บทที่ 277 ศาสตร์แปรผันดวงจิต
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ : แปลได้แล้ว
เจียงอี้ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปแต่กลับมองผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นที่ห้าแทน ร่างของเขาเดือดพล่านไปด้วยจิตสังหารพร้อมดาบมังกรเพลิงที่ปรากฏขึ้นในมือของเขา จากนั้นเขาก็ระเบิดเสียงคำรามออกมา “ปล่อยปู่ของข้าไป แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!”
“ฮ่าฮ่า!”
ชายวัยกลางคนส่งเสียงหัวเราะออกมาแล้วมองหน้าเจียงอี้ด้วยใบหน้าที่เย้ยหยัน จากนั้นเขาก็เยาะเย้ยว่า “เจียงอี้ ผู้ตรวจการเจียง แม่ทัพเขี้ยวมังกร อาชญากรผู้ทรยศและวีรบุรุษ เจ้าอาจช่วยโลกไว้ได้ แต่เจ้าจะสามารถช่วยปู่ของเจ้าได้หรอ? ข้าไม่ได้โง่นะ! หากข้าปล่อยปู่ของเจ้าไป คงมีเพียงความตายเท่านั้นที่รอข้าอยู่! เจ้ามีพวกตั้งมากมาย และข้าก็คงหนีไม่พ้นเป็นแน่ ทำไมข้าไม่ควรที่จะตายไปพร้อมกับเจียงหยุนไฮ่ซะดีกว่าล่ะ? เจ้าว่ายังไง? ใต้เท้าผู้ตรวจการ!”
“ฟึ่บ ฟึ่บ ฟั่บ!”
ใบหน้าของทุกคนซีดเผือด จอมยุทธนี้อยู่ขั้นที่ห้าของขอบเขตเสินโหยวแล้ว และดูเหมือนว่าตันเทียนของเจียงหยุนไฮ่....ถูกทำลายไปแล้ว? มีหลายคนตรงนั้นที่สามารถฆ่าชายผู้นี้ได้เพียงพริบตา แต่ก็ไม่มีผู้ใดสามารถรับประกันได้ว่าจะสามารถช่วยเจียงหยุนไฮ่ได้
“คุกเข่า!”
ทันใดนั้นจอมยุทธก็เผยความชั่วขณะที่เขาตะโกนออกมา สิ่งประดิษฐ์ระดับวิญญาณในมือของเขาค่อยๆขยับและวาดรอยเลือดไว้บนคอของเจียงหยุนไฮ่ จากนั้นเขาก็ตะโกนออกมาอีกครั้ง “คุกเข่าให้กับข้าซะ! มิฉะนั้น ข้าจะฆ่าเจียงหยุนไฮ่!”
“ปัง!”
เจียงอี้ไม่มีความลังเลที่จะคุกเข่าทั้งสองข้างลงไปที่พื้น เขามองชายผู้นั้นด้วยความจริงใจขณะที่เขาพูดว่า “ปล่อยปู่ของข้าเถอะ และข้าจะให้สัญญาแก่เจ้าทุกอย่าง!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ผู้ตรวจการแห่งจักรวรรดิ? วีรบุรุษผู้กอบกู้โลกกำลังคุกเข่าให้แก่ข้า!”
ชายวัยกลางคนหัวเราะออกมาอย่างดังจนน้ำตาเล็ด เจียงหยุนไฮ่ผู้ที่ถูกเขารัดคออยู่ก็พูดออกมาด้วยความโกรธเคืองในทันใด “ลุกขึ้นซะ ใต้เท้าน้อย! ข้าเคยสอนว่าอะไร? ลูกผู้ชายนั้นมีหัวเข่าดั่งทองคำ เขาสามารถคุกเข่าให้แก่สวรรค์ โลกา และครอบครั้ว แต่ไม่ใช่กับความตาย! ลุกขึ้น .... ไม่เช่นนั้นข้าก็จะขอตายเสียดีกว่า!”
เจียงอี้หลับตาของเขาลงและกัดฟันของเขา แต่เขาก็ยังยืนยันที่จะคุกเข่า มุมปากของชายวัยกลางคนนั้นเต็มไปด้วยความชั่วร้ายขณะที่ตะโกนออกมาว่า “ไอ้แก่หนังเหนียว หุบปากซะ! เจียงอี้จงฟังข้า ... ทำลายตันเทียนของเจ้าซะและข้าจะปล่อยตัวเจียงหยุนไฮ่ทันที”
“ผู้ตรวจการ อย่า!”
หลิงอีและคนของเขาตะโกนออกมาอย่างรวดเร็ว แต่ดวงตาของเจียงอี้ก็เปล่งประกายไปด้วยความโหดเหี้ยม เช่นเดียวกับดาบมังกรเพลิงในมือของเขาที่กำลังจะวาดผ่านท้องของเขา ทันใดนั้นเขาก็ตะโกนออกมาว่า “หลิงอี ลงมือ!”
“หืม?”
หลิงอีได้สติทันใด เมื่อเขามองไปยังเจียงหยุนไฮ่ เขาก็ลงมือทันทีและเหลือเพียงภาพติดตาขณะพุ่งไปข้างหน้า จอมยุทธวัยกลางคนผู้นั้นเกิดความสับสนเพราะเขาคิดว่าเจียงอี้ยกย่องเจียงหยุนไฮ่เป็นอย่างมาก ในเมื่อเขายอมคุกเข่าและพร้อมที่จะทำลายตันเทียนของตน ทำไมจึงบอกให้หลิงอีลงมือ เจียงอี้ไม่กลัวว่าเขาจะฆ่าเจียงหยุนไฮ่?
“ตายซะ!”
เมื่อเขาไม่สามารถเข้าใจมัน ร่องรอยแห่งความตั้งใจอย่างแรงกล้าปรากฏขึ้นในสายตาของชายวัยกลางคนผู้นี้ ในขณะที่เขาจ่ออาวุธไว้ที่หัวของเจียงหยุนไฮ่ ในเมื่อตันเทียนของเจียงหยุนไฮ่ถูกทำลายไปแล้ว เขาก็มั่นใจว่าก่อนที่หลิงอีจะสามารถฆ่าเขาได้ เขาก็จะสามารถฆ่าเจียงหยุนไฮ่ได้
แต่ในขณะนั้นเอง ก็มีสิ่งแปลกๆเกิดขึ้น
จู่ๆร่างของเจียงหยุนไฮ่ก็สว่างวาบ จากนั้น... ร่างของเขาก็หายไปในทันทีและไปปรากฏอยู่ข้างๆเจียงอี้
“นี่...พลังนี่มันอะไรกัน? ย้ายร่างไปได้อย่างไร?”
ดวงตาของชายผู้นั้นเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อขณะที่แม่ทัพเฮ่อและคนอื่นๆจ้องมองราวกับว่าพวกเขากำลังเห็นผี พลังเวทย์เช่นนี้เป็นมนตราที่พวกเขาไม่เคยพบเคยเจอมาก่อน ก่อนหน้านี้เจียงหยุนไฮ่เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นที่หนึ่งหรือไม่ก็เพียงขั้นที่สอง ในตอนนี้ตันเทียนของเขาก็ถูกทำลายไปแล้ว แล้วเขาหนีออกมาเช่นนั้นได้อย่างไรกัน?
“ปัง!”
หลิงอีไม่ลังเลที่จะตวัดดาบยาวของเขาวาดผ่านผู้เชี่ยวชาญวัยกลางคน จากนั้นไม่นานชายผู้นี้ก็กลายเป็นเนื้อสับไปในทันทีและตายไปอย่างสมบูรณ์
“ท่านปู่ ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
เจียงอี้เด้งตัวกลับขึ้นมาและโอบกอดเจียงหยุนไฮ่ผู้ซีดเซียวเอาไว้ เขาหลับตาและทำท่าด้วยมือที่ไร้กำลัง “ไม่เป็นไร ข้าเพิ่งใช้พลังวิญญาณไปหนึ่งในสาม แต่ข้าก็ยังมีชีตอยู่”
เมื่อสิ้นคำพูดของเขา ร่างกายของเจียงหยุนไฮ่ก็ปวกเปียกและหมดสติไปในทันที เจียงอี้สูดหายใจลึกและพูดออกมาว่า “แม่ทัพเฮ่อ ขอบคุณมากสำหรับความช่วยเหลือของท่านในครั้งนี้ ฝากบอกองค์ราชาด้วยว่าข้าซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่ง เมื่อปู่ของข้าถูกช่วยเหลือแล้ว เช่นนั้นพวกเราก็จะจากไปทันทีและจะไม่มาสร้างปัญหาให้พวกท่านอีกต่อไป”
แม่ทัพเฮ่อมองเจียงหยุนไฮ่แล้วก็เข้าใจในการแสดงที่เจียงอี้และเจียงหยุนไฮ่ได้แสดงออกมาก่อนหน้านี้ เจียงหยุนไฮ่ส่งข้อความลับให้เจียงอี้ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่พวกเขาสามารถประสานงานกันได้เป็นอย่างดี จุดประสงค์ของพวกเขานั้นคือทำให้ชายวัยกลางคนนั้นเผลอเพื่อที่เจียงหยุนไฮ่จะได้ปลดปล่อยพลังประหลาดออกมาได้
เขาพึมพำครู่หนึ่งก่อนที่จะถามว่า “ทำไมท่านไม่พักอยู่ที่เมืองนี้ก่อน แล้วข้าจะเชิญหมอเทวะมารักษาเจียงหยุนไฮ่?”
“ไม่เป็นไร ข้ามีเรื่องอื่นที่จะต้องไปจัดการและข้าคงต้องขอตัวก่อน!”
เจียงอี้ส่ายหัวของเขาแล้วใช้แก่นแท้พลังสีดำของเขาสำรวจไปทั่วร่างกายของปู่เขา นอกเหนือจากตันเทียนที่ถูกทำลายไปแล้ว ก็ไม่มีส่วนไหนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งที่เหลือก็น่าจะใช้เม็ดยาของเขาฟื้นฟูร่างกายเจียงหยุนไฮ่ได้
เจียงอี้พาหลิงอีและคนอื่นๆเดินออกไปและมุ่งตรงไปยังพงไพรแห่งบาปทันที เมื่อพวกเขามาถึงเขตชายแดนของพงไพรแห่งบาปมันก็เป็นเวลาบ่ายแล้ว เจียงอี้วางเจียงหยุนไฮ่ไว้ข้างๆและกำหมัดคำนับหลิงอีและคนอื่นๆ “ข้าขอบใจพวกเจ้ามากที่ช่วยเหลือข้า ข้าต้องรีบกลับไปยังสำนักจิตอสูร เราคงต้องจากกันตรงนี้! เมื่อพวกเจ้ากลับไปยังเมืองหลวงจักรวรรดิ ช่วยบอกกับองค์หญิงว่าข้าซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่ง หากมีโอกาส ข้าจะกลับไปยังเมืองเทียนชิงอีกครา”
“นี่...”
หลิงอีถามออกมาด้วยความกังวลว่า “ท่านใต้เท้าผู้ตรวจการ มันจะปลอดภัยหรือที่ท่านจะเดินทางกลับไปด้วยตัวเอง? ข้าว่าเราควรพาท่านไปส่งที่สำนักจิตอสูรก่อนที่จะกลับไปยังเมืองเทียนชิง มิฉะนั้นองค์หญิงคงตำหนิเรา..”
“ก็ได้ๆ แต่จริงๆแล้วความปลอดภัยไม่เป็นปัญหาหรอก!”
เจียงอี้มีเถาอู้และจะไม่ถูกศัตรูโจมตีหากเขาเดินทางใต้ดิน แต่ในเมื่อหลิงอีพูดออกมาเช่นนี้ เขาก็ไม่อยากทำให้คนเหล่านี้ต้องหนักใจ ด้วยความเร็วของพวกเขา พวกเขาก็คงจะถึงสำนักจิตอสูรอย่างรวดเร็วได้อยู่แล้ว
“เจ้าเหลืองใหญ่!”
เจียงอี้เรียกเถาอู้ออกมาและกระโดดขึ้นหลังมันขณะที่อุ้มเจียงหยุนไฮ่ไปด้วย ก่อนที่เขาจะกล่าวออกมาว่า “เราจะเดินทางผ่านใต้อาณาจักรเสินหวู่และมุ่งตรงไปยังสำนักจิตอสูรเลย เราคงจะไปถึงที่นั่นไม่น่าช้ากว่าครึ่งเดือนและก็คงจะปลอดภัยกว่าด้วย”
“เช่นนั้นก็ได้”
มังคงจะไม่ดีหากหลิงอีจะปฏิเสธข้อเสนอของเจียงอี้และมันก็ดูปลอดภัยกว่าจริงๆ มันค่อนข้างแออัดเมื่อทุกคนจะต้องขึ้นไปนั่งบนเถาอู้
“มอ มอ!”
เถาอู้คำรามหลายครั้งก่อนที่มันจะมุดลงไปใต้ดินอย่างรวดเร็วและพุ่งตรงไปยังอาณาจักรเสินหวู่
...
แม่ทัพเฮ่อรีบรายงานเกี่ยวกับเรื่องของเจียงอี้กลับไปที่เมืองเซิ่งกวงอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้องค์ราชาโล่งอกในทันที เป็นการดีที่สุดแล้วที่เจียงอี้ เทพแห่งโรคระบาดผู้นี้จากไป มิฉะนั้น ใครจะไปรู้ว่าจะเกิดปัญหาใดๆขึ้นอีก
“เอ๊ะ?”
เขาเหลือบมองข้อความที่เครื่องรางหยกและเห็นข้อความสุดท้ายในขณะที่ดวงตาของเขาจะเผยความประหลาดใจออกมา ผมยาวสีน้ำตาลของเขาสั่นไหวโดยที่ไม่มีแรงลมในขณะที่ร่างของเขาเปล่งกลิ่นอายที่น่าเกรงขามออกมา องค์ราชาแห่งเซิ่งหลิงนั้นก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้วยเช่นกัน
“การเผาไหม้ดวงจิต? ศาสตร์แปรผันดวงจิต? เจียงหยุนไฮ่มีพลังเช่นนี้จริงๆ?”
ดวงตาเสือดุดันของเขาสั่นไหวในขณะที่เขาลูบผมยาวสีน้ำตาลของเขา ดูเหมือนว่าเขาจะนึกบางสิ่งขึ้นได้และตะโกนออกมาว่า “ใครก็ได้ บอกให้จอมพลเฒ่าอาณาจักรเรามาที่นี่หน่อย!”
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ชายชราเครายาวผู้สวมเสื้อคลุมสีเทาเดินเข้ามาพร้อมกับคทา เขากุมอกของเขาแล้วโค้งคำนับพร้อมกล่าวว่า “องค์ราชา ท่านกำลังมองหาข้าบ่าวชราผู้นี้หรือพะยะค่ะ?”
องค์ราชาแห่งเซิ่งหลิงมีดวงตาที่ประหลาดใจในขณะที่เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ผู้เฒ่า ท่านเคยได้ยินเกี่ยวกับพลังวิเศษที่ใช้พลังวิญญาณเพื่อเคลื่อนย้ายไปได้ไกลกว่าสามเมตรในทันใดหรือไม่?”
“ศาสตร์แปรผันดวงจิต!”
ดวงตาของจอมพลแผ่ออกมาจากเสื้อคลุม จากนั้นเขาก็พูดเสียงดัง “ท่านเห็นผู้ที่มีพลังนี้จากที่ใดกัน? มันเป็นพลังที่โด่งดังจากต่างแดน .... เป็นไปได้ไหมว่าสายลับผู้นั้นได้แทรกซึมเข้ามาในทวีปเทียนชิง?!”
“ต่างแดน?”
องค์ราชาแห่งอาณาจักรเซิ่งหลิงแสดงออกอย่างมืนหม่นในขณะที่เขากระพริบตาอย่างไม่หยุดหย่อน เขาเริ่มพูดขึ้นมาอีกครั้ง “เจียงหยุนไฮ่เป็นพลเมืองแห่งอาณาจักรเสินหวู่มาโดยกำเนิด มันจะเป็นไปได้ไหมว่า...มันคืออีเพียวเพียวที่มาจากต่างแดน?”
...