บทที่ 5: ส่งเงินมาซะดี ๆ 1
บทที่ 5: ส่งเงินมาซะดี ๆ 1
อีกฝ่ายกระทืบเท้ารุนแรง จูฮอนก็ไม่ได้สนใจแต่อย่างใด ทั้งยังไม่ได้แสดงท่าทีหมดความอดทนออกมา
เขาก็แค่...
"คุณครับ นี่ไม่น่าถึงห้าหมื่นวอนด้วยซ้ำ"
“หา ว่ายังไงนะ?”
“เอาไปวางไว้ในบ้านยังดีเสียกว่า ผมคิดว่าไม่มีใครรับซื้อหรอก”
เข้าสู่สถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจ
“... โห! พวกนั้นทำอย่างกับมีค่าเป็นล้านวอน”
จูฮอนเริ่มขมวดคิ้วหลังจากให้พ่อค้าที่รับซื้อศิลปกรรมประเมินราคา
เขารู้สึกตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยุ่งยาก ซึ่งเป็นเรื่องน่าแปลก
เขาได้นำพระพุทธรูปมาประเมินราคา พร้อมกับอ้างว่านี่เป็นเงินค่าจ้างและค่าชดเชย แต่แล้ว...
'บ้าน่า มีค่าแค่ห้าหมื่นวอนเองเหรอ?'
ปาร์คคยองเทหน้าซีด และพยายามที่จะเอารูปปั้นคืนราวกับมันมีค่ามากกว่านั้น
เขาสงสัยว่าคนประเมินราคาโกหก เพราะเจอคนจำพวกนี้มาไม่น้อย
อีกฝ่ายไม่เผยท่าทีสนใจรูปปั้นแม้แต่น้อย ทั้งยังทำเหมือนเขาขาจรเอาของอะไรไม่รู้มาขาย
นั่นคือเหตุผลที่จูฮอนเดินจากออกจากร้านพร้อมกระเดาะลิ้น
‘เฮ้อ ไอ้พวกปัญญาอ่อนนั่นไม่รู้ราคาจริงงั้นเหรอเนี่ย
ไอ้พวกนั้นเป็นนายหน้าหรือยังไงกัน?
แม้ว่าจะเอาไปขาย ก็คงไม่ได้เงินอยู่ดี แต่เขาต้องการเงินเพื่อใช้ตามหาโบราณวัตถุ
แน่นอนว่านี่เป็นความผิดของเขาที่ไม่ตรวจดูให้ดีก่อนที่จะยึดมา ถึงกระนั้นสัญชาตญาณก็บอกเขาว่าสิ่งนี้มีค่ามากกว่าที่คิด
‘... ช่างน่าแปลก’
เมื่อพูดถึงเรื่องเงิน จูฮอนมักมีเซ้นส์ที่แรงกล้า เขามีเซ้นส์ที่เหลือเชื่อเมื่อได้สัมผัสกับโบราณวัตถุด้วยความสามารถทางโบราณคดี
สัญชาตญาณนั่นบอกเขาว่ารูปปั้นนี้มีมูลค่ามาก
'ทำไมล่ะ? ทำไมถึงรู้สึกว่ารูปปั้นราคาถูกนี่ถึงมีค่ามากกันนะ?
จูฮอนคิดทบทวนสักพักก่อนที่จะปล่อยให้เป็นไปเช่นนั้นต่อไป
"โอเค นี่ไม่ใช่โบราณวัตถุด้วยซ้ำ เซ้นส์เรามันใช้ไม่ได้กับงานศิลปะธรรมดาหรอก"
ขณะจูฮอนจะกลับไปรับเงินห้าหมื่นวอน บางอย่างพลันปรากฏ
“หือ?”
ข้อความลึกลับโผล่ขึ้นต่อหน้าต่อหน้า
[เปิดใช้งานความสามารถในการสอดแนม]
[มีการตรวจพบสสารน่าสงสัยในรูปปั้นพระพุทธรูป]
'โห ดูนี่สิ?'
จูฮอนเริ่มหัวเราะทันทีที่เห็นข้อความ
‘สสารน่าสงสัยงั้นเหรอ?’
นัยน์ตาของจูฮอนเกลือกกลิ้งราวกับจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ ไม่ผิดหากจะพูดว่าเขาดูเหมือนกับเด็กที่กำลังตื่นเต้น
เขาเชื่อว่าข้อความนี้มาจากสกิลสอดแนม ซึ่งเป็นหนึ่งในทักษะพื้นฐานของนักปล้นสุสาน ที่เปลี่ยนไปเป็นเหมือนสกิลการค้นหาในวิดีโอเกม
‘มีอะไรอยู่ข้างในกันนะ?’
ไม่มีทางที่จะมีเพชรเม็ดงามอยู่ในนั้นแน่
จูฮอนตรวจดูที่รูปปั้นพร้อมกับเขย่า แต่ก็รู้สึกว่าไม่มีอะไรผิดปกติ
อะไรอยู่ข้างในกัน?
จูฮอนไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้มาก่อน แต่เขาก็พยายามเพ่งดูด้วยความสามารถของนักปล้นสุสาน
ปาร์คคยองเทไม่ใช่นายหน้ามือใหม่ ดังนั้นไม่มีทางที่เขาจะร้อนใจที่ถูกชิงรูปปั้นมูลค่าห้าหมื่นวอน
นั่นหมายความว่าเป้าหมายของพวกนั้นไม่ใช่เปลือกนอก แต่เป็นของที่อยู่ภายใน
‘… พวกนั้นซ่อนอะไรไว้ในรูปปั้นงั้นสินะ’
บางอย่างที่สามารถทำเงินได้เป็นตัน
‘พูดโดยง่าย นี่อาจจะเป็นการฟอกเงิน... เงินหนีภาษี...หรือเพชรพลอย...'
หลายสิ่งอย่างผุดขึ้นมาในหัวแต่เขากลับคิดไม่ออก จูฮอนคิดว่ามันน่าจะมีอะไรมากกว่านั้น
'ไอ้พวกบ้านั่น อย่าบอกนะว่าพวกมัน…?'
มุมปากของเขาพลันยกขึ้นเผยยิ้มเจ้าเล่ห์
จูฮอนผู้คลุกคลีทำงานด้านนี้มานานย่อมคิดได้ ปกติแล้ว ซื้อขายกันแบบนี้ก็เห็นจะมีเพียงสิ่งเดียว
‘แต่... พวกมันกล้าทำขนาดนี้เลยเหรอ?’
สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น จูฮอนรีบหยิบมีดโบราณวัตถุขึ้นมา
ขณะปลุกการใช้งานของมีด รูปปั้นถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนราวกับการเคลื่อนไหวของพระเจ้า เศษกาวที่ติดอยู่ถูกตัดออก
มีขวดแก้วใส่ของเหลวอยู่ข้างใน จูฮอนหัวเราะทันทีที่เห็น
‘อย่างที่คิดไว้’
มันคือยาเสพติด ที่มีของเหลวใสอยู่ภายใน
มันอาจดูผิดเป็นน้ำเกลือได้ แต่มันคือยาเสพติดเหลวที่เรียกว่า น้ำตาแห่งเทพเจ้า (TG) ซึ่งถูกสังเคราะห์จากกัญชาและ XLR-11
เพียงแค่หยดลงบนบุหรี่ก็ทำให้เมาได้ แทนการใช้เข็มฉีดยา
ส่งออกและเอายาพวกนี้ใส่ไว้ในงานศิลปะ!
"ดูไอ้เจ้าสิ่งนี้สิ
ไม่น่าแปลกใจที่ปาร์คคยองเทร้อนรน
ทันทีที่มองขวดตรงหน้า จูฮอนจึงนึกถึงเรื่องครั้งเป็นเด็กได้
'พอมาลองนึกดูแล้ว พวกบ้านั่นมีงานศิลปะเป็นร้อยเลยนี่หว่า?'
แล้วถ้ามียาพวกนี้อยู่ข้างในนั้นหมดเลยล่ะ?
จูฮอนตระหนักถึงเรื่องนี้ ก่อนที่จะยิ้มอย่างชั่วร้ายและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
เขาคิดวิธีที่จะหาเงินได้อย่างรวดเร็วออกแล้ว และด้วยวิธีนี้ เขาไม่จำเป็นต้องคิดถึงค่าจ้างที่ไม่กี่ล้านวอนอีกแล้ว
แน่นอนว่าเขาเคยไม่สนใจที่จะทำเรื่องสกปรกอย่างขายยาเสพติด
เขาแค่ต้องการที่จะ...
"นี่พี่ควอนอู ผมเอง ขอโทษนะที่หายไปก่อนหน้านี้ ว่าแต่พี่ไม่ได้ยุ่งอยู่ใช่ไหม?"
เขารู้ดีว่ารางวัลสำหรับความช่วยเหลือในการจับผู้ค้ายาเสพติดนั้นสูงถึง 100 ล้านวอน
"ป-เปล่า ไม่ใช่แบบนั้นนะคะท่านประธาน ไม่ใช่ว่าของยังไม่พร้อม"
“ใช่ค่ะท่าน! อย่างที่บอกไปก่อนหน้า เราต้องชะลอการเจรจากันก่อน มีคนกำลังจับตาดูพวกเราอยู่ ใช่ค่ะท่าน ข-เข้าใจแล้วค่ะ...โอ๊ย!”