บทที่ 32: บอสระดับรีเจนดารีตัวจริง
ก่อนวันที่เขาจะมุ่งหน้าไปยังเมืองบลูมูน
วิลเลียมใช้มิทริลเพื่อเพิ่มระดับให้กับเกราะชั้นในระดับอีปิคของเขา
ประสิทธิภาพนั้นเห็นได้อย่างชัดเจน เกราะชั้นในของเขาแข็งแกร่งขึ้นในทุกๆด้าน
พรแห่งความรัก
คุณภาพ: อีปิค
ประเภท: อุปกรณ์ป้องกันอย่างหนึ่งที่สามารถเจริญเติบโตได้
ส่วนประกอบ: มิทริล,ใบไม้จากต้นเวิลด์หนึ่งใบ, ผงทอง และอื่นๆ อีกมากมาย
ผู้สร้าง: อลิซ แบล็คลีฟ
พลังชีวิต: +600
ความแข็งแกร่ง (สเตมินา): +200
ค่าพลังโจมตี: +10
ค่าความแข็งแรงทางกายภาพ: +15
ค่าความว่องไว: +12
ค่าสติปัญญา: +8
ความทนทาน: 780/780
น้ำหนัก: 0.3 กิโลกรัม
การป้องกัน: ภายในพื้นที่ที่ป้องกันโดยชุดเกราะชั้นใน ค่าการถูกโจมตีจะลดลง 210 แต้ม มันจะไม่สามารถทำอันตรายแก่ชุดเกราะชั้นในและผู้ใช้ได้ หากใช้งานเป็นเวลานานเกินไป อาจมีผลกระทบต่อความเสียหายและความทนทานจะลดลง
การป้องกันธาตุ (แฝง) : การโจมตีโดยธาตุใดๆ จะถูกลดลงโดย 15%
พรแห่งความรัก (แฝง) : เมื่อพลังชีวิตของผู้ใช้ต่ำกว่า 10% ผู้ใช้จะได้รับ[พรแห่งความรัก] และได้รับแต้มพลังชีวิตคืนทันที 60% ระยะเวลาคูลดาวน์คือ 25 นาที
ข้อจำเป็นในการใช้: วิลเลียม แบล็คลีฟ
ข้อจำเป็นในการใช้: ค่าพละกำลัง 40 แต้ม
ข้อจำเป็นในการเจริญเติบโต: ใส่มิทริลและแร่ทองคำอย่างละหนึ่งกิโลกรัมลงในชุดเกราะชั้นใน จากนั้นมันจะดูดซึมและเจริญเติบโตโดยอัตโนมัติ
ข้อมูล: นี่คือเกราะชั้นในที่แม่ทำขึ้นเพื่อลูกของเธอเป็นการส่วนตัว สิ่งนี้ไม่เพียงแต่แสดงถึงความรักของแม่ที่ยิ่งใหญ่ แต่ยังมีพรที่อบอุ่นของแม่ที่จะโอบกอดชุดเกราะนี้อีกด้วย!
