ตอนที่ 1-2 ฉันเฝ้าวอนขอพบปาฏิหาริย์
ตอน 1 ฉันเฝ้าวอนขอพบปาฏิหาริย์
วันหนึ่ง ฉันแบ่งปันความปรารถนานี้ให้แก่ชไนเดอร์ได้รับรู้ ทว่าเขาไม่โกรธเคืองและยังบอกอีกว่า ‘รอนย่า เจ้าดีเพียงพอแล้ว’ ฉันที่เอ่อล้นไปด้วยความสุขและซาบซึ้ง น้ำตาไหลรินออกมา วันหนึ่งที่ชไนเดอร์ได้มาเยี่ยมฉัน วันนั้นจึงไม่มีการเรียน กับเขาที่เป็นบุตรชายของน้องชายกษัตริย์ บุตรแห่งดยุกซีโอแลนท์ สิทธิ์ของเขาจึงสูงล้ำยิ่งกว่าชั้นเรียน
ขณะที่ชไนเดอร์มาเยี่ยม ฉันต้องตรวจสอบให้แน่ใจเสียก่อนว่ามิมีผู้แอบสอดแนม เพื่อจะได้เอนหลังพักในห้องรับแขกหรือพื้นหญ้านุ่ม ปล่อยใจให้เป็นอิสระ แล้วจากนั้นเขาอยากจะพูดอะไรก็ตามใจ
“……”
“รอนย่า... ได้โปรดอย่าใช้เวลาของเราเพื่องีบหลับเลย”
“...........”
“รอนย่า... เจ้าหลับไปแล้วหรือ?”
“.........*คร่อก*”
“นี่เจ้าแกล้งหลับหรือ!” ชไนเดอร์ยักไหล่พร้อมกับตกตะลึงจนพูดไม่ออก
ทว่าเขาอนุญาติให้ฉันได้พักผ่อน มันช่างทำให้ฉันมีความสุขเหลือเกิน
ช่วงเวลาที่เราได้อยู่ด้วยกันมักไม่เคยพูดถึงเรื่องราวของผู้อื่น แต่เราจะแบ่งปันสิ่งที่ชอบและเกลียดของกันและกัน เรื่องราวของโรงเรียนที่เราจำเป็นต้องไปตอนอายุสิบสองปี ใช่ เราจะได้เรียนรู้เวทมนตร์จากที่นั่น
ถึงแม้ว่าช่วงเวลาที่ฉันได้ใช้ร่วมกับเขามันเป็นเวลาที่ไม่ยาวนานนัก แต่มันก็เต็มไปด้วยความสงบสุขและอบอุ่น
ทุกครั้งที่ได้พบกับชไนเดอร์ ฉันจะอบขนมและชงกาแฟเตรียมไว้เสมอ
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากเหตุผลบางอย่าง มีอยู่วันหนึ่งที่ฉันและชไนเดอร์ได้ใช้เวลาร่วมกัน ทว่าในห้องนั้นมีคนรับใช้หนุ่มอยู่ด้วย ฉันจึงไม่สามารถพักผ่อนได้อย่างอิสระนัก เมื่อได้ชิมกาแฟโดยฝีมือคนรับใช้หนุ่ม มันช่างเข้มข้นเสียเหลือเกิน มันไม่ใช่รสชาติที่ต้องการ และถ้าขอให้เขาชงกาแฟแก้วใหม่ก็คงจะน่าเกียจ อย่างนั้นฉันจึงเริ่มชงมันด้วยตนเอง แต่แล้ว...
“…”
“ขออภัยขอรับ นายหญิงรอนย่า!”
คนรับใช้หนุ่มหน้าซีดเซียวพร้อมโค้งคำนับให้แก่รอนย่า
“อย่าขอโทษข้าเลย ข้าแค่...”
“ข้าน้อยผิดไปแล้วขอรับ!”
“.....”
คนรับใช้หนุ่มรู้สึกผิดอย่างจริงจัง ถึงแม้ว่าฉันไม่ได้รู้สึกโกรธเลยก็ตาม
“กระผมทำได้ไม่ดีเท่าผู้อื่น ได้โปรดยกโทษให้กระผมด้วยขอรับ...” คนรับใช้หนุ่มอ้อนวอนพร้อมคุกเข่า
ผู้อื่นที่หนุ่มรับใช้พูดถึงคงจะเป็นคนรับใช้คนอื่น ดังนั้นจากการพูดของเขาสื่อได้ว่าคนรับใช้ทุกคนในตระกูลกาวิเซล่าล้วนสมบูรณ์แบบ ความกดดันและความกังวลใจคงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาทำงานได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ
ชไนเดอร์ตกตะลึงจนพูดไม่ออกที่เห็นคนรับใช้หนุ่มขอร้องอ้อนวอนขออภัยต่อหน้ารอนย่าอย่างไม่หยุดหย่อน
“...รอนย่า เจ้าเข้มงวดกับผู้อื่นขนาดนี้เลยหรือ?”
“ข้าไม่มีทางเป็นเช่นนั้น ชไนเดอร์”
ฉันก็อยากจะบอกว่า ฉันค่อนข้างใจดีและอ่อนโยน ทว่าคนรับใช้หนุ่มผู้นั้นกดดันตนเองอย่างหนัก และฉันรู้สึกเสียใจที่ทำให้เขารู้สึกผิด
เพื่อชดใช้ความผิดนี้ หนุ่มรับใช้ต้องการลาออกจากการเป็นคนรับใช้ของตระกูลกาวิเซล่า ขณะนั้นฉันไม่สามารถหยุดการกระทำของเขาไว้ได้ ฉันจึงขอความช่วยเหลือจากท่านปู่เป็นการส่วนตัวเพื่อขอให้ท่านรับหนุ่มผู้นั้นไปเป็นคนรับใช้ของตน
และนี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันได้มีโอกาสชงกาแฟด้วยตนเอง เมื่อได้โอกาสนี้มาแล้ว ฉันจึงตัดสินใจขอให้พ่อครัวของตระกูลกาวิเซล่าสอนการอบขนมแสนหวานด้วยเสียเลย
คนในตระกูลไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ฉันต้องการทำ ทว่าชไนเดอร์สนับสนุนและพูดกับพวกเขาว่า ‘ข้าขอให้นางได้ทำตามใจเถิด’ จากนั้นฉันก็มีเวลาเรียนรู้การอบขนมและกาแฟมากกว่าเข้าชั้นเรียนเสียอีก เพราะคู่หมั้นขอให้ฉันทำตามใจตน ถึงคนในตระกูลจะไม่เห็นด้วยแต่พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากทำตามสิ่งที่ชไนเดอร์ขอ
ดังนั้นฉันจึงได้เรียนรู้วิธีการชงกาแฟ ชา และรวมถึงการอบขนม ฉันใช้เวลาไปกับการลองผิดลองถูกที่แสนสนุก นอกจากนี้ชไนเดอร์และท่านปู่ก็ชื่นชอบเครื่องดื่มและขนมที่ฉันทำ
เมื่อเวลาผ่านไป ตอนนี้เราทั้งคู่อายุสิบสองปีแล้ว และได้เข้าเรียนในโรงเรียนของชนชั้นสูง ชื่อซานคริสเตียน บรรดาบุตรชายและบุตรสาวของชนชั้นสูงมาลงทะเบียนที่สถาบัน ก่อนที่ฉันจะมาลงทะเบียนที่สถาบันนี้ ฉันได้รับการศึกษาจากผู้สอนที่เคร่งครัดและเรียนหนักจนเหมือนจะกระอักเลือด ผลลัพธ์ที่ได้คือฉันเป็นเด็กสาวที่สอบได้คะแนนสูงที่สุดในการสอบคัดเลือกเข้าสถาบัน และยังสอบได้ที่หนึ่งในการสอบครั้งต่อมา ทว่านั่นไม่ได้มีความหมายอันใดต่อตระกูลเลย ฉันแค่ต้องการสอบได้ที่หนึ่ง ไม่มีจุดประสงค์อื่นใด ถึงแม้ว่าท่านพ่อ ท่านแม่ และท่านพี่จะไม่เคยทำได้เลยก็ตาม
ในทางกลับกัน ถ้าฉันสอบไม่ได้ที่หนึ่งคงโดนดุด่าอย่างแน่นอน เพราะว่านั่นคือการนำพาความอับอายมาสู่ตระกูลกาวิเซล่า สายตาของพวกเขาสื่อออกมาเช่นนั้น
ในปีถัดมาฉันเริ่มใช้ชีวิตที่หอพักของสถาบันและหมดเวลาไปกับการเล่าเรียน คนในตระกูลบอกว่า ฉันต้องอยู่หอพักเพื่อพยายามอย่างหนักให้ได้เป็นผู้แทนนักเรียน และหลักจากเลิกเรียนทุกเย็นฉันต้องเรียนเสริมกับชั้นเรียนที่ท่านแม่เตรียมเอาไว้ให้
ถึงแม้ว่าเนื้อหาการเรียนนี้จะยากกว่าความรู้ในชาติที่แล้วที่ติดตัวมา ทว่าการไม่ได้พบหน้ากับคนในตระกูลที่แสนเข้มงวดมันช่างเติมเต็มหัวใจ ฉันตื่นเต้นที่ได้เรียนรู้เวทมนตร์คาถา และการได้อยู่ที่หอพักมันก็ทำให้รู้สึกดี ที่มากกว่านั้น ความสัมพันธ์ของฉันกับชไนเดอร์ก็ดีขึ้น
ในวันที่อากาศแจ่มใส เราสองคนได้นั่งคุยกันที่เก้าอี้ไม้ยาวในโรงเรือนกระจกสีเขียว ที่แห่งนั้นเต็มไปด้วยแสงอบอุ่น ขณะที่กำลังเพลิดเพลินกับกาแฟอันหอมกรุ่น ใบหน้าของชไนเดอร์เต็มไปด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด
“รอนย่า”
ผมบลอนด์เปล่งประกายราวกับแสงอาทิตย์ยามเช้าและดวงตาสีฟ้าเรียวรูปอัลมอนด์ รูปลักษณ์ของเขาหล่อเหลาเสมือนเทพบุตรในเทพนิยาย ชไนเดอร์จ้องมองถ้วยกาแฟในมือและวางมันลงบนโต๊ะ เขาจับมือของฉันทั้งสองมือเอาไว้แน่น
“ข้าขอจุมพิตเจ้านะ”
ทันใดนั้นใบหน้าของฉันร้อนวาบและรู้สึกมึนงง เมื่อมองเข้าไปในดวงตาสีฟ้านั้นฉันก็รู้สึกได้ถึงความร้อนแรง
ถึงแม้ว่าการแต่งงานนี้จะเป็นการตัดสินใจของพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายเท่านั้น ทว่าฉันอยากจะรักเขา ฉันอยากให้เราเป็นรักแท้ เหมือนคำพูดที่ชไนเดอร์เคยพูดเอาไว้ คำพวกนั้นมันมีค่ากับฉันมาก
เราทั้งสองประสานมือและลูบไล้มือกันไปมา ทันใดนั้นก็เปลี่ยนเป็นจุมพิตที่ฝ่ามือและแก้มแทน ทว่าสิ่งที่ชไนเดอร์ต้องการคือการจุมพิตที่ริมฝีปาก
“เรา... เราควรทำแบบนั้นหลังจากเรียนจบมิใช่หรือ? ตอนนี้เรายังอายุสิบสามปีกันอยู่เลย”
“แค่จุมพิตอย่างเสน่หา ได้โปรด” ดวงตาของเขาทำให้หัวใจของฉันสั่นไหว ถ้าหากในอนาคตตอนจบของเราจะเหมือนนิยายที่เคยอ่าน ฉันก็ควรปฏิเสธ ทว่าสายตาของชไนเดอร์ที่มองฉัน มันเต็มไปด้วยความรัก ฉันพร้อมที่จะเชื่อว่าจุดจบของเรานั้นบริบูรณ์... ฉันเชื่อเช่นนั้น ฉันจะมอบจุมพิตให้แก่เขา
ฉันสูดหายใจลึกและหลับตาลงอย่างช้า ประหม่าเกินจินตนาการ หัวใจของฉันเต้นแรงราวกับว่าจะทะลุออกมาเสียอย่างนั้น ร่างกายเริ่มแข็งทื่อ
“รอนย่า... ข้ารักเจ้า”
ริมฝีปากของหนุ่มสาวทั้งสองได้สัมผัสกัน
ฉันลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ ใบหน้าของชไนเดอร์แดงก่ำเล็กน้อยพร้อมกับส่งยิ้มอย่างเขินอายมาให้ และฉันยิ้มตอบ
...นี่คือปาฏิหาริย์ที่ฉันเฝ้าวอนขอ รักแรกและจุมพิตของฉัน
• ระดับชนชั้นขุนนางอังกฤษ