บทที่ 13 ไม่ใช่พวก 18 มงกุฏ
เมื่อได้ฟังคำพูดของเย่โม่ดวงตาของชายแก่ก็ปรากฏแววประหลาดใจออกมา ถึงเขาจะรู้อยู่แล้วว่าเย่โม่เป็นคนมีฝีมือ แต่การบอกว่าสามารถรักษาเขาให้หายขาดได้ก็ยังยากที่จะเชื่ออยู่ดี อีกทั้งยังพูดถึงเรื่องเงินอีก คนๆ นี้ไร้จรรยาบรรณแพทย์โดยสิ้นเชิง
ในการแพทย์นั้นหากบอกว่ามีโอกาส 7 ส่วนนั้นความหมายก็คือมีความมั่นใจมากแล้ว แต่คนๆ นี้กลับพูดออกมาด้วยท่าทีผ่อนคลาย นี่ทำให้ชายแก่ที่เชื่อใจเย่โม่อยู่แล้วยิ่งวางใจ ทว่าเมื่อมาคิดดูแล้วหากเขาไม่รักษาตอนนี้เขาก็มีชีวิตอยู่ได้อีกแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น แต่หากรักษาไม่หายก็จะกลายเป็นว่าถูกหลอกเอาเงินอีก
จะหลอกเงินจากเขาล่ะก็ไม่ง่ายขนาดนั้นแน่ คิดถึงตรงนี้ชายแก่ก็พูดขึ้น “คุณบอกว่าตอนนี้คุณไม่มั่นใจว่าจะรักษาผมให้หายขาดได้ ถ้าอย่างนั้นตอนไหนคุณถึงจะมั่นใจล่ะ?”
“3 ปี” เย่โม่พูดยิ้มๆ
เย่โม่คิดในใจว่าต้องรอ ‘หญ้าหัวใจสีเงิน’ ของเขาใช้ประโยชน์ได้ก่อน ถึงเขาจะไม่เข้าใจสิ่งที่ชายแก่คนนี้ต้องการสื่อแต่ก็รู้ว่าคงสงสัยตัวเขาอยู่บ้าง แต่จะก็ช่างเถอะ ถึงยังไงโอกาสทำเงินแบบนี้ก็ทำได้แค่ครั้งนี้เท่านั้น
เย่โม่เองก็ไม่โง่พอจะบอกข้อมูลของตัวเองให้คนอื่นฟัง ถึงจะกลัวพลาดเงินครั้งนี้ไปบ้างแต่ก็ไม่อาจบอกเรื่องของเขาให้ใครรู้ได้ โลกนี้เป็นแบบไหนตัวเย่โม่รู้ดี เมื่อคนอื่นค้นพบว่าเขามีความสามารถแปลกๆ ที่แม้แต่วิทยาศาสตร์ก็อธิบายไม่ได้ล่ะก็ เขาแน่ใจได้เลยว่าหนทางข้างหน้าต้องลำบากแน่ๆ
ด้วยพลังของเย่โม่ตอนนี้หากจะหนีก็ลำบาก รัฐบาลมีอำนาจเข้มแข็งขนาดไหนเขารู้ดี เพราะอย่างนั้นเขาจึงทำได้แค่แอบหาเงินเงียบๆ แบบนี้ ที่ไม่สามารถแสดงฝีมือได้อย่างสมภาคภูมิก็เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้กลายเป็นหนูทดลองถูกแยกชิ้นส่วนไป
“งั้นก็รักษาตามอาการเถอะ! นายต้องการเงินเท่าไหร่ล่ะ แต่ตอนนี้พวกเราไม่มีเงินติดตัวเลย รอรักษาเสร็จก่อนผมจะให้คนโอนเงินให้ หรือไม่คุณก็ไปถอนเงินกับพวกเรา” ชายแก่พูดขึ้นอย่างหมดความสนใจในตัวเย่โม่แล้ว ตอนนี้เขาแน่ใจแล้วว่าชายคนนี้เป็นแค่คนหลอกลวงคนหนึ่งเท่านั้น สาเหตุก็เพราะเขาบอกว่ารักษาให้หายขาดตอนนี้ไม่ได้ ต้องเป็นอีก 3 ปีให้หลัง ใครเชื่อก็แปลกแล้ว
เหตุผลที่เขาอยากให้เย่โม่ลองรักษาก็เพราะเข็มเงินเหล่านั้นที่ช่วยปลุกเขาขึ้นมา อีกทั้งเขายังอยากรู้ว่าหมอหนุ่มคนนี้จะเตรียมการหลอกลวงได้อย่างไร เขาทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลลี่คัง แล้วอย่างนี้จะหนีไปไหนได้
ทว่าเย่โม่กลับส่ายหัวแล้วพูดว่า “ถ้าไม่มีเงินก็ไม่รักษา ผมรักษาโรคก็เพื่อหาเงิน แล้วเงินที่ผมอยากได้ก็ต้องจ่ายตอนนี้เท่านั้น ส่วนเรื่องให้ไปกับพวกคุณนั้นผมไม่สนใจแม้แต่น้อย”
ที่เย่โม่ปฏิเสธข้อเสนอของชายแก่นั้นแท้จริงแล้วไม่มีน้ำหนักเท่าใดนัก เรื่องก็คือเขาไม่อาจถูกเปิดโปงต่อหน้าสาธารณะได้ จิตใจคนเราโหดร้ายขนาดไหนเขารู้ตั้งนานแล้ว พูดได้ว่านอกจากอาจารย์ลั่วอิ่งของเขาแล้วเย่โม่ก็ไม่อาจเชื่อใจใครได้อีก อีกทั้งเดิมทีเขาก็ไม่เชื่อแน่ว่าหญิงสาวคนนี้จะไม่มีเงินติดตัวเลย ดูท่าทางรวยขนาดนี้จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะไม่มีเงินติดตัวสักหยวนเดียว
ใบหน้าของชายแก่เปลี่ยนเป็นไม่น่าดูทันที ยังมีหมอแบบนี้อยู่อีก ไม่ว่าเขาจะเป็นพวกต้มตุ๋นหรือไม่ ขนาดยังไม่ได้รักษาเลยแม้แต่น้อยก็ถามหาเงินค่ารักษาราวกับบัญชีเทพยามะ (ราชานรก) เสียแล้ว! นี่ไม่ใช่ปัญหาเรื่องขาดจรรยาบรรณแพทย์แล้ว นี่มันไม่มีตั้งแต่แรกเลยต่างหาก
“ปู่คะ... ดูท่าหมอสมัยนี้จะเป็นแบบนี้เสียหมด ไม่มีเงินก็ไม่รักษาให้ ปู่อย่าโกรธไปเลย” เพราะปู่ของเธอปลอดภัยแล้ว ในใจของฉิงเอ๋อจึงรู้สึกผ่อนคลายลงบ้าง เธอหันไปปลอบปู่ของเธอให้เย็นลง
“รักษาตามอาการคุณคิดเท่าไหร่?” ฉิงเอ๋อไม่ใช่คนโง่ ถึงเธอจะดูออกว่าเย่โม่พอมีฝีมือ แต่ก็มีนิสัยโอ้อวดอยู่บ้าง แต่เพื่อโอกาสเพียงหนึ่งเดียวที่อาจรักษาปู่ของเธอได้ เธอเองก็ไม่อยากพลาดมันไปเช่นกัน
“สองแสนหยวน” เย่โม่คาดว่าเสื้อผ้าบนตัวของหญิงสาวคนนี้รวมกันน่าจะประมาณสองแสนหยวน ดังนั้นเงินจำนวนนี้สำหรับเธอแล้วคงถือว่าธรรมดาๆ
ทว่าหญิงสาวกลับรู้สึกโกรธขึ้นมา เงินของเธอตอนนี้รวมแล้วมีอยู่แค่ห้าหมื่น ชายคนนี้กลับขอเธอถึงสองแสนหยวน หรือว่าเขามองว่าเสื้อผ้าของเธอแพงมากถึงเอ่ยปากอย่างนี้ แต่เสื้อผ้าบนตัวนั้นเธอไม่ได้เป็นคนซื้อเองแล้วก็ไม่มีเงินจะซื้อด้วย เสื้อพวกนี้เป็นป้าของเธอที่ส่งมาให้
“ฉันมีแค่ห้าหมื่นหยวนอยู่ในนี้หมดแล้ว รหัสคือ 880521” พูดจบเธอก็หยิบบัตรธนาคารเพียงใบเดียวที่เธอพกไว้ส่งให้เย่โม่
เย่โม่รับบัตรไปพลางมองหญิงสาว ในใจคิดว่างกจริงๆ ‘ยาปกป้องหัวใจ’ ของเขาแค่เม็ดเดียวก็เกินห้าหมื่นหยวนไปแล้ว แต่ห้าหมื่นก็ห้าหมื่น... มีห้าหมื่นนี้ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินไปสักระยะหนึ่ง
เขารับบัตรไปแล้วไม่ได้พูดอะไรอีก เย่โม่เปิดกระเป๋าหยิบเอายาสีดำเม็ดหนึ่งส่งให้ชายแก่ “กินยาปกป้องหัวใจเม็ดนี้ก่อน เดี๋ยวผมจะช่วยฝังเข็มให้”
“นี่คือยาอะไร? ปกป้องหัวใจ? ทำไมรูปร่างน่าเกลียดขนาดนี้ นายคงไม่ใช่เจียงหูหลางจง(คำใช้เรียกแพทย์จีนโบราณเร่ร่อนสมัยก่อน อาจแฝงความหมายถึงพวกหลอกลวง)ใช่ไหมเนี่ย? แต่ที่นี่คือโรงพยาบาลลี่คังนะ” ฉิงเอ๋อหยุดมือของเย่โม่ไว้แล้วถามด้วยความเป็นกังวล
“ถ้าไม่เต็มใจให้รักษาผมจะคืนบัตรให้ทันที” เย่โม่พูดอย่างไม่พอใจเล็กๆ
ชายแก่มองไปยังแววตาของเย่โม่แล้วโบกมือ “ฉิงเอ๋อ... หลานหลีกทางเถอะ เอายาเม็ดนั้นมาให้ปู่กินทีสิ”
ชายแก่รับยาไปแล้วก็กลืนลงโดยไม่ได้พูดอะไรอีก เขาไม่ได้กลัวตาย แต่หากเขามีเวลาอีก 3 ปีจริงๆ เรื่องราวค้างคามากมายเขาก็คงจะจัดการได้อย่างเหมาะสม หากเขาจากไปอย่างกะทันหันล่ะก็ครอบครัวก็คงเกิดความสับสนอลหม่านแน่ อาจกระทั่งเริ่มเดินไปสู่ความล่มจม นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่ต้องการจะเห็น
ดังนั้นถึงแม้โอกาสที่เย่โม่จะเป็นพวกต้มตุ๋นจะมีถึง 90 % แต่ขอแค่มีความหวังสัก 10 % เขาก็ยังอยากจะลองเชื่อดู!
เมื่อเห็นชายแก่คนนี้กลืนยาเข้าไปเย่โม่ก็พยักหน้า เขาปล่อยให้ชายแก่นอนลงแล้วจึงเริ่มฝังเข็มทันที
เดิมทีฉิงเอ๋อก็สงสัยในตัวเย่โม่อยู่แล้ว ยิ่งพอเขาหยิบยาสีดำนั่นออกมายิ่งแล้วใหญ่ ทว่าเมื่อได้เห็นความเร็วในการฝังเข็มของเย่โม่และสีหน้าที่ผ่อนคลายของปู่ นั่นทำให้เธอเริ่มรู้สึกคาดหวังในตัวเย่โม่ขึ้นมา
ถึงจะไม่เคยเห็นการรักษาด้วยการฝังเข็มของแพทย์จีนจริงๆ มาก่อน แต่เธอก็เคยเห็นทางทีวีมาบ้าง การฝังเข็มของแพทย์แผนจีนโดยทั่วไปไม่มีทางเคลื่อนไหวได้ไหลลื่นราวสายน้ำแบบนี้ อีกทั้งเวลาหมอหนุ่มคนนี้เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วก็ราวกับจะเห็นได้เพียงภาพติดตาเท่านั้น นี่เองที่เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เธอเกิดความเชื่อมั่นในตัวเขาขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง แล้วความกังวลใจก็หายไปจนหมดสิ้นเมื่อเธอเห็นใบหน้าของเย่โม่ปรากฏเหงื่อผุดปรายขึ้นเต็มไปทั่ว
แต่ทันใดนั้นเองหญิงสาวก็เริ่มรู้สึกร้อนใจขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อเห็นสีหน้าอันทุกข์ทรมานของปู่ ขณะที่เธอกำลังจะเอ่ยถามอยู่นั้นเองเย่โม่ก็จับร่างของชายแก่พลิกแล้วทาบฝ่ามือไปบนหลังทันที!
ชายแก่ไอเอาน้ำสีดำข้นหนืดเหนียวออกมา
เย่โม่ถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาหันไปบอกกับหญิงสาว “ปู่ของคุณอาการดีขึ้นแล้ว ภายใน 3 ปีนี้ไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน... ตอนนี้ให้พยาบาลมาทำความสะอาดเสียหน่อย ผมไปล่ะ”
โดยไม่รอให้หญิงสาวตอบกลับ เขาสะพายกระเป๋าพยาบาลเดินจากไปทันที พอฉิงเอ๋อได้สติรีบวิ่งตามไป แต่เย่โม่ก็ได้หายไปเสียแล้ว
“ปู่...” ฉิงเอ๋อวิ่งกลับไปที่ห้องฉุกเฉินอีกครั้งพร้อมร้องเรียกอย่างเป็นกังวลอยู่บ้าง เธอสงสัยว่าเย่โม่อาจจะเป็นพวกต้มตุ๋นเลยรีบชิ่งหนีก็เป็นได้ ไม่แน่ว่าอาจจะไม่ใช่แพทย์ของโรงพยาบาลลี่คังนี้ด้วยซ้ำ ตอนที่เดินเข้ามาครั้งแรกพยาบาลก็บอกว่าเขาไม่ใช่หมอชุย ถึงตอนนี้เธอเพิ่งจะนึกได้แต่จะวิ่งตามไปก็ไม่ทันเสียแล้ว
ชายแก่ฟื้นตัวขึ้นมาแล้วหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดปาก ดวงตาของเขาฉายแววประหลาดใจออกมา มองไปยังหลานสาวแล้วพูดขึ้น “หมอคนนี้ไม่ใช่พวกต้มตุ๋น... ปู่รู้สึกได้เลยว่าทั่วร่างกายเบาลง ไม่รู้สึกหนักแบบแต่ก่อนแล้ว คิดไม่ถึงจริงๆ ว่ายังมีหมอเทวดาแบบนี้อยู่อีก อีกเดี๋ยวหลานไปถามพยาบาลให้หน่อยว่าหมอคนนี้แท้จริงแล้วชื่ออะไรกันแน่ บุคคลระดับนี้เราต้องทำความรู้จักเอาไว้บ้าง”