ตอนที่แล้วบทที่ 278 เปลี่ยนแปลงโลก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 280 แม่มดผู้ไร้เทียมทาน

บทที่ 279 ชาติกำเนิดอีเพียวเพียว


สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ : แปลได้แล้ว

ณ ใต้ดินที่ลึกลงไปสามสิบกิโลเมตรด้านล่างอาณาจักรเสินหวู่ สัตว์อสูรร่างยักษ์กำลังเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็ว มีเด็กหนุ่มที่อุ้มชายชราอยู่ด้านหน้าขณะที่มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวอีกสิบคนอยู่ด้านหลัง

“นี่มันก็ปาเข้าไปห้าวันแล้ว!”

สีหน้าของเจียงอี้แสดงความกังวลออกมา ทำไมเจียงหยุนไฮ่จึงยังไม่ฟื้นหลังจากมันผ่านมาห้าวันแล้ว? ในตอนนี้ เขาเริ่มรู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่ไม่ได้อยู่ที่อาณาจักรเซิ่งหลิงต่อและให้แม่ทัพเฮ่อนำตัวเจียงหยุนไฮ่ไปให้หมอเทวะรักษา

เจียงหยุนไฮ่นั้นดูปกติ และหลังจากเจียงอี้ลองตรวจสอบ เขาก็มั่นใจว่าร่างกายและดวงจิตของเจียงหยุนไฮ่นั้นไม่เป็นอะไร อีกเพียงไม่กี่วันพวกเขาก็ใกล้จะถึงสำนักจิตอสูรที่มีปรมาจารย์เลี่ยวอยู่ และนั่นก็จะทำให้การรักษาเจียงหยุนไฮ่ปลอดภัยยิ่งขึ้น

หลังจากรีบเร่งไปกว่าหกชั่วโมง เจียงอี้ก็เตรียมที่จะพักก่อนชั่วครู่และทานอาหาร แต่จู่ๆเจียงหยุนไฮ่ผู้ซึ่งอยู่ในอ้อมแขนของเขาก็หายใจอย่างแผ่วเบาแล้วลืมตาขึ้นมา

“ท่านปู่!”

เจียงอี้ดีใจอย่างมากในขณะที่เขาควบคุมเถาอู้ให้หยุดอย่างรวดเร็วและขยายอุโมงค์รอบๆให้กลายเป็นถ้ำใต้ดินขนาดใหญ่ จากนั้นเขาก็อุ้มเจียงหยุนไฮ่กระโดดลงมา เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เบิกบาน “ท่านปู่ ท่านเจ็บตรงไหนอยู่หรือไม่?”

“ข้าสบายดี แค่รู้สึกไม่มีแรงนิดหน่อย”

เจียงหยุนไฮ่หลับตาขณะที่พูดอย่างแผ่วเบา หลิงอีผู้ซึ่งอยู่ข้างๆรีบหยิบเม็ดยาและส่งมอบยาให้กับเจียงอี้ในขณะที่บอกว่า “ท่านผู้ตรวจการ นี่เป็นเม็ดยาแห่งชีวิตซึ่งสามารถช่วยฟื้นฟูร่างกาย ในเมื่อใต้เท้าหยุนไฮ่ฟื้นแล้ว ท่านควรให้เขากินมันและมันจะช่วยเขาในเรื่องการฟื้นตัว”

“เข้าใจแล้ว”

เจียงอี้ไม่ได้สงวนท่าทีอันใดและนำน้ำสะอาดจากไข่มุกวิญญาณเพลิงออกมาให้เขากินยา หลังจากเขากินยาเข้าไป เขาก็กลับไปนอนทันที

เจียงอี้ไม่กล้าเดินทางต่อและต้องการให้พลังของเม็ดยาฟื้นฟูเจียงหยุนไฮ่ก่อนที่พวกเขาจะออกเดินทางกันอีกครั้ง ด้วยการสั่งการด้วยมือของหลิงอี ทุกคนที่เหลือก็ต่างพากันแยกย้ายกันไปและจัดการเรื่องเวรยาม

เจียงอี้นนำอาหาร, น้ำสะอาดและไวน์ชั้นดีออกมาไข่มุกวิญญาณเพลิง เขาขอให้หลิงอีเอาไปแบ่งให้คนอื่นๆในขณะที่เขากินไปได้ไม่กี่คำก็กลับไปฝึกฝนต่อ

หกชั่วโมงต่อมา เจียงหยุนไฮ่ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง และครั้งนี้เขาดูดีขึ้นมาก เขาลืมตาขึ้นมามองเจียงอี้และพวกหลิงอีที่ยืนเฝ้าอยู่ซึ่งทำให้เขาสับสน หลังจากเจียงอี้ลืมตาขึ้นมา เขาก็ถามว่า “ใต้เท้าน้อย แขกพวกนี้คือใครกัน?”

เจียงอี้ยิ้มออกมาและตอบว่า “คนเหล่านี้คือคนของจักรวรรดิมังกรเวหาน่ะ ข้าในตอนนี้ได้เป็นทูตตรวจการแห่งจักรวรรดิมังกรเวหาและข้าจึงขอหยิบยืมคนเหล่านี้มาจากองค์หญิงหลิงเสวี่ย”

“คารวะใต้เท้าหยุนไฮ่!”

หลิงอีคำนับด้วยความเคารพก่อนที่จะส่งสัญญาณมือให้ทุกคนถอยออกไปหลายร้อยเมตรเพื่อไม่ให้รบกวนพวกเขาทั้งสอง

“ทูตตรวจการ? ใต้เท้าน้อย เกิดอะไรขึ้นบ้างในช่วงที่เราไม่ได้เจอกัน? ท่านได้กลายเป็นผู้ตรวจการแห่งจักรวรรดิมังกรเวหาไปได้เช่นไรกัน?”

เมื่อหลิงอีและคนของเขาถอยออกไปแล้ว เจียงหยุนไฮ่ก็ถามด้วยความประหลาดใจ จักรวรรดิมังกรเวหานั้นถือว่าเป็นใหญ่และแม้ว่าจะเหลือเพียงชื่อเท่านั้น แต่แม้อูฐผอมโซก็ยังตัวใหญ่กว่าม้าอยู่ดี

เจียงหยุนไฮ่ก็คงจะประหลาดใจเล็กน้อยหากเขาได้เป็นผู้บัญชาการในอาณาจักรเสินหวู่ตั้งแต่อายุยังน้อย แต่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าเจียงอี้จะได้กลายเป็นทูตตรวจการของจักรวรรดิแถมยังใช้งานผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดทั้งสิบได้ด้วย เมื่อนึกกลับไปตอนที่อยู่อาณาจักรเซิ่งหลิง เจียงหยุนไฮ่ก็จำได้อย่างชัดเจนว่ามีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวอีกเป็นหลายโหลคอยอยู่รอบๆเจียงอี้

เจียงอี้ถามด้วยความสงสัย “ท่านปู่ ท่านไม่รู้เลยหรือว่าในสองปีที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นบ้าง? นี่ท่านไปอยู่ที่ไหนมา?”

“ข้าหรือ?”

เจียงหยุนไฮ่พยายามเรียกคืนความทรงจำของตนเองและอธิบายว่า “ย้อนไปเมื่อตอนนั้น ข้าถูกกองทหารอาณาจักรเสินหวู่ตามไล่ล่าและหนีไปยังพงไพรแห่งบาป ในตอนนั้นข้าบาดเจ็บสาหัสและไม่กล้าเข้าไปยังพงไพรแห่งบาป ข้าจึงใช้ศาสตร์แปรผันดวงจิตเพื่อหนีไปและซ่อนตัวอยู่ในถ้ำใต้ดิน ตันเทียนของข้าถูกทำลายไปแล้วและข้ามีเม็ดยาเหลืออยู่ไม่มากนัก ข้าจึงไม่มีทางเลือกนอกจากค่อยๆพักฟื้นหลังจากที่ข้าซ่อนตัว”

