บทที่ 280 แม่มดผู้ไร้เทียมทาน
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ : แปลได้แล้ว
“อย่าถามข้าเลย เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่รู้ บางที… คงมีเพียงเจียงเปี๋ยหลีและสุ่ยโย่วหลานเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้”
เจียงหยุนไฮ่ส่ายหัวพลางถอนหายใจด้วยความโศกเศร้า “จิตสังหารของท่านแม่ของท่านนั้นรุนแรงมาก แม้แต่วิธีการของนางก็โหดเหี้ยมมากเช่นกัน ใครก็ตามที่กล้ายั่วยุนาง คนพวกนั้นจะถูกสังหารทันที”
“ในตอนนั้น นายหญิงได้สร้างความวุ่นวายไปทั่วทั้งทวีป มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ยอดฝีมือขอบเขตจินกังเกือบถูกนางสังหาร แต่หลังจากที่นางได้อยู่ร่วมกับเจียงเปี๋ยหลี นางก็สงวนท่าทีไปมาก เรื่องเหล่านี้เป็นที่รู้กันดีในหมู่ผู้เชี่ยวชาญรุ่นก่อน”
“ในสมัยนั้น ท่านจอมพลรุ่นก่อนให้การสนับสนุนทายาทคนโตของเขา แม้ว่าเจียงเปี๋ยหลีจะเป็นทายาทที่มีพรสวรรค์และฉลาดล้ำเลิศ แต่เขาก็เป็นเพียงบุตรที่เกิดจากหญิงสามัญซึ่งไร้ชาติตระกูล ในขณะที่มารดาของทายาทคนโตเป็นถึงองค์หญิง”
“ความตั้งใจที่จะให้ทายาทคนโตสืบทอดตำแหน่งทางการทหารในครั้งนั้นทำให้เจียงเปี๋ยหลีเสียใจและรู้สึกหดหู่อยู่หลายวัน”
“แต่ในคืนก่อนพิธีมอบตำแหน่ง นายหญิงก็บุกเข้าไปในตำหนักของทายาทคนโตและสังหารทุกคนที่อยู่ในนั้น! เรื่องนี้เองที่ทำให้ท่านจอมพลรุ่นก่อนโกรธแค้นอย่างถึงที่สุดและสาปแช่งนางในฐานะแม่มด และยังสั่งให้เจียงเปี๋ยหลีลงมือสังหารนางด้วยตัวเอง!”
“แม้ว่าเจียงเปี๋ยหลีจะถูกผู้เป็นพ่อบังคับให้ทำ แต่ตัวเขาเองก็รู้สึกไม่พอใจต่อสิ่งที่นายหญิงทำด้วยเช่นกัน ที่น่าสงสารก็คือ ทุกครั้งที่เจียงเปี๋ยหลีลงมือทำร้ายนาง นางก็จะยืนอยู่อย่างนั้นและปล่อยให้เขาลงมือได้ตามใจจนใจที่สุดนางก็บาดเจ็บสาหัส”
“หลังจากนั้น นายหญิงก็หลบหนีออกมา แต่ไม่นานนักนางก็พบว่าตัวเองตั้งครรภ์ ในเวลาต่อมานางก็ไปถึงเมืองเล็กๆเมืองหนึ่งเพื่อให้กำเนิดท่าน”
“หนึ่งปีให้หลัง นายหญิงก็พาตัวเสี่ยวนู๋มาก่อนที่จะสิ้นใจเพราะทุกข์ระทม เรื่องหลังจากนั้นก็เป็นอย่างที่ท่านรู้…”
“แม่ของท่านอาจจะโหดเหี้ยมและไร้ปรานีกับศัตรู แต่ข้ารู้ดีว่านางนั้นเป็นคนที่มีจิตใจเมตตาและไม่เคยหาเรื่องใครก่อน นางมักจะใส่ใจและปฏิบัติกับบ่าวในตำหนักจอมพลเป็นอย่างดีเสมอ”
“นายหญิงได้มอบความรักอันลึกซึ้งให้กับเจียงเปี๋ยหลีจนถึงขั้นที่สามารถสังหารทุกคนในโลกเพื่อเขาได้”
“ย้อนกลับไปในตอนที่นายหญิงลงมือสังหารทายาทคนโตของจอมพลรุ่นก่อน มันก็เป็นเพราะว่าตอนนั้นนางตระหนักได้ว่าชายผู้นั้นกำลังวางแผนลอบสังหารเจียงเปี๋ยหลีเพื่อที่จะทำให้ตำแหน่งจอมพลของตนนั้นมั่นคง”
“แต่นางหญิงกลับไม่คาดฝันมาก่อนว่าสิ่งที่นางทำเพื่อเขาจะทำให้เขาโกรธแค้นนางและพยายามที่จะสังหารนาง…”
“ข้าจะไม่มีวันลืมถึงความอยุติธรรมที่นายหญิงได้รับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกระทำอันโหดเหี้ยมของเจียงเปี๋ยหลี…!!”
“ใต้เท้าน้อย แม่ของท่านช่วยชีวิตเจียงเปี๋ยหลีไว้นับครั้งไม่ถ้วน ท่านเองก็ทราบถึงวีรกรรมที่เจียงเปี๋ยหลีทำลายกองทัพของอาณาจักรต้าเซี่ยเมื่อยี่สิบปีก่อนได้ใช้หรือไม่? ในตอนนั้น หากว่าไม่ใช่เพราะนายหญิงคอยช่วยเหลือจากในเงามืด เขาก็คงไม่มีทางที่จะประสบความสำเร็จ…”
"…"
เจียงหยุนไฮ่เล่าเหตุการณ์ในอดีตด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยปนแค้นเคือง เจียงอี้ที่นั่งอยู่ข้างๆก็เลือกที่จะฟังอยู๋เงียบๆและค่อยๆจินตนาการถึงร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งภายในใจ
อีเพียวเพียวมาจากดินแดนอันห่างไกลและมีความแข็งแกร่งอันเหลือล้น นางแวะมาที่ทวีปเทียนชิงในขณะที่ท่องยุทธภพ
ตลอดมา นางได้ใช้เลือดของศัตรูในการชโลมเส้นทางและประกาศให้ทั่วทั้งโลกได้รู้ว่าหากมาตอแยนาง มันจะต้องมีจุดจบเช่นไร
ไม่จำเป็นต้องอธิบายก็รู้แล้วว่า จอมยุทธสตรีนางนี้ใช้ดาบของนางแทนวาจาและสร้างชื่อเสียงไปทั่วทั้งทวีป หลังจากนั้นนางก็มาพบรักกับเจียงเปี๋ยหลี แต่ด้วยอายุที่ยังน้อย นางจึงคิดว่าตนได้พบรักแท้และชายที่จะอยู่ด้วยไปตลอดชีวิต
แต่อีเพียวเพียวคงคาดไม่ถึงว่าบุรุษที่นางทุ่มเทความรักให้จะแทงข้างหลังนางอย่างเลือดเย็น นางตั้งครรภ์และต้องหลบหนีไปยังที่ห่างไกลด้วยหัวใจที่แตกสลาย หลังจากที่ให้กำเนิดบุตร นางก็ตรอมใจตายในที่สุด
อีเพียวเพียวคือสาวงามและสุดยอดอัจฉริยะอย่างแท้จริง แม้แต่หนึ่งในสิบยอดฝีมืออย่างจูเก๋อชิงหยุนก็ยังต้องก้มหัวยอมรับความพ่ายแพ้ กระทั่งยอดฝีมืออันดับหนึ่งอย่างสุ่ยโย่วหลานก็ยังเอ่ยเรียกนางด้วยความสุภาพ แต่ในสายตาของคนอื่น นางคือแม่มดและปีศาจจอมทำลายล้าง!
ดวงตาของเจียงอี้เริ่มพร่ามัวและแทบจะไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้ เขารู้สึกว่าแม่ของเขาได้รับความไม่ยุติธรรม เขายังสัมผัสได้ถึงความขมขื่นและโศกเศร้าในตอนที่นางจากโลกนี้ไป
หลังจากที่เวลาผ่านไปนาน…
เจียงอี้ก็เงยหน้าขึ้นอย่างช้าๆและกล่าว “ท่านปู่ หลุมศพของท่านแม่อยู่ที่ไหน? ข้าอยากจะไปคารวะท่าน”
“ประเสริฐ!”
เจียงหยุนไฮ่เช็ดน้ำตาและพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “สวรรค์ช่างเล่นตลกกับพวกเรายิ่งนัก จนป่านนี้แล้วข้ายังไม่ได้พาท่านไปกราบกรานหลุมศพของนายหญิง ข้าคงบกพร่องในหน้าที่บ่าวเสียแล้ว”
“แต่… ท่านถูกขึ้นบัญชีดำในฐานะอาชญากรของอาณาจักรเสินหวู่ ข้าเกรงว่ามันจะ…”
“ไม่เป็นไร!”
เจียงอี้โบกมือและเอ่ยขัดขึ้นมา “ต่อให้เราเปิดเผยตัว แต่พวกอาณาจักรเสินหวู่ก็ไม่มีความกล้าพอที่จะลงมือกับเราหรอก”
“นอกจากนี้ พวกหลิงอีก็ยังอยู่ที่นี่ ขอเพียงไม่ใช่เจียงเปี๋ยหลีและชนชั้นจินกังลงมือด้วยตัวเอง คนอื่นๆก็ไม่ได้อยู่ในสายตาข้าแม้แต่น้อย”
“ยอดเยี่ยม!”
เจียงหยุนไฮ่จ้องมองเจียงอี้ด้วยความภาคภูมิใจก่อนที่จะเอ่ยต่อ “เช่นนั้นก็เดินทางกันเถิด หลุมศพของนายหญิงถูกตั้งไว้ที่เมืองเล็กๆซึ่งอยู่ทางตะวันออกของเมืองเทียนอวี่”
“เมืองเทียนอวี่?”
มุมปากของเจียงอี้ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มอันเยือกเย็นขณะกล่าว “ดี เช่นนั้นจะได้คิดบัญชีกับพวกตระกูลหม่าไปเลยทีเดียว… ไม่เจอกันแค่ปีกว่า พวกมันคงคิดว่าตัวเองปีกกล้าขาแข็งแล้วสินะ?”
……
ณ เมืองเทียนอวี่ บรรยากาศภายในเมืองยังคงคึกคักเช่นเคย ผู้คนมากมายไม่ว่าจะเป็นเด็ก, ผู้ใหญ่หรือคนเฒ่าคนแก่ต่างก็มีชีวิตชีวา โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทสนทนาหลักของผู้คนในเมืองล้วนแต่เอ่ยถึงชื่อๆหนึ่ง… เจียงอี้!
เจียงอี้เติบโตในเมืองเทียนอวี่แห่งนี้ เขาเป็นถึงผู้กอบกู้ทวีปซึ่งควบด้วยตำแหน่งทูตตรวจการของจักรวรรดิมังกรเวหา
แม้ว่าอาณาจักรเสินหวู่จะยังไม่ถอนหมายจับเขาและยังคงถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ทรยศ แต่ชาวเมืองเทียนอวี่ก็ยังภูมิใจในตัวเขาอยู่ดี
ตระกูลหม่าได้กู้ชื่อเสียงและอิทธิพลบางส่วนกลับมา หลังจากผ่านไปหนึ่งปี ตระกูลหม่าก็สามารถกลับมาตั้งรกรากในเมืองเทียนอวี่ได้สำเร็จ ถึงอย่างนั้นอิทธิพลของพวกเขาก็ยังนับว่าตกต่ำอยู่มาก
ประมุขตระกูลหม่า, หม่าขุยกำลังอยู่ในช่วงเบิกบานใจ ตระกูลหม่าได้แต่งงานกับหญิงสาวผู้หนึ่งซึ่งมาจากตระกูลหลานแห่งอาณาจักรเซิ่งหลิง
ตระกูลหลานได้ขายสิ้นค้ามากมายจากอาณาจักรเซิ่งหลิงให้กับอาณาจักรต้าเซี่ยและยังอนุญาตให้ตระกูลหม่ามีส่วนร่วมในผลกำไร ซึ่งทำให้พวกเขามีทรัพย์สินเพียงพอในการว่าจ้างจอมยุทธพเนจร
เกรงว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ตระกูลหม่าคงจะกลับสู่ตำแหน่งหนึ่งในห้าตระกูลใหญ่แห่งเมืองเทียนอวี่ได้อย่างไม่ยากเย็น
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ยังทำให้พวกเขารู้สึกไม่สบายใจ นั่นก็คือ… เจียงอี้!
ชื่อของเจียงอี้เปรียบเสมือนผีร้ายที่คอยตามหลอกหลอน แม้ว่าเมืองเทียนอวี่จะเป็นเพียงเมืองเล็กๆ แต่หม่ากุ่ยก็ยังทราบถึงวีรกรรมที่เจียงอี้ก่อไว้เป็นอย่างดี
แต่ภายในอาณาจักรเสินหวู่แห่งนี้ เขาก็ยังถูกตราหน้าว่าเป็นอาชญากรและคงไม่กล้าที่จะเข้ามาในอาณาจักรหรอก… ใช่ไหม?
“รายงาน!”
ทันใดนั้นเองสมาชิกตระกูลหม่าผู้หนึ่งก็ปรี่เข้ามาและกล่าวกับหม่ากุ่ยอย่างรวดเร็ว
“ท่านประมุข เกิดเรื่องแล้วขอรับ! ตระกูลหลานส่งข้อมูลมาว่าเจียงอี้ได้บุกไปยังอาณาจักรเซิ่งหลิงและสังหารนายน้อยของพวกเขา! อีกทั้งยังช่วยเหลือเจียงหยุนไฮ่สำเร็จด้วยขอรับ!”
“เจ้าว่าอะไรนะ?!”
ใบหน้าของหม่ากุ่ยบิดเบี้ยวอย่างน่าเกลียด เขารู้เรื่องที่คนในตระกูลทำกับเจียงหยุนไฮ่ ในตอนแรกเขาไม่กังวลเรื่องนี้และยังดีใจเสียด้วยซ้ำ เนื่องจากมองว่าเป็นการสร้างประโยชน์ให้กับตระกูลหลาน
แต่ใครจะไปคิดล่ะว่าเจียงอี้จะกล้าบุกเข้าไปในอาณาจักรเซิ่งหลิงและสังหารประมุขน้อยตระกูลหลานอีกทั้งยังช่วยเหลือเจียงหยุนไฮ่ได้สำเร็จ? ในตอนนี้หม่ากุ่ยเริ่มมีลางสังหรณ์ว่าเรื่องเลวร้ายกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว
“รายงาน…”
แต่ยังไม่ทันได้หายตกใจ จู่ๆสมาชิกตระกูลหม่าอีกคนก็พรวดเข้ามาและรีบรายงานด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือ “แย่แล้วท่านประมุข! จะ… เจียงอี้กลับมาแล้ว!”
“ห๊ะ?!”
เวลานี้ สีหน้าของหม่ากุ่ยซีดขาวยิ่งกว่าเดิม โดยไม่รอช้า เขาโคจรแก่นแท้พลังไปที่ลำคอและคำราม
“สมาชิกตระกูลหม่าทุกคนจงฟัง รีบออกจากเมืองซะและหนีไปให้ไกลที่สุด!”
ฟึ่บ!
ทันใดนั้นตระกูลหม่าก็ตกอยู่ในความโกลาหล ผู้คนมากมายมารวมตัวกันด้วยความสับสนและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“คิดจะหนีไปไหน?”
แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไรนั้น น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเย็นยะเยือกก็ดังมาจากภายนอก ในเวลาเดียวกันกำแพงทั้งสองด้านของตำหนักตระกูลหม่าก็พังทลาย พร้อมกับเผยให้เห็นร่างของเด็กหนุ่มที่สวมชุดคลุมสีเขียวซึ่งตามมาด้วยผู้เชี่ยวชาญอีกนับสิบคนที่เดินตามมา
ดวงตาของเด็กหนุ่มผู้นั้นจับจ้องไปยังร่างของหม่ากุ่ยและเอ่ย
“ประมุขตระกูลหม่า เจ้ายังจำข้าได้อยู่หรือเปล่า?”
……