ตอนที่แล้วคาถาที่ 11 : ถูกล่า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปคาถาที่ 13 : ถอดจิต

คาถาที่ 12 : ความสัมพันธ์


ผมและเพื่อน ๆ พาไอ้แมทมานั่งที่ร้านกาแฟด้านล่างของตึกซึ่งอยู่ไม่ไกลจากคณะผมมากเท่าไรนัก พวกเราเดินไปนั่งที่โต๊ะตัวประจำที่เคยมาบ่อย ๆ ต่างกันตรงที่วันนี้มีสมาชิกมาเพิ่มอีกหนึ่งคน

“กินอะไรหวาน ๆ ก่อน จะได้ดีขึ้นนะแมท” ใยไหมเป็นคนพูดก่อนวางแก้วเครื่องดื่มให้กับไอ้แมทที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ผม มันยิ้มก่อนพูดขอบคุณใยไหม ผมยอมให้แค่วันนี้วันเดียวหรอก อย่าหวังว่ามันจะได้รับของจากใยไหมอีกเลย

“นมคาราเมลปั่น ของโปรดกูเลยนะ รับรองมึงอารมณ์ดีขึ้นชัวร์” ผมพูดออกไป กินแล้วสดชื่นทุกที ผมเลยถือคติ ความอารมณ์ดีคือของหวาน

“ขอบใจ กูไม่เป็นไรแล้ว มึงนี่กินอะไรอย่างกับเด็ก” ไอ้แมทพูดตอกผมกลับมา

“อ้าว ไอ้นี่ คนเขาอุตส่าห์เป็นห่วง ยังจะมาแว้งกัดกูอีก”

“ไอ้นี่มันชอบทำตัวคอนทราสแมท มึงต้องเข้าใจนะ กลางวันกินนมปั่น กลางคืนกินเหล้าปั่น” ไอ้คีย์เป็นคนพูด เอาอีกละ ชอบเอาความจริงมาพูดตลอด แต่ก็ดีที่ยังทำให้ไอ้แมทมันพอขำออกมาได้

“แล้วนี่พวกนายไปสนิทกันตอนไหนเนี่ย” ใยไหมถามขึ้นมาบ้าง

“หรือว่าหลังจากความฝันที่มึงเล่าใช่ปะไอ้ชา ฮ่าฮ่า”

“เงียบปากไปเลยไอ้อิฐ ยังไงแมทมันก็ช่วยฝึกเวทมนตร์ให้กับกู พวกมึงก็สนิทกับมันไว้ด้วย” ผมบอกพวกมัน ตอนนี้คงเป็นผมคนเดียวที่เจอมันบ่อยและสนิทกับมันที่สุด ส่วนพวกเพื่อน ๆ เพิ่งเจอกับแมทธิวแค่สองครั้ง ครั้งแรกคือห้องชมรม และครั้งที่สองคือเหตุการณ์เมื่อกี้

“เออ กูรับมันเข้าแก๊งเว้ย ใช่ไหมครับคุณพ่อ” ไอ้อิฐพูดขำ ๆ พร้อมหันหน้าไปหาไอ้คีย์

“เฮ้อ พวกมึงก็ทำตัวเป็นเด็ก ๆ แล้วเรื่องที่เกิดขึ้นจะเอาไงต่อ แมท กูเต็มใจช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นนะ ยังไงสาเหตุส่วนหนึ่งมันก็มาจากเพื่อนกูด้วย อีกอย่างดูท่าพวกนั้นจะไม่ยอมจบง่าย ๆ” ไอ้คีย์พูดต่อ

“แผนที่กูกับน้าวางไว้ตอนนี้คือมีแค่รอให้ถึงวันจันทรุปราคาเกิดขึ้นแล้วไปทำลายพิธีกรรมของพวกมันก็แค่นั้น ที่เหลือกูก็ตัน แถมปริศนาบ้าบอที่มันทิ้งไว้ให้ไอ้ชากูก็ไม่เข้าใจ” ไอ้แมทพูดออกมาอย่างเซง ๆ

“ที่กูเป็นคนมีคุณค่าอะน่ะ ของแบบนี้มันแน่อยู่แล้วว่ะ” ผมพูดออกไปเพราะไม่อยากให้ทุกคนเครียด ผมก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าที่มันพูดหมายความว่ายังไง ให้ดูแลรักษาตัวเองให้ดี ๆ ผมมีค่ามากกว่าที่ตัวเองคิด

“ยัยนั่นคงจะจับแกไปบูชายัญซิไม่ว่า” ใยไหมพูด

ดูซิ แช่งว่าที่แฟนในอนาคตอีกละ ชอบทำตัวเป็นเด็กไม่ดีทุกที แบบนี้มันน่าจับลงโทษซะให้เข็ด ผมทำหน้ายู่แกล้งสะบัดหน้างอนใยไหม เรียกเสียงหัวเราะให้กลุ่มเพื่อนได้พอสมควรเลย เอาเถอะอะไรที่มันจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ก็คงต้องปล่อยให้มันเกิดไปละกัน

ข่าวเรื่องนกบินโจมตีที่ห้องเรียนมหาวิทยาลัยของผม กลายเป็นข่าวดังจนถึงขั้นออกทีวี มีพวกนักวิทยาศาสตร์และคนที่เกี่ยวข้องมากมาย ต่างออกมาพูดถึงสาเหตุที่เกิดขึ้นในแง่มุมต่าง ๆ ซึ่งแต่ละอันไม่ได้ตรงกับความจริงเลยแม้แต่น้อย คงจะมีแต่พวกผมละมั้ง ที่รู้ว่าความจริงที่แท้ทรูคืออะไร หลังจากนั่งถกปัญหาเรื่องแม่มดดำกันจนเกือบเย็น ก็กลายเป็นว่าทุกคนมาจบอยู่ที่ร้านชาบูของผม เห็นว่าเสียพลังงานไปกันเยอะ ร่างกายอยากจะปะทะบุฟเฟ่ต์ ใยไหมเป็นคนเสนอไอเดียนี้เอง เพราะเจ้าตัวดันอยากกินขึ้นมาด้วย ทุกคนเลยมาอยู่กันที่หน้าร้านของผม

วันนี้ร้านผมก็คนเยอะอีกเช่นเคย พวกเรานั่งรอคิวหน้าร้านประมาณเกือบยี่สิบนาที ก็ถึงคิวจนได้ ถึงจะเป็นลูกเจ้าของร้านก็เถอะ ยังไงผมก็ต้องตามคิว ไม่อยากแซงใคร นั่งเล่น นั่งคุยกันไปแป๊บเดียวก็ถึงคิวแล้ว

“ร้านใหญ่ดีเนอะ นี่คือที่มาของชื่อมึงใช่ปะ” ไอ้แมทถามผม ขณะตัวเองนั่งลงบนเก้าอี้ พวกเราได้มานั่งกันที่โต๊ะติดกับกระจกทางด้านหน้าของร้านซึ่งว่างอยู่

“อื้มดิ ป๊าม๊า กูชอบกินชาบู แถมเปิดร้านอีก ชื่อกูก็ได้มาตามนั้นนั่นแหละ” ผมตอบมันไป

นั่งลงกันสักพักก็มีพนักงานร้านเดินมารับรายการอาหารของพวกเรา แต่ละคนเล่นสั่งกันไปแบบไม่เกรงใจกระเพาะอาหาร และไม่กลัวว่าจะกินไม่หมดเลย ยิ่งไหมยิ่งแล้วใหญ่ กินยิ่งกว่าผู้ชายตัวโต ๆ อีก ไม่รู้กินแล้วเอาไปเก็บไว้ตรงไหนบ้าง บางทีผมก็แอบกลัวนะ ว่าร้านป๊าม๊าผมจะเจ๊งเพราะพวกมันนี่แหละ มากันทีไร กินราบเป็นหน้ากลอง ไม่เคยเหลือให้ปรับด้วยซ้ำ

“อ้าว กี้ เพิ่งกลับมาจากโรงเรียนเหรอ” เสียงไอ้อิฐทักออกไปอย่างร่าเริง เมื่อเห็นน้องสาวตัวดีของผมเดินเข้ามาในร้านก่อนผ่านโต๊ะของพวกเรา คนถูกทักหยุดเดินหันมายิ้มทักทายอิฐและพวกผม

“ค่ะ เฮียอิฐ มากันครบเลยนะเนี่ย เอ๊ะ มีใครเพิ่มมาอีกคน”

“เฮ้ย กี้” ไอ้แมทที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามกับไอ้อิฐหันหน้าไปมองน้องสาวผมก่อนร้องขึ้นมาอย่างดีใจเหมือนพบคนที่ไม่ได้เจอกันนาน ไม่ต่างอะไรกับน้องผมที่เห็นหน้ามันแล้วก็ตกใจนิด ๆ ก่อนกลายไปเป็นดีใจแทน

“พี่แมท ! นี่มากับพวกเฮียได้ไงคะเนี่ย นึกว่าจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว” กี้พูด

“เดี๋ยว แมท มึงรู้จักน้องกูด้วย ?” ผมถามขัดจังหวะออกไปแบบงง ๆ ไม่คิดว่าสองคนนี้จะเคยรู้จักกันมาก่อน นี่น้องสาวผมไปรู้จักกับพวกพ่อมดแม่มดด้วยเหรอเนี่ย

“อื้ม กูเคยติวภาษาอังกฤษให้กี้ ก่อนกี้จะไปแลกเปลี่ยนน่ะ ช่วงนั้นกูถูกตามด้วย เลยต้องย้ายโรงเรียน ตัดขาดจากการสื่อสารทุกช่องทาง นี่ไม่เจอกันแค่ปีเดียว น่ารักขึ้นเยอะเลยนะเรา” แมทธิวตอบผมกลับมา ส่วนประโยคหลังมันหันหน้ากลับไปคุยกับกี้ต่อ พร้อมลุกขึ้นยืนเอามือไปขยี้หัวกี้เล่น

เฮ้ย ! ไอ้แมท มึง ...

นี่สนิทกับน้องผมขนาดไหนเนี่ย ทำไมผมไม่เคยรู้เลยว่ากี้มีรุ่นพี่ที่โรงเรียนคือมัน คือกี้อยู่คนละโรงเรียนกับผมครับ ผมเลยไม่ค่อยได้รู้เรื่องอะไรที่เกิดขึ้นซักเท่าไร

“พี่แมทก็ ... เขินนะเนี่ย” กี้ตอบกลับมาเบา ๆ ก้มหน้าพร้อมบิดตัวไปมา เฮ้ย ๆ เดี๋ยว ๆ ไอ้อาการแบบนี้มันไม่เคยเกิดขึ้นตอนโดนไอ้อิฐหยอดเลยนี่หว่า นี่มันอะไรวะเนี่ย แบบนี้มันอาการหนักพอ ๆ กับตอนมาเพ้อเรื่องดาราซีรีย์ฝรั่งที่แอบปลื้มให้ผมฟังเลย อย่าบอกนะว่าที่ผมเคยถามว่าตอนนี้คิดยังไงกับไอ้อิฐแล้วตอบกลับมาว่าเห็นเป็นแค่พี่คนหนึ่ง คือไม่ได้คิดอะไรด้วยเลยจริง ๆ กำแล้ว เพื่อนผมจะแห้วจริง ๆ เหรอเนี่ย ผมหันไปมองหน้าไอ้อิฐที่ตอนนี้หน้าเสียแบบสุด ๆ มันมองไอ้แมทกับกี้สลับกันไปมา ผมอุตส่าห์เปิดทางให้มันเต็มที่แล้วนะ เสียใจด้วยว่ะเพื่อน

“กลับมาเหนื่อย ๆ ไปอาบน้ำ พักผ่อนเถอะกี้” ผมพูดออกไปขัดจังหวะรอบที่สอง เพราะดูเหมือนกี้กับไอ้แมทจะคุยกันต่ออย่างออกรสโดยไม่สนใจคนรอบข้างเลย มันหน้าจับเขกกะโหลกนัก รู้ทั้งรู้ว่าไอ้อิฐมันคิดยังไงกับตัวเองอยู่แท้ ๆ กลับทำแบบนี้กับมันได้ลงแบบไม่ได้รู้ตัวเลย

