Phantom ร้ายก็รัก ตอนที่ 3
Phantom ร้ายก็รัก ตอนที่ 3
ทริปสวนสนุกวันนี้สำหรับผมแล้วช่างล่มไม่เป็นท่าเพราะทันทีที่ผมกับไอ้หินเดินไปสมทบกับอีกสองคนที่มาด้วยกันแล้ว แทนที่ปริมเธอจะผูกตัวเองติดกับพี่ดินไว้เหมือนอย่างตอนแรกแต่เธอกลับลากผมวิ่งหน้าตั้งไปยังเครื่องเล่นที่ผมเห็นด้วยท้องไส้มันปั่นป่วนวูบโหวงทันที
“ฝุ่น ปริมอยากเล่นอันนี้อะ ขึ้นไปเป็นเพื่อนหน่อยนะ”
“เอ่อ คือว่า…”
“พี่คะ ขอซื้อตั๋วสองใบค่ะ”
“…”
กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากเพราะมันจุกอยู่ที่คอหอยอาการมันตอนนี้คือกลืนก็ไม่เข้าจะคายก็ไม่ออกขาผมมันสั่นไปหมดเพราะไอ้เครื่องเล่นที่ปริมเลือกมันคือเครื่องทรมานและเครื่องฆาตกรรมผมโดยแท้ผม…กลัวความสูงและผมไม่ชอบเล่นอะไรหวาดเสียวพวกนี้
ผมกลัว…
“ฝุ่นไปกันได้ตั๋วแล้ว ปริมตื่นเต้นอยากเล่นมากเลย ปริมอยากเล่นมานานแล้วไอ้เจ้าสกายโคสเตอร์เนี่ย อยากรู้ว่าข้างบนมันจะสูงและลมเย็นแค่ไหน”
“ปะ ปริม ดะ เดี๋ยว คะ คือฝุ่น…”
เธอไม่ฟังผมเลยนอกจากฉุดกระชากลากผมไปยังเครื่องเล่นที่ว่าขาที่สั่นๆ ของผมมันก็ก้าวตามเธอไปอย่างยากลำบากแต่เพราะแรงดึงของเธอทำให้ผมแทบจะไม่ได้เดินเองเลย ตอนนี้ตัวผมเหมือนลอยได้เลย
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด สนุกจังเลยยยยย โห…ข้างล่างคนตัวเท่ามดเลยฝุ่น ฝุ่นดูสิ ฮ่าๆ”
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก ไม่เอาไม่ดู ไม่อยากเล่นแล้ว ฝุ่นอยากลง”
“ลงได้ที่ไหนกันล่ะ ยังไม่ถึงรอบเลยนะ”
“ไม่เอาแล้วววววววว อ๊ากกกกกกกกกก”
กว่าจะหมดรอบผมแทบอ้วกพุ่ง ขาไม่มีแม้แต่แรงจะเดินยังดีที่ปริมลากผมลงมาด้วยสีหน้าสมเพชเวทนาที่สภาพผมยับเยินเกินคน
หน้าผมซีดยิ่งกว่าไก่ต้มไหว้เจ้าตอนตรุษจีนซะอีก ขาผมก็แทบไม่มีแรง มือไม้ก็สั่น ใจสั่นเต้นโครมครามเพราะความกลัวและตอนนี้ผมเหมือนจะเป็น…ลม
“เฮ้ย!”
“ไอ้ฝุ่น!”
“ว้าย!”
“…”
นั่นคือเสียงสุดท้ายที่ผมได้ยินก่อนที่สติจะเลือนหายไปรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มีอะไรเย็นๆ นาบที่แก้มกับซอกคอและมีกลิ่นหอมๆ เหมือนยาดมที่จ่ออยู่ตรงจมูกนี่แหละ
“เป็นยังไงบ้าง ลุกไหวไหม”
“วะ ไหวครับ”
รับคำพร้อมทำตาปริบๆ ผมถูกพี่ดินพยุงให้ลุกนั่งดีๆ แต่ไอ้อาการคลื่นเหียนอยากอาเจียนก็โจมตีผมทันทีผมเลยต้องรีบตะครุบปิดปากตัวเองไว้เพราะกลัวว่าอ้วกมันจะพุ่งออกมาให้ขายขี้หน้าตัวเองไปมากกว่านี้
“ถุงๆ ไอ้ฝุ่น อ้วกใส่ถุงนี่”
“…”
อยากจะอ้วกให้ตายแค่ไหนผมก็ต้องส่ายหน้าดิ๊กๆ ปฏิเสธเพราะอายถ้าจะอ้วกตรงกลางฝูงชนที่ล้อมผมอยู่สามคนนี้ พี่ดินที่ประคองผมอยู่ข้างๆ ไอ้หินที่ถือถุงพลาสติกมีหูหิ้วรอผมอยู่ตรงหน้าสงสัยมันวิ่งไปขอจากร้านค้าแถวนี้มาและอีกคนที่นั่งทำหน้างอมองผมอย่างไม่พอใจอยู่ข้างๆ พี่ชายตัวเอง
“อยากอ้วกก็อ้วกจะฝืนตัวเองทำไมเดี๋ยวก็ไม่สบายหนักกันพอดี”
“อึก ผะ ผม มะ ไม่ โอกกกกกกกกกกกกก” หมดกัน
ผมอ้วกออกมาจนได้แถมยังตรงเป้าเข้าปากถุงที่ไอ้หินยื่นมารออย่างตรงเผงอีกต่างหาก ผมอ้วกออกมาแทบหมดไส้หมดพุงโดยมีพี่ดินคอยลูบหลังให้ หมดแล้วสภาพผมผมอ้วกจนหมดแรงไม่มีแม้แต่แรงจะเดิน
“จิบน้ำก่อนมึง เล่นไม่ได้ทำไมไม่บอกปริมวะ”
“…”
“สำออย”
“ปริม! นิสัยเสียอีกแล้วนะ”
“…”
“พี่ดินว่าปริมทำไมคะ ที่ปริมพูดมันไม่จริงหรือไงก็เพื่อนลูกหินอะสำออย กะอีแค่เครื่องเล่นลอยฟ้าเองไม่เห็นจะน่ากลัวน่าเวียนหัวตรงไหน”
“ก็คนเขาไม่ชอบ ทำไมปริมไม่ถามฝุ่นเขาก่อนว่าเขาเล่นได้ไหม”
“ปริมถามแล้ว แต่เขาไม่เห็นพูดอะไรนี่คะ”
“ขะ ขอโทษครับ ผมผิดเอง”
เพราะอยากยุติความบาดหมางของพี่ดินกับปริมและก่อนที่ไอ้หินจะร่วมแจมอีกคนผมเลยต้องพูดคำว่าขอโทษออกมาแม้ว่าคนผิดจะเป็นปริมที่อยากเล่นอะไรตามอำเภอใจแต่ผมเองก็ผิดที่ไม่ห้ามเธอจนตัวเองต้องมาลำบากแบบนี้แต่ผมก็ขอยอมรับความผิดนั้นไว้เอง
“เหอะ พี่ดินเห็นไหมคะว่าเขาไม่เป็นอะไร งั้นปริมไปเล่นเฮอริเคนต่อนะคะแล้วปริมจะโทรหาถ้าปริมเล่นเครื่องเล่นจนเบื่อแล้ว” พูดจบปริมก็เดินกระแทกกระทั้นไปยังเครื่องเล่นที่เธอว่า
ผมที่อาการเริ่มดีขึ้นมาบ้างแล้วได้แต่ผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ
“พี่ต้องขอโทษแทนปริมด้วยนะ ถูกเอาใจจนเคยตัว” พี่ดินว่าเสียงเรียบ
“นิสัยเสียสิไม่ว่า” แล้วไอ้หินก็พูดเสียงเหนื่อยใจ
“ช่างเถอะ ผมมากกว่าที่ต้องขอโทษ ที่ทำให้ทุกคนพลอยหมดสนุกไปด้วยเลย” ผมว่าพลางพยุงตัวเองลุกนั่งดีๆ ความจริงก็ไม่ได้อยากจะลุกสักเท่าไหร่หรอกครับการพิงพี่ดินไว้แบบนี้ก็รู้สึกดีไปอีกแบบ
“ความจริงไม่ต้องรีบลุกก็ได้นะ” พี่ดินว่าเสียงเรียบขณะที่ช่วยพยุงผมและนั่นมันทำให้ผมคิ้วขมวดพร้อมๆ กับใจที่จู่ๆ มันก็กระตุกวูบแค่เพราะเสียงพี่เขาดังอยู่ใกล้ๆ หู
“นั่นสิ กูว่ามึงนั่งพักอีกสักหน่อยก็ได้รีบลุกเดี๋ยวก็อ้วกอีก” ไอ้หินว่าพร้อมสีหน้าแววตาเป็นห่วงที่มองมา ผมเลยยิ้มให้มันน้อยๆ ก่อนจะโบกมือไปมา
“กูโอเคแล้ว” บอกไอ้หินแล้วผมก็หันไปพูดกับพี่ดินต่อ “ขอบคุณครับ ผมโอเคขึ้นแล้ว”
พี่ดินพยักหน้ารับแล้วปล่อยมือที่ช่วยพยุงผม ผมรู้สึกเสียดายมืออุ่นๆ คู่นั้นอยู่ไม่น้อยแต่ก็ไม่อาจเอ่ยปากได้เพราะว่าผมไม่มีสิทธิ์ เพราะว่าผมแค่แอบปลื้มพี่เขาและอาจจะอยากอยู่ใกล้พี่เขาแต่ผมก็ควรจะห้ามใจตัวเองเพราะถ้าหากว่าพี่เขารู้ว่าผมคิดไม่ดีกับเขาพี่เขาอาจจะเกลียดและไม่อยากให้ผมอยู่ใกล้ก็ได้
“โอเคแน่นะมึง ไม่ใช่อ้วกออกมาอีกนะ” ไอ้หินว่าเสียงเครียดทำให้ผมหันไปจ้องหน้ามันตรงๆ แล้วมันก็ยิ้มแหยกลับมา “ไม่ใช่อะไรหรอก กูแค่กลัวมึงจะอ้วกจนหมดไส้หมดพุง นี่กูไม่ได้รังเกียจที่จะถือถุงรอให้มึงอ้วกใส่หรอกนะ”
“อืม ขอบใจ” พูดได้แค่นั้นจริงๆ เพราะไม่รู้จะพูดอะไรอีกตอนนี้ความอายมันกำลังทำหน้าที่ของมันจนผมรู้สึกว่าตัวเองหน้าร้อนจนต้องเดินออกมาจากตรงนั้น
“ไอ้ฝุ่นรอด้วย”
ผมหยุดเดินก่อนจะหันกลับไปมองยังเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของตัวเองก็เห็นไอ้หินเดินยิ้มกว้างเข้ามาหาพร้อมกับแขนหนักๆ ของมันที่วางพาดลงบนไหล่ของผมส่วนพี่ดินก็เดินมายืนอยู่ข้างผมแต่ตาพี่เขาไม่ได้มองผมผมเลยต้องมองตามสายตาคมนั่นก่อนจะไปหยุดอยู่ที่บ้านยักษ์
“ไม่น่า…” ท่ามกลางความเงียบของเราสามคนเสียงไอ้หินก็ดังขึ้นมาอย่างลอยๆ
“เข้าบ้านยักษ์กัน”
“หา?!” ทันทีที่พี่ดินบอกผมกับไอ้หินก็ร้องออกมาแทบจะเป็นเสียงเดียวกัน
ผมประหลาดใจกับการที่พี่ดินจะเข้าบ้านยักษ์ส่วนไอ้หินมันคงไม่อยากจะเข้าเพราะดูจากหน้ามันที่เหมือนกำลังจะร้องไห้อยู่ในตอนนี้
“ตกใจอะไรกัน เคยมากันแล้วเหรอ” พี่ดินถามเราสองคนที่ยืนทำหน้าเอ๋ออยู่
“จะเคยได้ไงล่ะ มาแต่ละทีก็เล่นแต่เครื่องเล่นโลดโผน” ไอ้หินตอบพี่ชายตัวเองเสียงเรียบส่วนผมส่ายหน้าเป็นคำตอบเพราะไม่เคยได้มานี่ก็เพิ่งจะมาครั้งแรกเหมือนกัน
“นี่อย่าบอกนะว่าไม่เคยมา” พี่ดินถามผมทำให้ผมต้องพยักหน้ารับ “ดีเลย งั้นเข้าไปเป็นเพื่อนพี่หน่อย ลูกหินมันไม่เข้าก็ให้มันรออยู่ข้างนอกหรือถ้าไม่อยากรอก็ไปหาเครื่องเล่นรอก็แล้วกัน” พูดแค่นั้นพี่ดินก็ลากผมให้เดินตามไปอย่างงงๆ
“อ้าว เฮ้ยพี่ดินเดี๋ยวดิ ไอ้ฝุ่นอย่าทิ้งกูไว้คนเดียว”
เสียงแว่วๆ ของไอ้หินทำให้ผมหันไปมองแต่เจ้าของเสียงไม่ยักจะเดินตามมานอกจากยืนนิ่งอยู่ที่เดิมพร้อมคิ้วที่ขมวดของมัน
กว่าจะกลับมาถึงบ้านก็มืดแล้วไม่ใช่เพราะผมหรือไอ้หินมัวแต่เล่นสนุกจนเพลินหากแต่ว่าปริมไม่ยอมเลิกเล่นจนพี่ดินต้องยื่นคำขาดปริมถึงได้ทำหน้างอคอหักตั้งแต่ออกมาจากสวนสนุกจนกระทั่งรถมาจอดอยู่หน้าบ้านผม
“ขอบคุณที่มาส่งนะครับ” ผมบอกพี่ดินก่อนจะเปิดประตูลงจากรถแล้วไปเคาะกระจกรถฝั่งไอ้หิน “เจอกันที่โรงเรียนนะ”
“อืม เจอกันที่โรงเรียนพักผ่อนเยอะๆ นะมึงหน้าซีดหมดแล้ว”
“อืม ขอบใจกลับดีๆ นะ”
ผมรอส่งจนกระทั่งพี่ดินเคลื่อนรถออกไปจนลับสายตาก่อนจะเดินเข้าบ้านด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม ไม่รู้หรอกว่ายิ้มทำไมแต่ว่าผมหุบยิ้มไม่ได้เลยจริงๆ