คาถาที่ 16 : โลกในกระจก
“เรื่องนี้มันเป็นแค่ตำนานเรื่องเล่าไม่ใช่เหรอ” ยูตะถามขึ้นมา
เมื่อคืนผมก็ถามไอ้แมทไปแบบนี้ ผมเองก็เคยเอาเรื่องนี้ไปเขียนในเพจเรื่องผีสี่ห้าบรรทัดที่ตัวเองเป็นแอดมินเพจอยู่เหมือนกัน Bloody Mary มีลักษณะคล้าย ๆ กับการลองของของทางฝั่งยุโรป มีตำนานเล่าเรื่องนี้ต่าง ๆ มากมาย บ้างก็ว่าแมรี่เป็นผี บ้างก็ว่าเป็นแม่มด ซึ่งถ้าหากเราทำพิธีนี้ตอนเที่ยงคืนหน้ากระจกบานใหญ่ จุดเทียนแล้วพูดว่า Bloody Mary สามครั้ง ผี Mary จะปรากฏตัว หลังจากนั้นเราจะสามารถขอเธอให้คุยกับวิญญาณคนที่ตายไปแล้วได้ หรือบางตำนานก็เล่าว่า คนที่หลบหลู่เรียกเธอออกมาเพราะเรื่องเล่นๆ ก็ถูกฆ่าตาย ควักลูกตา หรือไม่ก็ถูกลากเข้าไปในกระจกพร้อมกับเธอ เห็นไอ้แมทบอกว่ามันมีพิธีคล้ายกันแบบนี้ในการเข้าไปในกระจกด้วย ซึ่งมันจะทำให้เราสามารถเข้าไปช่วยวิญญาณของพิมพ์นาราที่อยู่ในกระจกออกมาได้
“ในตำราแม่มดที่ผมรู้มา มันมีวิธีนี้วิธีเดียวครับ ที่จะเข้าไปในกระจกได้ ไม่รู้ว่าแม่มดดำใช้มนต์อะไรส่งแฟนลุงไปที่นั่น แต่ผมว่ามันต้องเป็นที่เดียวกันแน่นอน” ไอ้แมทพูดต่อ
“บอกให้เรียกพี่ไงวะ ไอ้เด็กพวกนี้”
“โทษทีครับ ลืมตัว ติดมาจากไอ้ชา” ไอ้แมทพูด อ้าว โบ้ยมาหาผมซะงั้น
“แล้วจะเริ่มกันเมื่อไร” ตาลุงนั่นถาม ทำท่าจะไปกับพวกผมด้วย ดูสังขารตัวเองก่อนไหมครับลุง
“ผมว่าจะเริ่มคืนนี้ คนที่ถูกขังไว้ในกระจกนานเกินไปอาจจะกลายเป็นบ้าได้ครับ แต่ผมยอมรับนะ ว่าผมยังไม่เคยทำพิธีนี้มาก่อน ไม่รู้ว่าถ้าเข้าไปแล้ว เราจะเจอกับอะไรบ้าง” แมทธิวพูด เมื่อคืนนี้ผมก็รบเร้ามันอยู่นานกว่าจะยอมทำพิธีนี้ เห็นมันบอกว่าในตำราก็ไม่ได้บอกไว้ว่าเข้าไปแล้วมันมีอะไรอยู่ในนั้น หรือมีแมรี่อยู่จริงหรือเปล่า
“ฉันจะเข้าไปกับพวกนายด้วย”
“พี่จะไหวเหรอครับ สภาพอย่างกับมัมมี่” ผมถามยูตะที่นอนเป็นผักอยู่ที่เตียงอย่างไม่แน่ใจ
“ไหวดิ หมอบอกฉันว่าเย็นนี้ก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว”
ผมไม่ค่อยอยากจะเชื่อที่ยูตะพูดสักเท่าไร เพราะดูจากสภาพแล้วถ้าผมเป็นหมอ ผมคงให้นอนต่ออีกสักสามสี่วัน แต่ก็ช่างเถอะ ในเมื่อเขามั่นใจขนาดนั้น อยากไปก็ไป
พวกเรานัดกันมาเจอที่คอนโดของแมทธิวเพื่อเป็นสถานที่ที่ใช้ทำพิธี ซึ่งน่าจะเหมาะที่สุดแล้ว เพราะสามารถทำอะไรได้สะดวกที่สุด พอเวลาใกล้ถึงเที่ยงคืน ไอ้แมทก็เรียกพวกเรามานั่งรวมกันอยู่ตรงกลางของห้อง ตรงหน้าผมตอนนี้มีกระจกบานใหญ่ตั้งอยู่ ขนาดของมันสามารถส่องตัวคนได้ทั้งตัว ทั้งห้องมืดสนิทมีเพียงแสงจากเทียนที่ส่องสว่างให้พวกเรามองเห็นภาพจากบริเวณรอบ ๆ
“พิธีนี้ต้องใช้เลือดของคนที่จะเข้าไปอยู่ในกระจก” แมทธิวพูดขึ้น พร้อมกับหันหน้ามาหาผมและพี่ยูตะที่นั่งอยู่ทางด้านหลัง เจ้าตัวถือมีดปอกผลไม้และถ้วยเล็ก ๆ ไว้หนึ่งใบ
“มันเป็นมนต์ดำ?” ยูตะถามขึ้นมา ทำหน้าเหมือนไม่อยากจะทำสักเท่าไร
อย่างที่ยูตะเข้าใจนั่นแหละ ถูกแล้วไม่ผิดหรอก มนต์ดำส่วนใหญ่ต้องมีเครื่องสังเวย มันคือราคาที่ต้องจ่าย และเครื่องสังเวยในการที่เราจะสามารถเข้าไปในกระจกได้ นั่นก็คือเลือดของพวกเรานั่นเอง
“ใช่ครับ มันคือมนต์ดำ พี่อยากช่วยพี่พิมพ์ไหมล่ะ มันไม่มีทางเลือกแล้วแหละ” แมทธิวถามกลับเจ้าของคำถาม ในที่สุดยูตะก็ยอมพยักหน้าแล้วยื่นมือของตัวเองไปทางไอ้แมท
ปลายคมของมีดกรีดเข้ากลางอุ้งมือ ก่อนเลือดสีแดงจะไหลย้อยลงสู่ถ้วยอย่างรวดเร็ว เมื่อได้ปริมาณตามที่ต้องการแล้ว แมทธิวก็วางของทุกอย่างลง มือข้างหนึ่งของมันกดไปที่แผลของยูตะ ส่วนอีกข้างก็วางไปที่พื้น ผมพอจะเดาออกว่ามันทำอะไร มันเป็นการถ่ายโอนความเจ็บปวดและบาดแผลไปยังสิ่งที่ไม่มีชีวิตเหมือนที่มันเคยสอนผมมาก่อน หลังจากทำเสร็จก็พบว่าที่พื้นมีรอยกรีดลากยาวขึ้นมาแทน ซึ่งถัดไปก็เป็นตาของผม
“เบา ๆ นะมึง” ผมบอกมันไป ก็รู้ว่าแผลมันจะหาย แต่ผมก็กลัวเจ็บอยู่ดี
“เออน่า รู้แล้ว”
“ไม่เห็นรักษาให้กูบ้างอะ” ผมถามมันไปหลังจากที่กรีดอุ้งมือเอาเลือดจากผมไปเสร็จ มันก็ไม่ได้ดูดำดูดีทำแผลให้ผมบ้างเลย
“มึงทำเองเป็นหนิ รีบทำเร็ว ๆ” มันตอบผมกลับมา เหอะ ๆ ก็ได้วะ ทำเองก็ได้
พูดจบแมทธิวก็หันไปกรีดอุ้งมือของตัวเองจนเลือดของมันไหลไปผสมรวมกับเลือดของผมกับยูตะที่อยู่ในถ้วย ก่อนจะรักษาแผลให้กับตัวเอง แมทธิวยืนขึ้นหยิบพู่กันด้ามใหญ่ใส่ลงไปในถ้วยเลือด ก่อนมันจะลุกขึ้นเดินไปที่หน้ากระจก ปลายพู่กันถูกยกขึ้นก่อนจรดลงบนแผ่นกระจกใสที่สะท้อนภาพพวกเรากลับมา ไม่นานคนเขียนก็เขียนตัวอักษรบนแผ่นกระจกด้วยเลือดเสร็จ ข้อความนั้นถูกเขียนไว้ว่า
Bloody Mary
Bloody Mary
Bloody Mary
หลังจากทำแบบนั้นเสร็จ มันก็กลับมานั่งสมาธิในวงเทียนเหมือนเดิมก่อนจะบอกให้พวกเราเอาวิญญาณของตัวเองออกจากร่าง คราวนี้ผมทำได้เร็วกว่าที่เคยฝึกไว้ หลังจากนั่งไม่ถึงหนึ่งนาที ผมก็มายืนมองร่างจริงของตัวเองที่นั่งขัดสมาธิอยู่ในเทียนที่วางอยู่รอบตัวเป็นวงกลม
“ตามตำราบอกว่าให้จับมือกันเป็นวงกลมล้อมรอบกระจก พูดคำว่า Bloody Mary จนครบ 13 ครั้งแล้วเราจะเข้าไปในกระจกได้เอง” ไอ้แมทพูด
ผมและยูตะทำตามที่มันบอก พวกเราทั้งสามคนในร่างวิญญาณเดินมาล้อมรอบกระจกเงาบานใหญ่ก่อนจับมือกัน เดินวนตามเข็มนาฬิกาพร้อมกับพูดคำว่า Bloody Mary ไปเรื่อย ๆ ทันทีที่เราพูดจบจนครบครั้งที่ 13 ก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นที่หน้ากระจก กระเงาใสที่เคยสะท้อนภาพ ตอนนี้กลับกลายเป็นของเหลวสีดำที่ลอยต้านแรงโน้มถ่วงได้โดยไม่ไหลออกมา
“น่าจะสำเร็จแล้ว เข้าไปกันเถอะ” แมทธิวพูด
ผมมองของเหลวสีดำนั่นอย่างหวาดระแวง ขนลุกยังไงก็ไม่รู้ แต่ไม่ว่ายังไงก็ต้องเข้าไป ฮึบ ! ว่าแล้วคนแรกที่เดินนำเข้าไปในของเหลวสีดำนั่นก็คือไอ้แมทคนเริ่มพิธี ตามมาด้วยยูตะ และคนสุดท้ายก็คือผม
ทันทีที่ร่างวิญญาณผมสัมผัสเข้ากับของเหลวสีดำอันนั้น มันรู้สึกเหมือนกับร่างกายของผมโดนน้ำและถูกดูดเข้าไปอย่างรวดเร็ว สักพักผมก็รู้สึกเหมือนหายใจไม่ออกถึงแม้ว่าตอนนี้จะอยู่ในสภาพวิญญาณก็ตาม ในนี้มืดมาก ผมมองไม่เห็นอะไรสักอย่าง และเพียงอึดใจผมก็ก้าวเท้าไปมั่ว ๆ จนเห็นแสงสีแดงที่ส่องสว่างอยู่ตรงหน้าผมเลยรีบก้าวเท้าไปยังแสงตรงนั้น
ผมกะพริบตาถี่ ๆ อีกครั้งหลังจากก้าวท้าวเข้ามาในแสงสีแดง สิ่งที่ผมเห็นตอนนี้คือผมเดินออกมาจากกระจกที่เดิม กลับมาในห้องของแมทธิว สภาพทุกสิ่งอย่างในห้องยังคงเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เว้นแต่เพียงว่ามันกลับฉาบไปด้วยสีแดงเหมือนเลือด เหมือนเอาเลือดมาทาสีห้อง มองอะไรก็เป็นสีแดงไปทั้งหมด