“งั้นเดี๋ยวกี้ไปก่อนนะพวกเฮีย” กี้พูดพร้อมโบกมือลาพวกผม

บรรยากาศการทานชาบูเปลี่ยนไปทันที ไอ้อิฐนั่งเงียบแผ่รังสีอึมครึมไปทั่วทั้งโต๊ะ ขณะเดียวกันไอ้แมทก็เหมือนจะสังเกตได้ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ในขณะที่ไอ้คีย์ก็สนใจแต่ที่มือถือของตัวเองเพราะพี่ฟองน่าจะไลน์มาหา ส่วนไหมก็นั่งกินเพลิน ตักนู่นนี่เข้าปากแบบไม่ได้แคร์อะไรเลย คงมีแต่ผมคนเดียวซะมั้ง ที่รับรู้ความรู้สึกไอ้อิฐได้ในตอนนี้

ตะเกียบสองคู่คีบเนื้อหมูชิ้นเดียวกันขึ้นมาจากหม้อชาบู และคนทั้งสองที่คีบมันขึ้นมาคือไอ้อิฐกับไอ้แมทนั่นเอง ให้มันได้แบบนี้ซิ งานงอกขึ้นมาอีกแล้วไง ตอนแรกดูท่าจะกลายเป็นเพื่อนกันดี ๆ ตอนนี้ท่าทีทั้งคู่มันไม่ใช่ซะละ ขออย่างเดียวเลย อย่าลุกมาต่อยกันที่ร้านของผมละกัน

“ชิ้นนี้กูเป็นคนหยิบขึ้นมาก่อนนะไอ้แมท” ไอ้อิฐพูดขึ้นมาเสียงเข้ม เอาละ ว่าแล้วไง ไอ้นี่มันยิ่งใจร้อนอยู่ด้วย

“แต่กูเป็นคนใส่ลงในหม้อ” ไอ้แมทตอบกลับ ไอ้นี่ก็ดูเซ้นส์แรง มองออกด้วยว่าใครกำลังจะหาเรื่อง

“กูขอ” ไอ้อิฐพูดช้า ๆ ย้ำ ๆ

“กูไม่ให้” ไอ้แมทก็ตอบกลับมาเสียงเข้มเหมือนกัน

“พวกมึงเป็นไรเนี่ย เนื้อมีเต็มหม้อ จะแย่งกันเพื่อ?”

คีย์บอร์ดหน้านิ่ง เพื่อนผู้ใสซื่อและดูเป็นผู้ใหญ่ที่สุดในกลุ่มผมพูดขึ้นมา มันเงยหน้าจากจอมือถือเพราะได้ยินเสียงไอ้แมทกับไอ้อิฐคุยกันดังมากขึ้นเรื่อย ๆ

“นั่นซิ” ตามมาด้วยใยไหม ที่ยังคงดูสถานการณ์อะไรไม่ออก

“กูกินเอง” ผมพูดออกไปเพื่อตัดปัญหาทั้งหมด พร้อมกับยื่นตะเกียบไปแย่งหมูหนึ่งชิ้นของพวกมันมาแล้วเอาเข้าปาก อย่างรวดเร็ว ให้มันจบแค่นี้นะครับเพื่อน ยังไงก็เพื่อนกัน อย่ามีเรื่องกันเลย มันทั้งคู่หันมามองหน้าผมอย่างหงุดหงิดก่อนหันกลับไปจัดการกับอาหารตรงหน้าของตัวเองต่อ

เขาว่ากันว่าคนยิ่งโมโหยิ่งกินเยอะ ...

แล้วมื้อนั้นก็นับได้ว่าเป็นมื้อเย็นที่ร้านของผมรู้สึกถึงความขาดทุน ...

ผมกลับมาถึงหอก็ทิ้งตัวลงบนเตียง หันไปมองไอ้คีย์ที่เดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ เหมือนมันยังไม่รู้สึกถึงความผิดปกติอันใดที่เกิดมาจากไอ้อิฐด้วยซ้ำ ส่วนตัวไอ้อิฐเองก็เดินไปนั่งลงที่โต๊ะหนังสือแล้วเปิดแลปท็อปขึ้นมา ดูยูทูปเพลงเศร้าใส่หูฟัง ทำท่าทางประหนึ่งว่าเป็นพระเอกเอ็มวี ให้มันได้แบบนี้ซิ กลุ่มของผมนี่มันไม่มีดวงเรื่องความรักหรือยังไงกัน มันจะต้องมีอะไรแบบนี้เกิดขึ้นทุกทีก่อนจะสมหวัง ตอนไอ้คีย์ก็เรื่องพี่แพท ของผมก็เจ็บอยู่นานตอนถูกปฏิเสธจากไหมครั้งแรก แล้วนี่ยังมาของไอ้อิฐที่ตอนแรกเหมือนจะไปได้ดีอีก ไป ๆ มา ๆ มาลงเอยแบบนี้ซะงั้น

“มึงโอเคปะวะ” ผมลุกขึ้นจากเตียงไปดึงหูฟังมันออกแล้วถามออกไป

“ดูน้องมึงทำกับกูดิ กูควรจะโอเคปะ ใจร้ายฉิบ” ไอ้อิฐตอบกลับมา เห็นใจมันนะ น้องผมก็ไม่ชัดเจนด้วยแหละ ชอบก็น่าจะบอกว่าชอบ ไม่ชอบก็น่าจะบอกว่าไม่ชอบไปเลย ปล่อยให้ไอ้อิฐมันตามจีบอยู่ได้ตั้งนาน ที่แท้มีคนอยู่ในใจตั้งแต่แรก แล้วดูจากท่าทีของไอ้แมท มันก็ดีใจมากเหมือนกันที่ได้กลับมาเจอน้องผมอีกครั้ง ดูคลิกกันซะขนาดนี้ กันท่ายังไงคงจะไม่ได้แล้วล่ะ ผมไม่ได้ลำเอียงนะ

“เรื่องแบบนี้มันบังคับกันไม่ได้นี่หว่า” ผมพูดออกไปพลางตบไหล่มันเบา ๆ

คนหนึ่งก็เพื่อนที่คบมาตั้งแต่เด็ก ๆ ส่วนอีกคนก็เพื่อนที่เพิ่งเจอ ผมไม่รู้จะพูดอะไรให้มันดีไปกว่านี้ละ คงต้องรอให้คุณพ่อคีย์มาปลอบใจมันแทน

“เฮ้อ ก็จริงของมึง ดีเหมือนกันที่วันนี้กูได้คำตอบมาแบบเห็นชัดเจนสักที ตั้งแต่กี้กลับมาจากแลกเปลี่ยน กูก็ตามจีบมาตลอด มึงก็เห็น ไลน์ก็ทักไปบ่อยขนาดนั้นยังไม่รู้สึกอะไรเลย พิมพ์กลับมาไม่กี่ประโยค กูไม่น่าหลอกตัวเองว่ากี้ทำเพราะกำลังเตรียมสอบเข้ามหาลัยเลย” ไอ้อิฐพูด

“แล้วมึงจะถอดใจ?” ผมถามมันต่อ

“เออ กูแฟร์พอเว้ย อะไรที่มันไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ อีกอย่าง กูเห็นท่าทีกี้ที่มองไอ้แมท กูก็รู้แล้วว่าใครจะชนะ กูไม่เคยได้รับสายตาแบบนั้นเลย ที่ผ่านมาเวลากูหยอดหรือแซวอะไร กี้ก็แค่หัวเราะ ไม่ได้เขินตัวบิดเหมือนที่เป็นแบบวันนี้”

“มึงก็อย่าไปโกรธมันกับน้องกูนะ” ผมพูดออกไป กลัวมันจะเคืองแบบจริงจังเหลือเกิน

“อื้ม กูรู้ ขอเวลาสักพัก กูเป็นพวกแผลหายเร็ว”

เห็นมันตอบกลับมาแบบนี้แล้วผมก็โล่งอก ยังไงก็เพิ่งกลายมาเป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกัน ไม่อยากให้มีปัญหาอะไรกันไปมากกว่านี้อีก พวกมันยังต้องช่วยผมแก้ปัญหาเรื่องตัวผมเองอีกเยอะ

