ตอนที่แล้วตอนที่ 6 โอกาส
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 8 เสียงหนอนไหมในความมืด

ตอนที่ 7 ติดค้าง


ตอนที่ 7 ติดค้าง

แม้ราชวงศ์ฉินจะไม่ได้ห้ามคนธรรมดาพกอาวุธหรือจัดห้ามการแข่งขัน แต่พวกอาวุธอำนาจทำลายล้างสูง อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการฝึกตน และตำราการฝึกตนบางอย่างกลับถูกสั่งห้ามไม่ให้มีการซื้อขาย

สิ่งที่ผู้ฝึกตนต้องการมักเป็นของต้องห้ามทั้งสิ้น

ทว่าสิ่งของเหล่านั้นกลับซุกซ่อนอยู่ในตลาดปลา ดั่งปลาซ่อนตัวใต้ใบบัว ด้วยเหตุนี้ตลาดปลาจึงได้ก่อตั้งขึ้นมา การค้าขายในตลาดเองก็ไม่ได้เป็นไปตามกฎหมายเท่าไหร่

ตลาดผิดกฎหมายที่ชายแดนเมืองฉางหลิงตลาดนี้ รอดพ้นสายตาผู้มีอำนาจหลายคนมาได้อย่างไรเป็นเวลาหลายปี?

ชายหนุ่มต่างถิ่นผู้มีคิ้วหนาคนหนึ่งคิดแล้วก็ให้สับสน

เขาถือร่มสีเหลือง ที่ร่มมีรอยขาดเล็กน้อย สวมชุดผ้าโปร่งสีดำที่คนในเมืองฉางหลิงมักสวมใส่กัน เขาไม่ได้สวมรองเท้า และเดินเท้าเปล่าเข้ามาในตลาด

ร่มขาด ๆ สีเหลืองในมือของเขามีขนาดใหญ่มาก แต่เพราะต้องคอยกันฝนให้คนด้านหน้า ร่างกายบางส่วนของเขาจึงเปียกฝน เพราะร่มกำบังไม่ถึง

ผู้ที่อยู่ด้านหน้าเขาคือชายหนุ่มร่างเตี้ย แต่งตัวเหมือนบัณฑิต ใบหน้าเล็ก หน้าตาหมดจด ผิวพรรณขาวผ่องไร้ตำหนิ

เมื่อมองหยาดฝนที่หยดลงมาจากหลังคาในตลาดปลาแล้ว ชายหนุ่มคิ้วหนาผู้นี้ก็ขมวดคิ้ว เขาอดเอ่ยปากถามคนข้างหน้าตนขึ้นมาไม่ได้ “คุณชาย ตลาดแห่งนี้ยังตั้งอยู่ได้อย่างไรหรือขอรับ?”

ผู้ที่แต่งตัวเหมือนบัณฑิตหัวเราะเสียงเย็น “ตลาดแบบนี้ยังตั้งอยู่ได้ เป็นเพราะความต้องการของเสนาบดีทั้งสองท่านอย่างไรเล่า”

ชายหนุ่มคิ้วหน้ามองคุณชายของตนด้วยสีหน้ามึนงง

“การค้าผิดกฎหมายได้เงินมาก เงินมากย่อมหมายถึงมีคนนำของเข้ามามากโดยไม่สนชีวิตตนเอง”

ชายหนุ่มสวมชุดเหมือนบัณฑิตเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หลายปีมานี้ สาเหตุที่สมบัติล้ำค่าหายากต่าง ๆ มาถึงที่เมืองฉางหลิง และที่เราสามารถสานสัมพันธ์กับต่างแดนได้นั้น ไม่ใช่เป็นเพราะแม่น้ำเว่ยเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเพราะมีตลาดปลาอยู่ด้วย พวกคนตำแหน่งสูงในราชสำนักเองก็สามารถหาของที่หาจากที่อื่นไม่ได้จากที่นี่ จึงปล่อยให้ที่นี่อยู่ต่อไปแบบเงียบ ๆ แน่นอนว่าคนที่ทำมาค้าขายที่นี่ต่างรู้ดีว่าต้องทำอย่างไรจึงจะรักษาความสงบสุขไว้ได้ ตลาดแห่งนี้จึงมีขนาดใหญ่กว่าตลาดแห่งอื่นในแผ่นดิน ทว่ากลับปลอดภัยกว่า และมีการจัดการที่ดีกว่า”

“เจ้าต้องเข้าใจสิ่งหนึ่ง การทำการค้าต้องได้กำไรมาก ผู้คนจึงอยากทำการค้าด้วย คนส่วนมากไม่อยากกระตุกหนวดเสือ พวกเขาจะไม่ค้าขายกับคนที่มีตำแหน่งสูงกว่า เพราะพวกนั้นสามารถกลืนพวกเขาลงท้องได้ในคำเดียวง่าย ๆ” คุณชายชุดบัณฑิตมองไปยังชายหนุ่มคิ้วหนาก่อนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง “เป็นเพราะมีกฎพื้นฐานแบบนี้อยู่ ข้าจึงมั่นใจในการมาพูดคุยที่นี่”

...

ทางเดินในตลาดปลามีขึ้นมีลง ส่วนมากเต็มไปด้วยโคลน เดินยากยิ่งนัก แผ่นไม้ที่ใช้เป็นทางเดินนับสิบวางทับซ้อนกัน สำหรับผู้ที่ไม่ค่อยคุ้นเคยกับที่นี่แล้ว ที่นี่นับว่าเป็นดั่งเขาวงกตเลยทีเดียว

ทว่าสำหรับผู้ทำการค้าขายส่วนมากในตลาดปลาที่ไม่ชอบผู้ที่เดินไปทั่วอย่างไร้จุดหมายแล้ว ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่คัดค้านเรื่องที่ทางเดินมีความซับซ้อนและทำให้เดินยากเลยแม้แต่น้อย

วันฝนพรำนั้นมืดครึ้ม ร้านรวงต่าง ๆ มีกระท่อมครอบไว้อีกชั้น ทำให้ทางเดินยิ่งมืดลงไปอีก มีเพียงไม่กี่ร้านที่แขวนโคมไฟไว้

ไฟที่สว่างอยู่เป็นบางจุดส่องแสงประหลาด ริบหรี่อยู่ท่ามกลางสายลม

ยังมีคนอยู่ในตลาดปลาอีกมาก ติงหนิงหุบร่ม ใช้มันเป็นไม้เท้าในขณะที่เดินเข้าไปในส่วนลึกสุดของตลาดปลาด้วยความคุ้นเคย

เป็นเพราะพายุฝน พื้นที่ปกติจะมีโคลนแห้งติดอยู่จึงเต็มไปด้วยน้ำ น้ำสูงราวครึ่งเมตรเกือบถึงทางเดินข้าม เรือลำน้อยและรถลากไม้ต่างพากันลอยอยู่ในน้ำด้านล่างทางเดินข้าม

หลังจากเดินผ่านแผ่นไม้ลอยโยกเยกที่ทำเป็นทางเดินข้ามแล้ว ติงหนิงก็เดินเข้าไปยังหอสูงขนาดเล็กแห่งหนึ่ง

เป็นร้านหมึกพิมพ์ ขายหมึกและกระดาษ

เจ้าของร้านเป็นแม่หม้ายอายุหกสิบกว่าปี ด้วยเพราะไม่มีต้นทุนสูงมากมายนัก และการซื้อขายในตลาดปลาย่อมต้องใช้ผนึกหรือการประทับตรา ร้านแห่งนี้จึงเป็นร้านหมึกพิมพ์เพียงแห่งเดียวในตลาด ด้วยเหตุนี้นางจึงสามารถทำการค้าหาเลี้ยงชีพตนได้

ด้วยปกติเป็นร้านที่ไม่มีคนมากจนยุ่งวุ่นวายอยู่แล้ว หญิงชราผมสีดอกเลาจึงนั่งดื่มชาจากถ้วยอยู่หน้าร้าน ก่อนที่จะเห็นติงหนิงเดินเข้ามา เมื่อเห็นเด็กหนุ่ม บนใบหน้าเหี่ยวย่นของหญิงชราก็พลันปรากฏรอยยิ้มอบอุ่น นางหยิบจานถั่วอบจากชั้นวางด้านข้างมาถือรอไว้

“ทำไมถึงตากฝนมาเล่า?”

หญิงชราโล่งอกเมื่อเห็นว่ามีเพียงรองเท้าหญ้าสานของติงหนิงเท่านั้นที่เปียกชุ่ม นางหยิบรองเท้าหญ้าสานอีกคู่หนึ่งส่งให้ติงหนิง

ติงหนิงยิ้ม ไม่ปฏิเสธรองเท้าของนาง เขาล้างเท้าที่หน้าร้าน สวมรองเท้าหญ้าคู่เก่าทว่าสะอาดสะอ้านคู่นั้น ก่อนจะกวาดตามองหลังคาและผนังในร้าน

มีรอยรั่วที่หลังคาและผนัง แต่ไม่มากนัก

ติงหนิงเองก็โล่งอกเช่นกัน เขานั่งลงบนม้านั่งไม้ที่อยู่ด้านข้างหญิงชราก่อนเอ่ยขึ้น “พอข้าเห็นฝนตกหนักเมื่อคืน ข้าเลยเป็นห่วง จึงมาหาท่าน แต่พอดีมีธุระ เลยมาหาช้าจนถึงตอนนี้”

หญิงชราหัวเราะ นางรู้สึกมีความสุขทุกครั้งยามได้เห็นติงหนิง

“จะมีปัญหาอันใดได้อีกเล่า?” นางหัวเราะก่อนพูดขึ้น “เจ้ามาช่วยข้าซ่อมร้าน ใช้ความอดทนมากกว่าพวกคนซ่อมเรือพวกนั้นเสียอีก ถ้าฝนหนักกว่านี้ แล้วตกนานมากกว่านี้สักสองสามวัน ร้านอื่นคงมีรูรั่วกันหมด ยกเว้นร้านข้า”

เมื่อเห็นรอยยิ้มของนาง อารมณ์ของติงหนิงยิ่งดีขึ้นกว่าเก่า เขาหยิบถั่วอบโยนเข้าปาก เคี้ยวกร้วม ๆ ก่อนถามขึ้น “มีของที่ท่านต้องซื้อบ้างหรือไม่? ข้าจะไปซื้อให้”

“ฟืน ข้าวสาร น้ำมัน และเกลือยังมีอยู่เยอะ เจ้านั่งพักเถอะ” หญิงชราส่ายหัว เมื่อมองใบหน้าที่ซีดเล็กน้อยของติงหนิงแล้ว นางก็ส่ายหัวอีกที ถามขึ้นอย่างเป็นห่วงเป็นใย “เจ้ากินอาหารมาหรือยัง?”

“กินแล้ว ก๋วยเตี๋ยวปลากับกะหล่ำดอง” ติงหนิงยิ้ม

หญิงชราไม่พอใจเล็กน้อย พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เช่นนั้นกินข้าวเย็นที่นี่เถอะ”

“ได้ครับ” ติงหนิงพยักหัวเป็นเชิงเห็นด้วย “ข้าอยากกินขนมเจียนปิ่ง (1)”

“ข้าจะทำปลาตุ๋นกับขาไก่หมักให้” หญิงชราเหลือบมองติงหนิง สายตามีแววตำหนิ ทว่านัยน์ตากลับเต็มไปด้วยความหมาย “ขนมเจียนปิ่งมันอร่อยขนาดนั้นเลยหรือ? ตอนนั้นเจ้ายังเด็ก ไม่แปลกที่ข้าจะทำขนมให้เจ้า ตอนนี้ยังจะคิดถึงขนมอีก หากเจ้าทำการค้าขาย ช่วยคนผู้หนึ่งเป็นเวลาหลายปีเพราะขนมเจียนปิ่งของเขา เจ้าต้องขาดทุนมากเป็นแน่”

“ไม่ขาดทุนหรอก” ติงหนิงยิ้มก่อนพูดขึ้น “ส่วนมากข้าก็แค่มาอยู่เป็นเพื่อนท่าน คุยกับท่าน ฟังท่านเล่าเรื่อง แล้วก็กินข้าวท่านหลายมื้อเท่านั้นเอง”

หญิงชราส่ายหัว นัยน์ตาซับซ้อน “แค่การอยู่เป็นเพื่อนและคอยพูดคุยกับข้าก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดสำหรับหญิงชราตัวคนเดียวที่ไร้ญาติขาดมิตรแล้ว คนในเมืองฉางหลิงไปรบตายก็หลายคน เป็นคนวัยข้าก็ตั้งมาก มีเพียงส่วนน้อยที่โชคดีอย่างข้า”

ติงหนิงไม่พูดอะไร แทะถั่วอบเหมือนกระรอกตัวหนึ่ง

วันหนึ่งในฤดูหนาวเมื่อหลายปีก่อน เขาเดินทางผ่านมาที่นี่ หญิงชราผู้อ่อนโยนทำขนมเจียนปิ่งอุ่น ๆ มาให้เขา หลังจากนั้นมา เขาจึงมาหาหญิงชราอยู่บ่อยครั้ง มาดูว่าเขาพอจะช่วยเหลืออะไรนางได้บ้าง

เขารู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับขนมเจียนปิ่ง

แต่เป็นเพราะเขาติดค้างนาง

เขาติดค้างคนอยู่หลายคน เขาเพียงแต่หวังว่าวันหนึ่งจะสามารถชดใช้คืนให้พวกเขาได้

หลังจากนั่งคุยกับหญิงชราอยู่พักหนึ่ง ได้คุยกับนางเรื่องเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในตลาดปลาแล้ว ติงหนิงก็บอกลาหญิงชราแล้วเดินออกจากร้านมา เขาเดินท่องไปทั่วอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเดินเข้าไปยังส่วนลึกของตลาด

ตอนนี้ ซ่งเฉินซูน่าจะเดินทางเข้าตลาดปลามาแล้ว

ซ่งเฉินซูเป็นเจ้าหน้าที่หอสมุดตัวเล็ก ๆ ผู้หนึ่ง เขาเป็นคนที่ติงหนิงคุ้นเคย

ทว่าไม่เหมือนกับหญิงชราที่อยู่ร้านหมึกพิมพ์คนนั้น ติงหนิงไม่ได้ติดค้างซ่งเฉินซู เป็นซ่งเฉินซูต่างหากที่ติดค้างเขา

หลังจากใช้เวลาสังเกตอย่าเงียบเชียบมาเป็นเวลาหลายปี ติงหนิงก็รู้พฤติกรรมบางอย่างของซ่งเฉินซู และรู้ถึงปัญหาในการฝึกตนที่เขาเผชิญอยู่ในปัจจุบัน

ดังนั้นเขาจึงมั่นใจว่าซ่งเฉินซูจะต้องมาที่ตลาดปลาในวันนี้ เพื่อมารับถุงน้ำดีเต่าไฟอย่างแน่นอน

เชิงอรรถ

(1) เจียนปิ่ง เครปแบบจีน เป็นของทานเล่น