“ชา มานี่ดิวะ” ไอ้แมทเรียกผม ผมหันไปมองตามเสียงก็พบว่ามันยืนคู่กับยูตะอยู่ที่ประตูห้อง
“ทำไมทุกอย่างมันเหมือนถูกทาด้วยเลือดไปหมดเลยวะ”
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่ที่รู้ ๆ คือในกระจกมันเหมือนข้างนอกทุกอย่าง เว้นแต่ว่าในนี้มันถูกฉาบด้วยสีแดงเหมือนเลือด” ไอ้แมทตอบผมกลับมา
“เราควรจะไปที่ร้านเหล้าที่แม่มดดำนั่นส่งพิมพ์มาใช่ไหม” ยูตะพูดขึ้นมาบ้าง ก็คงจะจริงอย่างที่ยูตะพูดเพราะเวลาพวกเราเข้ามาทางกระจกเรามาโผล่ที่เดิม ถ้าเป็นแบบเดียวกันวิญญาณของพิมพ์นาราก็ต้องอยู่ที่ร้านเหล้าที่พวกผมไปเมื่อคืนแน่นอน
“ใช่ครับ”
พวกเราสามคนเดินสำรวจออกจากคอนโดไอ้แมทลงลิฟต์มาจนถึงชั้นล่าง มันเหมือนโลกของเราทุกอย่าง ทั้งตึกราบ้านช่อง แต่ไม่มีคนอยู่เลยสักคน ที่สำคัญทุกอย่างถูกฉาบเหมือนทาสีไว้ด้วยเลือด แม้กระทั่งบนท้องฟ้าเมื่อผมมองขึ้นไป มันก็เป็นสีแดง
โชคดีที่พวกเราสามารถทำทุกอย่างได้เหมือนตอนอยู่นอกกระจก ทุกคนเพียงแค่คิดถึงสถานที่ที่ต้องการจะไป ร่างของพวกเราก็มาปรากฏอยู่ที่ด้านหน้าของร้านเหล้าแล้ว บอกตามตรงเลยถ้าผมอยู่คนเดียวก็คงจะหลอน เพราะมันดูไม่มีสิ่งมีชีวิตอะไรอยู่ที่นี่เลย เห็นแต่สีแดงเหมือนเลือดเต็มไปหมด
พี่ยูตะรีบวิ่งไปดูทางด้านหลังของร้านที่อยู่ในสภาพเดียวกันกับเมื่อคืนไม่มีผิด เศษกระจกแตกกระจายยังล่วงกองเกลื่อนอยู่ที่พื้น ผมและไอ้แมทก็ช่วยมองหาวิญญาณของพี่พิมพ์เหมือนกัน แต่เหมือนพี่ยูตะจะพบก่อนพวกเรา เพราะผมได้ยินเสียงร้องดังมาอีกทางหนึ่ง ทำให้ผมกับไอ้แมทรีบหันไปมอง
“พิมพ์ ! พิมพ์ ! อยู่นั่น” พี่ยูตะร้องออกมาอย่างดีใจเมื่อเห็นร่างของพิมพ์นารา ผมมองไปยังเธอที่อยู่ในสภาพตัวสั่นเทานั่งกอดเข่าอยู่ด้านข้างของร้านบริเวณเดียวกันกับที่เธอถูกส่งเข้ามา
“ยูตะ นายมาช่วยฉันจริง ๆ ด้วย” พิมพ์นาราพูดขึ้นเมื่อเห็นคนที่ปรากฏตัวขึ้นมา ร่างของเจ้าตัวรีบลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งไปโผกอดผู้เป็นสามีของตัวเอง
