เล่มที่ 1 บทที่ 3 ก็แค่นักท่องเที่ยวคนนึง
“สำนักหลวนขจีค่อนข้างน่าสนใจอย่างงั้นรึ?...อย่าบอกนะว่าก่อนหน้านี้, เจ้าไม่ได้สนใจสถานที่แห่งนี้ที่ถูกยอมรับกันทั่วอาณาจักรว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์หน่ะ?”
ชายชราจ้องชายหนุ่มอย่างเหม่อลอยเป็นเวลาพักใหญ่ๆ ในขณะนั้นเองเขาก็พยายามทำความเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างตัวเขากับชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดย่างสิบแปดปีคนนี้, แต่ถึงกระนั้นมันก็ไม่มีทางที่เขาจะเข้าในความคิดของเด็กคนนี้ได้เลย, เขาตัดสินใจที่จะไม่พูดอะไรอีก, แล้วหลับตาลงเพื่อพักผ่อนต่ออีกซักนิด
...
ฝนฤดูใบไม้ผลินี้ยังคงตกลงมาเป็นเวลาพักใหญ่ๆ รถม้าเดินทางไปได้อีกสิบลี้ผ่านถนนโคลน ณ ตอนนี้ หลิน ฉี ได้ยกผ้าม่านของรถม้าขึ้นแล้วเขาก็เห็นภูเขาสูงที่ทอดยาวออกไปไม่รู้จบปรากฎขึ้นในระยะไกลๆ, พร้อมกับสายฝนที่ตกลงมาดังเปาะแปะ
อย่างไรก็ตาม, ภูเขาลูกนี้สูงมาก, มีหิมะสีขาวบริสุทธิ์ปกคลุมที่ยอดของมัน แสงอาทิตย์สะท้อนออกมาจากหน้าผาที่สูงตระหง่านเหนือเมฆฝน, ซึ่งนี่ทำให้ยอดของภูเขาลูกนี้ดูชัดเจนและสดใส
“นั่นคือเส้นทางสายหลักของทะเลภูเขา”
ในตอนที่เขาได้ยินเสียงรบกวนในรถม้า, ชายชราที่สวมชุดกันฝนสีเขียวชะอุ่มไม่ได้หันกลับมา, แล้วพูดต่อ “ถ้าเจ้าเริ่มต้นจากทะเลภูเขาทางฝั่งตะวันออกที่ห่างไกล, มุ่งหน้าไปตามแนวชายเขาที่คดเคี้ยว, ในที่สุดเจ้าก็จะไปถึงเขตทะเลภูเขาน้ำแข็งที่อยู่ทางเหนือ, หนึ่งในสองเทือกเขาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอาณาจักรหยุนฉิน หลังจากที่พวกเราพ้นเทือกเขานี้แล้ว, อีกไม่ไกลก็จะถึงสำนักหลวนขจี”
“สำนักหลวนขจีอยู่ข้างหลังภูเขาพวกนี้หรอครับ?”
หลิน ฉีมองเทือกเขาที่ตั้งอยู่ไกลๆ ไม่ว่ามันจะเป็นฝน, หิมะ, พืชที่อยู่บนภูเขา, หรือแสงอาทิตย์ที่สะท้อนออกมาจากหน้าผา, ทุกสิ่งนั้นล้วนสะอาดบริสุทธิ์ ที่สองฝั่งของรถม้าที่เปื้อนโคลน, มีพื้นหญ้าที่มีดอกไม้ทุกชาติพันธ์ทอดยาวไปจนถึงตีนเขา บรรยากาศที่สะอาดและสงบสุขนี้ทำให้เขารู้สึกหลงไหลอย่างบอกไม่ถูกจริงๆ
ที่ตีนเข้านั้นมีหมู่บ้านอยู่แห่งนึง, มีบ้านไม้กระจัดกระจายอยู่ตามพื้นดินต่างระดับ ที่รอบๆหมู่บ้านและตามเนินเขานั้นมีทุ่งแอปริคอตอยู่, และตอนนี้ดอกของมันก็เบ่งบานอย่างงดงามและเจริญตาเหมือนกับเมฆดอกไม้
“ลุงหลิว, พวกเราจะผ่านที่นั่นรึเปล่าครับ?” สายตาของหลิน ฉีถูกความเงียบสงบและความบริสุทธิ์งดงามของหมู่บ้านนี้ดึงดูดอย่างสมบูรณ์, เขาอดถามชายชราที่นั่งอยู่ข้างหน้ารถม้าไม่ได้
ชายชราเหม่อไปพักนึง จากนั้นเขาก็พยักหน้าแล้วพูดออกมา “หมายถึงหมู่บ้านทุ่งแอปริคอต*สินะ หุบเขาที่พวกเราจะผ่านอยู่ข้างหลังหมู่บ้านนั่นแหล่ะ”
“หมู่บ้านทุ่งแอปริคอตหรอครับ?” หลิน ฉี อดเผยรอยยิ้มออกมาไม่ได้ “แล้วที่หมู่บ้านทุ่งแอปริคอตนี่มีไวน์ไหมครับ?”
ชายชราหันมาด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยในขณะที่มอง หลิน ฉี เขาพูดพลางขมวดคิ้ว “ถ้าร้านเล็กๆที่ต้นหมู่บ้านยังเปิดอยู่, ก็น่าจะพอมีไวน์ขายหล่ะนะ, แต่มันก็ไม่ใช่ไวน์ที่พิเศษอะไรหรอก, และถ้าพวกเราแวะพักที่นี่, พวกเราก็จะเดินทางช้าไปอีกหนึ่งวันเลยนะ...”
“ไม่เป็นไรครับ, ข้าแค่บังเอิญนึกถึงกลอนบทนึงขึ้นมา, ก็เลยถามเฉยๆครับ” หลิน ฉีฉีกยิ้มจนหางตาของเขาก็โค้งตามไปด้วย เขารู้ว่าชายชราคนนี้ไม่เข้าใจความหมายของสิ่งที่เขาจะสื่ออย่างแน่นอน
ชายชราพยักหน้า, เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้สนใจบทกลอนที่ว่านี่เลย, ดังนั้นเขาจึงไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
หมู่บ้านที่ซ่อนอยู่ข้างหลังทุ่งแอปริคอตค่อยๆเผยออกมาชัดขึ้นเรื่อยๆ หลิน ฉี ตกตะลึง
ตรงริมเขาที่อยู่ไกลๆมีวัวควายอยู่ฝูงนึง ที่ด้านหลังพวกมันมีเด็กชายเลี้ยงวัวสวมชุดกันฝนอยู่คนนึง
ในตอนที่หลิน ฉีถามชายชราเรื่องร้านไวน์, เด็กชายคนนั้นก็ชี้ไปทางหมู่บ้านทุ่งแอปริคอต ต่อให้ไม่มีไวน์อยู่ในหมู่บ้านทุ่งแอปริคอต, แต่ฉากที่อยู่เบื้องหน้าเขานี้ก็ดูคุ้นเคยมากจริงๆ
“ลุงหลิว, พวกเราหยุดที่นี่สักแปบนึงได้ไหมครับ?” ทันใดนั้นเอง, หลิน ฉีก็ถามชายชราที่กำลังขับรถม้าอยู่
หลังจากเงียบไปครู่นึง, ชายชราก็หยุดรถม้า
หลิน ฉีกางร่มกระดาษน้ำมัน, แล้วรีบเดินออกไปจากรถม้าภายใต้สายตาตกอกตกใจของชายชรา
ทางฝั่งซ้ายของรถม้านั้นเป็นทุ่งหญ้าที่เต็มไปด้วยดอกไม้เล็กๆสีม่วง, และมันก็มีกลีบดอกไม้ที่ร่วงลงมาจากต้นแอปริคอตกระจายอยู่เต็มพื้นด้วย หลิน ฉี เดินเข้าไปในทุ่งหญ้านี้, แล้วมองไปที่บ้านไม้หลังนึงที่อยู่ไม่ไกลจากริมหมู่บ้าน
มีลำธารเล็กๆไหลผ่านข้างหน้าบ้านไม้หลังนี้, และเหนือบ้านไม้ไปก็เป็นสะพานไม้
มีผู้หญิงถือตะกร้าคนนึงกำลังเดินไปที่สะพานนั้นพร้อมกับถือร่มกระดาษน้ำมันที่มีลักษณะอันคุ้นเคย หน้าตากับเสื้อผ้าของผู้หญิงคนนั้นปกติดี, แต่ในความเป็นจริงนั้น, ความบริสุทธิ์และความเรียบร้อยของเธอเป็นสิ่งที่ผู้หญิงในโลกก่อนของเขาไม่สามารถมีได้, และไม่สามารถปลอมได้ด้วยเช่นกัน แค่เด็กเลี้ยงวัวที่อยู่ห่างออกไป, ผู้หญิงที่อยู่บนสะพานไม้, และหมู่บ้านทุ่งแอปลิคอตนี้, ก็ดูเหมือนจะเป็นทัศนียภาพที่งดงามที่สุดที่ปรากฎอยู่เบื้องหน้าสายตาของเขาแล้ว
“ก็แค่หญิงสาวชาวบ้านคนนึง, เจ้าจะมองอะไรนักหนา?” หลิน ฉี เดินกลับมาที่รถม้าหลังจากที่ยืนจ้องผู้หญิงคนนั้นเป็นเวลาพักใหญ่ๆ, ในตอนนั้นเองชายชราก็พูดพร้อมขมวดคิ้ว
หลังจากที่ หลิน ฉี ถอดรองเท้าที่เปียกเล็กน้อยออก, เขาก็นั่งเหยียดขาด้วยท่าที่สบายที่สุด, แล้วเขาก็พูดออกมาในลักษณะที่เหมือนกับมันเป็นสิ่งที่ลึกซึ้งและเข้าใจยาก “ลุงหลิว, สิ่งที่ข้ากำลังมองอยู่หน่ะไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้นหรอก, แต่มันคือความเงียบสงบต่างหากหล่ะ”
แค่ก...แค่ก...ดูเหมือนว่าชายชราจะสำลักน้ำลายของตัวเอง, แล้วไอออกมา
“พวกเรากำลังจะถึงสำนักหลวนขจีแล้ว ลุงหลิว, จากสิ่งที่ลุงพูดมา, คงจะมีคนจากทุกสารทิศในอาณาจักรหยุนฉินมารวมตัวกันเยอะแยะเลยสินะครับ, และพวกเขาส่วนใหญ่ก็คงจะไม่ใช่ลูกสามัญชนธรรมดา การพูดอะไรพล่อยๆอาจจะทำให้เกิดปัญหาขึ้นได้มากมาย, ดังนั้นหลังจากที่ผ่านภูเขาลูกนี้ไป, ข้าจะไม่พูดเรื่องไร้สาระอีก” หลิน ฉี มองแผ่นหลังที่สั่นเล็กน้อยของชายชรา, จากนั้นเขาก็หัวเราะออกมาเบาๆ, แล้วกลับมาจริงจังต่อ “แต่ว่า, ก่อนที่จะผ่านเขาลูกนี้ไป, ข้าต้องพูดเรื่องไร้สาระออกมาให้เยอะๆก่อนไม่อย่างนั้นข้าอาจจะไม่สามารถทนเก็บมันเอาไว้ได้...ตอนนี้, ข้ามีพ่อแม่และน้องสาวที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก, แต่ในบางครั้ง, ข้าก็ยังอดรู้สึกโดดเดี่ยวไม่ได้”
“ซึ่งมันเป็นเพราะไม่มีใครเข้าใจข้า” หลิน ฉี ยกผ้าม่านรถม้าขึ้นสุด, แล้วมองออกไปยังโลกภายนอกพร้อมกับพูดออกมา “อันที่จริง, ข้ามาจากโลกอื่น มันเป็นโลกที่มีสิ่งก่อสร้างสูงๆอยู่เต็มไปหมด, มีเครื่องบินแล้วก็รถไฟด้วย ในโลกนั้น, ข้าเป็นแค่นักศึกษามหาวิทยาลัยคนนึงที่กำลังจะจบปีสี่แล้ว, แต่ว่าข้าก็ดันเจออุบัติเหตุรถชนเข้าซะก่อน จากนั้นในตอนที่ข้าลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งนึง, ข้าก็มาอยู่ในโลกนี้, และกลายเป็นหลิน ฉีเข้าซะแล้ว พูดตามตรงนะ, ข้าชอบโลกใบนี้มากเลย, มันบริสทุธิ์มาก, โดยเฉพาะเมื่อนำไปเทียบกับพ่อแม่ในโลกเก่าของข้าที่ไม่เคยสนใจข้าเลยซักนิด, บางทีพวกเขาอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้าประสบอุบัติเหตุรถชน ในตอนที่มาถึงที่นี่ข้าได้อ่านหนังสือมากมาย, ในตอนแรกข้าเชื่อว่าอาณาจักรหยุนฉินนั้นอาจจะมีประวัติศาตร์คล้ายกับฉิน, ยุคสมัยแห่งสงครามและอาวุธ, แต่ข้าก็ไม่เคยนึกฝันเลยว่าจะมีเด็กผู้หญิงคนนึงมาปรากฎตัวขึ้นอย่างกระทันหันแล้วถามคำถามข้ามากมาย, หลังจากนั้นก็มีเรื่องสำนักหลวนขจีเข้ามาต่อ ตอนแรก, ข้าไม่ได้สนใจสำนักหลวนขจีมากนักหรอก, เพราะถึงยังไง, ชีวิตในครอบครัวพ่อค้าที่มั่งคั่งในหมู่บ้านป่ากวางก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร แต่ว่า, ในวันนั้นเองก็มีคนใหญ่คนโตผู้หนึ่งมากับลุงพร้อมกับคำสั่งภายใต้อำนาจของเจ้าเมือง, ตำแหน่งเจ้าเมืองที่ว่านี่โดยพื้นฐานแล้วก็คงจะเหมือนกับตำแหน่งเทศมนตรีในโลกของข้าสินะ, และด้วยเหตุนี้เองข้าจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมตามมาแต่โดยดี แต่ว่านะ, ข้าเองก็ไม่เคยนึกฝันเลยว่าจริงๆแล้วสำนักหลวนขจีจะเป็นสถานที่แบบนี้, สำนักฝึกจอมยุทธกับเวทมนตร์งั้นหรอ? แบบนี้ข้าก็เหมือนกับเป็นแฮรี่ พอตเตอร์เลยหน่ะสิ...”
“ในระหว่างเดินทางท่านชอบถามข้าบ่อยๆสินะว่าทำไมข้าถึงชอบมองเรื่องบางอย่างด้วยความสนใจและความละเอียดมากจนเกินเหตุ, รวมทั้งผู้หญิงเมื่อสักครู่นี้ด้วย” หลังจากที่เงียบไปพักนึง, หลิน ฉี ก็พูดต่อ “มันเป็นเพราะว่าในโลกนี้, ข้าก็เหมือนเป็นแค่นักท่องเที่ยวคนนึงยังไงหล่ะ”
“เรื่องราวของเจ้านี่ฟังดูค่อนข้างไร้สาระจริงๆนะ” คิ้วของชายชราขมวดแน่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในขณะที่ฟังหลิน ฉีเล่าอดีตของเขา “ไม่สิมันไร้สาระมากเลยหล่ะ, ถ้าเจ้าเข้าไปในสำนัก, เจ้าคงจะพูดเรื่องพวกนี้ออกมาไม่ได้จริงๆ
หลิน ฉี พยักหน้า เขามองชายชราที่ทำหน้าจริงจัง, แล้วจากนั้นก็พูดพลางหัวเราะออกมา “เรื่องราวของข้าจบแค่นี้แหล่ะ ลุงหลิว, แล้วเรื่องราวของท่านเป็นยังไงบ้าง? ข้ายังไม่เคยฟังท่านเล่าเรื่องอดีตเลย”
ร่างของชายชราตึงเล็กน้อย เขาหันกลับมา, สูดหายใจเข้าลึกๆ, แล้วถอนหายใจออกมาอย่างช้าๆ “เรื่องของข้ามันไม่ค่อยมีอะไรหรอก, ก็แค่เคยอยู่ที่กองทัพชายแดนมาสองสามปีเท่านั้นเอง”
...
รถม้าผ่านหุบเขาอันเงียบสงบและทอดยาวผ่านหมู่บ้านแอปริคอต ในตอนที่มันเข้าไปในหุบเขากว้างนี้หลิน ฉีก็รู้สึกเหมือนกับกำลังฝันอยู่, ตอนเข้ามานั้นมันยังเป็นช่วงเช้าตรู่อยู่เลย, แต่พอออกมา, มันก็มืดแล้ว
ที่อีกฝั่งนึงของหุบเขาฝนหยุดตกแล้ว ในตอนแรก, ทัศนียภาพนั้นไม่ได้แตกต่างอะไรจากโลกภายนอก, มันยังคงเป็นพื้นที่หุบเขา, และมีต้นแอปริคอตกับดอกไม้ป่านานาพันธุ์เบ่งบานอย่างงดงาม
มันไม่มีหมู่บ้านอื่นอยู่ในระยะสายตาเลย, แต่ชายชราก็ไม่ได้หยุดตั้งค่ายเหมือนปกติ, แต่เร่งขับรถม้าขึ้นไปทางเหนือแทน
ในตอนนั้นเองหลิน ฉีก็รู้สึกตัวด้วยความตกใจว่าอากาศกำลังร้อนขึ้นเรื่อยๆ, ราวกับว่าพวกเขากำลังจะเปลี่ยนฤดูจากใบไม้ผลิเป็นฤดูร้อน, และทัศนียภาพที่อยู่ข้างทางเองก็กำลังเปลี่ยนไปเหมือนกัน
“นี่คือทุ่งหญ้าสี่ฤดู, พื้นที่ราบต่ำที่ตั้งอยู่ระหว่างเส้นทางหลักของทะเลภูเขาที่พวกเราพึ่งผ่านมากับเทือกเขาบันไดสวรรค์, ซึ่งคนที่เดินทางผ่านนั้นจะได้เจอกับฤดูกาลทั้งสี่ ข้าแนะนำให้เจ้าถอดเสื้อผ้าออกบ้างดีกว่านะ, เพราะมันจะร้อนขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องห่วงหรอก, คนของสำนักจะมารับเราในเร็วๆนี้” ท้องฟ้าค่อยๆมืดลง มีหมอกฟุ้งขึ้นมาจากภูเขา, ทำให้ทุกสิ่งดูพร่ามัวไปหมด, แต่ถึงอย่างนั้นชายชราก็ยังคงขับรถม้าต่อไป, แล้วพูดกับหลิน ฉีแบบนี้
“พวกเราจะไปเจอกับคนของสำนักหลวนขจีวันนี้เลยหรอครับ?” หลิน ฉีพึ่งดึงผ้าม่านในรถม้าขึ้นในตอนที่ได้ยินคำพูดของชายชรา, และเขาก็ตกใจในทันที
“พรุ่งนี้เป็นวันสอบเข้าสำนักหลวนขจี ตอนแรกข้ากะว่าจะพามาให้ถึงก่อนวันสอบอย่างน้อยสองวัน, เจ้าจะได้มีเวลาเรียนรู้เกี่ยวกับสำนักหลวนขจี, แต่ว่าวันนี้ฝนตกค่อนข้างหนัก, และเส้นทางก็ไม่ค่อยดีด้วย ถ้าพวกเราฝืนรีบเดินทาง, ม้าสองตัวนี้อาจจะทนไม่ไหว, แล้วจะกลายเป็นว่าทำให้พวกเราช้ากว่าเดิมได้” ชายชราหันกลับมามองหลิน ฉีแล้วพูด “ดังนั้นเจ้าจะมีเวลาแค่คืนนี้ในการถามและเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการสอบเข้าในวันพรุ่งนี้”
หลิน ฉีตกตะลึง ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมชายชราถึงเดินทางผ่านทะเลภูเขาในวันนี้และรีบมาที่นี่
ทันใดนั้นเอง, รถม้าก็หยุดลงอย่างกระทันหัน
สายตาของหลิน ฉีมองผ่านร่างที่แข็งกระด้างของชายชรา, แล้วเห็นจุดแสงเล็กๆปรากฎขึ้นในหมอกที่อยู่ข้างหน้าโดยไม่มีสัญญาณอะไรมาก่อนเลย
จากนั้นชายหนุ่มคนนึงก็เดินผ่านหมอกมาพร้อมกับตะเกียงอันนึงที่ถืออยู่ในมือ
ชายหนุ่มคนนี้สวมชุดคลุมสีดำทั้งตัว, ที่แขนเสื้อของชุดคลุมกับขอบผ้านั้นมีริ่มสีทองอยู่ เขาดูแก่กว่า หลิน ฉี ไม่กี่ปี, และมีหน้าตาที่หล่อเหลากับคิ้วที่คมเข้มเหมือนกับดาบ เขามีรอยยิ้มที่เป็นมิตรแสดงอยู่บนหน้า, หน้าผากของเขาดูผ่อนคลาย, และผมของเขาก็ถูกผูกเอาไว้อย่างเรียบร้อยด้วยยางรัดผมสีเขียวที่ทำจากผ้า
“ข้าชื่อเซี่ย หยางปิง, หนึ่งในสมาชิกของสำนักนี้ พวกท่านมาเข้าร่วมการทดสอบใช่ไหม? ขอเหรียญผู้รับรองด้วย” ชายหนุ่มพยักหน้าให้ชายชรากับหลิน ฉีด้วยท่าทีสบายๆที่ดูไม่อ่อนปวกเปียกเหมือนทาสและดูไม่ดูดุดันเหมือนพวกหยิ่งผยอง, แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ให้ความรู้สึกถึงความอ่อนโยนและความภาคภูมิใจ
“ใช่ครับ” ชายชราพยักหน้า เขาเอาของบางอย่างออกจากแขนเสื้อจากนั้นก็ส่งให้ชายหนุ่ม
หลิน ฉีมองดูอย่างเงียบๆด้วยความสงสัย เขาไม่รู้เรื่องเหรียญผู้รับรองเลย สิ่งที่ชายหนุ่มรับไปนั้นเป็นเหรียญผู้รับรองสีทองทรงสี่เหลี่ยม, จากที่ดูมันน่าจะเป็นของที่สำคัญมาก
“เชิญตามข้ามาได้เลยครับ”
หลังจากที่ชายหนุ่มคนนี้ตรวจสอบเหรียญอย่างละเอียดเป็นเวลาพักนึง, เขาก็ยิ้มให้พวกเขาอีกครั้งด้วยความอบอุ่น, และหันหลังกลับเพื่อเตรียมนำทาง
ภูเขาที่อยู่รอบตัวพวกเขาสูงขึ้นเรื่อยๆ, ม้าแก่ทั้งสองตัวเองก็ดูเหนื่อยล้าหนักขึ้นเรื่อยๆ, แม้ว่าจะไม่ได้โดนกระตุ้นให้เร่งความเร็วแล้วตาม ในขณะนั้นเอง, หมอกรอบตัวพวกเขาก็ค่อยๆหายไป, แล้วบรรยากาศกับทัศนียภาพข้างหน้าก็เหมือนกับอยู่ช่วงกลางฤดูร้อนแล้ว
หลังจากปีนไปถึงยอดของไหล่เขา, หลิน ฉี ก็ทอดสายตาออกไปไกล, แล้วเขาก็ถึงกับพูดไม่ออกในทันที
ข้างใต้ไหล่เขานี้เป็นที่ราบกว้างใหญ่, และในพื้นที่นั้นก็มีภูเขาทะเลสาบสีฟ้าอยู่แห่งนึง มีต้นหลิวสีเขียวต้นยักษ์ตั้งอยู่ที่ข้างทะเลสาบด้วยหนึ่งต้น
มีหิ่งห้อยจำนวนนับไม่ถ้วนบินว่อนอยู่เหนือทุ่งหญ้านี้ ในขณะที่บนพื้นที่ใกล้ๆทะเลสาบนั้นมีเตนท์กับกองไฟอยู่นับไม่ถ้วน นี่มันเหมือนกับหนังแฮรี่พอตเตอร์ที่เขาเคยดูในชีวิตก่อนจริงๆ, มันคือฉากตอนกำลังดูการแข่งควิดดิชเวิลด์คัพ
*บทกลอนที่มีชื่อ เสียงในเทศกาลเชงเม้ง, พูดถึงหมู่บ้านแห่งนึงที่มีต้นแอปริคอตบานและมีร้านไวน์อยู่แห่งนึง
清 明
qing ming
ชิง หมิง (เชงเม้ง)
ผู้ประพันธ์ ตู้มู่ 杜 牧du mu
清 明 时 节 雨 纷 纷 ,
qing ming shi jie yu fen fen
ฝนโปรยปรายในช่วงเทศกาลเชงเม้ง
路 上 行 人 欲 断 魂 .
lu shang xing ren yu duan hun
ผู้เดินทางมาสุสานแสนโศกาปิ้มขาดใจ
借 问 酒 家 何 处 有 ,
jie wen jiu jia he chu you
ขอถามหน่อยนะจ๊ะว่าโรงเตี๊ยมอยู่หนใด
牡 童 摇 指 杏 花 村 .
mu tong yao zhi xing hua cun
หนูน้อยเลี้ยงวัวควายชี้ทางให้ไปที่ซิ่งฮัวชุน(ชื่อสถานที่, หมู่บ้านทุ่งแอปริคอต)
(เนื้อหาบทกวีแปลไทย credit จาก trueplookpunya โดยคุณนฤมล แสงวัฒนจินดา และคุณภูมิ