“ฮู้~” วิลเลียมผิวปากเบาๆ มิทริลที่สูญเสียประกายของตนเองไป กลายเป็นละอองสีเงินและค่อยๆหายไปอย่างช้าๆ
เกราะชั้นในที่เปล่งแสงสีม่วงจางๆไม่ได้หนักขึ้นเลย มันยังคงหนักเพียง 0.3 กิโลกรัม
ความจริงแล้วการเปลี่ยนแปลงด้านน้ำหนักนั้นไม่ได้สร้างความแตกต่างอะไรให้กับวิลเลียมมากนัก แต่สำหรับการเติบโตของเกราะชั้นในระดับอีปิค ค่าสถานะของมันแข็งแกร่งมากขึ้นจริงๆ
ทักษะแฝงของมันมีเพียงสองอย่างเท่านั้น
แต่ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันธาตุหรือพรแห่งความรัก มันก็เป็นทักษะที่หายากและจะมีความสำคัญมากกว่าในช่วงท้ายของเกม
มันเป็นเรื่องที่หาได้ยากที่จะได้เผชิญหน้ากับผู้วิเศษ เนื่องจากผู้วิเศษยังไม่ได้แข็งแกร่งมาก ในตอนนี้พวกเขาถูกพิจารณาว่ายังไม่ค่อยมีความสำคัญมากเท่าใดนัก
แต่ในอนาคต พวกเขาจะกลายเป็นปืนใหญ่เวทมนตร์ที่เดินได้…
หากไม่มีการป้องกันธาตุหรือการทำให้ธาตุอ่อนแอลง ผู้เล่นอาจจะตายหรือบาดเจ็บสาหัสได้
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ [การป้องกันธาตุ] จะลดความเสียหายจากทุกธาตุ แม้ว่ามันจะไม่ได้ต้านการโจมตีทางเวทย์ประเภทอื่นๆมากเท่าใดนัก แต่มันก็ยังคงสำคัญมากอยู่ดี
นอกเหนือจากจะลดความเสียหายจากผู้วิเศษแล้ว มันยังลดความเสียหายจากการต่อสู้ระยะประชิดได้อีกด้วย แม้ว่าโดยรวมแล้วจะยังไม่สามารถเทียบกับพ่อมดได้ แต่มันก็สามารถป้องกันกระบวนท่าบางท่าจากการโจมตีในระยะประชิดได้
“ความเชี่ยวชาญแรกในเลเวล 10 คือการเรียนรู้พลังการต่อสู้และกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับเริ่มต้น”
“ความเชี่ยวชาญที่สองจะมีในเลเวล 40 และผู้เชี่ยวชาญจะกระตุ้นค่าสถานะ, รวมถึงโลหะ, ไม้, น้ำ, ไฟ, ดิน, ลม, สายฟ้า, และอื่นๆอีก...”
“แต่ในเวลาและสถานที่แห่งนี้ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับมัน เว้นแต่ว่าพวกเขาจะเป็น NPC ที่มีบทบาทสำคัญหรือไม่ก็เป็นเทพในเทพอีกที” วิลเลียมเลิกคิ้ว ตอนนี้เขาไม่ได้เร่งรีบที่จะอัพเลเวล
แม้ว่าเขาจะสร้างและขยายเมือง เขาก็ยังคงสามารถได้รับภารกิจประจำวันในอาณาเขตได้อยู่
รวมถึงภารกิจการกำจัดหมาป่าตัวน้อยในละแวกใกล้เคียง ช่วยผู้สูงอายุส่งจดหมาย...อะแฮ่ม ภารกิจพวกนี้มันจะไปมีได้ยังไงกันเล่า
แต่ถึงจะมี ในฐานะลอร์ด เขาก็ไม่จำเป็นต้องลดตัวลงไปทำอะไรเช่นนั้น! ไม่มีวัน!
อย่างไรก็ตาม เขายังสามารถทำภารกิจที่มีค่าประสบการณ์นับล้านได้อยู่ เนื่องจากอาณาเขตกำลังอยู่ในช่วงพัฒนา จึงมีภารกิจให้ทำอย่างมากมาย
แต่วิลเลียมก็ยังไม่ได้ต้องการที่จะเพิ่มเลเวลของตนเองเพราะเขายังไม่มีอาชีพย่อย
Gods ไม่เคยจำกัดจำนวนอาชีพย่อยที่ผู้เล่นมี และจะไม่จำกัดประเภทของอาชีพย่อยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นอาชีพสำหรับดำรงชีวิตหรืออาชีพสำหรับการต่อสู้ก็ไม่ได้ถูกจำกัดเช่นกัน
คุณสามารถเลือกที่จะเป็นนักรบแล้วมีอาชีพย่อยเป็นผู้วิเศษ, นักธนู, นักแม่นปืน, ผู้อัญเชิญ และอื่นๆได้…
จากนั้น…
คุณก็จะลบแอคเคาท์แล้วกลับไปเริ่มต้นใหม่…
เพราะทุกๆการเพิ่มอาชีพย่อยด้านการต่อสู้ ค่าประสบการณ์ที่ใช้สำหรับเลื่อนระดับจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก เว้นแต่ว่าผู้เล่นจะไม่เพิ่มระดับให้กับอาชีพย่อย แต่นั่นก็จะทำให้การมีอาชีพย่อยนั้นไร้ประโยชน์เสียเปล่า…
อย่างไรก็ตาม ทุกๆการเพิ่มอาชีพย่อยด้านการต่อสู้ ความยากของภารกิจเฉพาะทางจะเพิ่มขึ้นสองเท่าเช่นกัน นั่นคือสิ่งที่ได้รับ
อีกอย่าง คุณสามารถฝึกความเชี่ยวชาญต่อได้ก็ต่อเมื่อหลังจากที่เติมแต้มจากคำภีร์ของอาชีพหลักและอาชีพเสริมจนครบแล้วเท่านั้น นั่นหมายความว่าเมื่อเพิ่มอาชีพเสริมอันใหม่ ค่าประสบการณ์ที่ต้องใช้สำหรับเพิ่มเลเวลก็จะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ถ้าพวกเขาไม่สามารถที่จะเพิ่มเลเวลได้ พวกเขาก็ไม่อาจเพิ่มระดับความสามารถของพวกเขาได้เช่นกัน
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผู้เล่นอันดับต้นๆและผู้เล่นมืออาชีพที่มีทักษะและรู้จักเกมดีพอถึงเลือกอาชีพย่อยเป็นสายต่อสู้ทั้งหมด
นั่นเป็นเพราะความต้องการค่าประสบการณ์ที่มากกว่าและความยากลำบากจากการเป็นผู้เชี่ยวชาญจะไม่ทำให้พวกเขาตกจากตำแหน่งระดับท็อป
สำหรับอาชีพสายต่อสู้สองสไตล์ หากทั้งสองมีความเข้ากันได้ก็จะเกิดเป็นทักษะใหม่ๆออกมา และถ้าหากพวกเขาสามารถนำไปประสานกับทักษะอื่นๆได้ดียิ่งขึ้น ก็อาจสรุปได้ว่าคนๆนั้นจะมีสไตล์การเล่นที่แตกต่างออกไป
เพียงเพราะมีอาชีพย่อยจำนวนมาก มันก็ยังทำให้สังเวียนการต่อสู้ของเกมค่อยๆ กลายเป็นสังเวียนการต่อสู้ที่มั่งคั่งที่สุดในด้านนี้
แต่มันก็เป็นเพราะจำนวนของอาชีพย่อยเช่นกัน ที่ทำให้ไม่มีใครสามารถไปยืนที่จุดสูงสุดของสังเวียนการต่อสู้ได้
อย่างไรก็ตาม ถ้าพวกเขาเป็นผู้เล่นธรรมดา โดยปกติแล้วพวกเขาจะเลือกอาชีพเสริมสายเลี้ยงชีพเท่านั้น ที่สุดแล้ว นี่เป็นตัวเลือกสำหรับผู้เล่นที่ไม่มีเงินหรือคนที่เล่นไม่เก่ง ถ้าพวกเขาต้องอธิบาย ก็จะมีเพียงน้ำตาเท่านั้น…
ในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา วิลเลียมเลือกที่จะเป็นนักรบสำหรับอาชีพหลัก ในขณะที่อาชีพเสริมของเขาคือนักสะสม สำหรับทักษะการยิงธนูของเขานั้น เขาเรียนรู้มันมาจากที่อื่น
แม้ว่าในที่สุดเขาจะกลายเป็นมืออาชีพระดับรีเจนดารี เขาก็ยังไม่ใช่คนที่เก่งที่สุดอยู่ดี
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมครั้งนี้ เขาถึงอยากให้อาชีพเสริมของเขาเป็นสายเวทย์
อย่างไรก็ตาม อาชีพสายเวทย์นั้นยากที่จะเรียนรู้ พวกมันยากแบบที่ว่าโครตของโครตยากในการที่จะเรียนรู้มัน
แม้ว่าเขาไม่อยากรอให้ถึงระยะกระตุ้นที่เลเวล 40 ในการที่จะเรียนรู้เวทมนต์ จุดสำคัญคือเขาหาผู้สอนเวทมนตร์ที่ว่านั่นไม่เจอเลย…
ในตอนแรกเขาอยากจะไปที่เมืองดาร์คไนท์เพื่อใช้เส้นสายของเขาในการดูว่าจะมีใครที่เขาสามารถไปเรียนรู้เวทมนต์ด้วยได้บ้างไหม อย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยคิดเลยว่าคนที่จะสามารถสอนอาชีพเสริมนี้ให้กับเขาได้จะอยู่ในเมืองชายแดน!
โมเสส!
โมเสส โฮลีเวนน์ ผู้หาเลี้ยงตัวเองด้วยการทำนายอนาคตอยู่ในเมืองและสามารถทำทุกอย่างให้เป็นไปได้โดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย
“ในเมืองแห่งนี้ ช่างตีเหล็กเช่น ตาแก่แฮงค์ และนักล่าอย่างเอริคและลูกชายของเขา ทั้งหมดนี้มีสายเลือดระดับอีปิค ตอนนี้พวกเขาน่าจะอยู่ที่ประมาณเลเวล 40 และเป็น NPC ที่มีอาชีพลับ พวกเขาแข็งแกร่งมาก แต่ก็ไม่ได้แข็งแกร่งที่สุด!” วิลเลียมมีความทรงจำที่ชัดเจนเกี่ยวกับทั้งสามคน
“และสำหรับนักรบศักดิ์สิทธิ์ระดับอีปิคผู้ใช้ค้อน อาชีพเสริมของตาแก่แฮงค์คือช่างตีเหล็ก เขาไม่ได้มีแค่ทักษะกวัดแกว่งดาบที่เทียบเทียมกับคนแคระได้เท่านั้น แต่เขายังมีตัวตนลึกลับสุดประหลาดซ่อนอยู่อีกด้วย”
หลังจากที่เมืองชายแดนถูกยึดครองโดยอาณาจักรเหล็ก ตาแก่แฮงค์ก็ยังคงอยู่ฝ่ายกลางอย่างสบายๆ หลังจากนั้น เขาก็ออกจากอาณาจักรเหล็กและเปิดร้านตีเหล็กที่มีคุณภาพมากๆ แห่งหนึ่ง
วิลเลียมยังคงจำได้ว่าเขาเคยสั่งจองอาวุธชิ้นหนึ่งล่วงหน้า แต่เขาก็ไม่ได้รับมันจนกระทั่งปีที่สองของเบต้าที่เปิดให้เล่น…
ดังนั้น เขาจึงขายอาวุธอันนั้นให้กับผู้เล่นใหม่ที่ร่ำรวยคนหนึ่งไปอย่างลวกๆ และได้รับเงินจากมันมากโขเลยทีเดียว
“สำหรับนักล่านั่น เอริคเป็นทหารพรานดาร์คชาโดว์ ในขณะที่ลูกชายของเขาเป็นนักฆ่าดาร์คชาโดว์ พวกเขาทั้งสองเป็นผู้โชคร้ายที่หนีออกมาจากกลุ่มนักฆ่าดาร์คชาโดว์
“หลังจากที่พวกเขาออกจากเมืองชายแดน พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับองค์กรดาร์คชาโดว์อยู่เป็นครั้งคราว หลังจากที่สังหารนักฆ่าหลายคนที่มาเพื่อลอบสังหารพวกเขา ชื่อเสียงของพวกเขาก็โด่งดังเป็นที่รู้จักมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามด้วยเหตุใดเหตุหนึ่งพวกเขาก็หายตัวไปและไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาไปซ่อนตัวอีกครั้งหรือว่าพวกเขาถูกฆ่าไปแล้ว
“อย่างไรก็ตาม เรื่องพวกนี้ก็ไม่ได้พิเศษอะไร ไม่เคยมีคนไร้ความสามารถบนทวีปแห่งนี้อยู่แล้ว อัจฉริยะล้าหลังมีอยู่ให้เห็นร่ำไป จากคำพูดของผู้เล่น เหล่าผู้ที่มีระดับรีเจนดารีนั้นมีให้เห็นกันอยู่ทุกที่ในขณะที่ระดับอีปิคนั้นไม่มีความพิเศษอะไร…”
“แน่นอน ตราบใดที่พวกเขามีอาชีพลับและอุปกรณ์ที่ดี พวกเขาก็จะแข็งแกร่งอยู่แล้วและจะไม่ถูกมองว่าเป็นพวกอ่อนแอ
“อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับโมเสสผู้วิเศษรอบด้าน พวกเขานั้นเทียบไม่ติดเลย!” วิลเลียมระบายออกมา
โมเสส
หนึ่งในผู้สืบทอดที่จะเป็นประมุขแห่งวิหารเวทมนต์!
ผู้ติดตามของนักเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่!
ชายผู้ทรยศพระเจ้า!
ผู้วิเศษรอบด้าน!
แผนที่เดินได้!
“เลเวลของชายคนนี้ต้องอยู่เหนือกว่าลิมิตสูงสุดของเวอร์ชั่นเกมอย่างไม่ต้องสงสัย” วิลเลียมแอบพูดไม่ออก สำหรับผู้ติดตามของประมุขแห่งวิหารเวทมนต์แล้ว โมเสสจะต้องมีสายเลือดรีเจนดารีอย่างแน่นอน พรสวรรค์และความสามารถติดตัวของเขาเหนือกว่าคนอื่นๆ
อีกอย่าง แน่นอนว่ามันไม่ใช่ความสามารถติดตัวอย่าง ‘การเป็นคนดูดี’...
มันอาจจะเป็นเพราะเขามีความสามารถติดตัวอันเยี่ยมยอดที่คล้ายคลึงกับความสามารถติดตัวอย่าง ‘ผู้วิเศษศักดิ์สิทธิ์’ ตั้งแต่เขาเกิด ความโชคดีของเขาจึงท่วมท้นและเป็นที่สุดแห่งที่สุด
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขานั้นฉลาดรอบรู้ในเวทมนต์ทุกสาขาและแถมยังทรงพลังยิ่งกว่าอาจารย์ของเขาอีก
รอบด้านหมายถึงอะไรงั้นหรอ?
ธาตุ: โลหะ, ไม้, น้ำ, ไฟ, น้ำแข็ง, ดิน, ลม และสายฟ้า
มิติ: เวลาและสถานที่
ความลึกลับ: แสงอันศักดิ์สิทธิ์และความมืด
จิต: จิตวิญญาณและพลังจิต
อื่นๆ: การอัญเชิญ, จิตวิญญาณแห่งความตาย, นิมิต และอีกมากมาย
พูดสั้นๆ ว่ามีแต่เวทมนต์ที่คุณไม่อาจจินตนาการได้และไม่มีอันไหนเลยที่เขาไม่รู้…
ถูกต้องแล้ว
เขาทรงพลังขนาดนั้นเลยล่ะ
“อย่างไรก็ตาม ผู้ชายที่กล้าลีกหนีและกล้าคัดค้านการมีอยู่ของวิหารเวทมนต์จะต้องจบลงอย่างน่าเศร้า…” วิลเลียมอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
“ฉันสงสัยว่าพ่อของฉันแข็งแกร่งขนาดไหนกันถึงทำให้ชายคนนี้มายังที่แห่งนี้และซ่อนตัวอยู่ที่นี่” วิลเลียมเกาหัว ไม่ว่าจะคิดยังไง เขายอมตายดีกว่าที่จะเชื่อว่าคนระดับนี้จะต้องการความคุ้มครองจากพ่อเขา
เพราะโมเสสนั้นเป็นตำนานตัวจริง
เขาเป็นระดับตำนานคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงไปทั่วทั้งสามจักรวรรดิ
“เฮ้ แต่นั่นน่าจะเป็นโมเสสภาคหลัง เขาไม่น่าจะเป็นผู้วิเศษในตำนานตอนนี้ ใช่มั้ย?”
วิลเลียมลูบคางของเขาในขณะที่จมลงสู่ความคิด
รอยยิ้มของท่านลอร์ดค่อยๆ ฉายแววความบ้าอย่างไม่รู้ตัว…