“พิมพ์เป็นไงบ้าง เป็นอะไรหรือเปล่า” ยูตะพูดอย่างร้อนรนพลิกตัวพิมพ์นาราไปมา เหมือนหาบาดแผล
“เปล่า ๆ พิมพ์ไม่เป็นอะไร” คนถูกถามตอบกลับมา
“โล่งอก” พูดจบพี่ยูตะก็ยิ้มกว้างออกมา
ว่าแล้วฉากที่พระเอกนางเอกเพิ่งรอดจากความตายในหนังฝรั่งก็ปรากฏขึ้นในสายตาของผมกับไอ้แมท เล่นเอาผมเห็นฉากสีแดงทั้งหมดกลายเป็นสีชมพูในทันที ทั้งคู่โผเข้าหากันก่อนกอดจูบกันอย่างดูดดื่ม
เฮ้ย ! ไม่ได้มีกันอยู่แค่สองคนนะเว้ย ลุง ป้า มีอีกสองคนยืนอยู่ตรงนี้โว้ย
“ไปเร็ว เรารีบออกไปจากที่นี่กันเถอะครับ” ไอ้แมทตะโกนขัดจังหวะสวีทหวานของทั้งคู่
“เราต้องกลับไปที่เดิมถูกปะ” พี่ยูตะถามไอ้แมท
“ใช่ครับ”
“พิมพ์จับมือฉันไว้นะ” ยูตะหันไปบอกกับพิมพ์นาราพร้อมดึงมือของเจ้าตัวมากุมไว้ เพราะพิมพ์นาราเองก็คงไปคอนโดไอ้แมทไม่ถูกเพราะไม่เคยเห็นภาพมาก่อน
“อื้ม”
ไม่นานร่างของยูตะกับพิมพ์นาราก็หายไป
“เป็นไรของมึง รีบไปดิ จะได้ออกไปจากกระจกนี่กัน ชักช้ามัวแต่คิดอะไรอยู่” ไอ้แมทหันมาถามผมเพราะว่าเห็นผมกำลังยืนเก้ ๆ กัง ๆ ไม่หายตัวไปยังคอนโดมันสักที การที่เราจะกลับออกไปได้นั้นคือต้องผ่านกระจกบานเดิมแบบที่ยูตะบอกนั่นแหละครับ
“เปล่า ๆ ไม่มีอะไร” ผมตอบไอ้แมทไป ไม่รู้ว่าผมคิดมากไปเองหรือเปล่า เพราะก่อนที่พี่ยูตะกับพี่พิมพ์จะหายตัวไป พี่พิมพ์หันมามองทางผม มันเป็นความรู้สึกที่ไม่ดีเอาซะเลย แววตาของพี่พิมพ์ดูน่ากลัวยังไงก็ไม่รู้ บอกไม่ถูก
และถ้าผมมองไม่ผิด ...
เธอกำลังแสยะยิ้ม ...
ทางด้านนอกของกระจก
ภายในห้องของคอนโดสุดหรู ร่างสามร่างกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ในวงของแท่งเทียนที่วางล้อมพวกเขาไว้เป็นวงกลม ตรงหน้าของทั้งสามร่างมีกระจกบานใหญ่ตั้งอยู่ บนกระจกถูกเขียนไว้ด้วยเลือดว่า Bloody Mary ซึ่งถ้าสังเกตดี ๆ บนตัวของกระจกตอนนี้ได้เกิดรอยร้าวขนาดใหญ่ขึ้นมาเป็นทางยาว จนดูเหมือนว่ามันกำลังจะแตกในอีกไม่ช้า ถึงแม้ว่าจะไม่มีแรงอะไรไปกระทำกับมันก็ตาม
และถ้ากระจกนี้แตก นั่นก็หมายความว่าวิญญาณของพวกเขาจะออกมาจากกระจกไม่ได้อีก
... ตลอดกาล