่านมาแซว เดี๋ยวไหมเขินหนักแล้วเอาน้ำคืนผมจะทำไง
“เออว่ะ พี่ไปก่อน เดี๋ยวโดนกระทืบ” พี่ปีสองที่แซวไหมรีบพูดก่อนวิ่งไปหาแฟนตัวเอง
“ขอบใจนะไหม” ผมบอกขอบใจไหม พลางหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเป้ตัวเองออกมาเช็ดหน้าเช็ดตา
“อื้ม ไม่เป็นไร”
“แล้วไปดูไอ้คีย์กับไอ้อิฐซ้อมบ้างยั้ง” ผมถามไหม ไม่รู้ป่านนี้พวกนั้นจะซ้อมเสร็จกันหรือยัง
“ยังเลยแต่โทรไปถามแล้ว เดี๋ยวซ้อมเสร็จพวกนั้นก็มานี่ แล้วเดี๋ยวไปกินข้าวเย็นกัน”
“อ่อ โอเค”
นั่งรอไม่นานไอ้คีย์กับไอ้อิฐก็เดินคู่กันมาทางผมกับไหม ในสภาพเหงื่อท่วมตัวไม่ต่างอะไรกับผม พวกมันสองคนยกมือเป็นเชิงทักทายผมกับไหมแล้วนั่งลงข้าง ๆ แบบหมดแรง
“วันนี้กูเหนื่อยมาก หิวมาก ไปกินชาบูร้านมึงนะไอ้ชา” ไอ้อิฐเป็นคนพูด
“เอางั้นเหรอ เออ ๆ ก็ได้” ผมบอกมันไป
พวกเรามาถึงร้านผมประมาณสองทุ่มครึ่ง คนเยอะมากเลยเวลานี้ แต่เห็นไหมโทรมาจองโต๊ะที่ร้านไว้ก่อนแล้ว พวกเราเลยเข้าไปนั่งได้เลย เดินเข้ามาถึงในร้านผมก็เห็นไอ้แมทส่งยิ้มทักทายพวกเรา
“อ้าว มึงก็มาด้วยเหรอไอ้แมท” ผมทักมันไป
“เออ ไอ้คีย์กับไอ้อิฐชวนมาน่ะ” มันตอบผมกลับมา พวกเราเลยนั่งลงที่โต๊ะพร้อมจัดการสั่งรายการอาหารที่ต้องการจะรับประทาน ดูท่างานนี้ร้านผมต้องรับศึกหนักจากกระเพาะพวกมันอีกแล้ว
“เดี๋ยวไปห้องน้ำก่อนนะ” ไหมพูดขึ้นระหว่างที่พวกเรากำลังกินกันเพลิน ผมหันไปพยักหน้าให้ไหมที่นั่งอยู่ข้าง ๆ แล้วใช้ตะเกียบคีบหมูที่อยู่ในถ้วยมาจิ้มน้ำจิ้มแล้วเอาเข้าปาก ณ จุดนี้ผมก็หิวมากเหมือนกัน เสียพลังงานไปเยอะมากเลยกับการซ้อมกีฬา
อยู่ ๆ ไฟในร้านของผมก็ดับลง พร้อมกับเสียงตกใจจากลูกค้าขวัญอ่อนบางคนภายในร้าน
คนกำลังหิวจะมาดับอะไรตอนนี้ครับเนี่ย ...
แล้วอยู่ ๆ เสียงร้องเพลงก็ดังออกมาจากปากเพื่อน ๆ ของผม พร้อมกับร่างของไหมที่เดินออกมาจากทางด้านหลังร้านพร้อมกับป๊าและม๊า เดี๋ยวนะ ... ผมลืมวันเกิดตัวเอง
Happy birthday to you …. Happy birthday to you
Happy birthday happy birthday … Happy Birthday to you…
เสียงร้องเพลงจบลงไปพร้อมกับร่างของไหม ป๊าและม๊าผมเดินมาถึงที่โต๊ะที่พวกเรากำลังนั่งกินชาบูกันอยู่ ไหมถือเค้กบราวนี่ปอนด์ใหญ่ของโปรดผมที่ด้านบนมีเทียนจุดอยู่เป็นเลข 20 ปักอยู่ มันคืออายุของผมในปีนี้ครับ ตอนนี้ไฟของทางร้านก็กลับมาสว่างเหมือนเดิมแล้ว รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกที่มีคนสนใจและแคร์เราขนาดนี้อยู่รอบข้างในวันดี ๆ อีกวันหนึ่งของชีวิต ผมยิ้มกว้างหันไปขอบใจเพื่อน ๆ ที่นั่งอยู่รอบโต๊ะ
“เป่าเค้กแล้วอธิษฐานดิ” ไหมพูดยิ้ม ๆ
“โอเค” ผมพูดออกไปแล้วลุกขึ้นยืนเพื่อที่จะเป่าเค้ก
“ขออธิษฐานว่า ...”
“เดี๋ยว ปกติเขาอธิษฐานกันในใจไม่ใช่เหรอ”
“ไม่เป็นไรเค้าไม่ถือ”
“ตามใจ”
“ขอให้ไหมยอมรับผมเป็นแฟน” ผมพูดออกไป แล้วเป่าเทียนแล้วมองตาคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างจริงใจ ผมคิดว่ามันควรจะถึงเวลาสักที
ฮิ้ว ... เสียงเพื่อน ๆ ผมดังขึ้นมาทันทีที่ผมเป่าเทียนจนดับ ทำให้คนในร้านหันมาสนใจโต๊ะของพวกเรา ให้ตายซิ ... ผมก็เขินเป็นนะ หวังว่าคำขอครั้งนี้มันจะไม่ทำให้ผมต้องผิดหวังอีกครั้ง
ผมมองหน้าไหมที่เจ้าตัวตอนนี้หน้าขึ้นสี ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคำอธิษฐานที่ผมพูดออกไป หรือเพราะคนภายในร้านรวมถึงป๊ากับม๊าผมที่ยืนมองอยู่แถวนั้น หรืออาจเป็นเพราะทั้งสองอย่างก็ไม่อาจจะรู้ได้
“ว่าแต่ คำอธิษฐานของไอ้ชามันจะเป็นจริงมั๊ยน้อ ว่าไงไหม” ไอ้อิฐพูดชงขึ้นมาทันที
“นั่นซิ ไม่อยากเห็นประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเลย” ตามมาด้วยไอ้คีย์ที่ช่วยขยี้ต่อ
“ว่าไงไหม”
“อื้ม ... เป็นก็เป็น”
ฮิ้ว ตามมาด้วยเสียงโห่ฮาของเพื่อน ๆ และลูกค้าภายในร้านที่เห็นเหตุการณ์และนั่งเชียร์กันอยู่รอบ ๆ วันเกิดปีนี้เป็นอีกปีที่ผมได้ของขวัญดี ๆ เข้ามาในชีวิตอีกอย่างหนึ่งเลย
“นี่อย่าบอกนะ ว่ามึงลืมวันเกิดตัวเองอะ” ไอ้แมทพูดออกมาพร้อมขำแบบไม่อยากจะเชื่อ สถานการณ์ตอนนี้พวกเรากลับมานั่งกินชาบูแบบปกติกันต่อ แต่มันคือเรื่องจริงครับ อาทิตย์นี้ผมยุ่งมากจริง ๆ จนลืมเรื่องต่าง ๆ ไปเกือบหมดเลย
“เออดิ ก็อาทิตย์นี้วุ่นวายจะตาย ไหนจะเรื่องช่วยพี่พิมพ์ออกจากกระจก ไหนจะต้องไปซ้อมบอลทุกเย็น จะไม่ลืมได้ไงวะ” ผมตอบมันไป
“เออ นี่ของขวัญวันเกิดจากกูกับไอ้คีย์แล้วก็ไอ้แมท รวมตังกันซื้อ แพงมากเลยนะมึง” พูดจบไอ้อิฐก็หยิบของที่อยู่ในกระเป๋าเป้มันส่งให้ผม ของที่ส่งให้เป็นของขวัญที่เป็นสี่เหลี่ยมบาง ๆ คล้ายกับหนังสือ จนผมอยากจะแกะซะเดี๋ยวนั้นว่ามันคืออะไรกันแน่ เขย่าดูก็ได้ยินเสียงขลุกขลักเล็กน้อย
“อะไรวะ ซื้อไรมาให้กูเนี่ย บางเชียบเลย” ผมถามพวกมันไปพลางทำท่าจะแกะของขวัญ โชคดีที่ไอ้อิฐรีบตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว ไม่งั้นผมคงได้แกะของขวัญกลางโต๊ะไปแล้ว
“แผ่น AV รุ่น Premium Limited Edition ของแท้ที่มึงอยากได้ บินตรงมาจากญี่ปุ่นเลย” ไอ้อิฐพูด ตามมาด้วยเสียงหัวเราะของไอ้คีย์กับไอ้แมท
อึ้งไปสามวิ
“จริงดิ กูอยากได้มานาน ... เฮ้ย ! พวกมึงเห็นกูเป็นคนไงเนี่ย” ผมโวยวายบอกพวกมัน พลางทำสายตาขู่อาฆาตที่มาแกล้งผมแบบนี้ ไหมก็นั่งอยู่นี่พวกมันไม่เห็นเหรอ
“แอ๊บเชียวมึง”
“ไหม พวกนี้มันชอบแกล้ง เค้าไม่เคยเป็นคนแบบนั้นเลยนะ” ผมหันไปทำหน้าอ้อน ๆ กับไหม
“เชื่อตายละย่ะ ไม่ต้องมาร้อนตัว อะนี่ ของขวัญวันเกิด” ไหมพูดพร้อมยื่นของขวัญอีกชิ้นส่งมาให้ผม
“อะไรอะ ขอแกะเลยนะ” ผมถามเจ้าตัวออกไปหลังจากของขวัญเข้ามาอยู่ในมือ
“ไม่ได้ ไว้อยู่คนเดียวค่อยแกะ” ไหมตอบผมกลับมา แน่ะ ... ต้องอยู่คนเดียวด้วย
“หูย ไหมให้อะไรไอ้ชาอะ เพื่อนกันแค่นี้ไม่ต้องอายหรอก” ไอ้อิฐพูดขึ้นมาด้วยความอยากรู้
“ไม่บอก นายไม่ต้องรู้หรอกอิฐ ที่รู้ ๆ ไม่ใช่ของแบบที่พวกนายซื้อให้ชาหรอก” ได้ยินคำตอบแบบนั้นพวกเราก็ขำกันทั้งโต๊ะ ผมอยากจะรู้นักว่าใครเป็นคนต้นคิดซื้อของขวัญวันเกิดให้ผมแบบนี้
“เฮีย สุขสันต์วันเกิด !” เสียงร้องดังขึ้นมาจากทางด้านหน้าของร้านซึ่งดังมาก่อนตัว ตามมาด้วยร่างของสุกี้น้องสาวตัวแสบที่เดินเข้ามาหาผมที่โต๊ะ
“ไหน ๆ ของขวัญเฮียอะ” ผมรีบถามทวงของขวัญวันเกิดจากกี้ทันที
“ลืมซื้อ อะนี่ ๆ” พูดจบเจ้าตัวก็โน้มตัวมาหอมแก้มผมฟอดใหญ่ ไอ้น้องคนนี้นี่มัน ... น่ารักจริง ๆ ผมเอามือไปล็อคคอกี้แล้วเอามือขยี้ผมจนผมยุ่งไปทั้งหัว
“มองไรไอ้แมท ไม่ต้องมาอิจฉากู นี่น้องกู ก็จะทำอะไรก็ได้” ผมหันไปพูดขำ ๆ กับไอ้แมทที่กำลังมองผมกับกี้เล่นกันอยู่
“เฮียอะ !” คนโดนแกล้งร้องโวยวายขึ้นมา กี้ทักทายเพื่อน ๆ ผมก่อนขอตัวขึ้นไปพักผ่อนชั้นสองของร้าน ดูเหมือนเจ้าตัวเพิ่งกลับมาจากการเรียนพิเศษ สถานการณ์ระหว่างไอ้อิฐกับไอ้แมทก็ไม่ได้ตึงเครียดอะไรเหมือนที่เกิดขึ้นรอบที่แล้ว เมื่อเจอกี้ ดูท่ามันสองคนน่าจะโอเคกับเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ตัวผมเองก็เบาใจ
วันนี้ผมไม่ได้ตามเพื่อนกลับไปที่หอ กะจะนอนที่ร้านนี่แหละ ไหน ๆ ก็กลับมาแล้ว ผมจัดการอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าทำธุระส่วนตัวก่อนล้มตัวนอนลงบนเตียงภายในห้องนอนของตัวเอง อยากรู้จะแย่อยู่แล้ว ว่าไหมให้อะไรเป็นของขวัญวันเกิด ผมหยิบของขวัญไหมที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงมาแกะดู กล่องของขวัญชิ้นนั้นถูกผมแกะออกมาอย่างรวดเร็ว สิ่งที่อยู่ภายในกล่องเป็นอัลบั้มรูปถ่ายเล็ก ๆ ที่ไม่ได้มีอะไรมากมาย แต่มันกลับทำให้ผมรู้สึกดีอย่างประหลาด
ผมเปิดอัลบั้มรูปถ่ายนั้นช้า ๆ ดูรูปถ่ายตั้งแต่ภาพแรก ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าไหมแอบถ่ายรูปผมไว้ได้หลายรูปขนาดนี้โดยที่ผมไม่รู้ตัว บางรูปก็ไม่เห็นหน้า บางรูปผมก็ทำหน้าเหวอ ๆ เช่นรูปผมฟุบตัวลงนอนหลับในห้องเลกเชอร์
รูปที่ผมกำลังกินไอศกรีมที่ร้านที่พวกเราสองคนไปด้วยกันบ่อย ๆ
รูปผมกำลังนั่งเล่นเกมตีป้อมกับเพื่อน ๆ
รูปผมกำลังซ้อมฟุตบอลอยู่กับเพื่อนที่คณะที่เหมือนเพิ่งถ่ายในอาทิตย์นี้ และอีกหลายภาพที่ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าไหมก็มองผมอยู่เหมือนกัน ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่มองไหม
ผมได้แต่อมยิ้มมองภาพเหล่านั้นซ้ำไปซ้ำมาไม่รู้กี่รอบ ...
วันเกิดปีนี้ผมโคตรมีความสุขเลย ...