บทที่ 31: ตัวตนที่แท้จริงของยูนิคอร์นตัวนั้น
“ปัญหาหลักของเราตอนนี้คือเงิน พวกเขาออกไปหรือยัง?” วิลเลียมปรบมือก่อนจะถามน็อกซ์
น็อกซ์โบกขวานของเขาไปรอบๆและพยักหน้า “กลุ่มวาณิชย์เหล่านั้นได้ออกไปแล้วครับ พวกเขายังทิ้งสินค้าที่นำมาทั้งหมดเพื่อมอบให้กับท่านลอร์ดอีกด้วย”
“เขาเป็นคนฉลาด เราควรรักษาเขาไว้” วิลเลียมอมยิ้ม โบกมือให้น็อกซ์นำของฟรีทั้งหมดไปเก็บในห้องนิรภัยที่สร้างขึ้นใหม่
“ท่านขอทาสมากมาย แต่เราไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น หรือเราควรจะเป็นคนที่ไร้ความปราณี?” ลอทเนอร์วาดเส้นผ่านลำคอของเขา
วิลเลียมสังเกตการกระทำที่คุ้นเคยก่อนจะส่ายศีรษะเบาๆ “เมื่อทำธุรกิจเราต้องมองการณ์ไกล เรามีมิทริลจำนวนมากที่สามารถขายออกไปได้ พรุ่งนี้ตามฉันไปขายมิทริลบางส่วนที่เมืองบลูมูนที่อยู่ใกล้กับทะเลสาบบลูมูน”
“ทะเลสาบบลูมูนไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าใดนัก...” ลอทเนอร์กลืนน้ำลาย
วิลเลียมสับสนเล็กน้อยและส่งสายตาที่เต็มไปด้วยความงงงวยออกไป…
สำหรับเขา ทะเลสาบบลูมูนเป็นสถานที่ที่คุ้นเคยมาก ในชีวิตก่อนเขาไปที่นั่นบ่อยครั้งและไม่ค่อยเห็นปัญหามากเท่าใดนัก ตราบใดที่เป็นคนที่ดูดี พวกเขาจะสามารถได้รับส่วนลดเมื่อพวกเขาแลกเปลี่ยนกับเอลฟ์
และในชีวิตก่อนหน้านี้เขาก็หล่อเหลามาก ความดูดีของเขามีคุณสมบัติเหมาะสมมากพอที่จะเป็นเทพบุตรได้เลยด้วยซ้ำ ดังนั้น เขาจึงเป็นชายหนุ่มผู้งดงามที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
แต่มันก็น่าเสียดายที่เขาไม่ได้เป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์ที่มีปีก เหล่าเทวดานางฟ้าทั้งหลายจึงไม่ได้มีโอกาสชื่นชมใบหน้าที่งดงามของเขาอย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ตาม คำอธิบายต่อไปของลอทเนอร์ก็ทำให้มุมปากของวิลเลียมกระตุกและรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย…
ทะเลสาบบลูมูนในป่าแบล็คลีฟไม่ได้ไกลจากที่นี่มากนัก มันมีพื้นที่มากกว่าหนึ่งร้อยตารางกิโลเมตรเล็กน้อยและเป็นเมืองเอลฟ์ที่มีประชากรราวๆสี่หมื่นคน เมืองทั้งเมืองถูกสร้างด้วยไม้ที่เปลี่ยนรูปอย่างน่าอัศจรรย์ ทะเลสาบบลูมูนไม่ใช่เพียงแค่ทะเลสาบธรรมดาๆ แต่มันยังเป็นทะเลสาบที่มีหลากหลายสีที่บางส่วนจะสูงบางส่วนจะต่ำ ทั้งหมดเรียงซ้อนกันอย่างประณีตและค่อยๆก่อตัวเป็นรูปพระจันทร์ทรงกลม
ในทุกๆคืนหากคุณยืนอยู่ด้านบนและมองลงไปยังทะเลสาบ มันจะดูเหมือนว่ามีดวงจันทร์กลมๆฝังอยู่ในพื้นดิน แต่ไม่เพียงเท่านั้น ทะเลสาบบลูมูนแห่งนี้จะสวยงามพร่างพราวยิ่งขึ้นราวกับสวรรค์บนดิน เมื่อมีหมอกจางๆที่เกิดจากอุณหภูมิของน้ำในทะเลสาบสูงขึ้นเล็กน้อย
นอกจากหมู่บ้านของเอลฟ์แบล็คลีฟแล้ว เมืองบลูมูนยังมีเอลฟ์มูนไลท์อาศัยกว่าเจ็ดพันตน
การที่เอลฟ์มูนไลท์อยู่ที่นี่เป็นเพราะที่นี่มีเจ้าหญิงน้อยของเอลฟ์มูนไลท์อยู่ เธอมีองครักษ์อยู่สามพันตนในขณะที่คนอื่นๆที่เหลือนั้นมีบทบาทและภารกิจที่แตกต่างกัน
อย่างไรก็ตาม จุดประสงค์หลักของพวกเขาก็ยังเป็นการติดตามเจ้าหญิงน้อยผู้นั้นอยู่ดี…
ถ้าว่ากันตามราชวงศ์เอลฟ์แบล็คลีฟแล้ว กรรมสิทธิ์ของเมืองบลูมูนเป็นของเจ้าหญิงเอลฟ์มูนไลท์น้อยเพียงชั่วคราว
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่บังเอิญที่สุดคือ…
วิลเลียมเคยมีเรื่องกับเจ้าหญิงน้อยองค์นี้…
หากคุณคิดว่านี่อาจเป็นเรื่องการปฏิเสธพิธีหมั้นที่คร่ำครึแล้วล่ะก็?
ขอบอกเลยว่า ไม่ใช่!
ในฐานะครึ่งเอลฟ์เขาไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธใคร
เมื่อตอนที่วิลเลียมยังเด็ก เขาไล่ตะเพิดเหตุการณ์พิเศษเหตุการณ์หนึ่งที่เจ้าหญิงน้อยอาจจะไม่ได้พบเจอเลยอีกครั้ง…
ยูนิคอร์น!
ยูนิคอร์นคืออะไร?
มันไม่ใช่แค่ม้าสีขาวที่มีเขา
มันยังเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีปีกอันงดงาม มีเขาบนศีรษะ สามารถก้าวเดินบนสายรุ้ง และมันยังสามารถกำจัดอสูรเวทย์ที่แข็งแกร่งมากได้อีกด้วย ความงดงามของมันเทียบเท่าได้กระทั่งมังกรยักษ์!
เมื่อก่อนตอนที่วิลเลียมยังเด็กก็เคยมาเล่นที่ทะเลสาบบลูมูน…
เขาบังเอิญเห็นม้าตัวเล็กที่มีปีกเข้ามาหาเจ้าหญิงอย่างช้าๆ…
โดยปกติแล้ว การที่ถูกยูนิคอร์นลึกลับเข้าหาไม่ว่าจะเป็นมนุษย์, เอลฟ์ หรือผู้โชคดีและร่ำรวยที่สุดก็จะเทียบได้กับการได้รับพรจากเทพีแห่งโชคชะตา…
แต่วิลเลียมที่ยังเด็กกลับวิ่งเข้าหาและต้องการที่จะสัมผัสม้าตัวเล็ก
จึงทำให้ยูนิคอร์นกระพือปีกและบินหนีไป
นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เจ้าหญิงเอลฟ์มูนไลท์เกือบฆ่าเขาด้วยองครักษ์ทั้ง 3000 ตนของเธอ…
“เดี๋ยวนะ หากเธอเป็นเจ้าหญิงเอลฟ์มูนไลท์ แล้วทำไมถึงมาอยู่ในป่าแบล็คลีฟ?” วิลเลียม แบล็คลีฟเลิกคิ้ว
เมื่อเห็นว่าเขาพลาดประเด็นหลัก ลอทเนอร์ที่รู้ว่าเขาสูญเสียความทรงจำไปจึงไม่ได้กังวลกับเรื่องนี้มากเท่าใดนัก
ลอทเนอร์ตอบเพียงแค่ว่า “ราชวงศ์เอลฟ์แบล็คลีฟมีการเดี่ยวดองด้วยการแต่งงานกับราชวงศ์เอลฟ์มูนไลท์ เจ้าหญิงน้อยองค์นี้เป็นตัวแทนของคนรุ่นนี้”
“แน่นอนว่าการเกี่ยวดองด้วยการแต่งงานของราชวงศ์เอลฟ์ไม่ได้เคร่งครัดเมื่อเทียบกับการแต่งงานเกี่ยวดองระหว่างราชวงศ์ของมนุษย์”
“เราจะไม่บังคับให้เกิดการแต่งงานใดๆหากการแต่งงานนั้นๆปราศจากความรัก เพราะไม่อย่างนั้นอาจเป็นการผลักคนทั้งสองเข้าสู่หลุมศพที่ทำให้หายใจไม่ออก”
“นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เจ้าหญิงน้อยองค์นี้ยังคงอยู่ที่นี่เพื่อรอเนื้อคู่ของเธอ เพราะว่าเผ่าพันธุ์ของเรามีอายุที่ยืนยาว...”
