บาทที่ 49
บาทที่ 49
หากดูจากรอบข้างจะเห็นแต่เมฆฝนก้อนใหญ่ยักษ์ก่อตัวขึ้นใจกลางหมู่บ้าน ส่วนจะมีอะไรอยู่ภายในนั้นดูด้วยตาเปล่าก็แทบจะไม่เห็นอะไรเลยแม้แต่น้อย เพราะว่าไม่ว่าจะเป็นฝ่ายมารหรือฝ่ายภูตของหมู่บ้านต่างมีร่างเป็นควันด้วยกันทั้งหมด
ตอนนี้ยี่สิบคนแรกที่โจมตีมารทั้งเจ็ดต่างพากันหยุดมือและเดินโซเซกลับออกไปเนื่องจากว่าหมดพลังเซียน พวกเขาจะต้องนั่งทำสมาธิฝึกเพื่อเรียกพลังเซียนกลับคืนมา ส่วนหน้าที่การโจมตีนั้นเป็นของคนอื่นๆที่พากันรายล้อมเข้าไป
หงเซียวยิ้มกว้าง ไม่เลว พวกเขารู้จักรักษาตัวรอดไม่เอาตัวเข้าไปเสี่ยง และยังใช้วิธีการเปลี่ยนหน้าชน พร้อมกับรู้จักรุมอีกด้วย
มารถูกกำจัดอย่างรวดเร็ว แต่ละคนล้วนถูกแทงอย่างน้อยสิบแผลด้วยกระบี่เพลิงสังหาร มีเพียงแต่หัวหน้าของมารเท่านั้นที่สามารถยื้อได้นานกว่าคนอื่น
คำพูดที่ว่ามดสามารถกัดช้างตายได้นั้นไม่ผิดเลย ขอเพียงให้เป็นมดที่มีเขี้ยวมีเล็บ ไม่ใช่เป็นแมงเม่าที่ไร้เขี้ยวเล็บต่อกรศัตรู
หัวหน้ากลุ่มมารนั้นกลับมีความสามารถในการทำลายร่างจำแลงเหล่านี้อย่างยอดเยี่ยม มันส่งกระสุนบอลมารนั้นออกมารอบตัวไม่ขาดสาย และเกิดการระเบิดขึ้นอย่างไม่ขาดระยะ ร่างจำแลงที่กรูกันเข้าไปนั้นกลับไม่สามารถเข้าถึงตัวของหัวหน้ากลุ่มมารได้ นี่เป็นความต่างชั้นของระดับพลังที่ยากจะทดแทนกันได้
มีอยู่หลายครั้งที่มันเกือบจะทะลวงออกมาได้ แต่ทว่าร่างจำแลงเหล่านั้นก็เข้าไปปิดช่องทางที่เปิดออกได้อย่างรวดเร็ว
บางครั้งหัวหน้ากลุ่มมารนั้นก็สามารถยิงบอลมารเข้าสู่ร่างของผู้เข้าร่วมต่อสู้ได้ แต่ว่าร่างจำแลงที่อยู่ใกล้ตัวพวกเขาก็สามารถใช้กระบี่เพลิงทิ่มแทงทำลายได้ทัน นั่นก็ยิ่งทำให้การต่อสู้นั้นตึงเครียดขึ้นเมื่อทุกคนต้องพยายามระมัดระวังตัว เมื่อเห็นบอลมารสีดำทะลุผ่านร่างจำแลงเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็จะใช้วิชาก้าวอนุภาคย้ายร่างหนีไปอย่างรวดเร็ว
สุดท้ายเพียงแค่ครึ่งวันพลังมารของหัวหน้ากลุ่มมารก็หมดลง เมื่อตนเองไม่อาจจะพักได้ ขณะที่อีกฝ่ายเปลี่ยนหน้ากันไปพัก
เมื่อร่างของหัวหน้ากลุ่มมารร่วงลงสู่พื้นแล้ว พวกเขาก็ค่อยสลายร่างจำแลงไปทีละตัวสองตัว โดยที่สองสามคนในนั้นตามเข้าไปแทงซ้ำอีกสองสามครั้งเพื่อให้มั่นใจว่าอีกฝ่ายตายแล้วจริงๆ
วิญญาณที่ไร้เจ้าของจำนวนมากพรั่งพรูออกมาจากพื้นที่มารอยู่ เมื่อเข้าไปในอาณาเขตของคนที่อยู่บริเวณนั้นมันก็ถูกดึงดูดเข้าไปในทันที พวกเขาเห็นดังนั้นก็พยายามแบ่งปันวิญญาณกระจายออกไปให้คนอื่นที่มีน้อย เพราะจริงแล้ววิญญาณที่พวกเขาต้องการมากที่สุดก็คือเก้าดวง เพื่อสร้างชีพจรเซียนหลักเก้าจุด ส่วนวิญญาณที่เหลือพวกเขาก็ใช้มันสร้างเป็นร่างจำแลงเท่านั้น ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีมากมายจนแออัด
“เฮๆๆๆ” พวกเขาต่างพากันยินดีกับความสำเร็จของตนเอง ชั่วขณะหนึ่งพวกเขาจึงค่อยมารุมล้อมหงเซียว
“ท่านผู้มีพระคุณ ขอบคุณมาก”
“ท่านผู้มีพระคุณ พวกเราจะไม่ลืมบุญคุณครั้งนี้เลย”
พวกเขาต่างพากันขอบคุณหงเซียวอย่างจริงใจ จนกระทั่งหัวหน้าหมู่บ้านบอกให้เงียบ พวกเขาจึงค่อยซาเสียงลงจนในที่สุดก็เงียบสนิท
“ท่านผู้มีพระคุณ พวกเราไม่อาจกล่าวคำขอบคุณออกมาเป็นคำพูดได้ แต่อย่างไรก็ตามนับแต่นี้ไปหากว่าท่านมีความต้องการใช้สอยพวกเรา พวกเราก็จะยินดีช่วยเหลือท่านอย่างเต็มที่” หัวหน้าหมู่บ้านกล่าว
“ก็อย่างที่ข้าเคยกล่าว พวกเจ้าอาจจะสู้กับมารพวกนี้ไม่ได้ในเวลานี้ ดังนั้นภารกิจจากนี้ไปก็คือเผยแพร่ความรู้นี้ไปให้กับหมู่บ้านอื่นและกระจายออกไปให้กว้างขวาง เพื่อที่จะได้มีคนจำนวนมากมาช่วยกันยับยั้งและทำลายพวกมารให้หมดสิ้นไป” หงเซียวกล่าว
“และอีกอย่างหนึ่งก็คือ การกำจัดพวกมารนั้นต้องทำอย่างลอบเร้น พยายามปกปิดความจริงในการกำจัดมารไปอย่าให้ใครรู้ ทั้งปกปิดความสามารถของคนในหมู่บ้านทั้งหมดไว้ ดังนั้นเรื่องมารเจ็ดตนนี้มาที่หมู่บ้านก็จงทำเหมือนกับว่าพวกมันไม่ได้มาที่นี่เลยแม้แต่น้อย”
“อีกทั้งการส่งคนออกไปหมู่บ้านอื่นนั้นก็จงส่งออกไปเพียงหมู่บ้านละหนึ่งคน และถึงแม้จะเปลี่ยนคนทั้งหมู่บ้านอื่นให้เป็นแบบพวกเราทั้งหมดและยอมรับถึงภารกิจแล้ว ก็จงอย่าเปิดเผยความจริงว่าเราได้กำจัดมารให้ใครรู้เด็ดขาด” หงเซียวกล่าว
“ที่ร่างของมารพวกนี้จะมีของหลายอย่างที่มีประโยชน์ต่อพวกเจ้าในการฝึกวิชา ทั้งอาจจะมีคัมภีร์ปราณ จงนำวิชาปราณเหล่านั้นมาฝึกปรือไว้ใช้ ยิ่งฝึกวิชาปราณและวิชาการต่อสู้ได้มากเท่าไหร่ก็จะเป็นประโยชน์แก่พวกเจ้ามากเท่านั้น”
“ถึงเวลาที่ข้าต้องเดินทางต่อไปแล้ว ข้าเชื่อว่าพวกเราคงได้พบกันอีกอย่างแน่นอน” หงเซียวกล่าว ยิ้มละมัย ก่อนที่ร่างของเขาจะระเบิดเป็นไอเล็กๆหายไปอย่างรวดเร็ว
ทุกคนรู้ดีถึงวิชาที่หงเซียวใช้ ในเมื่อพวกเขาได้ฝึกปรือวิชานี้กันไม่นานมานี้ ก้าวอนุภาค ที่ใช้อนุภาคเล็กๆเป็นสื่อในการเดินทาง
หลังจากที่เดินทางพ้นจากหมู่บ้านนั้น เพียงแค่ครึ่งวันสุดท้ายหงเซียวก็พบกับชายทะเล
ไม่ว่าจะเป็นที่ทวีปมาร หรือทวีปเหลียงที่เขาอาศัยอยู่ ชายทะเลของทุกที่ก็ล้วนแต่สวยงาม ตอนนี้เขาไม่ได้เร่งรัดที่จะเดินทางต่อไปแล้ว เพราะเขาพลันรู้สึกว่าภูษาเซียนอื่นๆนั้นอยู่ใกล้เข้ามายิ่งกว่าครั้งก่อน เขาล้วงเอาป้ายยันต์ทั้งห้าใบออกมาจากอกเสื้อและจ่ายพลังส่งคำพูดออกไป
“น้องสาวพวกเจ้ากำลังตามมาหาพี่ชายอยู่ใช่ไหม พี่ชายสบายดี จะเตรียมอาหารไว้รอพวกน้องนะ” หงเซียวกล่าว
“กรี๊ดดด ติดต่อพี่ชายได้แล้ว”
“พี่ชายพี่ชาย ฮือๆๆๆ ข้าดีใจ”
“โออออ ข้าดีใจที่สุดเลย พี่ชาย”
“….. นี่เสียงพี่ชายจริงๆใช่ไหม ข้าไม่ได้ฝันไปใช่ไหม”
“พี่ชายยยยย ท่านทำให้พวกเราเป็นห่วง ท่านต้องถูกลงโทษ”
เสียงจ๊อกแจ๊กจอแจด้วยความดีใจของห้าสาวดังระงมมาจากป้ายสื่อสารทั้งห้า หงเซียวยิ้มกริ่ม ดูท่าพวกเธอจะยังแข็งแกร่งเช่นเดิม พวกเขาพากันพูดคุยกันด้วยความดีใจ
จากถ้อยคำของพวกเธอทำให้เขารู้ว่า ทวีปเหลียงนั้นเมื่อพวกมารพบว่าประตูมิติที่ตนเองจัดสร้างนั้นถูกทำลาย กองกำลังมารที่โจมตีสำนักเซียนเจ็ดเมฆานั้นก็สลายตัวไปเพื่อหลบซ่อน แต่เพราะว่าพวกเซียนต่างรู้ตัวว่าพวกมารมีตัวตนในทวีปนี้ พวกเขาจึงได้ส่งกองกำลังออกสืบเสาะหาและไล่ล่ากันจนเกิดความปั่นป่วนวุ่นวายไปทั่วทวีปเหลียง
เพราะว่าพวกเธอรับรู้ว่าหงเซียวยังอยู่จากการพูดคุยกับภูษาเซียนของหงเซียว ดังนั้นพวกเธอจึงให้ภูษาเซียนของหงเซียวนำทางข้ามทะเลเพื่อไปตามหาเขา เผื่อว่าเขาตกอยู่ในสภาพที่ต้องการความช่วยเหลือ
และพวกเธอใช้เวลาเดินทางอยู่กลางทะเลมาเป็นเดือนแล้วแม้ว่าจะเดินทางด้วยวิธีที่เร็วที่สุดด้วยความเร็วสูงสุดแล้วก็ตาม ซึ่งนับได้ว่าทะเลนี้กว้างใหญ่มาก
หงเซียวประเมินว่าเมื่อพวกเขาสามารถติดต่อได้อีกครั้งนี้ นั่นย่อมหมายความว่าพวกเขาอยู่ในระยะติดต่อสื่อสารของป้ายยันต์ ซึ่งหมายความว่าพวกเธอควรจะเดินทางอีกไม่เกินสองวันก็น่าจะมาถึง
ผึ้งเซียนที่ชายฝั่งเริ่มสร้างบ้านไม้ หงเซียวก็เริ่มมีเวลาฝึกฝนวิชาอีกครั้ง แต่ในเวลาเดียวกันเขาก็ต้องแบ่งเวลาไปพูดคุยกับหญิงสาวทั้งห้าคน
เขาพูดคุยกับบรรดาหญิงสาว พวกเธอในยามโกรธแค้นได้บอกกับหงเซียวให้ยึดทวีปมารเป็นของตนเอง และถ้าให้ดีให้ยึดโลกทั้งโลกเป็นของตนเองเสียเลย
แม้ว่าเขาไม่ได้ทะเยอทะยานคิดเป็นผู้ปกครองโลก แต่การจะปล่อยให้มารกำเริบเสิบสานเข่นฆ่าผู้คนนั้น เขาก็ทนดูไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงตกลงกับหญิงสาวทั้งห้าว่า จะช่วยกันสร้างกองกำลังเพื่อต่อกรกับมารในทวีปมาร
แต่อย่างไรก็ตามมารนั้นก็ย่อมต้องมีมารระดับสูงที่มีระดับฝึมือถึงชั้นมัชฌิมเซียนและสูงกว่านั้น ซึ่งพวกเขาก็จะต้องเพิ่มพูนพลังไปให้สูงพอที่จะต่อกรกับพวกนั้นด้วยเช่นกัน
หงเซียวรอพวกเธออยู่จนเกือบสองวัน ผึ้งเซียนได้จัดโต๊ะพร้อมกับจัดเตรียมอาหารอย่างเต็มรูปแบบ
ยามสนธยา แสงสีแสดแดงส่องมาจากทางด้านหลัง เบื้องหน้าของเขาเป็นทะเลลึกล้ำสีน้ำเงิน ขอบฟ้าเบื้องหน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้ม ดวงดาราบางดวงเริ่มส่องประกายบนฟากฟ้า
หงเซียวยืนอยู่ที่ชายฝั่ง จ้องมองไปยังที่ไกล จุดสีดำจุดหนึ่งที่เล็กจนแทบมองไม่เห็นปรากฏขึ้นที่ขอบฟ้าก่อนจะขยายใหญ่ขึ้นกลายเป็นหญิงสาวห้าคนบนหลังของผีเสื้อตัวมหึมาอย่างรวดเร็วและมาถึงตรงหน้าของเขาแทบจะในพริบตา
เขายิ้มกว้าง กางแขนออกไปจนสุด
หญิงสาวห้าคนนั้นและผีเสื้อตัวใหญ่ยักษ์ก็สูญสลายไปจากสายตาด้านหน้า และก็ปรากฏหญิงสาวห้าคนอยู่ภายในวงแขนของเขาแทน
เขากระซิบอย่างอบอุ่นว่า “ยินดีต้อนรับสู่อ้อมกอดของพี่ชายอีกครั้ง”