ตอนที่แล้วบทที่ 6: รักษาสิ่งที่ดีไว้เพื่อตัวเอง 1
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 7: รักษาสิ่งที่ดีไว้เพื่อตัวเอง 1

บทที่ 6: รักษาสิ่งที่ดีไว้เพื่อตัวเอง 2


บทที่ 6: รักษาสิ่งที่ดีไว้เพื่อตัวเอง 2

"ความจริงคือพวกเราวางแผนที่จะระเบิดที่นี่เพื่อตรวจค้นภายใน"

"ระเบิดเลยเหรอ?"

ระเบิดก็ทำอะไรสุสานไม่ได้ ในอดีตไม่มีวิธีการใดเลยที่จะจัดการกับสุสานได้ แต่ทว่าพลทหารกลับพูดบางสิ่งที่คาดไม่ถึงออกมา

"ขณะนี้มีผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศอยู่ที่นี่แล้ว"

จูฮอนหัวเราะทันทีที่นึกขึ้นได้

"โอ้โห ไอ้พวกต่างชาติเฮงซวยนั่นใช่ไหม?"

สุสานลึกลับเริ่มปรากฏขึ้นทั่วโลก ทว่าไม่มีใครรู้ถึงรูปลักษณ์ของสุสานหรือโบราณวัตถุภายในเลย

แน่นอนว่าประชาชนทั่วไปไม่รู้อะไรกับสิ่งนี้เลย แต่คนบางพวกทั่วโลกเริ่มที่จะเข้าใจการมีอยู่ของโบราณวัตถุแล้ว

[รัฐบาลเกาหลียังไม่รู้เรื่องสุสานใช่ไหม?]

ลินดา วอล์คเกอร์ เจ้าหน้าที่ซีไอเอของอเมริกา ได้ส่งข้อความ และได้รับการตอบกลับที่เรียบง่าย

[ใช่แล้ว]

ลินดา วอล์คเกอร์ยิ้มทันทีที่เห็น เธอเข้าเกาหลีมาในฐานะนักธรณีวิทยา ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ซีไอเอของอเมริกา

มันคือการเข้าไปในสุสาน

'โบราณวัตถุอยู่ภายในสุสาน'

มันเป็นอย่างนั้น ผู้คนทั่วโลกคิดว่าสุสานเป็นปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยาที่แปลกประหลาด แต่บางประเทศก็รู้ว่าแท้จริงแล้วสุสานคืออะไร

สหรัฐอเมริกาเป็นหนึ่งในนั้น

เป็นเวลาเก้าเดือนแล้วนับตั้งแต่สุสานเริ่มปรากฏขึ้นแบบสุ่มบนโลก

ผู้ใช้โบราณวัตถุปรากฏตัวในบางประเทศ คนเหล่านั้นถือเป็นคนที่โบราณวัตถุเลือกให้เป็นเจ้านาย แต่ทว่าประเทศที่รู้ข้อมูลเกี่ยวกับโบราณวัตถุก็ยังไม่แจ้งให้ประชาชนรู้ ปิดบังทุกอย่างในการสืบค้น

ลินดา วอล์คเกอร์เป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ที่ถูกส่งไปยังหลายประเทศภายใต้การปลอมตัว

'เป้าหมายของเราคือการสำรวจสุสานและตามล่าโบราณวัตถุหากเป็นไปได้ '

ประเทศเกาหลีรวมถึงประเทศอื่นถือว่าสุสานเป็นภัยพิบัติ ทำให้เธอมีโอกาสเข้าไปข้างในและไล่เก็บโบราณวัตถุทั้งหมด

‘สหรัฐอเมริกาต้องใช้โบราณวัตถุเพื่อทำการวิจัย’

หนังสือประวัติศาสตร์และโลกสามารถเปลี่ยนแปลงได้ด้วยโบราณวัตถุเพียงอย่างเดียว

ดังนั้น จะเกิดอะไรขึ้นหากการมีอยู่ของโบราณวัตถุพิเศษเหล่านี้ถูกเปิดเผย? โลกจะตกอยู่ในวุ่นวายถึงขีดสุด