ชีวิตของผมกลับเข้าสู่ความปกติเหมือนอย่างเคยอีกครั้ง ไปเรียน สานความสัมพันธ์กับไหม กลับมาเล่นเกม แล้วก็วนลูปอยู่แบบนั้น จะมีเพิ่มขึ้นมาก็แต่ ต้องเข้าไปฝึกเวทมนตร์กับไอ้แมทที่คอนโดมันเกือบทุกเย็นนี่แหละ เพื่อเตรียมพร้อมกับวันที่จะเกิดจันทรุปราคาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า สิ่งที่มันสอนส่วนใหญ่ก็เป็นพวกการควบคุมพลังธาตุทั้งสี่ที่มีอยู่ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ไม่ได้มีอะไรหวือหวามากมาย ส่วนใหญ่จะเป็นพวกคาถามนต์ขาว ที่ใช้รักษาอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ มากกว่า ตอนนี้ความสามารถของผมดีขึ้นมาก ผมสามารถใช้พลังลมทำให้ก้อนหินก้อนใหญ่ ๆ แตกเป็นเสี่ยง ๆ ได้แล้ว แต่มันก็เหนื่อยเอาการเหมือนยกหินหนัก ๆ หลายกิโลวิ่งไปมาเลย ต้องพักอยู่นานหลังจากทำสำเร็จ ไอ้แมทบอกว่าพ่อมดแม่มดขาวไม่ได้มีพลังมากมายอะไร ต้องหมั่นฝึกฝนเอามาก ๆ ต่างจากพวกแม่มดดำที่มีพลังที่ร้ายกาจและรุนแรงกว่า เพราะมีการเสริมพลังจากการบูชายัญเลือดทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง

เรื่องของไอ้อิฐกับไอ้แมทก็เริ่มพอเข้าหน้ากันติดแล้ว เพราะหลังจากวันนั้นผมก็เข้าไปคุยกับไอ้แมทตามตรง มันเองก็เข้าใจดีกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับไอ้อิฐ ไม่ได้ตั้งใจอยากให้มันเป็นแบบนี้ มันเองก็ชอบน้องสาวผมมานานเหมือนกัน แต่ติดตรงที่ถูกล่าตัวแถมกี้ยังไปอยู่ต่างประเทศนานเกือบปีเลยไม่มีโอกาสได้สานสัมพันธ์ต่อ ไม่เคยคิดว่าจะได้มาเจอกันอีกด้วยซ้ำ

ตัวผมเองตอนนี้ก็เลยกลายเป็นตัวกลางให้มันสองคนเข้ากันได้ง่ายมากขึ้น ผ่านร้านเหล้าบ้าง ผ่านเกมบ้าง เตะบอลบ้าง ผู้ชายอย่างพวกเราผิดใจกันแป๊บเดียว เดี๋ยวก็หาย

“เฮ้ย ไรวะ แพ้อีกละ มึงเล่นเก่งจังวะไอ้อิฐ ยอมให้กูสักตาไม่ได้ไง๊” เสียงไอ้แมทร้องโวยวายขึ้นมาขณะนอนเล่นเกมอยู่บนเตียงของผม ซึ่งตอนนี้มันกลายมาเป็นแขกประจำห้องของพวกผมไปแล้ว พักหลังแทนที่ผมจะไปหามันที่คอนโด มันก็มาหาผมที่นี่แทน

“มันเทพที่สุดในกลุ่มแล้ว เกมนี้” ผมบอกไปขณะต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกินแก้หิวตอนกลางดึก นี่ก็เกือบจะเที่ยงคืนแล้ว

“นั่นดิ อย่าไปแข่งกับมันเลย แพ้เปล่า ๆ” ไอ้คีย์เสริมขึ้นมา

“กูยอมให้มึงเรื่องหนึ่งแล้วไอ้แมท อย่ามาเยอะ” ไอ้อิฐพูดขึ้นมาขำ ๆ พร้อมกับมองหน้าไอ้แมท พวกเราต่างรู้ดีว่าไอ้อิฐมันพูดถึงเรื่องอะไร ผมหันไปมองหน้าไอ้แมทที่ชะงักไปแป๊บหนึ่ง ก่อนมันจะเงยหน้าขึ้นมาจากจอมือถือแล้วยิ้มให้ไอ้อิฐอย่างจริงใจ

“ขอบใจนะเพื่อน”

ภายในป่าลึกแห่งหนึ่งของยุโรป มีกระท่อมโกโรโกโสสภาพเหมือนถูกทิ้งร้างไม่มีใครอยู่มานานตั้งไว้ ณ ที่ตรงนั้น บรรยากาศบริเวณนั้นเงียบสนิทชวนวังเวง ไม่มีแม้แต่นกบินผ่านหรือเสียงร้องของสัตว์ตัวเล็กตัวน้อย ประกอบกับความหนาทึบของต้นไม้ใบหญ้า มันทำให้เกิดภาพชวนน่าผวาและคงไม่มีใครกล้ามาเดินแถวนี้คนเดียวเป็นแน่ แม้แต่ในตอนกลางวัน

ด้านในของตัวกระท่อมมีอะไรที่ชวนสยดสยองยิ่งไปกว่านั้น ร่างของเด็กชายอายุไม่เกิน 15 ปีในสภาพถูกมัดมือมัดเท้าและปิดปาก นอนขดตัวอยู่ที่ด้านล่างของโต๊ะรับประทานอาหารกลางห้อง ด้านบนของโต๊ะมีอีกร่างเป็นชายวัยกลางคนนอนอยู่ในสภาพไม่ต่างกัน แต่จะเรียกว่าคนก็ไม่ถูกซะทีเดียว ที่ถูกต้องคือศพต่างหาก ร่างสิ้นลมหายใจร่างนั้นนอนหงายท่อนบนเปลือยเปล่า บริเวณท้องเป็นแผลเหวอะเหมือนถูกมีดอีโต้สับจนเละเป็นแผลวงกว้าง ร่างนั้นถูกคว้านเอาเครื่องในออกจนหมด เลือดยังคงไหลย้อยไปทั่วทั้งโต๊ะเป็นระยะ

“หิวไหมจ๊ะ เด็กน้อย” เสียงหวานดังขึ้นมาจากด้านหนึ่งของกระท่อมนั่น ร่างนั้นกำลังเดินออกมาจากเงามืดพร้อมถือจานอาหารออกมา เด็กชายที่นอนขดตัวอยู่รีบขยับตัวหนีห่างจากร่างที่ตรงเข้ามาด้วยความตกใจกลัว น้ำตาไหลเปื้อนแก้มทั้งสองข้าง ในจานของร่างที่ถือมาเต็มไปด้วยเลือดและเนื้อที่เป็นก้อนยุ่ย ๆ ปลายนิ้วเรียวเอามือจิ้มไปในจานก่อนยกนิ้วมือตัวเองที่เปื้อนเลือดขึ้นมาดูด

“นาน ๆ ทีจะมีคนเข้าป่ามาล่าสัตว์ ลองชิมดูซิ เนื้อติดไขมันพ่อหนูนี่หวานใช้ได้เลยนะ” ร่างนั้นพูดต่อพร้อมกับกระชากผ้าที่ปิดปากเด็กชายออก เด็กน้อยที่หลังจากเป็นอิสระก็พยายามจะร้องส่งเสียงออกมาแต่มือนั้นก็รีบปิดปากเอาไว้ทัน ก่อนเอาอีกมือจะหยิบก้อนเนื้อยุ่ย ๆ ปนเลือดในจานมายัดใส่ปากเด็ก

“กิน ! กินเข้าไป !” เสียงหวานนั้นกลายเป็นเสียงตะคอกก่อนหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เด็กน้อยสำลักสิ่งที่กินเข้าไปออกมา น้ำหู น้ำตาไหล พร้อมกับอ้วกออกมาอีกหนึ่งรอบ เหมือนฝันร้ายนี้ยังคงดำเนินต่อไปไม่หยุด เมื่อมืออันนั้นยังคงหยิบชิ้นเนื้อในจานยัดเข้าไปในปากเด็กใหม่

อยู่ ๆ ประตูกระท่อมก็ถูกเปิดออกมาอย่างรุนแรงแรงพร้อมกับร่างหนึ่งที่กระโจนเข้ามาพร้อมกับมีดปลายแหลมพุ่งไปยังร่างที่กำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

“อีแม่มดโรคจิต ตายซะเถอะ !”

