บทที่ 3 สิ่งที่น่าอึดอัดใจเล็กน้อย
[SC] บทที่ 3 สิ่งที่น่าอึดอัดใจเล็กน้อย
หากมีคนได้ยินเรื่องพวกนี้ ชายหนุ่มคงจะโดนหาว่าบ้าอย่างแน่นอน
สำหรับเหล่าผู้ทรงอำนาจทั้งหลายในปัจจุบันแล้ว ส่วนมากพวกเขามักจะไม่ได้คิดไว้ว่าทำไมพวกเขาถึงสามารถทะยานขึ้นมาได้จนถึงจุดนี้ได้ และเมื่อพวกเขาก้าวมาถึงจุดสูงสุด พวกเขาก็จะได้รับการยอมรับโดยที่ไม่ต้องทำอะไรมากมาย
การหาคำตอบสุดท้ายอาจจะใช้เวลาเป็น 10 ปี หรืออาจจะ 20 ปี
ดังนั้นซิงเฉิงจึงไม่ได้สนใจว่าใครจะคิดยังไงกับเขา
แม้ว่าเส้นทางนี้จะเต็มไปด้วยขวากหนามและอันตราย แต่ซิงเฉิงก็ตัดสินใจแล้วว่าตนเองจะต้องเดินหน้าต่อไปให้ได้ ไม่ว่าจะต้องเหนื่อยแค่ไหนก็ตาม
หลังจากสูบบุหรี่เสร็จ ซิงเฉิงก็เดินลงมาจากชั้นดาดฟ้าของเซี่ยงไฮ้แกรนด์ฮอล์
เมื่อกลับมาถึง ซิงเฉิงก็ขับรถมาเซอราตี้แกรนธูริสโม่สีแดงสดกลับมายังสวนฉือเหมาริเวอร่า หลังใช้เวลามองอยู่นาน ซิงเฉิงก็หาบ้านของเขาเจอจนได้
เมื่อเข้าไปในบ้าน ชายหนุ่มก็เปิดไฟ ซิงเฉิงก็รู้สึกอยากที่จะมีเงินซะจริง เพราะถ้ามีเงิน เขาก็จะสามารถซื้อบ้านหรู ๆ ได้แบบนี้ไง ยิ่งซิงเฉิงได้เห็นทิวทัศน์ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยแล้ว ชายหนุ่มก็ยิ่งมุ่งมั่นกับความต้องการดังกล่าวมากยิ่งขึ้น
ระหว่างการเดินทางมายังเซี่ยงไฮ้ ซิงเฉิงไม่ได้เอาอะไรติดตัวมาด้วย ซึ่งนั่นทำให้เขาต้องไปหาซื้ออะไรหลาย ๆ อย่างในวันพรุ่งนี้ แต่ยังโชคดีที่บ้านหลังนี้มีของจำเป็นอยู่ครบครัน ดังนั้นมันจึงไม่ค่อยเดือดร้อนมากนัก
ในตอนที่ชายหนุ่มล้มตัวลงนอน ซิงเฉิงก็นอนไม่ค่อยหลับเท่าไหร่ เขาได้แต่คิดถึงสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้
หาน เกาผิงจะต้องเป็นคนใหญ่คนโตแน่ ๆ ไม่อย่างนั้นเขาคงจะไม่มาอยู่ที่ทอมสันกอล์ฟที่มีแต่คนรวยกับคนชั้นสูง
แต่ก็นั่นแหละ ซิงเฉิงคิดว่าปัญหาที่หาน เกาผิงกำลังมีอยู่ในตอนนี้เอง มันก็คงจะไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ ด้วยเช่นกัน ไม่อย่างงั้นเขาคงไม่มีท่าทีกังวล ซึ่งต่างจากท่าทีสบาย ๆ ที่พวกเขาเจอกันตอนแรกหรอก
ใครกันที่สามารถทำให้หาน เกาผิงต้องร้องขอความช่วยเหลือ ปัญหาแบบไหนที่กันที่ชายผู้นั้นกำลังเผชิญอยู่ แล้วจะเขาผ่านมันไปได้ไหม?
ซิงเฉิงจำเป็นที่จะต้องรู้ปัญหาที่ว่าให้ได้ เพราะมันส่งผลกับชีวิตของเขาในเซี่ยงไฮ้ ณ ตอนนี้
ถ้าหาน เกาผิงตั้งใจจะช่วยตัวเขาจริง ๆ นี่ก็ถือเป็นการเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่ดี แต่ถ้าหาน เกาผิงทำไม่ได้ละก็ งั้นชายหนุ่มก็จะหาทางออกอื่น
ถึงอย่างนั้น ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการปกป้องหานปิง
"บ้าจริง ทำไมมันถึงมีแต่เรื่องน่าปวดหัวกันนะ" ซิงเฉิงสบถออกมาอย่างไร้ทางเลือก ตอนนี้ที่เขาทำได้ก็คงมีแค่การปลอบใจตัวเองก่อนจะหลับไปเท่านั้น
ตัดมาตอนเช้า ซิงเฉิงตื่นและออกมาวิ่งรอบบ้าน 2 รอบ ก่อนจะเข้าครัวไปทำอาหารเพื่อคุณหนู หลังแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย ตอนนั้นเวลาประมาณ 8 โมงเช้า ชายหนุ่มรีบขับรถไปรับเธอทันที
หานปิงนั่งรออยู่ชั้นล่างตั้งแต่ 8:30 แล้ว วันนี้เธอไม่ได้แต่งตัวล่อจะเข้เหมือนเมื่อคืน แต่กลับสวมชุดสาวออฟฟิศสีเทาของดอล์ยแอนด์กาบาน่า ส่วนกระเป๋าในมือของเธอก็เป็นของเฮอเมส
ถึงจะไม่ได้ดูเซ็กซี่เหมือนเมื่อวานก็ตาม แต่มันก็ยังไม่อาจปกปิดความงามของหญิงสาวได้เลยแม้แต่น้อย
"มาตรงเวลาดีนี่!" หานปิงไม่ได้มีท่าทีประทับใจซิงเฉิงแม้แต่น้อย ไม่ว่ายังไงเธอก็จะต่อต้านในสิ่งที่พ่อของเธอทำให้อยู่ดี นอกจากนี้หญิงสาวก็ยังคิดไปเองด้วยว่าซิงเฉิงนั้นถูกส่งมาเพื่อที่จะจับตาดูเธอ
ด้วยความสูง 170 เซนติเมตรบวกกับส้นสูง เมื่อหานปิงมายืนอยู่ข้าง ๆ ชายหนุ่ม ความสูงของทั้งคู่ก็ดูไม่ต่างกันมากนัก แต่ถึงอย่างนั้นเสื้อผ้าของซิงเฉิงก็ดูโทรมเสียจนเทียบแทบไม่ได้
"คุณหนูคงยังไม่ได้ทานอะไร นี่อาหารเช้าสำหรับคุณครับ" ซิงเฉิงพูดแบบนิ่ง ๆ ก่อนที่จะส่งอาหารเช้าให้กับเธอ
หานปิงรับไปโดยไม่ได้ปฏิเสธ เธอมองอาหารในมือ ก่อนจะทิ้งลงไปถังขยะข้าง ๆ หญิงสาวหันมามองซิงเฉิงและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมาว่า “ฉันไม่กินอาหารจากข้างถนน ที่หน้าบริษัทมีร้านกาแฟอยู่ด้านหน้า ไปซื้อมอคค่ามาให้ฉันแก้วนึง”
การกินทิ้งกินขว้างคือเรื่องที่เขาไม่ชอบ ซิงเฉิงรู้ดีว่าคนที่อยู่ในสถานการณ์อดยาก ไม่มีจะกินทั้งหลายเป็นยังไง เขารู้ดีว่าอาหารมีค่าสำหรับคนเหล่านั้นมากขนาดไหน ชายหนุ่มได้แต่พยามระงับอารมณ์โกรธแล้วกลบเกลื่อนมันด้วยรอยยิ้ม "ถ้านั่นเป็นสิ่งที่คุณหนูต้องการ …"
บริษัทของหานปิงอยู่ในตึกซึ่งติดกับสวนพักผ่อนถัดจากอาคารซิงหนาน นี่เป็นบริษัทของเธอเอง หญิงสาวไม่ได้ทำงานกับพ่อของเธอ
หานปิงไม่ได้ต้องการเป็นผู้สืบทอดของพ่อเธอ เธออยากที่จะทำในสิ่งที่เธออยากจะทำ ส่วนธุรกิจของพ่อเธอ นั้นก็ยกให้เป็นปัญหาของเขาที่จะต้องจัดการเอง
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แม่ของเธอตายจากโรคร้าย เพราะต้องทำงานหนักมากในช่วงเวลาที่เธอมีชีวิตอยู่
และด้วยความที่พ่อของเธอไม่ค่อยจะอยู่บ้านเท่าไหร่ เมื่อแม่ของเธอล้มป่วย มันจึงไม่มีใครรับรู้เลย แล้วในที่สุดแม่ก็จากไปพร้อมกับรอยร้าวของความสัมพันธ์ระหว่างหานปินกับพ่อที่ขยายใหญ่จนแทบจะแตกหักกันไปในวันนั้น
นั่นเป็นเหตุที่หานปิงเลือกที่จะอยู่เคหะฮัวหลุน 9 ไมล์แม้ว่ามันจะไม่ไกลจากทอมสันกอล์ฟวิลล่ามากนักก็ตาม
"ถึงพ่อจะบอกให้นายมาคุ้มครองฉัน แต่ว่าเราต้องทำความเข้าใจกันใหม่ก่อน" หลังจากที่ขึ้นรถหานปิงก็คุยกับซิงเฉิง
"ผมฟังอยู่ครับ" ซิงเฉิงตอบกลับสั้น ๆ
หานปิงเม้มปากแล้วว่าต่อ "อย่างแรก มาหาฉันให้ตรงเวลาทุกครั้งที่ฉันเรียก ยังไงนายว่างอยู่แล้วนี่"
"รับทราบครับ ถ้ามีเรื่องที่ต้องทำผมจะแจ้งให้ทราบล่วงหน้าครับ" ซิงเฉิงพูดแล้วพยักหน้ารับ
"สอง อย่างเข้ามารบกวนพื้นที่ส่วนตัวของฉัน แล้วอย่าบอกหาน เกาผิงหรือใครก็ตามที่ฉันเจอ"
"รับทราบครับ หน้าที่ของผมคือคุ้มครองคุณอยู่แล้ว ถ้าไม่เกิดอะไรขึ้นกับคุณก็ไม่มีปัญหาครับ!"
"สาม ถ้าฉันพูดอะไรนายต้องฟังฉัน!"
"ข้อนี้ผมขอแย้ง ตราบใดที่มันไม่นอกลู่นอกทาง แบบนั้นผมก็ไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้ามันจะสร้างปัญหาในภายหลัง ผมก็คงไม่ขอทำตามนะครับ" ซิงเฉิงพูดแล้วเหล่ตามอง
"ช่างเถอะ เอาเบอร์โทรกับวีแชทหน่อย ถ้าฉันอยากให้ทำอะไรฉันจะบอกนาย" ก่อนที่เธอจะพูดต่อว่า "เย็นไว้ ฉันไม่ได้พิศวาสนายหรอก"
ซิงเฉิงเอาโนเกียของตัวเองออกมา "ผมมีแต่เบอร์ ไม่มีวีแชท เครื่องแบบนี้ผมใช้ไม่เป็นหรอก"
เมื่อเห็นโนเกียรุ่นลายคราม หานปิงก็หลุดหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น เธอว่าพลางชี้ไปทางซิงเฉิง "นายไปอยู่หลังเขาที่ไหนมาเนี่ย? นี่มันยุคไหนแล้ว? ยังใช้โนเกียอยู่อีกเหรอ ? ฮ่าฮ่าฮ่า ฉันทนไม่ไหวแล้ว"
จริง ๆ แล้วมือถือเครื่องเก่าของซิงเฉิงก็เป็นสมาร์ทโฟนเหมือนกันนั่นแหละ แต่ตอนที่เดินทางไปทั่วนั้น ชายหนุ่มได้ขายมันแลกกับเงิน แล้วไปซื้อโนเกียแบบถูกที่สุดมาใช้แทน
"พ่อไม่ได้ให้เงินนายมาหรือไง? หลังส่งฉันแล้ว ก็ไปซื้อเครื่อใหม่ซะ เอาแบบที่ใช้วีแชทได้นะ" หานปิงหัวเราะออกมาอีก แล้วก็ว่าต่อ "อ้อ แล้วก็ไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ด้วย เดี๋ยวฉันจะขายหน้า"
ซิงเฉิงไม่ได้ใส่ใจกับคำเยาะเย้ยของหานปิง เขารู้ดีว่าคนรวยไม่ได้เลวร้ายโดยสันดานหรอก แต่สภาพแวดล้อมที่บีบให้พวกเขาออกมาเป็นแบบนั้นตังหาก
ถ้าพวกเขาไม่ยอมที่จะเติบโต พวกเขาก็จะต้องเสียใจ และถ้าพวกเขาโตขึ้น พวกเขาก็จะตระหนักได้เองว่าพวกเขาเคยโง่ขนาดไหน
ดังนั้น ชายหนุ่มถึงไม่มีเหตุผลที่จะโกรธหานปิง
เมื่อมาถึงบริษัทของหานปิง หญิงสาวก็ลงจากรถ ผู้คนรอบข้างต่างมีท่าทีที่ตกใจมาก น่าจะเพราะว่าเห็นหานปิงมีผู้ชายมาส่งที่ออฟฟิศเป็นครั้งแรก พวกเขาคงคิดกันว่าซิงเฉิงเป็นแฟนของหานปิง
ซิงเฉิงจอดรถก่อนที่จะไปซื้อกาแฟให้กับหานปิง เขาตัดสินใจซื้อเค้กมาอีกชิ้นนึง หลังจากที่ได้ถามทางกับพนักงานในบริษัทแล้ว ซิงเฉิงก็เดินตรงไปยังออฟฟิศของหานปิงทันที ทุกคนมัวแต่ตกตะลึงจนไม่มีใครเข้ามาขวางชายหนุ่มเลยแม้แต่คนเดียว
เขาเคาะประตูก่อนที่จะเข้าไปวางกาแฟพร้อมกับเค้กที่ซื้อมาโดยไม่ได้พูดอะไรสักคำ ก่อนที่ซิงเฉิงจะเดินจากไป
แน่ยิ่งกว่าแช่แป้ง เมื่อซิงเฉิงเดินออกมาด้านนอกสำนักงาน ก็เกิดความวุ่นวายไปทั่วทั้งตึก ซึ่งตัวหานปิงยังไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ซิงเฉิงขับรถตรงไปยังห้างสรรพสินค้าที่ใกล้ที่สุด เขาไม่ได้ใช้เงินที่ได้มาแบบฟุ่มเฟือย ชายหนุ่มเพียงเลือกซื้อเสื้อผ้านิดหน่อย รวมทั้งสูท 2 ตัว ซึ่งทั้งหมดนั่นก็ทำให้เขาเสียเงินไปราว ๆ 1 พันหยวน ใช้เงินเพียงเท่านี้ก็ทำให้เขาปวดใจมากพอแล้ว
หรูหราง่ายมาก ประหยัดยากกว่าหลายเท่าตัว
เขารู้ดีว่าเงินไม่ได้หากันง่าย ๆ ตัวซิงเฉิงเองก็เคยทำงานพิเศษในช่วงที่เรียนอยู่เพื่อเก็บเงิน แล้วนี่ยังรวมไปถึงช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมาที่ชายหนุ่มเดินทางไปทั่วอีก ประสบการณ์ได้สอนให้เขารู้ซึ้งถึงความยากจนเป็นอย่างดี
ซิงเฉิงกลับมาที่บริษัทอีกรอบ ในที่สุดหานปิงก็นึกออกแล้วว่าเธอลืมบอกอะไรบางอย่างไป หญิงสาวจัดแจงลากซิงเฉิงมาที่กลางห้องโถงก่อนจะพูดออกมาว่า "ทุกคน ขออนุญาตให้ฉันได้แนะนำเขาคนนี้ก่อน ซิงเฉิง ผู้ช่วยส่วนตัวของฉัน ในอนาคตถ้าเกิดปัญหาอะไรก็ขอให้เขาช่วยได้ เอาหล่ะ ๆ กลับไปทำงานได้แล้ว"
ตอนนั้นเอง ซิงเฉิงก็ได้รับรู้ว่าวันคืนแห่งความทรมานได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
แน่นอนทุกคนรู้ว่าหานปิงหมายถึงอะไร พวกเขาคงจงใจใช้ซิงเฉิงให้ไปซื้อพวกอาหารเครื่องดื่ม หรือไปยกของจากชั้นล่างมาให้
วันนั้น ซิงเฉิงได้พบกับช่วงเวลาที่ขมขื่นอีกครั้ง
หานปิงทำงานอย่างต่อเนื่องโดยไม่หยุดหย่อน เธอทยอยพบลูกค้าและประชุมกับงานต่าง ๆ แม้แต่ข้าวกลางวัน หญิงสาวก็ไม่แตะเลยแม้แต่น้อย
ซิงเฉิงยังตกใจในสิ่งที่หานปิงทำ อารมณ์ของเธอไม่ค่อยจะคงที่เท่าไหร่ เหล่าลูกน้องของเธอต่างโดนหญิงสาวอยู่บ่อยครั้ง
หลังเลิกงาน ทุกคนต่างกลับไปกันหมด เหลือเพียงแค่หานปิงที่ทำงานล่วงเวลา ซิงเฉิงรู้สึกหิวเป็นอย่างมากในตอนนี้ แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะว่าหานปิงยังคงไม่มีท่าทีที่จะเลิกงานเลยแม้แต่น้อย
ในที่สุดซิงเฉิงก็ทนไม่ได้แล้ว ชายหนุ่มเดินไปผลักประตูเพื่อพูดกับเธอ "ถ้าจะทำอะไรต่อก็กินข้าวก่อนเถอะครับ อีกอย่าง ถ้ามันไม่ได้รีบอะไรนัก งั้นก็เอางานไว้ทำพรุ่งนี้ก็ได้นะครับ"
"อย่ามากังวลอะไรไม่เข้าเรื่อง รอไปเถอะ" หานปิงตอบโดยที่เธอไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามอง
ซิงเฉิงจงใจยิ้มอย่างชั่วร้ายไปทางหานปิงพร้อม ๆ กับเลียริมฝีปากของเขา "ตอนนี้พวกเราอยู่กันสองต่อสอง ถ้าฉันจะทำอะไรเธอ ก็คงไม่มีใครเข้ามาช่วยเธอสินะ ?"
"น...นะ….นายจะทำอะไร?" ตอนนี้ด้านในของตึกมีเพียงแค่ซิงเฉิงกับเธอเท่านั้น หานปิงเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาบ้างแล้ว หญิงสาวพึ่งรู้จักซิงเฉิงแค่เพียงผิวเผินเท่านั้นเอง ไอ้ที่ว่าผู้ชายคนนี้จริง ๆ แล้วเป็นยังไงบ้างนั้น เธอยังไม่รู้แม้แต่น้อย
ซิงเฉิงแสยะยิ้ม "ถ้าฟังที่ฉันพูด ถ้างั้นมันก็คงไม่มีอะไรหรอก แต่ถ้าไม่ฟัง แบบนั้นก็ไม่แน่นะ"
หานปิงรู้ดีว่าซิงเฉิงกำลังสร้างปัญหาให้เธอ แต่หญิงสาวก็รู้สึกเหนื่อยแล้วเหมือนกัน ดังนั้นเธอตัดสินใจที่จะกลับบ้าน ส่วนงานก็ทิ้งไว้ทำต่อทีหลัง
หลังจากเก็บของ เธอก็ปิดไฟแล้วล็อคประตู ซึ่งนั่นก็เป็นจังหวะเดียวกันที่ซิงเฉิงไปขับรถมารับพอดี
เมื่อซิงเฉิงขับออกมาจากตึกเล็ก ชายหนุ่มก็พลันรู้สึกได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ นั่นก็เพราะว่ามีชายสองคนกำลังเดินมาทางพวกเขา ซิงเฉิงไม่แม้แต่จะหันไปมองรอบ ๆ ก่อนที่เขาจะใช้จังหวะทีเผลอยื่นมือออกไปผลักหานปิง
อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่าเขาไปแตะอะไรบางอย่างที่เขาไม่ควรจะแตะเอาสะแล้ว
แล้วเมื่อเขารู้ตัวอีกที นั่นก็เป็นตอนนี้หานปิงหันกลับมาตะโกนใส่ด้วยความโกรธ "ซิงเฉิง!!"
เสียงของหญิงสาวดังลั่นจนคนรอบ ๆ ต่างหันมามอง
ซิงเฉิงรู้ดีว่า ดูเหมือนที่เขาทำไปนั่นจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดเล็กน้อยเสียแล้ว …