บทที่ 1 เจ้ามังกรน้อย
“เย่โม่…เย่โม่…เป็นอะไรของนายน่ะ! รีบตื่นเร็ว ใกล้ได้เวลาเข้าเรียนแล้ว นี่มันวิชาของอาจารย์เย็นชานั่นนะ รีบลุกขึ้นเร็ว!!”
มีคนเรียกข้างๆ หูเย่โม่ด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างเป็นกังวล ซึ่งนั่นทำให้เย่โม่รู้สึกประหลาดใจ
“ไอ้งี่เง่านี่คงไม่กล้าไปเจอคนอื่นแล้วมั้ง ถึงได้ก้มหน้าก้มตาแบบนั้น” มีอีกเสียงพูดขึ้นมาอย่างขบขัน ทว่าคราวนี้เองเย่โม่ได้ตื่นขึ้นแล้ว
เขามองไปรอบๆ ทิศทางด้วยความสับสน มีแต่ใบหน้าของคนที่เขาไม่รู้จักสักคนเดียว
พอได้เห็นอาการมึนงงของเย่โม่แบบนั้นเสียงหัวเราะก็ดังครืน เสียงหัวเราะเหล่านี้เห็นได้ชัดว่าพุ่งเป้ามาที่เขา มองไปรอบตัวก็เห็นผู้คนราวกับกำลังล้อเลียนเขาอยู่ ดังนั้นเขาจึงยังไม่กล้าพูดอะไรออกไป ในใจได้แต่แอบระแวงว่าจะมีใครมาลงไม้ลงมือกับเขาหรือไม่
เขาพบว่าคนที่นั่งข้างๆ ดูจะเป็นคนเดียวที่ไม่ได้หัวเราะเยาะเขา และเป็นคนเดียวกันนี้เองที่ปลุกเขาด้วยความหวังดี
ด้วยความประหลาดใจ เย่โม่จึงถามขึ้นอย่างลืมตัว
“ฉันอยู่ที่ไหน? นายเป็นใคร? ทำไมที่นี่ถึงได้เหมือนกับห้องเรียนกัน?”
“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!….” แล้วเสียงหัวเราะก็ดังขึ้นอีกระลอก
“เย่โม่ ฉันว่านายโกรธจนสับสนแล้ว นายคิดว่าเยี่ยนเยี่ยนเป็นคนที่จะซี้ซั้วเขียนจดหมายรักส่งได้หรือไง! มันจะไม่มีปัญหาหรอกนะถ้านายยังอยู่ในตระกูลเย่ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว คราวหลังนายก็ระวังหน่อย วิชาภาษาอังกฤษคาบหน้าเป็นของอาจารย์หยุนปิง อย่าโดนเธอเล่นเชียว” คนที่นั่งข้างๆ เขากล่าวเตือนด้วยเสียงเบาๆ ซึ่งมีแต่เขาที่ได้ยิน เห็นได้ชัดว่าเป็นกังวลมาก
“ฉันยังจำไม่ค่อยได้ เมื่อกี้รู้สึกปวดหัวมาก เลยจำอะไรไม่ค่อยได้น่ะ” เย่โม่พูดออกมาอย่างจนปัญญา
คนที่นั่งข้างๆ เย่โม่ถอนหายใจ แน่นอนว่าเขาไม่เชื่อว่าเย่โม่จะลืมทุกอย่างจริงๆ เขาคิดว่าเย่โม่ก็แค่อยากรักษาหน้าตัวเองเท่านั้น ยังไม่ยอมรับความเป็นจริงอีกว่าเขาไม่ใช่คนตระกูลเย่แล้ว
เย่โม่รู้สึกปวดหัวขึ้นมาครู่หนึ่ง เขาจำได้ว่าตัวเขาเองกับอาจารย์ลั่วอิ่งกำลังปรุงยาคืนปราณอยู่ หลังจากนั้นกลุ่มคนจากสำนักสายน้ำตะวันตกก็บุกเข้ามา ตามด้วยเสียงระเบิดและเสียงต่อสู้กัน อาจารย์กอดเขาเอาไว้แล้วใช้ยันต์หลบหนีออกมา แล้วตัวเขามาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง? ที่นี่ใช่แผ่นดินลั่วเยว่หรือไม่?