ร่างที่พุ่งเข้ามาเป็นชายหนุ่มเอเชียวัยสามสิบต้น ๆ  ใบมีดคมแหลมพุ่งไปยังกลางหลังด้านซ้ายตำแหน่งเดียวกับหัวใจ แต่ดูเหมือนร่างที่กำลังทรมานเด็กอยู่จะไหวตัวทัน มันแสยะยิ้ม ก่อนกระโดดขึ้นไปเกาะบนเพดานของกระท่อมเหมือนแมงมุม ปากของมันค่อย ๆ ขยายใหญ่กว้างขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับฟันซี่แหลมคมถี่จนเกินจะนับไหว

“บุกมารังของข้าคนเดียวแบบไม่กลัวตายเลยนะ”

พูดจบร่างสยองนั้นก็กระโดดตรงมาหาชายหนุ่ม

ฉับ !

ดาบซามูไรด้ามยาวฟันไปยังลำคอของร่างที่กระโดดลงมาอย่างแม่นยำ หัวของแม่มดกระเด็นหลุดออกจากลำคอ พร้อมกับเลือดที่สาดกระเซ็นไปทั่วกระท่อม คนที่ฟันออกไปเป็นร่างของผู้หญิงอีกหนึ่งคนที่อายุไม่ต่างอะไรกันมากกับชายหนุ่ม เจ้าตัวเพิ่งจะตามเข้ามาในภายหลัง

“ใครบอกว่ามาคนเดียว” ชายหนุ่มหัวเราะออกมาอย่างขำ ๆ มองไปยังหัวของแม่มดที่กระเด็นมาอยู่ที่เท้าเขาพอดี ไม่วายโดนสายตาของคนที่เข้ามาภายหลังมองอย่างตำหนิ

“บอกแล้วใช่ไหมให้เข้ามาพร้อมกัน ให้ตรวจสอบรอบ ๆ ก่อน ถ้ามันไม่ได้มีแค่ตัวเดียวจะทำไง” ผู้หญิงคนนั้นพูด

“จ้า ๆ ขอโทษค้าบ เมียจ๋า อย่างอนเขานะตัวเอง” พูดจบเจ้าตัวก็พุ่งตัวไปกอดภรรยาของตัวเอง พร้อมหอมแก้มไปอีกหนึ่งฟอดใหญ่

“พอเลย ไปดูเด็กก่อน” ฝ่ายผู้หญิงรีบทุบหน้าอกชายหนุ่มไปบึกใหญ่ ก่อนผละตัวออกไปหาเด็กผู้ชายที่กระเถิบถอยหลังหนีด้วยความตื่นกลัวหนักยิ่งไปกว่าเดิม

“Hey boy, don’t be afraid. I’m here to help you. Everything will be fine.” ผู้หญิงคนนั้นพูดยิ้ม ๆ พร้อมค่อย ๆ ย่อตัวลงไปรับเด็กผู้ชายคนนั้นมาสวมกอด

เสียงข้อความดังขึ้นมาทำให้ชายหนุ่มที่ยืนมองภรรยาของเขากับเด็กคนนั้นละสายตาไปหยิบมือถือของตัวเองในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาเปิดดู ก่อนจะทำหน้าประหลาดใจเมื่อเจ้าตัวเห็นสิ่งที่อยู่ในมือถือ

“ตัวเอง เราได้งานล่าแม่มดงานใหม่ด้วยล่ะ” ชายหนุ่มพูดขึ้น

“หืม ยังมีอีกเหรอ นี่ไปจนจะครบทุกประเทศในยุโรปแล้วนะ”

“คราวนี้ไม่ใช่ยุโรป แต่เป็นเอเชียต่างหาก” เขาพูดต่อ

“แม่มดในเอเชีย ? ที่ไหนกัน” ฝ่ายหญิงพูดขึ้นมาอย่างประหลาดใจ เอเชียนี่นะ มีอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ

“your hometown … Thailand”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด