ตอนที่ 1-1 ฉันเฝ้าวอนขอพบปาฏิหาริย์
ตอน 1 ฉันเฝ้าวอนขอพบปาฏิหาริย์
ตัวร้ายแรกที่รัก
ตัวฉัน ก่อนจะต้องใช้ชีวิตแสนน่าเบื่อและยุ่งยาก
ในฐานะนักเรียนที่ฉันได้เล่าเรียน ในฐานะบุคคลของสังคมที่ฉันทำงาน เมื่อได้เริ่มทำงานเต็มตัว ฉันรู้ตัวแล้วว่าเวลาไม่คอยท่ามันตามไล่ล่าชีวิต จากนั้นชีวิตก็เริ่มยุ่งยากและน่าเบื่อยิ่งขึ้น
ฉันตื่นในตอนเช้าเพื่อออกไปทำงานตั้งแต่เช้าจดค่ำ ทำแบบนี้ซ้ำไปมา ฉันใช้ชีวิตอย่างงุนงงและมันก็เริ่มทำให้รู้สึกปวดหัว การอ่านนิยายบนโลกออนไลน์ในช่วงเวลาก่อนนอน ตอนทำอาหาร หรือขณะทานอาหารฝีมือตนเอง ถึงมันจะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ แต่มันก็คือความสุขเพียงอย่างเดียวที่ฉันหาได้
อยู่มาวันหนึ่ง ฉันพบนิยายเรื่องสั้นบนเว็บไซต์
เรื่องราวเกี่ยวกับนางเอกที่เอาชนะนางร้ายชื่อรอนย่า นางพยายามแย่งชิงคู่หมั้นของรอนย่ามาเป็นของตน เพราะอยากรู้ตอนจบ ฉันจึงยังคงอ่านมันต่อ
นางเอกคือบุตรสาวของขุนนางระดับบารอน(1) ทว่านางร้ายเป็นลูกสาวของขุนนางระดับเคานต์(1) การชิงดีชิงเด่นแสนอำมหิตของพวกนางได้เริ่มขึ้นแล้วและยังไม่ถึงจุดสิ้นสุด แน่นอน นางร้ายย่อมนิสัยไม่ดี ทว่านางเอกย่อมนิสัยแข็งแกร่งและสามารถยืนหยัดต่อสู้ ชีวิตของนางร้ายกลับตาลปัตร เพราะการกระทำที่แสนร้ายกาจส่งผลให้คู่หมั้นต้องถอยห่าง แต่ขณะนั้นนางเอกได้พบกับเส้นใยแห่งพรหมลิขิต นำพาให้เจอกับรักแท้ ทว่ารักแท้ของนางก็คือคู่หมั้นของรอนย่านางร้ายในเรื่อง
เมื่ออ่านจนจบ ฉันเอนหัวอย่างสงสัยโดยไม่รู้ตัว นิยายเรื่องนี้ได้รับความนิยมอย่างมากบนโลกออนไลน์ แต่ฉันไม่รู้สึกเช่นนั้น เรื่องราวทั้งหมดมันก็แค่การเอาชนะแก้แค้นกันไปมา ซึ่งตอกย้ำว่าผลลัพธ์ที่ได้คือความเหนื่อยใจก็เท่านั้น
ฉันคิดว่าจุดจบควรจะสงบสุขกว่านี้ ทว่านิยายอาจไม่เร้าอารมณ์ เมื่อคิดเรื่องนี้มากขึ้นมันก็ยิ่งทำให้ปวดหัวและไม่ชอบเอาเสียเลย
จิตใต้สำนึกได้เลือนหาย ทันใดนั้นฉันคิด จุดจบของฉันจะเป็นเช่นนั้นไม่ได้หรือ
... ช่างเถอะ
ตอนนี้ฉันเหนื่อยเหลือเกิน เหนื่อยจนลุกขึ้นไม่ไหวด้วยซ้ำ
ฉันใช้ชีวิตอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อคิดย้อนกลับไป ชีวิตมันช่างโหดร้าย ส่วนใหญ่ชีวิตฉันมักจะเป็นทุกข์ และมีความสุขบ้างเล็กน้อย ถ้าได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ ก็คงอยากใช้ชีวิตที่เรียบง่าย ใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุข
... ชีวิตแสนเรียบง่าย
ขณะที่โอบกอดคำภาวนา ฉันก็ได้เกิดใหม่ นี่... นี่ฉันอยู่ในโลกนิยายเรื่องนั้น.. เรื่องที่อ่านก่อนที่ฉันจะตาย!
ตอนนี้ฉันกลายเป็น รอนย่า กาวิเซล่า นางร้ายในเรื่อง เธอเป็นลูกสาวของท่านเคานต์
ผมสีเงินเปล่งประกายพร้อมกับดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลช่างเข้ากับสีผม ครั้งแรกที่ฉันเห็นตนเองในกระจกแล้วพบกับใบหน้าแปลกตาของสาวตะวันตก ราวกับฝันไป นี่ไม่ใช่ตัวฉัน จนขณะนี้ก็ยังรู้สึกประหลาดใจและยากที่จะยอมรับ
ตระกูลของฉันเป็นตระกูลขุนนางที่มีอำนาจและชื่อเสียง ทำหน้าที่ ‘ปกครองเมืองหลวงฝั่งใต้’
พี่ชายของฉันย่อมเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งหัวหน้าครอบครัวอย่างมิต้องสงสัย ทว่าในฐานะที่เป็นหนึ่งในสมาชิกของตระกูลท่านเคานต์ ฉันเลยได้รับการศึกษาหลากหลายแขนงก่อนที่จะรู้ตัว
การขี่ม้าและเต้นรำเป็นเรื่องจำเป็นไม่ต่างอะไรกับการรู้กฎระเบียบและมารยาทในสกุลชั้นสูง มันถูกปลูกฝังเอาไว้ในหัวของฉันแล้ว
สิ่งแรกที่ทำได้คือการยอมรับว่าตนเกิดในครอบครัวขุนนางชั้นสูง และต้องพยายามเรียนรู้อย่างหนัก ทว่าตอนนี้ฉันยังเด็ก การเรียนรู้ไปอย่างช้า ๆ คงเป็นความคิดที่ดี ก็แค่ต้องการใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย
เมื่อตอนที่อายุครบเจ็ดขวบ ฉันตัดสินใจจะคุยเรื่องนี้กับท่านแม่...
เพียะ!
ฝ่ามือของเธอกระแทกที่ใบหน้าฉันอย่างจัง เหลือเพียงเด็กตัวน้อยทรุดลงบนพรมสีแดง
“ทำไมเป็นคนเกียจคร้านเช่นนี้ เจ้าใช่ลูกสาวข้าจริงหรือ!?” เมื่อถูกดุด่าจากท่านแม่ ฉันรู้สึกกลัวสุดขีด ท่านพี่ที่อายุมากกว่าราวห้าปี จ้องมองด้วยสายตาดูหมิ่นเหยียดหยาม
...ดังนั้น การเป็นผู้สูงศักดิ์ย่อมหมายความว่า ฉันไม่สามารถเล่นเป็นเด็กได้ เวลาทั้งหมดจำเป็นต้องใช้เพื่อเรียนรู้ ทว่าการพักผ่อนก็สำคัญมิใช่หรือ...
แต่ฉัน... ฉันไม่ต้องการใช้ชีวิตเช่นนี้ มันมิแตกต่างจากชีวิตก่อนหน้าเลย คงจะดีกว่าถ้าฉันไม่ใช่หญิงผู้สูงศักดิ์ และหนีออกจากบ้านหลังนี้เสีย
สิ่งที่หยุดความคิดนั้นไว้ คือความจริงที่ว่าฉันยังเป็นเด็กน้อยที่ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ และท่านปู่ก็ใจดี รักและเอ็นดูฉันมาก ขณะที่ท่านแม่และท่านพี่ไม่เคยให้ความอบอุ่นแก่ฉันเลย
หลังจากที่ท่านย่าจากไปเพราะโรคภัย ท่านปู่ตัดสินใจส่งมอบอำนาจทั้งหมดให้แก่ท่านพ่อ จากนั้นท่านก็เริ่มใช้ชีวิตอย่างสันโดษ ทว่าก็ยังมีอำนาจและอิทธิพลต่อพวกขุนนาง
ท่านปู่มาเยี่ยมอยู่บ้างเป็นครั้งคราว ทุกครั้งที่ท่านมาชั้นเรียนมักจบโดยเร็ว และฉันจะได้ใช้เวลาว่างนั้นพักผ่อนกับท่าน นี่คงเป็นช่วงเวลาที่แสนสงบสุขเดียวในชีวิตอันวุ่นวาย
อืม มันคงจะดีถ้าฉันได้ร้องไห้ในอ้อมกอดของท่านปู่ และขอไปใช้ชีวิตที่แสนสงบสุขกับท่าน ฉันคิดเช่นนั้นเมื่อตอนอายุเก้าขวบ แต่แล้วการหมั้นหมายก็ได้เกิดขึ้น เพื่อประโยชน์ของทั้งสองครอบครัว พ่อแม่ของสองฝ่ายตัดสินใจให้มีการแต่งงานเกิดขึ้น พระอนุชาของกษัตริย์ได้รับตำแหน่งเป็นท่านดยุก ถึงอำนาจไม่อาจเทียบเท่าผู้ครองแผ่นดิน ทว่านี่ก็เป็นหนทางที่ดีที่สุดในการเข้าถึงราชวงศ์ การหมั้นหมายกับลูกชายของท่านดยุก มิใช่หนทางการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกับท่านปู่แต่อย่างใด
ชไนเดอร์อายุพอกันกับฉัน ตระกูลซีโอแลนต์คาดหวังว่าในอนาคตอันใกล้นี้ฉันจะเติบโตอย่างสง่างาม สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้คือยิ้มอย่างสุภาพและตั้งใจฟัง
สรุปคือ ฉันต้องเป็นกุลสตรีที่ดีเพื่อยืนเคียงข้างเขา ทว่าสำหรับอีกฝ่าย ฉันเป็นเพียงเครื่องประดับชิ้นหนึ่ง เพื่อทำตามความคาดหวังนี้ฉันจึงต้องฝึกฝนและเรียนรู้ให้หนักขึ้น
ขณะนั้น ฉันเห็นแต่ความมืดมิดแสนหดหู่ใจ ทว่ามันก็สมแล้วที่เป็นโลกแห่งเทพนิยาย เมื่อโตขึ้น เราก็คงจะไปเรียนในโรงเรียนเดียวกัน แล้วล้มเลิกการหมั้นหมายนี่เสีย
ใช่ ถ้าฉันยอมรับโชคชะตานี้ได้ ฉันจะเป็นอิสระ
เมื่อการหมั้นหมายนี้ถูกยกเลิก ฉันคงถูกขับไล่ออกจากโรงเรียนและตระกูลขุนนางกาวิเซล่า จนกว่าจะถึงตอนนั้น ฉันจำเป็นต้องหารือเรื่องสำคัญนี้กับท่านปู่เสียก่อนที่จะเริ่มแผนการ... หลังจากนั้นฉันจะได้ใช้ชีวิตอันแสนเรียบง่าย
ตามเนื้อเรื่องนิยาย การถอนหมั้นจะเกิดขึ้นตอนฉันอายุสิบหกปี นั่นหมายความว่าฉันจะต้องทนทุกข์ไปจนถึงอายุสิบหกเท่านั้น ถ้าฉันอดทนได้ถึงตอนนั้น... เมื่อถึงตอนนั้น... ฉันจะได้เป็นตัวของตัวเองเสียที!
ภายในนาฬิกาทรายแสนธรรมดา มีอัญมณีสีเขียวมรกตแพรวพราวเม็ดเล็กดั่งทรายไหลหล่นลงมายังส่วนล่างของนาฬิกา
ถ้าฉันอดทนทุกอย่างจะดีขึ้นจริงหรือ? เจ็ดปีมันช่างนานนัก จะต้องหมุนนาฬิกาทรายอีกกี่ครั้งกัน แล้วจะต้องใช้ทรายเยอะเพียงใดเพื่อใช้นับเวลาทั้งเจ็ดปี
ฉันคิดขณะจ้องมองเม็ดอัญมณีสีเขียวมรกตที่เปล่งประกายอยู่ในนาฬิกาทราย... ช่างเสียเวลายิ่งนัก...
แทนที่จะต้องอดทนจนถึงเจ็ดปี ฉันควรทำให้การถอนหมั้นมาถึงเร็วขึ้นคงดีกว่า
นี่มันเหมือนนิยายที่ฉันเคยอ่านในชาติที่แล้ว เรื่องราวเกี่ยวกับตัวเอกที่เกิดใหม่ในร่างของนางร้ายในนิยาย และพยายามจะเปลี่ยนโชคชะตาของตน
ถ้าเป็นไปได้ ฉันคงมีหวังที่จะได้ใช้ชีวิตแสนสงบสุขหลังจากการถอนหมั้น ทว่าคงยากเย็นกว่าจะสำเร็จ ถึงอย่างนั้นฉันควรทำตัวให้เหมือนตัวเอกในนิยายที่เคยอ่าน เพื่อทำให้ชไนเดอร์รังเกียจ ใช่ ฉันควรทำเช่นนั้น
ในวันแรกที่ฉันได้พบกับชไนเดอร์ จู่ ๆ เขาก็พูดสิ่งที่ไม่คาดคิดออกมา
“ถึงแม้ว่าการแต่งงานอย่างจำเป็นในครั้งนี้จะมาจากการตัดสินใจของพ่อแม่เท่านั้น แต่ข้าก็อยากตกหลุมรักเจ้าอย่างแท้จริง เราช่วยกันสร้างความรักนี้ด้วยกันเถิด”
เด็กหนุ่มมีสีหน้าจริงจังและแสดงท่าทีเสมือนผู้ใหญ่ เขายื่นมือออกมา
คำพูดและการกระทำของเขาทำให้ประหลาดใจ เขาต้องการอะไรกัน มิใช่แค่ต้องการให้ฉันเป็นเพียงเครื่องประดับหรือ?
ฉันมองเข้าไปนัยน์ตาของเขา เพื่อค้นหาความประสงค์ที่แท้จริง และแล้วฉันก็ต้องยิ้มออกมา
อืม นี่ไม่ใช่เรื่องโกหก เขาไม่ได้มองว่าฉันเป็นเพียงผลประโยชน์ทางการเมือง ทว่าเขามองฉันด้วยความรักอย่างแท้จริง
...หรือว่า โชคชะตาของฉันอาจแตกต่างจากตัวเอกในนิยายที่เคยอ่านนะ
ถ้าเป็นเช่นนั้น ในตอนจบคงจะบริบูรณ์ ฉันกลายเป็นภรรยาที่แสนวิเศษและคู่รักที่หวานชื่น
ในขณะกำลังนึกถึงภาพอนาคตที่ชไนเดอร์หลงรักฉัน มันทำให้รู้สึกว่าฉันควรจะมีชีวิตที่สูงส่งเช่นนั้น และแล้วความหวังก็ได้เริ่มก่อตัวขึ้น
... ฉันต้องการพักผ่อน