นั่นเป็นเหตุผลที่ประธานาธิบดีต้องการให้ซีไอเอรวบรวมข้อมูลและส่งไปยังทีมวิจัยของสหรัฐอเมริกา แน่นอนว่าเธอยังไม่ตัดสินใจที่จะขโมยโบราณวัตถุจากประเทศอื่นขณะที่ต้องเก็บข้อมูลทุกอย่างเป็นความลับ

'รู้สึกเหมือนได้เป็นนักปล้นสุสานเลย'

ถึงกระนั้นก็ยังมีบางคนที่ต้องการโบราณวัตถุอยู่

"เจอกันอีกแล้วนะ ลินดา"

ชายคนนั้นคือ อาเบะ โคโยชิ ที่มาจากกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่น (JSDF) เขาเป็นชายอายุราวสามสิบ ที่คอยขัดขวางลินดาเสมอมา

เขาผอมแห้งเหมือนตะเกียบ แต่เขาก็เป็นถึงคนในทีมขุดค้นที่รัฐบาลญี่ปุ่นส่งมา

ความแตกต่างระหว่างสหรัฐอเมริกากับญี่ปุ่น คือญี่ปุ่นได้แอบสร้างทีมขุดค้นโบราณวัตถุขึ้นมาแล้ว

อาเบะ โคโยชิรับผิดชอบในเรื่องนั้น

"ดูเหมือนสหรัฐจะโลภมากเลยสินะ ขนาดเราเป็นประเทศเพื่อนบ้าน แต่คุณยอมนั่งเครื่องมาตั้งสิบสองชั่วโมงเพื่อมาที่นี่"

“เดี๋ยวก่อน”

"ทำไมคุณไม่ไปสถานที่อย่างอลาสกาล่ะ? ขอเดาว่าถ้าไปที่นั่นคงมีเวลาเหลือเฟือเลย"

ลินดา วอล์คเกอร์หันซ้ายหันขวาก่อนที่จะตอบ

อาเบะหัวเราะทันทีที่เห็น

"คุณรอบคอบเกินไป ไม่มีใครอยู่แถวนี้หรอก เราไม่ต้องการให้ชาวเกาหลีรู้เรื่องโบราณวัตถุเช่นกัน"

ลินดาตอบกลับอย่างรวดเร็ว

“สหรัฐฯพยายามที่จะยึดโบราณวัตถุกลับไปยังสมาคมตำรวจสากล เรามุ่งเน้นไปที่การวิจัยและการตรวจสอบในนามของสันติภาพ”

"โอ้ ผมไม่เชื่อเรื่องไร้สาระพรรณนั้นจากซีไอเอที่ทำงานเพื่อประโยชน์ของสหรัฐอเมริกาหรอก ความจริงคือพวกคุณรู้มูลค่าของโบราณวัตถุและไม่ต้องการให้คนอื่นได้ครอบครอง"

“นี่นาย!”

"ผมผิดตรงไหนเหรอ? งั้นคุณจะยอมให้คนอื่นครอบครองบ้างไหมล่ะ หากพวกเขาต้องใช้ในการค้นคว้าวิจัยเหมือนกัน?"

“...”

"เห็นไหม ผมบอกแล้ว"

อาเบะรู้สึกพอใจที่พูดเช่นนั้น

"จงอย่าเป็นศัตรูกับประเทศพันธมิตร ศัตรูของเราคือจีน แล้วก็ผมจะยกโบราณวัตถุให้กับคุณเพราะว่านายกรัฐมนตรีของเรารอคอยมันอยู่เช่นกัน"

"ก็ได้ อย่าปากมากแล้วกัน ไม่อย่างนั้นพวกเกาหลีรู้เรื่องโบราณวัตถุแน่"

"ฮ่าฮ่า ผมไม่มีทางทำแบบนั้นหรอก ญี่ปุ่นต้องใช้โบราณวัตถุทั้งหมดจากประเทศนี้"

ใครก็สงสัยว่าทำไมอาเบะถึงมั่นใจที่พูดขนาดนั้น ทว่าลินดารู้ว่าทำไม

ญี่ปุ่นมีผู้ใช้โบราณวัตถุที่ได้รับความสามารถใน 'การทำนาย' ขณะที่สหรัฐฯกำลังสติแตกแทบตายในการตามหาโบราณวัตถุพวกนั้น สิ่งที่รู้แน่ชัดเกี่ยวกับอีกฝ่ายคือญี่ปุ่นตามหาโบราณวัตถุได้เพราะข้อมูลจากผู้ทำนาย แต่ลินดาก็ไม่ได้จะนิ่งเฉยและปล่อยให้อาเบะทำตามอำเภอใจ

'ประเทศเกาหลียังไม่มีความสามารถในการตามหาโบราณวัตถุ ที่พวกเราต้องคอยระวังในแถบตะวันออกก็มีแค่ญี่ปุ่น และจีนที่กว่าจะรู้ความจริง'

ทั้งสองคนเริ่มเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว

ทั้งสองไม่รู้เลยว่ามีคู่แข่งที่คาดไม่ถึงอยู่แถวนี้

‘รู้แล้ว ว่าในอดีตใครเป็นคนชิงโบราณวัตถุไป’

จูฮอนแค่นเสียงออกหลังได้ทราบว่าลินดาและอาเบะ ครั้งหนึ่งเคยปะทะและสะกดข่มซึ่งกันและกัน

จูฮอนรู้เรื่ององค์กร แต่ไม่รู้ว่าคนพวกนั้นเป็นใคร

'ซีไอเอเจ้าเล่ห์และทีมขุดค้นจากญี่ปุ่นหน้าโง่'

จูฮอนรู้แล้วว่ามีหลายประเทศที่รู้เรื่องโบราณวัตถุและสุสานในช่วงเวลานี้

สหรัฐฯมีผู้ใช้โบราณวัตถุของเมดูซ่าในช่วงเริ่มต้น ส่วนญี่ปุ่นก็มีเจ้าชายโชโตกุ ซึ่งเป็นผู้ใช้โบราณวัตถุบันทึกอนาคตของญี่ปุ่น

ความจริงก็คือพวกเขาโชคดีที่มีโบราณวัตถุที่เอื้อต่อการหาเจ้านายมากกว่าจัดการกับสุสาน

'แต่ผู้ใช้โบราณวัตถุของเมดูซ่าเป็นแค่เด็กเล็กที่ยังใช้ไม่ถูกเลยด้วยซ้ำ และผู้ใช้โบราณวัตถุของบันทึกอนาคตก็...'

จูฮอนหัวเราะทันทีที่คิดถึงบุคคลนั้นชั่วครู่หนึ่ง

'ไม่มีใครโง่ไปกว่าไอ้บ้านั่นแล้ว'

ประเทศเริ่มแรกที่รู้เรื่องโบราณวัตถุนั้นกำลังมองหาโอกาสในการแย่งชิงโบราณวัตถุ และพยายามเก็บข้อมูลไว้กับตัวเองเพื่อที่จะได้ถือครองโบราณวัตถุ

'แต่มันไม่มีความหมายอะไรแล้ว'

นี่เป็นเพียงแค่ช่วงต้น เหตุการณ์การปรากฏของสุสานที่ยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้นในไม่กี่เดือนทำให้โลกประจักษ์ในเรื่องสุสานและโบราณวัตถุ โดยสร้างยุคที่แม้แต่ประชาชนก็สามารถใช้โบราณวัตถุได้

ความจริงคือจูฮอนไม่สนใจว่าใครจะชิงโบราณวัตถุมาจากสุสานได้ แต่คนที่ได้มาก่อนถือเป็นผู้ชนะและผู้ครอบครอง

'แต่เราก็ยังไม่ชอบความคิดของพวกคนญี่ปุ่นหน้าโง่นั่นอยู่ดี'

พวกสหรัฐอเมริกาเองก็เช่นกัน

จูฮอนจึงเริ่มเคลื่อนไหว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด