ตอนที่ 6-2 อมนุษย์
ตอนที่ 6 : อมนุษย์
หลังจากเขาเอียงหัวเล็กน้อยพร้อมกระดิกหูแล้วมองไปรอบร้าน ฉันเริ่มกลับไปให้ความสนใจกับหางปุกปุยนั่นอีกครั้ง หางที่ยาวและพองช่างน่าดึงดูดชวนสัมผัสยิ่งนัก มันจะต้องรู้สึกนุ่มนิ่มอย่างแน่นอน
ทว่า... มันคงจะหยาบคายถ้าฉันยื่นมือไปจับ
และมันคงเป็นเรื่องน่าอึดอัดใจที่จะขออนุญาติเขาเพื่อจับหางปุกปุยนี้
แต่... ฉันอยากจะลูบหัวแมวสักครั้ง หูของเขาช่างดูอ่อนนุ่มเสียจริง...
เฮ้อ... ฉันอยากจะสัมผัสสักครั้งเสียจริง
ขณะที่กำลังคิด อมนุษย์ตนนั้นเดินตรงมาหาฉัน
“นี่... ข้าขอกาแฟลาเต้แบบกลับบ้านเพิ่มอีกสักแก้ว”
“อ่อ ได้เจ้าค่ะ” ร่างกายของฉันสั่นโดยทันที
หลังจากนั้นฉันได้เดินเข้าไปที่ห้องครัวเพื่อเตรียมกาแฟลาเต้แบบกลับบ้าน ฉันคิดขึ้นมาได้ว่า...
ใช่แล้ว! บางทีฉันอาจมีโอกาสได้จับมือเขาตอนส่งถ้วยกาแฟ... ฉันจะต้องได้จับมือแสนปุกปุยนี้แน่นอน!
“ขอบคุณที่รอเจ้าค่ะ”
จากนั้นฉันยื่นถ้วยกาแฟด้วยทั้งสองมือให้แก่อมนุษย์ที่ยืนอยู่ด้านหน้าของฉัน ขณะที่เขายื่นมือออกมารับถ้วยกาแฟแก้วนั้น ฉันรู้สึกตื่นเต้นที่ได้สัมผัสขนอันนุ่มนวลของเขา
เสียงหัวใจเต้นดีใจของฉันดังขึ้นข้างในอย่างเงียบ ๆ นี่มันช่างนุ่มเกินกว่าที่คาดหวังไว้เสียอีก
ทำไมขนปุกปุยช่างนุ่มขนาดนี้ ฉันอยากจะเอามันมากอดถูกับใบหน้าเสียจริง
ฉันยิ้มอย่างสุภาพออกไปขณะที่พยายามซ่อนความตื่นเต้นของตนเองเอาไว้
ไม่นะรอนย่า! ถึงฉันจะไม่ได้มีสถานะเป็นลูกสาวของผู้สูงศักดิ์ตระกูลดังอีกต่อไปแล้ว ทว่าการสวมกอดเพศตรงข้ามในที่สาธารณะก็มิควร
ทันใดนั้นก็ได้มีบางสิ่งปลิวเข้าใส่หน้าของฉันพร้อมกับเสียง ‘กริ๊ง!’ เมื่อฉันได้ยินก็รีบคว้ามันไว้ทันที แบมือออกมาก็พบว่านี่คือเหรียญทอง อมนุษย์ตนนี้ได้สะบัดเหรียญด้วยปลายนิ้วแล้วหันตัวไปทันทีเพื่อออกจากร้าน ฉันร้องเรียกเขาด้วยความตื่นตระหนก
“ขออภัยเจ้าค่ะ เงินทอนของท่าน...”
ถ้าเทียบกับโลกที่ฉันจากมา หนึ่งเหรียญทองมีมูลค่าเท่ากับหนึ่งหมื่นเยน หนึ่งเหรียญเงินมีมูลค่าเท่ากับหนึ่งพันเยน และหนึ่งเหรียญทองแดงมีมูลค่าเท่ากับหนึ่งร้อยเยน
กาแฟลาเต้สามแก้วมีราคาแค่สามเหรียญทองแดง ขณะที่แซนด์วิชมีราคาเท่ากับห้าเหรียญทองแดง ฉันควรทอนให้แก่เขา ทว่า...
“ข้าให้” อมนุษย์หมุนตัวมาแล้วพูดกับฉัน
“มันคือเงินทำขวัญที่ข้าทำให้ลูกค้าของเจ้าหนีหายไป แล้วข้าจะกลับมาดื่มกาแฟที่นี่อีก”
หลังจากที่อธิบายเสร็จแล้วเขาเปิดประตูแล้วเดินออกจากร้าน ขณะที่เขาเดินออกไปฉันได้แต่มองอย่างงุนงง
“ข้าจะรอการมาเยือนของท่านอีกเจ้าคะ...” ฉันรีบพูดก่อนที่เขาจะเดินออกไปไกล
แล้วนี่เป็นเรื่องดีหรือไม่ที่ฉันได้รับเงินพิเศษจากเขามากมายขนาดนี้
ฉันยัดเหรียญทองนั้นเก็บเข้าไปในกระเป๋าผ้ากันเปื้อนแล้วรีบเดินตามออกไป
ถนนด้านหน้าร้านช่างเงียบสงบ ฉันมองเห็นรถรางวิ่งอยู่เนือง ๆ ท้องถนนที่แสนสะอาดนี้มีสีเหลือง ตึกลามบ้านช่องตั้งเรียงรายเว้นระยะห่างกันอย่างเป็นระเบียบ เมืองนี้ช่างสงบสุขและแตกต่างจากเมืองหลวงโดยสิ้นเชิง เมืองดอมกาซ่านี้ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของประเทศ
อย่างที่ท่านปู่พูด เมืองนี้ตั้งอยู่ ณ ชายแดนซึ่งอยู่ใกล้กับประเทศเพื่อนบ้าน ดังนั้นเมืองนี้เป็นเมืองที่ปลอดภัยที่สุดแล้ว
ฉันมองไปตามท้องถนนที่เต็มไปด้วยแสงตะวัน มองตามหาอมนุษย์ตนนั้น ทว่าไม่ว่าฉันจะพยายามมองหามากแค่ไหนฉันก็ไม่พบเขาอีกแล้ว...
จากนั้นฉันจึงเดินกลับเข้าไปยังร้านอาหารและทำความสะอาดร้านทั้งหมด ไม่มีลูกค้าแม้แต่คนเดียวเดินเข้ามาในร้าน ถึงฉันจะสังเกตเห็นถึงความผิดปกตินี้เพียงใด ทว่ามันก็ทำให้ฉันได้นั่งกินข้าวกลางวันอย่างสงบสุข จากนั้นฉันก็ได้เริ่มชงกาแฟลาเต้เพื่อดื่มตอนนั่งพักผ่อน
นี่คือโอกาสแรกตั้งแต่เปิดร้านมาของฉันที่มีเวลาได้นั่งพักผ่อนหย่อนใจ
แสงแดดยามบ่ายทะลุผ่านหน้าต่างเข้ามาสะท้อนที่พื้นของร้าน มันทำให้ฉันรู้สึกสบายใจและได้นั่งทบทวนว่าวันนี้ฉันทำงานจนยุ่งแค่ไหน