ตอนที่แล้วตอนที่ 2-1 นาฬิกาทรายมรกต
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 3-1 สิ้นสุดบทบาท

ตอนที่ 2-2 นาฬิกาทรายมรกต


ตอนที่ 2 : นาฬิกาทรายมรกต

ตระกูลไรลีย์ทำการค้าโดยมีเครือข่ายกว้างขวาง เพราะความสำเร็จของพวกเขาจึงทำให้ได้รับตำแหน่งบารอนมาครอบครอง เฮนเซลคือลูกชายคนโตของตระกูลและเรียนในสาขาการจัดการการค้าเพื่อจะนำความรู้ทั้งหมดไปช่วยพ่อของตน นอกจากเขาจะได้เรียนรู้วิถีของผู้สูงศักดิ์ในสถาบันแล้ว ความใสซื่อของเขายังทำให้ตัวเองเป็นมิตรกับทุกคนอีกด้วย เขาเป็นสหายที่สนิทสนมกับชไนเดอร์ อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในเพื่อนไม่กี่คนของฉัน เฮนเซลมักจะชื่นชอบกาแฟที่ฉันทำเสมอ

และยังมีเพื่อนรักของฉันอีกคน เธออยู่ปีห้า ทว่าจำเป็นต้องพักการเรียนไปเสียก่อนเพื่อช่วยตระกูลทำงานที่ต่างประเทศ

ฉันได้แต่ยิ้มเล็กน้อย มิอาจตอบว่าฉันกำลังมีงานเลี้ยงน้ำชาอยู่ เฮนเซลมองไปยังโต๊ะ

“แมงมุม... นี่เจ้ากำลังทดลองงานเลี้ยงน้ำชาแบบใหม่หรือ?” เฮนเซลเงยหน้าพร้อมดวงตากลมโตสีฟ้าเบิกกว้าง

“มันน่ารักหรือไม่เล่า?” ใบหน้าของฉันเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

เขาเป็นคนไม่คิดมากและไม่ถามอะไรเพิ่มเติม เขาตอบ “ใช่ มันน่ารักดี” พร้อมส่งยิ้มและนั่งตรงเก้าอี้ตรงข้ามฉัน

จากนั้นฉันจึงชงกาแฟให้กับเฮนเซลดื่ม

“อืม.. รอนย่า กาแฟของเจ้านี่ช่างวิเศษเหลือเกิน เจ้าคิดจะทำร้านกาแฟหรือไม่?”

“คงไม่ดีเท่าใดนักหากข้าจะเปิดร้านกาแฟ”

“ไม่ ไม่ ไม่ ข้าคนนึงแล้วที่พร้อมจ่ายเงินเพื่อกาแฟของเจ้า” ใบหน้าของเฮนเซลเต็มไปด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มของเขาไม่ใช่การประจบประแจงแต่อย่างใด มันมาจากความจริงใจของเขา และฉันก็ยิ้มตอบจากหัวใจ

มันคือความจริง.. ฉันอยากจะลองทำงานสักอย่าง เช่น การชงกาแฟ.

ก็คงเป็นไปได้หากฉันลาออกจากการเป็นลูกสาวของผู้สูงศักดิ์และไปเปิดร้านกาแฟแทน

จากนั้นฉันคงได้พักผ่อนและมีชีวิตที่สงบสุขมากกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้

หลังจากที่ฉันจินตนาการอย่างเลื่อนลอย เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้งก็พบว่าเฮนเซลสงบเงียบกว่าปกติ โดยปกติแล้วเขามักจะชวนคุยมากกว่านี้

“ท่านชายเฮนเซล?...”

เขาจ้องมองไปที่ถ้วยชาและขนมหวานของบรรดาสตรีผู้สูงศักดิ์ที่เหลืออยู่เต็มโต๊ะ

เฮนเซลมองฉันด้วยสายตาอ่อนโยน “รอนย่า ได้โปรดเถิด เจ้าเรียกข้าแค่เฮนเซลเฉย ๆ ก็พอ ไม่ต้องมากพิธี... แมงมุมพวกนี้กวนใจเจ้าหรือไม่?”

ฉันหันไปสบตาเขาทันที

“เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?” เขาแอบมองฉันด้วยท่าทีเป็นห่วง ทว่าฉันตอบเขาด้วยรอยยิ้ม

“แมงมุมพวกนี้... ก็น่ารักดี”

ทว่าท่าทีของเฮนเซลก็มิได้เปลี่ยนไป จากนั้นเขาได้คว้าแมงมุมตัวหนึ่งที่กำลังปีนมาบนมือฉันเอามาไว้ในมือของตน

“ใช่แมงมุมพวกนี้น่ารัก... ทว่าเมื่อมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเจ้าควรบอกชไนเดอร์”

“ขอบคุณที่เจ้าห่วงใยข้านะเฮนเซล” ฉันแสดงท่าทีขอบคุณจากใจจริง ในที่สุดเฮนเซลก็กลับมายิ้มอีกครั้ง

ในคืนนั้นชไนเดอร์ได้มาหาฉันที่หอพัก ฉันกำลังเตรียมตัวจะนอนลง

“รอนย่า... จริงหรือที่เจ้าราวีมิซาโน?” ฉันถึงกับตะลึงเมื่อได้ยินคำถามนี้

จากนิยายที่ฉันเคยอ่าน ในฉากนี้มิซาโนสารภาพกับชไนเดอร์ว่ารอนย่ากลั่นแกล้งเธออย่างไรบ้าง และเธอเริ่มแก้แค้นกลับ

ชไนเดอร์ที่ตื่นตกใจจึงเข้าหารอนย่า กล่าวขอให้เธอสัญญาว่าจะหยุดวุ่นวายกับมิซาโน่

“ชไนเดอร์... ข้าเชื่อว่าเจ้ารู้อยู่แล้วว่าข้าไม่ได้รังแกผู้ใด”

ชไนเดอร์ไม่พอใจในคำตอบของฉัน

“ก็อาจจริงอยู่ที่เมื่อไม่นานมานี้ข้าสนิทกับมิซาโนมากขึ้น ทว่าข้าไม่เคยคิดจะทรยศเจ้าเลย”

“ข้าเข้าใจ... ทว่าข้าไม่มีทางกลั่นแกล้งนางเพียงเพราะข้ารู้สึกหึง”

“ทว่าก่อนหน้านี้... เจ้าเคยทำให้คนรับใช้หนุ่มต้องลาออก...” ฉันรู้สึกประหลาดใจที่ชไนเดอร์ปฏิเสธทุกอย่างที่ฉันพูด หนุ่มรับใช้ที่เขาพูดถึงคือคนที่ย้ายออกไปทำงานที่บ้านท่านปู่ ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้รับผิดชอบต่อเหตุการณ์นั้นเลยก็ตาม

“ชายหนุ่มผู้นั้นแค่ต้องการรับผิดชอบต่อการกระทำของตน...”

“.........” ชไนเดอร์ลังเลและสงสัย ว่าฉันปฏิบัติต่อผู้อื่นไม่ดีเป็นเรื่องปกติ

ถึงแม้ว่าเราสองคนจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันมานาน เขารู้พฤติกรรมของฉันทุกอย่าง... ทว่าเขาก็ยังข้องใจในตัวฉัน

“ได้โปรด... เชื่อข้าเถิดชไนเดอร์” มือทั้งสองของฉันกุมแก้มของเขาเอาไว้ด้วยสายตาและท่าทีอ้อนวอน

“นี่มันเป็นความเข้าใจผิดของมิซาโนเท่านั้น ข้าไม่ได้กลั่นแกล้งอะไรนางเลย ขอร้องเถิดชไนเดอร์ โปรดเชื่อมั่นในตัวข้า”

จากนั้นท่าทีของชไนเดอร์ผ่อนคลายลงและส่งยิ้มให้ฉัน “ข้าเชื่อในตัวเจ้ารอนย่า”

ฉันรู้ดี... แม้ว่าเขาจะเชื่อในตัวฉัน แต่หัวใจของเขาก็กำลังถูกพรากจากฉันไป

ฉันรู้สึกว่ารักแรกแสนสดใสของฉันกำลังจะเลือนไป พร้อมทั้งหัวใจเริ่มสิ้นหวัง

ในตอนนี้เหลือเพียงฉันคนเดียวในห้อง ฉันพลิกนาฬิกาทรายที่ท่านปู่ให้ไว้ และจ้องมองเม็ดทรายสีเขียวมรกตราวกับอัญมณีส่องประกายไหลหล่นลงมาอย่างยุ่มย่ามใจ

ขณะนั้น ฉันจินตนาการถึงการทำงานในร้านกาแฟอันแสนอบอุ่น

ฉันต้องเริ่มเตรียมตัวรับมือโชคชะตาในครั้งนี้...

รักแรกแสนสดใส ฉันคงต้องปล่อยเขาไปได้แล้ว ตอนฉันอายุเก้าขวบ ฉันเคยคิดว่าตลอดเวลาเจ็ดปีจะต้องพลิกนาฬิกาทรายอีกกี่ครั้งกัน ทว่าตอนนี้ฉันรู้แล้ว มันแค่เพียงพริบตาเดียว

ในที่สุดทรายเหล่านั้นก็ได้ร่วงหล่นมาจนหมด ฉันวางนาฬิกาทรายทิ้งไว้ แล้วพยายามข่มตานอน...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด