GE493 อสูรโบราณ (ฟรี)
เรื่องเกี่ยวกับอสูรโบราณ หนิงฝานไม่ได้รู้รายละเอียดมาก แต่อย่างน้อย เขาก็รู้ว่าอสูรโบราณมีสัมผัสเทพที่ทรงพลัง
ผู้เชี่ยวชาญบนเกาะจำนวนมากทะยานขึ้นมาบนท้องนภา เฝ้ามองหนิงฝานด้วยสายตาหวาดกลัว แต่มองหมิงเชว่ด้วยความเคารพจากใจ
สาวน้อยนางหนึ่งอายุกระดูกเพียง 15 ปี อยู่ขอบเขตเปิดเส้นชีพจรที่ 10 กางปีกน้อยๆบินขึ้นมาบนท้องนภาเพื่อต้อนรับหมิงเชว่ เมื่อขยับเข้าไปใกล้ๆนางในระดับหนึ่ง เด็กคนนั้นก็ทำท่าราวกับก้มกราบ
ผู้คนเฝ้ามองเด็กคนนั้น หนิงฝานเองก็เช่นกัน เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกแปลกที่อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้จากตัวเด็กคนนั้น
“ยินดีต้อนรับท่านผู้นำและนักบวชสูงสุด! เหตุใดท่านถึงเดินทางกลับมาพร้อมกับท่านหมิง?”
คนบนเกาะที่มารอต้อนรับหมิงเชว่กล่าวถาม คนทั้งหมดเคยได้ยินชื่อเสียงที่ยิ่งใหญ่ของหนิงฝาน การที่หนิงฝานมาเยือนเกาะ ทุกคนจึงไม่สบายใจ
“ท่านหมิงคือพี่ชายของข้า เป็นผู้ที่หาขนมอร่อยๆให้ข้ากินเสมอ พวกเจ้าวางใจได้ พี่ชายไม่คิดร้ายกับเกาะหรอก”
คนบนเกาะโล่งใจที่หนิงฝานไม่ได้เป็นศัตรู ยิ่งที่หมิงเชว่บอกว่าหนิงฝานเป็นพี่ชาย คนเหล่านั้นยิ่งมีความสุข
“ท่านหมิงเป็นพี่ชายของท่านผู้นำ… นับเป็นข่าวดีอย่างยิ่ง!”
หากหนิงฝานเป็นศัตรู พวกมันคงคิดว่าตนเองไม่มีทางรอดมือจากหนิงฝานอย่างแน่นอน
พวกมันรู้ดีว่าหนิงฝานไม่ใช่ผู้ที่ยั่วยุได้ เป็นคนโหดเหี้ยมอำมหิต เกาะอสูรแค่นี้ไม่เกินกำลังหากหนิงฝานจะทำลาย
ดังนั้น คนบนเกาะทั้งหมดจึงเลี่ยงที่จะยั่วยุ และมองหนิงฝานด้วยแววตาที่เคารพมากขึ้น
เมื่อเห็นคนบนเกาะเคารพหนิงฝาน หมิงเชว่ก็ยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะหันกล่าวกับชายชราที่อยู่ข้างหลัง
“ท่านปู่ฉู่ ข้าให้เวลาท่าน 10 วันในการเตรียมแท่นบูชายัญให้พร้อม หลังจากนั้นพวกเราจะจัดงานฉลอง เพราะการสืบทอดพลังครั้งนี้ต้องสำเร็จ!” นางกล่าวด้วยความมั่นใจ
“10 วัน! ขอรับ!” ชายชรารับคำและเร่งบอกให้คนอื่นๆเตรียมการให้พร้อม
เมื่อคนบนเกาะได้ยินว่าหมิงเชว่กำลังจะสืบทอดพลังจากราชานีซือชาง คนบนเกาะก็ดีใจ
ชายชราฉู่เป็นแกนกลางสำคัญในการหาตัวหมิงเชว่ เพื่อให้มารับสืบทอดตำแหน่งราชินีของเกาะ เหตุที่ก่อนหน้าหมิงเชว่สืบทอดพลังไม่สำเร็จ ก็เพราะนางยังอ่อนแอเกินไป ไม่อาจทนรับพลังได้
แต่ตอนนี้หมิงเชว่มีหนิงฝานเป็นคอยช่วย โอกาสสำเร็จในการสืบทอดพลังก็ยิ่งสูงขึ้น จึงไม่จำเป็นต้องกังวลกับความปลอดภัย
ในขณะที่ทุกคนกำลังดีใจอยู่นั้น จู่ๆผู้เยาว์คนหนึ่งก็ทัดทานการรับสืบทอดพลังของหมิงเชว่ “ไม่! ท่านจะรับสืบทอดพลังไม่ได้!”
“บังอาจ! เป็นแค่ไพร่กลับกล้าล่วงเกินราชินี ต้องถูกลงโทษ!”
เมื่อเหล่าขอบเขตแก่นทองคำและดวงจิตแรกเริ่มได้ยินสิ่งที่ผู้คนนั้นกล่าว พวกมันก็โกรธขึ้นทันที
“หยุดเดี๋ยวนี้! ห้ามใช้อำนาจข่มเหงคนที่อ่อนแอกว่า!”
หมิงเชว่กล่าว ทำให้ไม่มีผู้ใดกล้าลงมือกับผู้เยาว์คนนั้น นางสั่งให้ทุกคนแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตนในการจัดเตรียมพิธี
เมื่อพ้นภัย ผู้เยาว์คนนั้นก็ผ่อนคลาย และหันมองหมิงเชว่ด้วยสายตาขอบเขต แต่ในขณะที่มันกำลังจะบอกกล่าวบบางสิ่งกับนาง นางกลับไม่สนใจ มีเพียงหนิงฝานที่สนใจเด็กคนนั้น
หมิงเชว่ควงแขนหนิงฝาน ราวกับจะนำเข้าไปเที่ยวชมเกาะ
“พี่ขนม ข้าจะพาท่านไปเที่ยวรอบๆเกาะเอง ดีมั้ย?” นางกล่าวกับหนิงฝานด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล มาดในความเป็นผู้นำเกาะหายสิ้น
ในอดีตหมิงเชว่เป็นเพียงปีศาจสมุนไพรที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง แม้ว่าการเดินทางเข้ามายังทะเลไร้สิ้นสุดจะทำให้นางเข้าใจโลกมากขึ้น แต่นางก็ยังไม่ทิ้งความเป็นตัวของตัวเองไป
ดังนั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าหนิงฝาน นางจึงกลายเป็นสาวน้อยคนเก่า
“ดีสิ” หนิงฝานไม่ปฏิเสธความปรารถนาดีของนาง แต่ก่อนจะไป เขาได้กล่าวบางสิ่งกับผู้เยาว์คนนั้นด้วยสัมผัสเทพ
ทันทีที่ได้ยินเสียงหนิงฝาน ผู้เยาว์คนนั้นตกใจ แต่ก็เร่งพยักหน้าตามคำกล่าวของหนิงฝาน
หนิงฝานและซูหยานเดินเที่ยวเล่นไปพร้อมกับหมิงเชว่บนเกาะเป็นเวลา 2 วันเต็ม ในระหว่างที่เดินเล่น หนิงฝานได้กล่าวถามเรื่องขอบเขตพลังของอสูรกับนาง รวมถึงสิ่งที่สงสัยมากมาย แต่ก็ยังไม่ได้คำตอบที่น่าพอใจ
แต่นั่นก็ไม่ถือว่าแปลก บางทีหลังจากสืบทอดพลังแล้ว นางอาจจะรู้อะไรมากขึ้นก็ได้
นางเล่าให้หนิงฝานฟังว่า นางเคยฝันถึงเรื่องที่นางเป็นอสูรโบราณที่ทรงพลัง
แม้ในร่างของนางจะมีโลหิตอสูรโบราณไหลเวียนอยู่ แต่ด้วยที่นางไม่เคยได้ปลุกโลหิตอสูร ทำให้นางยังไม่ใช่อสูรโบราณที่แท้จริง
การปลุกโลหิตเพื่อให้ได้รับพลังของนางจะพิเศษกว่าอสูรทั่วไป ซึ่งต้องใช้บางสิ่งเป็นตัวกลาง ช่วยหยิบยืมพลังจากอนุสรณ์ของซือชางได้
หนิงฝานมีโลหิตฟู่ลี่ในกาย หากจะกลายเป็นอสูรเผ่าพันธุึ์ฟู่ลี่ที่แท้จริง เขาก็ต้องผ่านพิธีบูชายัญกับอนุสรณ์ที่เผ่าพันธุ์ฟู่ลี่ได้ตกทอดไว้
วิธีการนั้นคล้ายกับการสร้างสัญลักษณ์ปีาจของเผ่าพันธุ์ปีศาจโบราณ ซึ่งหากผ่านพิธีนั้น ก็จะได้กลาายเป็นเผ่าพันธุ์อสูรโบราณที่แท้จริง
แต่น่าเสียดายที่เผ่าพันธุ์ฟู่ลี่ถูกล้างเผ่าพันธุ์ไปนานแล้ว บางทีอนุสรณ์ที่ว่าอาจไม่มีแล้วก็ได้...
หลังจากเที่ยวเล่นกับเสร็จ หมิงเชว่ก็แยกตัวไปฝึกฝน เพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมกับวันที่จะรับสืบทอดพลัง
สถานที่ที่นางฝึกฝนเป็นบ่อที่เย็นยะเยือกแห่งหนึ่ง ภายในอัดแน่นไปด้วยปราณอสูรที่ช่วยในการยกระดับพลังเป็นอย่างดี
เมื่อได้เห็นหมิงเชว่มีสถานที่ฝึกฝนที่ดี หนิงฝานก็สบายใจ เขาให้ซูหยานไปคอยดูแลหมิงเชว่ในระหว่างที่นางฝึกฝน
ส่วนหนิงฝานย้อนกลับไปยังที่พัก กว่าจะถึงวันงานก็อีก 8 วัน เขาเองก็ต้องเตรียมตัวเช่นกัน
ที่พักของหนิงฝานอยู่ใกล้ๆกับที่ฝึกฝนของหมิงเชว่ หากเกิดอะไรกับพวกนาง หนิงฝานจะรู้ทันที
ภายในที่พักของหนิงฝาน มีผู้เยาว์คนที่กล่าวทัดทานหมิงเชว่ไม่ให้สืบทอดพลังรออยู่ เมื่อเห็นหนิงฝานมา ผู้เยาว์คนนั้นหวาดกลัวจนตัวสั่น
“คะ...คารวะท่านหมิง” ผู้เยาว์คนนั้นคุกเข่าลง แล้วก้มหัวโขกกับพื้นเพื่อคำนับหนิงฝาน
“อืม” หนิงฝานพับแขนอาภรณ์แล้วช่วยพยุงผู้เยาว์คนนั้นขึ้น
เมื่อสองวันที่แล้วหนิงฝานบอกกับผู้เยาว์คนนี้ว่ามีเรื่องที่อยากจะซักถามเป็นการส่วนตัว ผู้เยาว์คนนั้นจึงหวาดกลัว เพราะแม้ระดับพลังจะไม่ได้สูงส่ง แต่มันก็เคยได้ยินชื่อเสียงของหนิงฝานมาไม่น้อย
เดิมทีการที่มันกล่าวทัดทานการสืบทอดพลังเป็นสิ่งที่ผิดต่อหมิงเชว่ ผู้เชี่ยวชาญหลายคนบนเกาะไม่พอใจ แต่เมื่อได้รู้ว่าหนิงฝานอยากพูดคุยกับผู้เยาว์คนนี้เป็นการส่วนตัว ผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นก็เร่งนำผู้เยาว์คนนี้มายังที่พักของหนิงฝานทันที
แม้จะมีคนในเผ่าหลายคนเตือนเรื่องตอบคำถามหนิงฝาน ไม่ให้บอกบางสิ่ง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหนิงฝาน ไม่ว่าเขาจะกล่าวสิ่งใดก็คงไม่กล้าปกปิด
ยามนี้ผู้เยาว์เป็นกังวลมาก เพราะยังไม่รู้ว่าหนิงฝานจะกล่าวถามสิ่งใด ยิ่งคิดว่ากำลังเผชิญหน้าอยู่กับปีศาจที่ร้ายกาจในโลกพิรุณ ตัวก็ยิ่งสั่นจนแทบจะยืนไม่ได้
“ไม่ต้องกลัวไป ข้าแค่อยากจะถามบางอย่างกับเจ้า หากเจ้าตอบความจริง ข้าจะให้โอสถเป็นรางวัล”
“โอสถ? ย่อมได้ หากท่านมีสิ่งใดถามข้าก็เชิญถามได้เลย หากข้ารู้ข้าจะบอกหมดทุกสิ่ง!” เมื่อได้ยินว่าจะได้โอสถเป็นรางวัล ผู้เยาว์คนนั้นก็ตาลุกวาว ความกลัวที่มีต่อหนิงฝานเริ่มหายไป
ผู้เยาว์คนนี้เป็นเพียงอสูรระดับล่างที่ไม่ได้ทรงพลังมากนัก หนิงฝานไม่จำเป็นต้องกล่าวถาม เขาสามารถอ่านความทรงจำของมันได้ทันที เพราะต่อให้อสูรระดับล่างบาดเจ็บหรือตาย ย่อมไม่มีผู้ใดสนใจ
แต่หนิงฝานไม่ใช่คนโหดร้ายแบบนั้น เขารับปากว่าจะให้โอสถหากผู้เยาว์คนนั้นตอบความจริง
มันรู้แล้วว่าหนิงฝานไม่ได้โหดเหี้ยมเหมือข่าวลือที่ได้ยินมา
“เจ้าชื่ออะไร? มีหน้าที่อะไรบนเกาะ?”
“ข้ามีนามว่าหลินหยู เป็นหนึ่งในผู้คุ้มครององค์ราชินี” หลินหยู่กล่าวตอบอย่างสุภาพ
“ทำไมเมื่อ 2 วันก่อนเจ้าจึงกล่าวว่าหมิงเชว่ไม่ควรสืบทอดพลัง?” ขณะกล่าว สีหน้าของหนิงฝานก็แปรเปลี่ยนจริงจัง “แล้วเขี้ยวอสูรที่ห้อยอยู่คอของเจ้า ไปได้มาจากที่ไหน?”
หนิงฝานสังเกตุเห็นเขี้ยวอสูรที่หลินหยูห้อยไว้ที่คอ และยังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของโลหิตอสูรโบราณที่เบาบางในร่างของหลินหยู ซึ่งอาจเกี่ยวพันกับเขี้ยวที่ห้อยอยู่
“ข้าบังเอิญเก็บเขี้ยวนี่ได้ ก็เลยเอามาทำเป็นสร้อยคอ… ส่วนเรื่องที่ข้าทัดทานองค์ราชนีไป เป็นเพราะข้าเห็นแววตาของสิ่งนั้นจึงหวาดกลัว… กลัวว่ามันจะทำอันตรายองค์ราชินี!”
“งั้นเหรอ?”
“มีอยู่ราตรีหนึ่งที่ข้าเฝ้ายามอยู่ใกล้กับอนุสรณ์ ยามนั้นข้าเห็นบางสิ่งที่ดูราวกับอสูร เข้ามากินคนของเกาะแล้วหายกลับเข้าไปในอนุสรณ์ แต่หลังจากมันหายไป ข้าสังเกตุเห็นเขี้ยวเล่มหนึ่งตกอยู่ ราวกับเป็นสิ่งที่มันบังเอิญทำตกไว้ ข้าก็เลยเชื่อว่าหากไปสืบทอดพลังที่นั่น จะทำให้เกิดอันตรายร้ายแรง” หลินหยูกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือด้วยความหวาดกลัว
“อสูร?”
หนิงฝานขมวดคิ้ว หรือในอนุสรณ์นั่นจะมีอสูรโบราณอาศัยอยู่จริงๆ อนุสรณ์นั่นมีเพลิงธูปที่รุนแรง ต่อให้สัมผัสเทพของหนิงฝานจะทรงพลัง แต่ก็ทะลวงการป้องกันเข้าไปไม่ได้ แต่อสูรตนนั้นกลับทะลวงเข้าไปในอนุสรณ์ได้
คำบอกเล่าของหลินหยูทำให้หนิงฝานนึกถึงความรู้สึกแปลกๆและสายตาคู่หนึ่งจากอนุสรณ์เมื่อยามที่เข้าเกาะ
“หรือในอนุสรณ์นั่นจะมีอสูรโบราณจริงๆ?”
หนิงฝานจ้องมองเขี้ยวที่หลินหยูห้อยคอ สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นสูงจากมัน
หากในอนุสรณ์มีอสูรอยู่จริง ก็คงเป็นอสูรในขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นสูง
“นี่เป็นโอสถผันแปรที่ 2 มันจะช่วยให้เจ้าทะลวงขอบเขตประสานวิญญาณได้”
หนิงฝานนำโอสถออกมาขวดหนึ่งแล้วยื่นให้ ก่อนจะปล่อยหลินหยูกลับไป และไม่นานหลังจากนั้น เขาก็มุ่งหน้าไปยังอนุสรณ์
แม้จะไม่อาจแผ่สัมผัสเทพเข้าสำรวจภายในอนุสรณ์ได้ แต่ที่นี่มีกลิ่นอายพลังในขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นสูงอยู่จริง นั่นหมายความว่า ในอนุสรณ์มีอสูรไร้ดัดแปลงขั้นสูงอยู่จริง!
แม้กลิ่นอายที่เหลืออยู่จะเบาบางจนไม่มีผู้ใดสัมผัสได้ แต่ด้วยความที่หนิงฝานเป็นนักปรุงโอสถ เขาจึงสัมผัสได้อย่างชัดเจน
“ในนี้มีอสูรอยู่จริงๆ… หากไม่ทำลายอนุสรณ์ทิ้งก็ไม่อาจบังคับให้มันปรากฏตัว แต่หากทำลายทิ้ง หมิงเชว่ก็จะสืบทอดพลังไม่ได้...”
“ไม่รู้ว่าอีก 8 วันข้างหน้ามันจะทำอะไรหมิงเชว่หรือเปล่า… หากมันกล้าทำ ข้าจะฆ่ามันด้วยมือของข้าเอง!”
บริเวณฐานของอนุสรณ์ มีกลุ่มควันธูปสีขาวจางๆลอยอยู่ ควันนั้นคืออสูรพยัคฆ์ขาวที่อำพรางกาย แผ่แรงกดดันในขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นสูงและกลิ่นคาวเลือด เพราะมันเพิ่งออกล่ากลับมา
“ฮึ่ม! ผู้ที่มาไม่ได้แข็งแกร่งด้อยไปกว่าข้ามากเท่าไหร่ ดูเหมือนข้าจะออกไปหาเหยื่อไม่ได้ง่ายๆแล้ว”
ผู้ที่มันกล่าวถึงคือหนิงฝานและซูหยาน แม้ว่ามันจะทรงพลัง แต่มันไม่ได้หาญกล้ามากนัก ต่อให้มันมีระดับพลังที่สูงกว่าหนิงฝานและซูหยาน แต่มันก็ยังหวาดกลัวทั้งสองอยู่ดี
“ดูเหมือนอีกไม่นานจะมีพิธีสืบทอดพลัง ถึงข้าจะหยิบยืมเพลิงธูปฝึกฝนวิชาได้ แต่ก็ไม่สามารถดูดซับมันได้โดยตรง เพราะมีเพียงผู้ที่ผ่านการสืบทอดแล้วเท่านั้นที่จะดูดซับได้...”
มันยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“ผู้ที่จะทำพิธีเป็นเพียงผู้เยาว์ในขอบเขตตัดวิญญาณ จัดการได้ไม่ยาก… นางไม่รอดมือข้าแน่!”...