ถ้าตัวเขามาอยู่ตรงนี้ แล้วอาจารย์เล่า? อาจารย์อายุมากกว่าเขาเพียง 3 ปีเท่านั้น และมีความงดงามมาก สาเหตุที่สำนักสายน้ำตะวันตกบุกโจมตีอย่างกะทันหันแบบนี้เพราะนายน้อยของสำนักอยากขออาจารย์ลั่วอิ่งไปเป็นภรรยาตน หลังถูกอาจารย์ปฏิเสธจึงได้เกิดเรื่องราวขึ้น
หากอาจารย์ของเขาตกอยู่ในกำมือของสำนักสายน้ำตะวันตกแล้วล่ะก็ ผลที่ตามมาย่อมยากจะคาดเดาได้ พอคิดถึงตรงนี้แล้วเย่โม่ก็รู้สึกตื่นตระหนกจนทนไม่ไหว เขาผุดลุกขึ้นยืนทันที
“เป็นอะไรไป…ไม่รู้หรือไงว่าเสียงกริ่งเข้าเรียนดังแล้ว?” หญิงสาวหน้าตาเย็นชาเดินเข้ามายังแท่นโพเดียมพร้อมกับหนังสือสองสามเล่ม เหลือบมองเหล่านักศึกษาที่กำลังหัวเราะอยู่ เสียงหัวเราะเหล่านั้นจึงเบาลง ทุกคนต่างรู้ดีว่านี่คืออาจารย์วิชาภาษาอังกฤษหยุนปิง ที่เธอเกลียดที่สุดคือเด็กก่อความวุ่นวาย และหากเธอเพ่งเล็งใครไว้ล่ะก็ รับรองได้ว่าไม่เป็นผลดีแน่นอน
เย่โม่รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง แม้ว่าเขาจะเข้าใจคำเหล่านี้ แต่เห็นได้ชัดว่าแตกต่างจากภาษาที่เขาเคยใช้มาก่อน สรุปว่าที่นี่ไม่ใช่ดินแดนลั่วเยว่งั้นหรือ
เย่โม่ขมวดคิ้วมุ่น เขาอยากจะรู้เรื่องราวต่างๆ ให้มากกว่านี้ ทันใดนั้นเองคลื่นอย่างหนึ่งก็เข้ามาในหัวของเขา เย่โม่รู้สึกปวดหัวขึ้นมาอีกระลอก ข้อมูลต่างๆ มากมายหลั่งไหลเข้ามาในหัวของเขา เย่โม่เริ่มจะจำเรื่องราวต่างๆ ได้แล้ว...
เย่โม่เป็นลูกหลานรุ่นที่สามแห่งตระกูลเย่ พ่อของเขาเย่เหวินเทียนเสียชีวิตไปเมื่อสองปีที่แล้ว เขาไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับแม่ของเขาเลย หลังจากพ่อของเขาเสียไปเขาก็ถูกเนรเทศออกมาจากตระกูลเย่ ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาไม่ได้สืบเชื้อสายมาจากพ่อของเขาจริงๆ
พูดให้ชัดเจนก็คือเป็นผลจากการตรวจ DNA หลังจากพ่อของเขาตายไป เขาก็ถูกกล่าวหาว่าไม่ใช่คนของตระกูล ภายหลังจึงถูกขับไล่ออกมา
เขายังมีน้องสาวอีกคนหนึ่งชื่อว่าเย่หลิง และน้องชายชื่อว่าเย่จือเฟิง ทั้งสองเป็นน้องต่างแม่ของเขา เย่หลิงและเย่จือเฟิงมีแม่คนเดียวกัน เมื่อสามปีก่อน พ่อของเขาคงรู้สึกว่าตนติดค้างเย่โม่ จึงได้เสนอต่อผู้เฒ่าของตระกูลเย่เรื่องแต่งงานกับตระกูลหนิง เย่เหวินเทียนรู้อยู่ก่อนแล้วว่าสุขภาพร่างกายของตนไม่ดี เพราะอยากช่วยให้เย่โม่มีที่พักพิงจึงได้ไปหาคนตระกูลหนิงจากเมืองหลวง
โอกาสที่สามารถแต่งงานกับคนจากตระกูลที่ใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 5 ของจีนอย่างตระกูลเย่ได้ แน่นอนว่าตระกูลหนิงเต็มใจเป็นอย่างมาก หัวหน้าตระกูลหนิงจึงได้มอบหลานสาวของตน หนิงชิงเชวี่ย ให้กับเย่โม่ไปเมื่อ 3 ปีก่อน เมื่อหนิงชิงเชวี่ยอายุได้เพียง 22 ปีก็ได้กลายเป็นสาวงามอับดับหนึ่งแห่งปักกิ่งไปเสียแล้ว
ในทางกลับกัน เย่โม่ได้กลายเป็นตัวหายนะของตระกูลเย่ไปเสียแล้ว เหตุผลก็แสนง่าย ผลการตรวจที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งพบว่าเย่โม่ ‘เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ’ หรือก็คือไม่สามารถมีทายาทได้นั่นเอง ดังนั้นตระกูลเย่จึงพยายามปกปิดความจริงเอาไว้ แต่คนทั้งเมืองหลวงกลับรู้ข่าวนี้ภายในคืนนั้นเอง ตระกูลเย่ซึ่งเป็น 1 ใน 5 ตระกูลอันยิ่งใหญ่ของจีนกลับมีทายาทที่เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ จึงเป็นการเสียหน้าครั้งใหญ่ของตระกูลเย่
“ม่ายยยยย...!!”
พอจำได้ถึงตรงนี้เย่โม่ก็ร้องตะโกนเสียงดังพร้อมลุกขึ้นยืน เขาแทบจะดึงกางเกงลงเพื่อดู ‘มังกรน้อย’ ทันที เขาพอจะเข้าใจว่าตัวเองได้เกิดใหม่ในร่างของคนที่ชื่อเย่โม่เช่นเดียวกับเขา แต่กลับไม่สามารถมีเซ็กส์ได้เสียนี่ ถ้าเป็นแบบนี้ฆ่ากันให้ตายซะดีกว่า
“นักศึกษาคนนั้นน่ะ เธอชื่ออะไร เข้าคาบเรียนแล้วยังจะร้องตะโกนอะไรอีก จบคาบเรียนนี้แล้วมาพบอาจารย์ที่ห้องด้วย” อาจารย์สาวผู้กำลังสอนอยู่มีสีหน้าไม่พอใจเมื่อถูกขัดจังหวะด้วยเสียงร้องของเย่โม่
นักศึกษาคนอื่นๆ ในห้องต่างพากันแอบขำ ไม่ว่าจะทำอะไรก็จะมีคนหนึ่งเสมอที่ต้องไปห้องอาจารย์ ดูแล้วคงมีแต่อาจารย์วิชาภาษาอังกฤษคนนี้ที่ทำได้ จะไม่ไปก็ไม่ได้ในเมื่อคะแนนก็อยู่ในมือเธอ
เย่โม่นั่งลงอย่างท้อแท้ แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยเข้าใจเรื่องราวความขัดแย้งภายในตระกูลมากนัก แต่ก็พอจะรู้มาบ้างว่าที่เขาถูกขับไล่ออกมาจากตระกูลก็เพราะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ มากกว่าที่เขาไม่ใช่ลูกหลานตระกูลเย่ ใครจะรู้ว่าอาจมีคนเล่นตุกติกกับผลตรวจ DNA ก็เป็นได้
เย่โม่ไม่กังวลมากนักที่ตนเองถูกขับไล่ออกจากตระกูลเย่ ที่เขากังวลจริงๆ กลับเป็นเรื่องที่ตัวเขาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ และห่วงว่าอาจารย์ลั่วอิ่งของเขาเป็นอย่างไรบ้าง
เขายังเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมทุกคนในห้องถึงหัวเราะเยาะเขา เพราะจิตวิญญาณที่เป็นเจ้าของร่างก่อนหน้านี้ หลังถูกขับไล่ออกจากตระกูลไปแล้วยังไม่ยอมเจียมตัว ดันไปตามจีบหญิงสาวที่ฮอตที่สุดในชั้นอย่างเยี่ยนเยี่ยน ผลลัพธ์คือถูกเธอเอาจดหมายรักของเขาไปแปะไว้บนกระดานดำ แล้วประจาณเขาด้วยอาการดูถูกเหยียดหยาม “คุณชายใหญ่เย่ นายกล้านอนกับฉันมั้ยล่ะ?”
เพราะเหตุนี้เองจึงไม่น่าแปลกที่ทุกคนจะหัวเราะเยาะเขา เป็นไปได้มากว่าเจ้าของร่างคนก่อนอาจจะตายลงไปด้วยความอับอายก็ได้ ให้คนเสื่อมสมรรถภาพทางเพศไปนอนกับผู้หญิง มันเป็นการตบหน้าเขาชัดๆ ถึงแม้ว่าคนที่เคยถูกว่าจะไม่ใช่ตัวเขา แต่สีหน้าเย่โม่กลับเคร่งเครียดยิ่งขึ้น
พอมองไปที่เยี่ยนเยี่ยนก็พบว่าเธอหุ่นดีมาก ทว่าลักษณะท่าทางอันเสแสร้งของเธอเป็นสิ่งที่เย่โม่ไม่ชอบ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าของร่างคนก่อนถึงได้ตามจีบเธอ แต่พอมาคิดดูแล้วเขาก็พอเข้าใจได้ แต่ก่อนตอนที่เย่โม่ยังอยู่ในตระกูลเย่ ทุกๆ คนต่างพากันประจบเอาใจเขารวมทั้งหญิงสาวที่ชื่อเยี่ยนเยี่ยนคนนี้ด้วย
หลังจากเรื่องที่เขาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศถูกประกาศออกไป เพราะอยากจะลบล้างความอับอายเขาจึงคิดจะหาแฟนสักคนหนึ่ง แต่เย่โม่กลับคิดไม่ถึงว่าคนที่แต่ก่อนเคยประจบเอาใจเขาอย่างเยี่ยนเยี่ยนจะทำกับเขาแบบนี้ ทำให้เย่โม่คนก่อนอับอายจนหมดสติไป ตัวเขาจึงได้มาเกิดใหม่อีกครั้ง
คิดไม่ถึงว่าเขาจะมาเกิดใหม่ในสถานที่แบบนี้…
เขาฟังที่อาจารย์สาวสวยพูดหน้าชั้นไม่ออกแม้แต่คำเดียว แต่ถึงจะฟังออกเขาก็ไม่มีอารมณ์ไปสนใจ เขารับไม่ได้อย่างมากที่ตัวเขาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ถ้าได้มาเกิดใหม่แล้วต้องเป็นแบบนี้ สู้ไม่เกิดใหม่เลยยังดีเสียกว่า
พอจัดระบบความคิดได้ สีหน้าของเย่โม่ก็ยิ่งย่ำแย่ลงไปอีก นอกจากเรื่องที่ตัวเขาอาจเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ยังมีเรื่องที่ว่าพลังฟ้าดินของที่นี่เบาบางมาก ไม่ใช่ที่ๆ จะฝึกฝนได้ หรือว่าเขาจะต้องแก่ตายลงในที่ๆ เรียกว่าโลกจริงๆ
เขาจะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยแห่งนี้หรือไม่ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญแล้ว ที่สำคัญที่สุดคือต้องจัดการกับปัญหาของตัวเองก่อน อาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศของเขาส่งผลต่อชื่อเสียงของตระกูลเย่
ถึงแม้ว่าเขาจะถูกไล่ออกจากตระกูลมาแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ถูกฆ่าตาย บางทีอาจมีสาเหตุภายในอื่นอีกที่ทำให้เขาถูกไล่ออกมาก็เป็นได้ ถือเป็นสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อความปลอดภัยของเขาเป็นอย่างมาก
หลังจากกริ่งเลิกเรียนดังขึ้น สิ่งสำคัญที่เย่โม่ต้องทำไม่ใช่ทั้งไปหาอาจารย์คนสวยหรือรีบออกจากมหาวิทยาลัย เขาต้องรีบหาที่สักแห่งหนึ่งเพื่อที่จะดูเจ้ามังกรน้อยของเขา…ว่าเสื่อมสมรรถภาพทางเพศจริงหรือเปล่า
ข้างๆ มหาวิทยาลัยหนิงไห่แม้จะไม่ค่อยมีอะไรมากนัก ทว่าตรอกซอกซอยต่างๆ กลับมีไม่น้อย เย่โม่รีบไปยังตรอกที่ห่างไกลไร้ผู้คน เขารีบดึงกางเกงลงทันที! ของเขาเล็กมากจริงๆ…แต่ก็ไม่ทำให้เย่โม่ผิดหวัง
“เฮ่อ!...”
เขาผ่อนลมหายใจยาวๆ อย่างโล่งอก เขาไม่ได้เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ แต่เป็นเพราะขนาดของมันเล็กเกินไปจนเส้นลมปราณของเขาหยุดพัฒนา จึงทำให้เกิดอาการเสื่อมสมรรถภาพแบบนี้ ตอนที่เขายังอยู่ในดินแดนลั่วเยว่เขาเป็นถึงหมอมือดีคนหนึ่ง อาการแค่นี้เขามองแวบเดียวก็รู้แล้ว
ทว่าด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน การจะทะลวงเส้นลมปราณที่อุดตันนั้นยังเป็นไปไม่ได้ แต่สำหรับเย่โม่นั้นถือเป็นเรื่องง่าย แม้ว่าตอนนี้เขายังไม่มีความสามารถมากพอจะทะลวงเส้นลมปราณเพื่อให้มังกรน้อยของเขาผงาดขึ้นมาได้ แต่ขอแค่เขาบรรลุด่านรวบรวมปราณระดับ 3 เส้นลมปราณก็จะทะลวงเปิดออกเอง
ทว่าทันทีที่เขาคิดถึงตรงนี้เขาก็เริ่มรู้สึกสิ้นหวังทันที ด้วยพลังฟ้าดินที่เบาบางเช่นนี้ คิดจะฝึกถึงด่านรวบรวมปราณระดับ 3 ได้นั้นถือเป็นเรื่องยากเข็ญ บางทีใช้เวลาทั้งชีวิตก็อาจไปไม่ถึงด้วยซ้ำ คิดไปคิดมาเขาเองก็ยังถือว่าเป็นคนไร้สมรรถภาพอยู่ดี
เย่โม่ถอนหายใจ ขณะที่เขากำลังจะดึงกางเกงขึ้นนั้นเองก็มีเสียงร้องดังขึ้นจนทำให้เขารู้สึกตกใจ
“ไอ้โรคจิต!”
เสียงร้องตรงหน้าของเย่โม่เป็นเสียงแหลมสูงของผู้หญิง เย่โม่จดจ่ออยู่กับการตรวจมังกรน้อยของเขาจนลืมที่จะตรวจเช็คบริเวณรอบๆ คิดไม่ถึงว่าตรอกเล็กๆ แห่งนี้จะมีทางเชื่อมอยู่ เพียงแต่ข้างหน้ามีมุมเลี้ยวที่มองไม่เห็นเท่านั้น
เย่โม่ไม่ใช่พวกชอบโชว์ และตอนนี้ก็ยิ่งไม่มีอะไรให้โชว์อีก เขารีบดึงกางเกงขึ้นพร้อมจะชิ่งหนีทันที
“เย่โม่…นั่นนายหรือ?” หลังจากที่กรีดร้องไปแล้ว หญิงสาวตรงหน้าก็ถามด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ เห็นได้ชัดว่าเธอคนนี้รู้จักเย่โม่