“เธอน่าเกลียดใช่ไหม? ทำไมเราต้องพูดอะไรให้มากความขนาดนี้?” วิลเลียมเยาะเย้ย ความดูหมิ่นปรากฏขึ้นในสายตาของเขา มันก็แค่ยูนิคอร์นใช่มั้ยล่ะ? ทำไมเธอถึงต้องเกลียดเขาไปตลอดชีวิตด้วยล่ะ? เขาคือผู้ที่จะขี่มังกรในอนาคตเลยนะ!
“ไม่ใช่!” เป็นครั้งแรกที่ลอทเนอร์ปฏิเสธอย่างแข็งกร้าว ก่อนที่เขาจะจำได้ว่า “เจ้าหญิงน้อยนั้นงดงามราวกับเทพธิดา เธอเทียบได้กับแม่ของท่าน เธอมีผู้คนมากมายและมีเจ้าชายหลายคนที่ต้องการจะจีบเธอ”
“ไม่ว่าจะเป็นการเล่นดนตรีใต้แสงจันทร์ ขับขานบทกวี หรือแสดงทักษะดาบและธนู...”
“ก็ไม่สามารถคว้าหัวใจของเธอได้”
“แน่นอนว่าเมื่อเทียบกับแม่ของท่านแล้ว เจ้าหญิงน้อยยังคงขาดออร่าอยู่”
“โอ้...” วิลเลียมพยักหน้าด้วยความเข้าใจ เขาไม่สนใจผู้ดูแลเมืองที่คลั่งไคล้อยากจะเป็นพ่อเลี้ยงของเขา เพราะว่าเขารู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้
แต่เขาก็ไม่สามารถห้ามจินตนาการของลอทเนอร์ได้เช่นกัน…
ในชีวิตก่อน เขาเคยมาที่ทะเลสาบบลูมูน แต่เขาไม่รู้ว่าที่นี่มีเจ้าหญิงน้อยอาศัยอยู่เพราะว่าเมืองบลูมูนนั้นไม่มีข้อจำกัดสำหรับเอลฟ์ แต่สำหรับผู้เล่นอย่างเขานั้น องครักษ์ของพวกเขาเข้มงวดมาก
อาจเป็นไปได้ว่าในเวลานั้นเจ้าหญิงน้อยอาจจะแต่งงานแล้วหรือกลับไปที่ป่าแสงจันทร์
สำหรับผู้เล่น นอกจากแม่ม่ายที่สวยมากแล้ว หญิงสาวสวยที่แต่งงานไปแล้วก็ไม่น่าสนใจอีกต่อไป…
มันช่วยไม่ได้ ผู้เล่นชายฉกรรจ์ทั้งหลายช่างซื่อตรงเหลือเกิน…
ท้ายที่สุดแล้ว หญิงสาวที่แต่งงานไปแล้วนั้นไม่สามารถให้อะไรแก่พวกเขาได้อีก แล้วมีอะไรให้ต้องคิดอีกหรอ?
“พรุ่งนี้เดินทางไปที่ทะเลสาบบลูมูนกันเถอะ” วิลเลียมปรบมือขณะที่เขาตัดสินใจได้แล้ว
มุมปากของลอทเนอร์กระตุกยิกๆ “ท่านอยากเปลี่ยนสถานที่หรือไม่? ข้ากลัวว่าท่านจะไม่ได้ออกมาหลังจากเข้าไปในเมืองแล้ว...”
“ไม่ต้องกังวลไป ผ่อนคลายหน่อย!” วิลเลียมตบไหล่ของลอทเนอร์โดยไม่สนใจสิ่งที่เขาพูด
แม้แต่ลอทเนอร์ก็ยังไม่เข้าใจสิ่งเร้นลับอย่างยูนิคอร์น
แต่วิลเลียมรู้ว่า…
ยูนิคอร์นที่แท้จริงที่มีสายเลือดระดับรีเจนดารี หนึ่งในความสามารถติดตัวของมันคือการล่องหน…
ส่วนความสามารถติดตัวสิ่งที่สองคือการอ่านใจ…
ครั้งก่อนวิลเลียมไม่ได้ไล่ยูนิคอร์นไปอย่างแน่นอน บางทีเขาอาจจะทำให้ยูนิคอร์นกลัวจนล่องหนไปก็ได้ ท้ายที่สุดแล้วเมื่อยูนิคอร์นตั้งใจจะเข้าหาหญิงสาวคนไหน มันจะไม่ยอมแพ้ไปอย่างง่ายๆแน่นอน
ยูนิคอร์นแค่ไม่อยากให้คนอื่นๆเห็นหรือเข้าใกล้มัน
ถ้าไม่อย่างนั้น ทำไมเจ้าหญิงเยว่ฉีถึงได้ปล่อยเขาไปง่ายๆ?
มันจะเป็นไปได้อย่างไร…
แค่คิดถึงองครักษ์ทั้งสามพันตนของเธอ
แล้วมาคิดถึงองครักษ์แค่ห้าร้อยตนของเขา
พ่อของเธอสปอยลูกสาวตัวเองจนกลายเป็นอะไรไปแล้วเนี่ย?
ถ้าเป็นไปอย่างที่เขาคิด วิลเลียมก็รู้สึกโกรธขึ้นมาจริงๆ!
หากเขามีโอกาสเขาจะชี้ไปยังหน้าของราชาเอลฟ์มูนไลท์และด่าออกมาดังๆ พ่อแม่ที่สปอยลูกตัวเองจนเคยตัวหาใช่พ่อแม่ที่ดี เขาสามารถรับแรงกดดันจากเจ้าหญิงน้อยได้อยู่แล้ว!
หากไม่เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น เจ้าหญิงมูนไลท์คงไม่สามารถแยกจากยูนิคอร์นตนนั้นได้และมองผู้ชายทุกคนเป็นเพลย์บอย
เธอจะสามารถหยิบยืมความสามารถของยูนิคอร์นเพื่อมองถึงหัวใจที่สกปรกของผู้ชายเหล่านั้นได้…
ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือเอลฟ์ที่เป็นเพศชาย เมื่อเข้าไปจีบหญิงสาวสักคน แน่นอนว่าต้องมีความคิดที่ไม่ค่อยดีอย่างแน่นอน
และความคิดดังกล่าวนั้นสกปรกมากสำหรับยูนิคอร์น
ในกรณีนี้ หญิงสาวที่สามารถสื่อสารกับยูนิคอร์นได้จะสามารถล่วงรู้ความคิดเช่นนี้ได้เช่นกัน
ลองคิดดู แม้กระทั่งเจ้าชายเอลฟ์ที่หล่อเหลานั้นจะดูสง่างาม แต่พวกเขาก็ยังมีความคิดที่ไม่ค่อยดีอยู่ ในกรณีนี้ เจ้าหญิงน้อยที่ไม่เคยมีความสัมพันธ์กับใคร ไม่เคยจับมือ และแม้กระทั่งจูบ จะได้รับความกลัวในทางจิตบ้างหรือไม่?
โดยทั่วไปอาจจะกล่าวได้ว่า
เจ้าหญิงเยว่ฉีพร้อมด้วยยูนิคอร์นอาจจะโสดไปตลอดชีวิต
หรือไม่บางที…
หญิงสาวทุกคนที่ได้รับการชื่นชอบจากยูนิคอร์นอาจจะได้ใช้ชีวิตที่เหลือของพวกเธอเช่นนั้น…
หากวิลเลียมไม่ได้รู้ว่ายูนิคอร์นเป็นพวกยูนิเซ็กส์และไม่สามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ เขาคงสงสัยว่ายูนิคอร์นเป็นสิ่งมีชีวิตจำพวกอินคิวบัสที่คอยล่อลวงหญิงสาวสวยเหล่านั้น...