315 มันโหดกว่ามิโนทอร์ซะอีก
ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ แต่สิ่งที่ยืนยันได้ก็คือ ในช่วงที่เธอรักษารากไม้พันรอบทั้งสามคน มูสบอกว่ามันเป็นรากแห่งความสัมพันธ์ , คิร่า สัญลักษณ์ใบโคลเวอร์สีม่วงของเธอ เป็นสิ่งหนึ่งที่สามารถยืนยันได้ว่าเธออาจจะเป็นลูกของเขา แบบว่า ฉันเห็นลุงออคัส และนินจาคนนั้นมี”
คิร่านิ่งเงียบ นานเพียงพอ แต่ซิสไม่รู้สึกอึดอัด เขาชินกับความเงียบเพียงพอที่จะรอให้อีกฝ่ายทบทวน “ฉันไม่แน่ใจ มันมีบางคืนฉันก็ฝันถึงเขาเรียกกันว่า ครอบครัว ถูกไหม” ซิสพยักหน้า “แต่ความน่ากลัวก็เข้ามาตลอด แบบว่าเหมือนมีปีศาจร่างกายสีดำตัวใหญ่กำลังเข้ามาทำร้ายฉัน , ฉันจำเรื่องราวของเราได้ ซิส” ซิสยิ้มเล็กน้อย แอบรู้สึกดีใจเล็กๆ อยู่ในใจ “สองโลก งั้นเหรอ”
“อืม” ซิสยิ้ม เขาเหมือนจะเห็นตัวเอง ตอนที่เข้ามาในโลกนี้ครั้งแรก “โลกที่เราอยู่ตอนนี้ คือ โลกแห่งเกม , แม่งโคตรเหมือนจริง” เสียงพึมพำ
“กลับสมาคมกันเถอะ” คิร่าลุกขึ้นยืน “ฉันคิดถึงคุณบับเบิล และที่สำคัญแวะเอาของไปให้ยายฉันก่อนนะ”
“อืม” ซิสลุกขึ้นยืน
สมาคมสปริงแครป
คิร่านำของฝากไปให้ยายซานในหมู่บ้านทานตะวัน และม้าหมู่บ้านทานตะวัน มันฉลาดกลับมาหมู่บ้านเองได้ และยายซานยุ่งกับการจัดการหมู่บ้าน เมทัลแบกถุงดินจำนวนมาก โครงสร้างบ้านทานตะวันเปลี่ยนไปพอสมควร ป้อมปราการมีหน่วยซุ่มยิงและสังเกตการณ์ด้านบน ต้นทานตะวันส่องแสงสว่าง ปล่อยพลังงานลงสู่พื้น และแบ่งหลายส่วนใส่ลังไม้ ก้อนพลังงานสีเหลือง
“ก้อนพลังงาน” นักผจญภัยคนหนึ่งพูด “นำไปสร้างแท่งพลังงานน่ะ” เขาต้องพูดเพราะซิสจ้องตาไม่กะพริบ เหมือนเขาอยากรู้ว่าเอาไปทำอะไร
“ช่วยเด็กสาวคนนั้นได้แล้วสินะ” ยายซานพูด “ขอบใจนะที่คิดถึงยาย ทานตะวันกลิ่นหอม ยายจะเก็บไว้ในบ้านนะ” คิร่ากอดยายแน่นเข้าไปอีก “โถ่.. ค่อยเป็นค่อยไป ยายรู้ มันไม่ง่ายหรอก แต่ก็อย่างที่บอกเสมอว่า เราต้องเติบโตไปกับการผจญภัย ดั่งต้นทานตะวัน ไม่ว่าจะถูกรบกวนด้วยแมลงหรือตัวอะไรก็ตาม , เมทัล!!!! ฝูงแมลงมาอีกแล้ว”
“ครับ!!” เมทัลวางถุงดินและยกดาบเหล็กสีเงิน วิ่งไปด้วยความมั่นใจ ‘ตู้ม!!!!!! ’ เสียงการต่อสู้ดังต่อเนื่อง ปีศาจดอกไม้กินคน โผล่มาจำนวนมาก ปีศาจทากหมุนตัวมาด้วยเปลือกกลม
คิร่าดึงธนูออกมา ยายซานเข้ามาห้ามไว้ “ไปเถอะ ไปผจญภัยในรูปแบบของหลานยาย แล้วค่อยกลับมาเยี่ยมยาย ตกลงนะ , เธอเติบโตเกินกว่าจะอยู่แค่ในหมู่บ้านนี้”
“แต่ว่า...” คิร่ายังคงเตรียมตัวต่อสู้ปกป้องหมู่บ้าน ยายซานยิ้มด้วยปากไร้ฟัน “เดี๋ยวยายเปลี่ยนใจนะ ถ้ายังไม่ไป”
“ครับ!” ซิสยืนตัวตรง “จะรีบไปเดี๋ยวนี้ครับ” ‘ฉิบหาย พูดอะไรออกไปวะเนี่ย’
“ยายหมายถึงฉัน ไม่ได้หมายถึงนาย” คิร่าพึมพำ ยายซานหัวเราะเสียงดัง
ทั้งคู่กลับเข้ามาสู่สมาคมสปริงแครป ผู้คนในดินแดนสิบสองยังคงคึกคักเหมือนเดิม ร้านหนังสือกำลังก่อสร้าง หนังสือเล่มใหญ่ขยับได้ลอยอยู่บนอากาศ ร้านขายอาหารเต็มไปด้วยนักผจญภัย ถัดมาร้านขายอาวุธและโรงแรม ก็อัดแน่นด้วยผู้คน กลางเมืองหมู่บ้านเซอรัสมีกิจกรรมอะไรบางอย่าง ป้ายเขียนภาพจำนวนมากวางตามทางเดิน กิจกรรมเก่าไป กิจกรรมใหม่มา
“พวกเราคิดว่าจะไม่ได้เจอคุณอีกแล้ว” ซิสพูดเขารีบเดินเข้าไปหามูส คิร่าพยักหน้าตาม รู้สึกดีใจกับการกลับมาของมูส
“ขอบคุณนะคะ คุณมูส” คิร่าพูดด้วยรอยยิ้ม “ขอบใจมากนะคะ”
“มันเป็นหน้าที่ของผมครับ คุณหนู” มูสพูด
“คงจะหิวกันสินะ รีบมากินอาหารเร็วเข้า” บับเบิลมีรอยยิ้มขณะทำอาหาร แมวอ้วนสีส้มก็กระโดดเข้ามาทางหน้าต่างทันที มันช่างเป็นแมวที่แสนฉลาด ราวกับว่ามันรู้ว่าบับเบิลเรียกมันกินอาหาร มันเอาตัวรอดได้เก่ง และจำที่อยู่ของสมาคมได้ อันที่จริงมันอาจจะมีแมวสีส้มเหมือนกันหลายตัวในสมาคมก็ได้ ใครจะไปรู้
ผ้าคลุมมูสขาดไม่เหลือชิ้นดี เสื้อผ้าของเขาก็เช่นกัน มีดสองเล่มหายไป เขาดูไม่ค่อยเสียใจสักเท่าไหร่ เขารับอาหารจากบับเบิลไปวางข้างหม้อต้มน้ำใบใหญ่ และลงไปแช่ในน้ำอีกรอบ “รู้สึกดีชะมัด คงเป็นเดือนกว่าแผลจะหายดี” มูสพูด
คิร่าตรงเข้าไปหาบับเบิล ทั้งคู่กอดกันอย่างไม่รู้ตัว “หิวรึเปล่า” บับเบิลถาม คิร่าพยักหน้า “ขอบคุณนะคะ ที่ช่วยฝึกฝนทักษะการต่อสู้” บับเบิลยิ้มด้วยความยินดี และส่งแมวอ้วนสีส้มให้คิร่าอุ้มเอาไว้
“เป็นยังไงบ้าง” มูสถามซิส “ฉันพอจะได้ข่าวนิดหน่อย แต่อยากจะได้ยินจากนายมากกว่า”
ซิสเงียบไปชั่วขณะและพูดด้วยเสียงเรียบง่าย “ปีศาจในตำนาน ดวงตาไฟสีเหลือง” สายตาของซิสหดหู่และเศร้าหมอง
“ไม่เอาน่า อย่าให้เรื่องร้ายๆ มาทำให้นายรู้สึกหดหู่กับการอยู่ในโลกนี้” มูสดื่มไวน์แดง
“มันโหดกว่ามิโนทอร์ซะอีก ผมได้ยินจอมเวทย์ต่างๆ พูดกันว่า ถ้ามันเกิดใหม่ด้วยของสามอย่าง” ซิสพูดยังไม่จบ
มูสเสริมทันที “ประตูนรกจะเปิด ทางเข้าออกจะถูกปิด และโลกในเกมจะลุกเป็นไฟ , โหดกว่าที่จะจินตนาการได้”
“ครับ” ซิสพยักหน้า
“ผลึกวิญญาณ คริสตัลเปลวไฟสีเหลือง และหินสีเหลืองอีกสิบเม็ด” มูสพูด
“โบโล เป็นคนปลุกมันขึ้นมา ผมเห็นเขาวางหินสีเหลืองสิบเม็ด” ซิสพูดต่อ “เด็กผู้ชายชื่อเจล ถูกคำสาปอยู่ในพายุเกลียวไฟสีเหลือง”
“ได้ข่าวว่าเป็นม่านกันพลังเวทย์ของฟาฟูฟิสฟี้ สงสัยพวกนั้นคงใช้เด็กชื่อเจลเป็นสะพานเรียกปีศาจ น่าสงสาร”มูสดื่มไวน์แดง หมดแก้ว “เด็กถูกหลอกง่ายกว่าผู้ใหญ่”
“ใช่ครับ และตอนนี้ เจลเป็นกามเทพตัวเล็กที่เราเห็นในเมืองหลวงตรงน้ำพุ” ซิสเงียบไปชั่วขณะ “และโลลิกลายเป็นนางฟ้า”
มูสเงียบไปเพราะรู้สึกตกใจ “ว่าไงนะ! วิชาแสงสว่างขั้นสูงสุดยอด , อืม..เพื่อผนึกชีวิตทั้งคู่เอาไว้ ต้องรออย่างต่ำสองปี ถึงจะกลับมามีชีวิตปกติ” มูสพูดด้วยความเสียใจ “โชคดีของดินแดนที่ห้าจริงๆ มีนักเวทย์ผู้เสียสละ” เขาพึมพำ “ไปเรียนรู้วิชาจากไหนกันนะ โลลิ”
“ว่าแต่ คุณรอดจากดันเจี้ยนสุสานผีดิบนั้นได้ยังไงครับ” ซิสถามด้วยความประหม่า คิร่าและบับเบิลหันมามอง
มูสสูดลมหายใจยาวก่อนจะเล่า “แกะดำของฉันไปตามเอล หวังว่านายจำได้นะ” ซิสพยักหน้า “วิชากบ” “อืม” “เอล เข้ามาช่วยฉัน อย่างที่บอกมันเป็นมากกว่าปีศาจ ดูดกลืนพลังชีวิตของนายไปเรื่อยๆ โดยสร้างภาพลวงตา เพื่อให้นายเชื่อว่ามันจะดีขึ้น , สมาคมเงาน่าจะสิบ ไม่ก็สิบสอง พวกเขามาช่วยฉันเอาไว้ หนึ่งในหัวหน้าสมาคมเงามาปิดผนึกเพื่อไม่ให้มันเปิดใช้งาน , รอบสุสานพังไม่เหลือชิ้นดี” มูสหัวเราะ “แกะดำของฉัน ระเบิดพลังด้วยความโกรธที่ฉันไม่ให้มันลงมา”
“ผม..ผมอยากกลับไปช่วยคุณ” ซิสพูดเขารู้สึกผิดที่ปล่อยให้มูสตกอยู่ในอันตราย
“เฮ้อ” มูสส่ายหัว “คิดดูถ้านายติดไปอีกคน ใบไม้ฟื้นฟูคงไม่ได้มารักษาลุงออคัส คุณหญิงคาโนริ และคิร่า ถูกไหม” ซิสพยักหน้า “อย่าคิดมาก ฉันขอพักสักหน่อย” มูสพูดจบก็สวมหมวกกบสีเขียวดวงตาโปน
“ครับ” ซิสพูด “แล้วลุงออคัส กับคิว อยู่ไหนหรอครับ”