“ข้าเพิ่งฟื้นสภาพได้หลังจากผ่านไปครึ่งปี และหลังจากที่ข้าออกมากจากถ้ำใต้ดิน ข้าก็กลัวว่าคนของอาณาจักรเสินหวู่จะไล่ตามจับตัวข้าเพื่อไปข่มขู่ ดังนั้นข้าก็เลยอ้อมพงไพรแห่งบาปและหลบหนีไปยังอาณาจักรเซิ่งหลิง ข้าไม่กล้าเข้าไปในเมืองและเพราะตันเทียนที่ถูกทำลายของข้าด้วยแล้ว มันค่อนข้างใช้เวลาเป็นเดือนเลยกว่าจะเดินเข้าไปยังอาณาจักรเซิ่งหลิง”

“เมื่อ...ข้ามาถึงอาณาจักรเซิ่งหลิง ข้าก็ถูกกลุ่มโจรภูเขาปล้นข้าวของไปหมดก่อนที่จะถูกขายให้เหมืองของตระกูลหลาน และหลังจากนั้นไม่นานก็มีพ่อค้าตระกูลหม่ามาซื้อแร่นั่นจึงทำให้ตัวตนของข้าถูกเปิดเผย หลังจากนั้นข้าก็ถูกขายให้แก่เซี่ยอู๋หุ่ยโดยประมุขน้อยตระกูลหลาน...”

“อึก!”

เจียงอี้รู้สึกเจ็บปวดขึ้นราวกับถูกบีบหัวใจขณะที่จับมือเจียงหยุนไฮ่และพูดออกมาอย่างอัดอั้น “ท่านปู่ เสี่ยวอี้คนนี้ช่างไร้ประโยชน์และทำให้ท่านต้องทนทุกข์ทรมานนัก ตระกูลหม่า? ตระกูลหม่าแห่งเมืองเทียนอวี่? ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้เราเมตตาพวกมันมากไป หากมีโอกาส ข้าจะทำให้พวกตระกูลหม่าสิ้นซากไปซะ”

ชายชราผู้ไม่มีกำลังใดๆและตันเทียนถูกทำลาย ต้องหลบซ่อนอยู่ในถ้ำกว่าครึ่งปี เขาเดินทางด้วยความยากลำบาก ทั้งต้องนอนกลางแจ้งและหนีไปยังอาณาจักรเซิ่งหลิง แล้วก็ถูกจับมาขายเป็นทาสในเหมืองอีก แค่นึกถึงมัน ก็ทำให้เจียงอี้รู้สึกผิดมากแล้ว โชคดีที่ข้อมูลของเฉียนว่านก้วนนั้นมาถึงเขาได้ทันเวลา ไม่เช่นนั้นเจียงหยุนไฮ่คงจะต้องทนทุกข์ทรมานยิ่งขึ้น

“ฮิๆ”

เจียงหยุนไฮ่หัวเราะออกมาและส่ายหัวขณะพูดว่า “ข้าไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรนักหรอก เมื่อตอนที่ยังติดตามจอมพลคนก่อนไปยังสนามรบ ข้าประสบสิ่งที่น่าสังเวชกว่านี้เป็นสิบเท่าแหนะ นี่มันแทบจะไม่มีอะไรเลยหากเทียบกับเมื่อตอนนั้น ใต้เท้าน้อย ท่านเล่าเรื่องราวของท่านให้ข้าฟังว่ามันเป็นมายังไงดีกว่า”

“อื้อ!”

เจียงอี้เล่าทุกอย่างออกมาอย่างละเอียดยิบเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆหลังจากที่เจียงหยุนไฮ่หายตัวไป นอกเหนือจากตันเทียนที่แปรเปลี่ยนแล้ว เขายังบอกความลับเกี่ยวกับไข่มุกวิญญาณเพลิงให้หยุนไฮ่ฟังด้วย

ในความคิดของเขา มีบุคคลเพียงสามคนในโลกนี้ที่เขาไม่จำเป็นต้องปิดความลับด้วยนั่นก็คือ เจียงหยุนไฮ่ เจียงเสี่ยวนู๋และซูรั่วเสวี่ย!

“ฮู่วววว....”

หลังจากเจียงอี้เล่าทุกอย่างเสร็จแล้ว เจียงหยุนไฮ่ก็สะอื้นในขณะที่ดวงตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจพร้อมถอนหายใจด้วยความเศร้า “ข้าเชื่อมาเสมอว่าใต้เท้าน้อยจะเป็นผู้มีความโดดเด่นเพราะดูจากที่นายหญิงนั้นยอดเยี่ยมเพียงใด แต่ก็เป็นไปตามคาด ใต้เท้าน้อยไมม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ และนายหญิงก็คงจะสามารถพักผ่อนได้อย่างสงบอยู่บนสรวงสวรรค์เช่นกัน”

“นายหญิง?”

เจียงอี้แสดงท่าทางมืดหม่นลงในทันทีขณะที่เขาพูดว่า “ท่านปู่ ช่วยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับแม่ข้าให้ข้าฟังในตอนนี้เลยได้ไหม? จูเก๋อชิงหยุนบอกว่าแม่ข้าเป็นคนที่น่าเหลือเชื่อมาก ในขณะที่สุ่ยโย่วหลานยังบอกให้ข้า....ไปเยี่ยมเยียนเกาะดาวตกเพื่อไปดูสิ่งที่ท่านแม่ทิ้งไว้ให้ข้า แม่ของข้าเป็นคนแบบไหนกัน? แม้แต่สุ่ยโย่วหลานยังนับถือนาง! อะไรคือศาสตร์แปรผันดวงจิตที่ท่านใช้ก่อนหน้านี้? นี่ใช่วิชาที่ท่านแม่ส่งมอบให้แก่ท่านหรือไม่?”

“ใช่แล้ว! นางนั่นแหละ!”

เจียงหยุนไฮ่พูดออกมาอย่างจริงจังและกระซิบว่า “ท่านแม่ของท่านเป็นผู้หญิงที่น่าทึ่งมากที่สุดในรอบหมื่นปีเลยก็ว่าได้ เมื่อตอนที่นางปรากฏตัวที่ทวีปนี้ ความแข็งแกร่งของนางก็ไม่มีผู้ใดหยั่งรู้ได้ จากที่ข้าคาดไว้นางน่าจะบรรลุไปยังขอบเขตจินกังแล้วและเมื่อย้อนกลับไปตอนนั้น นางอายุเพียงสิบแปดปีด้วยนะ”

“อะไรนะ?!”

นัยน์ตาของเจียงอี้หดลงและแสดงอาการออกมาอย่างเหลือเชื่อ เป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวในอายุเพียงสิบแปดปี ความสำเร็จนั่นน่าจะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายในประวัติศาสตร์ของทวีปเทียนชิงใช่ไหม?

เขาหยุดคิดครู่หนึ่งและเปลี่ยนแปลงท่าทีก่อนที่เขาจะพูดเบาๆว่า “ปรากฏขึ้นในทวีป? เป็นไปได้ไหมว่าแม่ของข้าจะไม่ใช่คนจากทวีปเทียนชิง?”

“อื้อ”

เจียงหยุนไฮ่พยักหน้าและตอบว่า “แม่ของท่านไม่ได้มาจากทวีปนี้และตัวข้าเองก็ไม่รู้ว่านางมาจากที่ใด แม่ของท่านไม่ได้มีเพียงความแข็งแกร่งที่น่าทึ่งเพียงอย่างเดียวด้วยนะ นางยังมีสิ่งประดิษฐ์ลึกลับและพลังและวิชาลึกลับมากมายเช่นศาสตร์แปรผันดวงจิต ข้าฝึกฝนศาสตร์นี้ยังไม่ถึงขีดสุดเลยนะ หากเป็นแม่ของท่าน นางคงสามารถเคลื่อนย้ายตนเองไปเป็นพันกิโลเมตรทันทีแน่ๆ....”

“นี่...”

เจียงอี้ตกใจมากยิ่งขึ้น ดวงตาของเขาสั่นไหวก่อนที่เขาจะพูดออกมาด้วยเสียงสั่นเทา “เป็นไปได้ไหมว่าแม่ของข้าจะเป็นเทพธิดาที่มีเชื้อสายจากสวรรค์เก้าชั้นฟ้า? ในโลกนี้มันมีเทพเจ้าอยู่จริงๆหรือ?”

...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด