บทที่ 10: หากทำได้ จงทำให้สำเร็จ 2
บทที่ 10: หากทำได้ จงทำให้สำเร็จ 2
‘ไอ้บัดซบเอ้ย!
มันพูดว่าอะไรนะ? ธุรกิจยังดีอยู่ไหมงั้นเหรอ?
'นั่นคือสิ่งที่ไอ้เวรนี่ควรจะพูดงั้นเหรอ?! '
"เฮ้ย! แกทำให้ลูกพี่ใหญ่กับพี่สาวต้องเข้าคุก ยังมีหน้ามาถามว่าธุรกิจพวกเรายังดีอยู่ไหมงั้นเหรอ?!"
"พวกตำรวจยึดงานศิลปะทั้งหมดไปก็เพราะแก! ไอ้ชาติชั่ว!""
อีกฝ่ายโกรธจนหอบ แต่จูฮอนก็พูดต่อโดยไม่สนใจ
[ฉันไม่สนใจเรื่องพวกนั้นหรอก พวกแกยื่นคำร้องปิดบริษัทเรื่องที่ลูกพี่พวกแกเข้าคุกไปแล้วหรือยัง?]
"อะไรกัน? ทำไมแกถึงถามแบบนั้นล่ะ?!"
[ฉันให้เวลาห้าวินาที รีบบอกมาซะ]
"ไอ้เวรเอ้ย! เรายังไม่ได้ปิดกิจการ... แกต้องการอะไรกัน?!"
ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะได้ยินเสียงจูฮอนหัวเราะ
[ดี วิเศษมาก พวกแกยังมีคุณสมบัติในการเข้าร่วมการประมูลระดับโลกอยู่]
โอซัอูตกใจทันทีที่ได้ยินในสิ่งที่ไม่คาดคิด
"อะไรนะ? การประมูลระดับโลก?นี่แกกำลังพูดถึง... ไมดาสงั้นเหรอ?”
เป็นความจริงที่ว่าพวกเขาเคยเข้าร่วมประมูลไมดาสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกที่ลาสเวกัส ในฐานะนายหน้าซื้อขายศิลปะ
ที่นั่นมีสิ่งของล้ำค่ามากมาย สมบัติระดับชาติและทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่ถูกขโมยมาจากหลายประเทศได้ถูกนำมาประมูล มีทั้งราชวงศ์และผู้นำหลายประเทศเข้าร่วมการประมูล ซึ่งเป็นการประมูลแบบพิเศษที่ต้องจ่ายเงินมากกว่าร้อยล้านวอนเพื่อซื้อตั๋ว
พวกเขาติดต่อกับโรงประมูลได้ด้วยความสามารถของปาร์คคยองจูได้
'ทำไมมันถึงอยากรู้เรื่องพวกนี้กันล่ะ?'
ยิ่งจูฮอนเริ่มพูด อีกฝ่ายก็เริ่มสับสนมากขึ้น
[ฉันจะพูดให้เคลียร์นะ ภายในเดือนนี้ ไปที่งานประมูล รับของมา และตามหาคนที่ชื่อย่อว่า JK หรือ แจ๊ค เคย์แมน แล้วก็สืบมาด้วยว่าหมอนั่นซื้ออะไรไป]
"...แจ๊ค เคย์แมนงั้นเหรอ แล้วมันเป็นใครกัน..."
จูฮอนขัดขึ้นมาก่อนที่เขาจะถามต่อ
[เจอหรือไม่เจอมันก็บอกด้วย แต่ถ้าคิดโกหกไม่ยอมบอก พวกแกตาย!]
"บอกมาก่อนสิว่าไอ้แจ๊ค เคย์แมนนี่มันเป็นใคร..."
[ถ้าแกรู้ว่าต้องทำอะไร ให้มาที่คาเฟ่มูนบัคที่ตั้งอยู่หน้าสถานียองดึงโพ แล้วฉันจะบอกข้อมูลว่าแกต้องหาอะไรบ้าง]
"บ้าฉิบ! แจ๊ค เคย์แมนมันเป็นใครกัน?!"
[นายไม่จำเป็นต้องรู้หรอก]
“เฮ้ย!”
[แน่นอนว่านี่คือธุรกิจ ดังนั้นฉันจะจ่ายเงินให้ตามคุณภาพของข้อมูลที่ได้มา]
โอซังอูกัดฟันราวกับเริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว
"ไอ้บัดซบ ยิ่งแกพูดมากเท่าไหร่...!"
โอซังอูคือชายวัยสามสิบ เขาไม่มีทางยอมให้เด็กวัยรุ่นมาปฏิบัติต่อตนเช่นนี้
มันรู้สึกไม่ยุติธรรมที่จะต้องรับใช้เด็กเนรคุณที่เคยทำร้ายพวกเขา ทั้งที่ยังไม่ได้เป็นฝ่ายได้ต่อยเลยสักหมัด!
"ใช่แล้ว! ลูกพี่! ไม่ต้องไปฟังมัน! เฮ้ย! ซอจูฮอน รออยู่ตรงนั้นแหละ แกตายแน่!"
เสียงหัวเราะเยาะเย้ยของจูฮอนดังมาจากปลายสาย
[จริงเหรอ? ไม่อยากได้เงินกันหรือไง? ฉันพยายามที่จะสร้างสถานการณ์ที่เป็นประโยชน์ร่วมกันอยู่นะ แต่ถ้าพวกแกไม่อยากทำก็ไม่เป็นไร
จูฮอนไม่ได้วางแผนที่จะปล่อยพวกปัญญาอ่อนนี่ไป
ทำไมเขาถึงต้องปล่อยพวกที่มีประโยชน์เหล่านี้เลยล่ะ?
จูฮอนยังคงพูดด้วยเสียงรำคาญ
[ถ้าพวกแกไม่ยอมทำ ก็คงต้องใช้วิธีอื่นแล้วล่ะ]
"วะ-วิธีอื่นงั้นเหรอ?"
[ดูเหมือนว่าจะลืมสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อนไปแล้วสินะ]
สีหน้าของโอซังอูเปลี่ยนไปทันทีที่ได้ยิน พวกนั้นไม่มีวันลืมเรื่องที่โดนจูฮอนกระทืบจนกระดูกเกือบหักและถูกแทงด้วยมีดได้
ท้ายที่สุด อีกฝ่ายจึงตอบด้วยความตกใจ
"เอ่อ! ไม่ใช่ว่าเราไม่อยากทำธุรกิจด้วยหรอกนะ! แต่... อย่างน้อยนายก็ควรให้เงินหรือสิ่งของให้เราไปประมูลหน่อยสิ...!"
[เรื่องนั้นพวกแกต้องหาทางกันเอาเอง]
กริ๊ก
การโทรสิ้นสุดลงทันที
โอซังอูจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์พลางเดาะลิ้น
ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าต้องติดแหงกกับสิ่งที่ไม่อาจหลบหนี?
จูฮอนถอนหายใจทันทีที่วางสาย เขาอยู่ที่ย่านใกล้เคียงเพื่อเฝ้าดูบางอย่าง
'ใครคือแจ๊ค เคย์แมนกัน?'
จะเป็นใครไปได้อีก? JK เป็นหนึ่งในตัวตนปลอมของประธานควอน ไม่มีทางที่จูฮอนจะจำไม่ได้ เพราะว่านี่เป็นชื่อที่ประธานควอนใช้ตั้งแต่เขายังเป็นเด็กฝึกงาน เมื่อมีบางสิ่งที่ต้องทำ ประธานควอนไม่เคยใช้ชื่อจริงเลย
เขามั่นใจในสิ่งที่จะเกิดขึ้นหากประธานควอนได้รับโบราณวัตถุ โอกาสที่เขาจะได้โบราณวัตถุเหล่านี้จากสุสานนั้นสูงไม่น้อย นอกจากนั้น ก็ยังมีสิ่งอื่นในการประมูล อย่างเช่น บ้านและพิพิธภัณฑ์อีกด้วย
จูฮอนจะไปตรวจดูสุสานต่อ และวางแผนที่จะใช้พวกว่างงานนั่นจัดการเรื่องประธานควอนแทน
เขาต้องรู้ให้ได้ว่าประธานควอนมีอำนาจมากแค่ไหนในตอนนี้
'ดีล่ะ มีไอ้พวกนั้นคอยจัดการเรื่องธุรกิจของประธานควอนให้แล้ว'
เขาเพียงแค่ต้องรอฟังข่าว
จูฮอนตรวจดูข่าวการลงทุนบนมือถือ ก่อนจะเข้าไปในร้านสะดวกซื้อที่ย่านยองดึงโพ
ขณะนี้เวลา 20.00 น.
เป็นเรื่องดีที่เขามาที่ย่านยองดึงโพทันทีที่เห็นข่าวด่วน เขาหิวมากเพราะยังไม่ได้ทานอาหารเย็นเลย
[ช่วงเวลาประมาณ 19.00 น. ของวันนี้ นายโจโม ชายอายุสี่สิบปี พยายามฆ่าตัวตายด้วยการจุดไฟเผาตัวเองที่ย่านจตุจักรยองดึงโพ...]
ข่าวสดแถลงการณ์จากช่องข่าวของสถานี เหตุผลที่จูฮอนมาที่นี่ก็เพราะข่าวนั้น
ก่อนสุสานปรากฏมักมีสิ่งบ่งบอกเสมอ
เขามาที่นี่โดยรู้ว่าเหตุการณ์ผิดปกติประเภทนี้คือขั้นต้นในการปรากฎของสุสาน และยังดีที่มันอยู่ใกล้เคียง
'แต่อาจจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับสุสานก็ได้มั้ง'
ไม่ว่าสุสานนั้นหรือสุสานนี้ที่ถูกพิชิตอย่างรวดเร็ว มันหาได้มีอยู่ในความทรงจำของจูฮอนไม่
คราวนี้จะโผล่มาไหมนะ?
แต่แล้วขณะที่จูฮอนกำลังจะหยิบขวดน้ำจากตู้เย็นของร้านค้านั้น...
"เฮ้ย! นายน่ะ! จ่ายค่าเช่าตรงนั้นไว้หรือไง? จะยืนเลือกเครื่องดื่มอีกนานไหม?"
จูฮอนได้ยินเสียงคนที่อยู่ข้างหลังสบถเป็นภาษาญี่ปุ่น
กระนั้นเอง จูฮอนถึงกับยิ้มออกมาทันทีที่รู้สึกคุ้นเคยกับเสียงนั่น
คนที่ยืนอยู่ข้างหลังพร้อมกับหน้าตาโกรธเกรี้ยว คืออาเบะจากกองกำลังขุดค้นของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นไอ้หน้าโง่คนเดิมที่จูฮอนเคยเจอในสุสานก่อนหน้านี้
“ไอ้ญี่ปุ่น เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ?”
อีกฝ่ายอยู่ที่นี่ ก็เพราะตามกลิ่นของโบราณวัตถุมา