MATOP ตอนที่ 2
ฟอลเคนเป็นบาทหลวงเพียงคนเดียวของโบสถ์แห่งชีวิตในเมืองเรดเมาน์เทน
เขาเคยทำงานเป็นทหารรับจ้างมาเป็นเวลาสองปีและเดินทางในตามที่ต่าง ๆ มากมายเมื่อเขายังเด็ก แม้ว่าตอนนี้เขาจะปักหลักอาศัยอยู่ในเมืองเรดเมาน์เทนเท่านั้น แต่เขาก็คิดเสมอว่าตัวเองเป็นคนที่มีประสบการณ์ในชีวิตมากคนหนึ่งเสมอ
แต่วันนี้เขารู้สึกว่าตัวเองโง่เกินไป เขาไม่รู้จักวิธีการฆ่าตัวตายแบบใหม่ซึ่งเป็นการระเบิดหัวของตัวเองด้วยแรงสะท้อนกลับของเวทย์มนตร์ ผู้ใช้เวทมนตร์ทุกคนจะต้องประทับใจกับการระเบิดที่แม่นยำนี้
ฟอลเคนปิดปากของเขาในที่สุด ชายหนุ่มผู้ที่อยู่ ๆ ก็โผล่ออกมาในวิหารของเขานี้ควรจะเป็นบุตรทองคำอมตะที่จะมาถึงในวันนี้ตามคำพยากรณ์ ซึ่งกล่าวว่าเขาจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งบนโต๊ะพิธีกรรมในวิหารหลังจากที่เขาเสียชีวิต
แต่ถ้าเขาไม่กลับมาล่ะ ? มีวิหารของโบสถ์แห่งชีวิตอยู่มากมายในโลกนี้ แต่มีบุตรทองคำไม่มากขนาดนั้น เขาอาจยังไม่เจอวิหารของเขา ทว่าในตอนนี้ฟอลเคนจะจัดการกับร่างกายที่ไม่มีหัวนี้และจัดการกับสถานที่ที่ดูเหมือนเกิดการฆาตกรรมนี้ได้อย่างไร?
เขาเป็นนักบวชที่ได้รับการยกย่องนับถือในเมืองเรดเมาน์เทนมานานหลายทศวรรษ เขาไม่คาดหวังจะพบเจออะไรแบบนี้ก่อนตาย และนี่มันใกล้จะเป็นช่วงเวลาแห่งการสวดมนต์ของเมืองแล้ว หากชาวบ้านเห็นเขายืนอยู่กลางกองเลือดและมีร่างของชายหัวขาดอยู่ข้าง ๆ เขา...
เขาสามารถจินตนาการได้เลยว่าชาวบ้านจะคิดอย่างไร!
โบสถ์แห่งชีวิตใช้เวลาหลายทศวรรษที่จะสร้างรากฐานในหมู่บ้านนี้ หากชาวบ้านสูญเสียศรัทธาเนื่องจากเหตุการณ์นี้ เขาคงละอายใจที่จะเผชิญหน้ากับเทพธิดาเมื่อเขาถูกเรียกตัวไปพบในภายหลัง
ฟอลเคนปวดหัวอย่างมาก
และสิ่งที่เขากลัวที่สุดก็เกิดขึ้น ประตูไม้ที่อยู่ด้านหลังฟอลเคนถูกเปิดออกและผู้หญิงอวบอ้วนคนหนึ่งก็กรีดร้องเสียงดังราวกับว่าเธอเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการขับร้องเมื่อเธอเห็นฉากที่น่ากลัวนี่ เธอยังทรุดตัวลงไปบนพื้นเมื่อฟอลเคนหันกลับมาพร้อมกับเศษสมองและเลือดที่เปื้อนไปทั่วร่างกายของเขา
“ไม่ต้องกลัว ซูซาน” ฟอลเคนพยายามจะบอกับเธอ “ฉันคือฟอลเคน คือว่าเรื่องนี้…”
"อะไรนะ ? คุณคือฟอลเคนเหรอ ?“น่าประหลาดใจที่หญิงสาวอวบอ้วนที่ชื่อซูซานรู้สึกผ่อนคลายลง หลังจากจดจำเสียงของฟอลเคนได้ เธอกระโดดลุกขึ้นและก่นด่าไปที่ร่างกายที่ไร้ศีรษะของโรแลนด์”ท่านบาทหลวง เขาเป็นโจรใช่ไหม ? คุณทำได้ดีมาก! รอก่อนนะ ฉันจะไปตามให้คนอื่นมาช่วยคุณ เขาโง่มากที่คิดจะปล้นคุณ...”
หลังจากกล่าวจบ เธอรีบจากไปแล้วร้องออกมา “ใครก็ได้ช่วยด้วย! ท่านบาทหลวงชราได้ฆ่าโจร ช่วยมาที่นี่แล้วช่วยเขาขนย้ายศพออกไปที”
เมื่อได้ยินเสียงร้องและตะโกนนั่น ฟอลเคนก็ยิ้มกว้าง ขณะที่น้ำตาของเขาไหลออกมาเล็กน้อย
ในไม่ช้ากลุ่มคนจำนวนมากก็เข้ามาซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่ เด็ก ๆ ถูกกันไว้ให้อยู่ด้านนอก พวกเขาอ้าปากค้างเมื่อเห็นภาพอันน่าสยดสยองและก่นด่าโจรที่กล้าบุกเข้ามาในวิหาร ไม่มีใครสงสัยว่าฟอลเคน เป็นฆาตกร
หลังจากคุยกันซักพัก บางคนนำน้ำสะอาดมาเช็ดถูบริเวณพื้นและบางคนก็ไปหาผ้าผืนหนึ่งมาเพื่อคลุมซากศพนั่นออกไปและเผาทิ้ง
มีผู้คนมากมายมารวมตัวกันอยู่รอบ ๆ ฟอลเคนโดยพยายามถามว่าเขาบาดเจ็บหรือเปล่า เห็นได้ชัดว่าคนในหมู่บ้านต่างห่วงใยเขา บางคนถึงกับช่วยเช็ดคราบเลือดที่สกปรกบนเสื้อผ้าของเขาให้อีกด้วย
ไม่มีใครในพวกเขารวมทั้งตัวของนักบวชชราฟอลเคนที่จะมองเห็นจิตสำนึกของโรแลนด์ที่ยืนอยู่ติดกับร่างกายของเขา ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าพวกเขาจะมองไม่เห็นโรแลนด์ เมื่อเขาอยู่ในสภาวะที่เป็นแค่จิตสำนึก
ในที่สุดโรแลนด์ก็กลับมาสนใจเรื่องของตนเอง ที่เกิดความเจ็บปวดที่ไม่คาดคิด เขายืนยันว่าร่างกายของเขาในเกมนี้ ตายเพราะหัวระเบิดเนื่องจากการร่ายเวทมนตร์ที่ไม่เหมาะสม
มันเป็นหนึ่งในวิธีการตายที่ตลกที่สุดที่เขาเคยเจอ เขาคงจะหัวเราะไม่หยุดถ้ามันเกิดขึ้นกับผู้เล่นคนอื่น แต่เนื่องจากเขาเป็นเหยื่อในครั้งนี้ เขาทำได้แค่คร่ำครวญด้วยความเศร้าเท่านั้น
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ความยากของเมจ (Mage) ถูกระบุไว้ว่าอยู่ที่ระดับสิบดาวบนเว็บไซต์ทางการของเกมซึ่งเป็นความยากที่สูงที่สุดของทุกคลาส วอล็อค (Warlock) และพรีสต์ (Priest) อีกสองคลาสของผู้ใช้เวทมนตร์กลับอยู่ที่ระดับห้าดาวเท่านั้น
โรแลนด์จำการแจ้งเตือนที่เขาอ่านก่อนเข้าสู่โลกเสมือนจริงนี้ได้ หลังจากที่ผู้เล่นเสียชีวิต พวกเขาจะฟื้นคืนชีพในเวลาเพียงไม่กี่วินาที หลังจากที่จิตสำนึกของพวกเขาพบวิหารของโบสถ์แห่งชีวิตและนอนลงบนโต๊ะพิธีกรรม
เขาสังเกตเห็นคนที่กำลังยุ่งอยู่กับร่างกายของเขา ในสภาวะที่เป็นแค่จิตสำนึกนี้เขามีเพียงแค่สายตาที่มองเห็นปกติ แต่ไม่สามารถดมกลิ่น รู้รสหรือรู้สึกอะไรได้เลย เขารู้สึกกลัวและประหม่าเมื่อเขาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่กีดกันประสาทสัมผัสนี้นานเกินไป
เขารีบปีนขึ้นไปบนโต๊ะพิธีกรรมและนอนลง กระโปรงหินที่เป็นกระโปรงของรูปปั้นเทพธิดาอยู่ตรงหน้าเขาอีกครั้ง
แน่นอนว่ามันไม่มีอะไรอยู่ใต้กระโปรงยกเว้นโครงสร้างหินที่เรียบง่าย มันไม่เห็นจะมีอะไรน่าดูเลย
ในขณะที่โรแลนด์กำลังคิดอะไรไปเรื่อย ดวงตาของรูปปั้นเทพธิดาก็เปล่งประกายแสงสีเขียวที่ส่องลงมายังจิตสำนึกของเขา
จิตสำนึกของเขาเปลี่ยนไป เขารู้สึกอบอุ่นและมีพลังงานแปลก ๆ ไหลเข้ามาภายใน จากนั้นเขาก็มึนงง เมื่อเขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งเขาพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนโต๊ะพิธีกรรม
เขาลุกขึ้นและพบว่าพวก NPC ที่ยุ่งอยู่กับการเคลื่อนย้ายร่างกายจ้องมองมาที่เขาด้วยความประหลาดใจ ขณะกำลังอ้าปากค้าง
ในเวลานี้เขารู้สึกหนาวเล็กน้อย เขาก้มหัวลงและเขาก็ดูแย่มากอีกแล้ว
เขาเปลือยกายทั้งหมดโดยไม่มีแม้แต่ผ้าชิ้นเล็ก ๆสักชิ้น
โรแลนด์อับอายมากจนเขาอยากจะฆ่าตัวตาย หลังจากพยายามที่จะสงบสติอารมณ์ เขามองไปที่ฝูงชนและสงสัยว่าเขาจะหลุดพ้นจากสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจนี้ไปได้อย่างไร แต่ไม่นานนักเขาก็ถอนหายใจยาว ๆ ออกมา เพราะเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะอธิบายตัวเองเมื่อเขาไม่รู้ภาษา
ซึ่งนั่นได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเขาไม่สามารถเปิดใช้งานความสามารถทางภาษาได้ในขณะนี้
ตอนนี้เอง นักบวชชราก็พูดอะไรบางอย่างกับฝูงชนและพวกเขาเดินออกจากวิหารไปตามลำดับ จนคนสุดท้ายของพวกเขาก็ปิดประตู
วิหารกลับมามืดลงอีกครั้ง ร่างกายที่ไม่มีส่วนหัวยังคงนอนอยู่บนพื้น เลือดบนใบหน้าของนักบวชชรานั้นหายไป แต่เศษสมองยังคงติดอยู่บนเสื้อผ้าของเขาซึ่งมันค่อนข้างน่าขนลุก
อย่างไรก็ตามโรแลนด์ก็ไม่รู้สึกกลัวเพราะเลือดและเศษอวัยวะถูกทำให้เบลอเป็นสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก ๆ ที่ไม่เป็นอันตรายภายในเกม