บทที่ 276 ใต้เท้าน้อย!
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ : แปลได้แล้ว
ประมุขตระกูลหลานอยู่ในช่วงบำเพ็ญตนมาเป็นเวลานานหลายเดือนเพื่อที่จะทะลวงสู่ขอบเขตจินกัง ดังนั้นเขาจึงรู้เกี่ยวกับเจียงอี้เพียงแค่พื้นผิวเท่านั้น
เขาไม่ทราบเกี่ยวกับความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของเจียงอี้ที่เพิ่งผ่านมาไม่นานนี้
หากให้กล่าวตามจริง เงาของเจียงอี้ได้ทอดยาวเข้าไปในใจของผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายแล้ว ด้วยคำสั่งเดียวของเขา เกรงว่าแม่ทัพอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรเซิ่งหลิงคงจะเคลื่อนไหวทันที
“เดี๋ยวก่อน!”
ประมุขตระกูลหลานตะโกนออกมาราวกับต้องการที่จะพูดอะไรบางอย่าง อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นที่เจ็ดและแปดจำนวนมากก็ปลดปล่อยแก่นแท้พลังตรงไปยังหลานยวีแล้ว
ทางด้านของผู้อาวุโสสามตระกูลหลานเองก็ต้องการที่จะช่วยเหลือประมุขน้อยของเขา แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีของผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก เขาเองก็ไม่กล้าที่จะเฉียดเข้าไปใกล้และทำได้แต่มองหลานยวีอย่างไร้หนทาง
“ม่ายยย! ท่านพ่อ! ช่วยข้าด้วย!”
ทันทีที่หลานยวีกรีดร้องออกมา ดาบโค้งในมือประมุขตระกูลหลานก็เริ่มส่องแสง แต่ในจังหวะเดียวกัน เขาก็ถูกผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวหลายคนเพ่งเล็งไว้ ราวกับว่าถ้าเขาขยับ พวกเขาเองก็จะไม่อยู่เฉยเช่นกัน
นอกจากนี้ การโจมตีหลายสายจากผู้เชี่ยวชาญในระดับเดียวกันนั้นทรงพลังอย่างแท้จริง แม้ว่าเขาจะยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยบุตรชาย แต่ก็ยังไม่แน่ว่าจะสามารถรักษาชีวิตเขาไว้ได้
ตู้มมมม!
ขั้นพลังของหลานยวีนั้นอ่อนแอเกินไป เขาไม่สามารถที่จะหลบหลีกการโจมตีของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวที่ปลดปล่อยออกมาในเวลาเดียวกันได้ พริบตาเดียวร่างของเขาก็ถูกฉีกกระชากและตกตายไปทั้งที่ดวงตาของคงเบิกกว้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“ยวีเอ๋อร์!!”
“ประมุขน้อย!!”
ประมุขตระกูลหลานคร่ำครวญออกมาด้วยความทุกข์ระทม จากนั้นสายตาของเขาก็เบนไปทางเจียงอี้ด้วยความอาฆาตแค้นและหวังจะฉีกร่างของอีกฝ่ายออกเป็นชิ้นๆ!
หากไม่ใช่เพราะว่ามีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวห้าสิบคนที่ถูกส่งมาโดยราชาแห่งเซิ่งหลิงอยู่ที่นี่ เขาคงจะปรี่เข้าไปสังหารเจียงอี้แล้ว
แต่ทางด้านของเจียงอี้นั้นหาได้แยแสไม่ เมื่อเขาเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นของคนตระกูลหลานที่มองมา เขาก็เพียงพูดออกไปอย่างเฉยเมย
“แค้นรึ? ฮ่าฮ่า เป็นเพราะประมุขน้อยของพวกเจ้าเองที่รนหาที่ตาย หลานยวีรู้อยู่แล้วว่าเจียงหยุนไฮ่เป็นปู่ของข้า แต่มันก็ยังกล้าทำข้อตกลงกับเซี่ยอู๋หุ่ย!”
“วันนี้ข้าสังหารประมุขน้อยของพวกเจ้า แต่แล้วมันยังไง? หากตระกูลหลานแค้นข้านัก เช่นนั้นก็มาสังหารข้าได้ตลอดเวลา ข้าพร้อมเสมอ!”
หลังจากที่ทิ้งทุ่นความแค้นไว้ เขาก็กลับหลังหันและจากไป ด้านหลิงอีกับคนของเขาเองก็ไม่รอช้าและรีบติดตามเจียงอี้ไปทันที
กลับมาที่แม่ทัพเฮ่อ เขาหันไปประสานมือให้กับประมุขตระกูลหลานและกล่าว
“ตาเฒ่าหลาน ข้าต้องขอโทษด้วยจริงๆ! องค์ราชาทรงมีพระบัญชาลงมาและข้าไม่อาจที่จะขัดได้ ด้วยสถานการณ์ของอาณาจักรเซิ่งหลิงในปัจจุบัน เจียงอี้คือผู้ที่พวกเราไม่อาจทำให้ขุ่นเคืองได้ ข้าจะกลับมาเยี่ยมเจ้าเพื่อแสดงความขอโทษอย่างจริงใจอีกครั้ง ลาก่อน!”
หลังจากที่แม่ทัพเฮ่อกล่าวจบ เขาก็ไล่ตามพวกเจียงอี้ออกไปด้านนอกและเอ่ยถาม
“ผู้ตรวจการเจียง ท่านกำลังตามหาใครอยู่หรือ? ไม่ว่าจะเป็นใคร พวกเราจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่!”
เจียงอี้กำลังยืนอยู่นอกตำหนักของหลานยวี เขาหันไปมองทางทิศตะวันออกและกล่าว “หลานยวีจับตัวเจียงหยุนไฮ่ที่เป็นปู่ของข้าไป แม้ว่ามันจะรู้สถานะของเขาอยู่แล้ว แต่มันก็ยังกล้าที่จะขายเขาให้กับเซี่ยอู๋หุ่ย”
“ตอนนี้ปู่ของข้าคงอยู่ระหว่างการถูกส่งตัวกลับไปยังอาณาจักรเสินหวู่โดยคนของเซี่ยอู๋หุ่ย หากสิ่งที่ประมุขตระกูลหลานกล่าวเป็นความจริง เช่นนั้นเขาก็น่าจะยังอยู่ในเขตของอาณาจักรเซิ่งหลิงนี่แหละ”
“ข้าขอรบกวนแม่ทัพเฮ่อให้ส่งคนของท่านออกไปทำการค้นหาได้หรือไม่? หลังจากที่ปู่ของข้าได้รับการช่วยเหลือแล้ว พวกเราจะจากไปทันที!”
“ได้เลย!”
แม่ทัพเฮ่อพยักหน้าตอบรับ จากนั้นเขาก็สั่งให้หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวคอยจับตาดูประมุขตระกูลหลานไว้เพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายทำอะไรไม่คาดฝัน
“พวกเราควรที่จะมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกก่อน! แม่ทัพเฮ่อ เมื่อท่านค้นหาจนเจอคนของเซี่ยอู๋หุ่ยแล้ว ท่านไม่จำเป็นต้องทำอะไรทั้งสิ้น เพียงแค่ส่งตำแหน่งของพวกมันให้เราก็พอแล้ว!”
เวลาเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด กลุ่มของเจียงอี้มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกด้วยความเร็วสูงสุด ทางด้านคนของอาณาจักรเซิ่งหลิงเองก็โล่งใจไม่น้อยที่เจียงอี้บอกให้พวกเขาไม่ต้องลงมือ เพราะพวกเขาเองก็ไม่อยากที่จะสร้างความขุ่นเคืองให้กับเซี่ยอู๋หุ่ยเช่นกัน
ปังงงง!
“อ๊ากกกก!”
หลังจากที่พวกเขาจากไปแล้ว จู่ๆก็เกิดเสียงระเบิดและตามมาด้วยเสียงกรีดร้องอันน่าเวทนา ประมุขตระกูลหลานที่อยู่ในสภาพคลั่งแค้นใช้ศาสตราวุธของเขาผ่าตำหนักของหลานยวีออกเป็นสองส่วน จากนั้นก็สังหารผู้ใต้บังคับบัญชาไปอีกมากมายเพื่อระบายความแค้น
ตั้งแต่ต้นจนจบ ประมุขตระกูลหลานไม่กล้าเสี่ยงชีวิตเข้าปะทะกับพวกเจียงอี้และแม่ทัพเฮ่อ หนึ่งก็เป็นเพราะว่าคนที่หนุนหลังแม่ทัพเฮ่ออยู่ก็คือองค์ราชาแห่งอาณาจักรเซิ่งหลิง และพวกเขาก็ยังมีจำนวนผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงอีกจำนวนมาก
แม้ว่าประมุขตระกูลหลานจะกัดฟันเข้าปะทะกับอีกฝ่าย แต่ก็คงไม่สามารถเอาชนะได้อยู่ดี
……
ในขณะที่เจียงอี้และคณะกำลังมุ่งตรงไปทางตะวันออก แม่ทัพเฮ่อก็นำเครื่องรางหยกซึ่งคล้ายกับที่รองเจ้าสำนักฉีมีออกมา ดูเหมือนว่าหน่วยสอดแนมของเขาจะกำลังรายงานมาเป็นช่วงๆ
ในตอนพลบค่ำ จู่ๆแม่ทัพเฮ่อตะโกนขึ้นมาด้วยความยินดี
“ผู้ตรวจการเจียง! มีข่าวดีแล้ว! เมื่อไม่นานมานี้ มีผู้เห็นกลุ่มคนที่ดูเหมือนว่าจะเป็นคณะทูตของเซี่ยอู๋หุ่ยกำลังพักอยู่ในโรงเตี๊ยมใหญ่ในเมืองกุ่ยซาน หากว่าเราเดินทางทั้งคืนคงจะไปถึงที่นั่นตอนเกือบถึงเช้า!”
“เมืองกุ่ยซาน? นำทางไปเร็ว!”
เมืองกุ่ยซานตั้งอยู่ทางสุดขอบทิศตะวันออกและไกลออกไปก็คือพงไพรแห่งบาป โชคดีที่หน่วยสอดแนมรายงานกลับมาก่อน หากคนของเซี่ยอู๋หุ่ยเข้าไปในพงไพรแห่งบาปแล้ว มันคงเป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะตามต่อไปได้อีก
ยามค่ำคืนในฤดูใบไม้ร่วงนั้นอากาศค่อนข้างเย็น กระแสลมหนาวพัดผ่านและเข้าปะทะกับใบหน้าของทุกคน
เจียงอี้และกลุ่มของเขามาถึงเมืองกุ่ยซานก่อนรุ่งสาง แม่ทัพเฮ่อโบกมือและสั่งให้คนของเขาปลอมตัวพร้อมกับแทรกซึมเข้าไปในเมือง
สายลับที่แฝงตัวเข้ามาในเมืองต่างก็ถูกตรวจสอบโดยยามประจำเมืองทั้งสิ้น แต่เมืองเล็กๆเช่นนี้จะสามารถตรวจสอบผู้เชี่ยวชาญอย่างพวกเขาได้อย่างไร?
พวกเขาแอบเข้ามาอย่างง่ายดายและมาถึงโรงเตี๊ยมใหญ่อย่างรวดเร็ว
“ล้อมที่นี่เอาไว้!”
แม่ทัพเฮ่อสั่งให้คนของเขาเข้าประจำตำแหน่ง ในขณะเดียวกันเจียงอี้ก็กล่าวขึ้นมา
“หลิงอี! เจ้านำคนของเจ้าเข้าไป แล้วก็จำไว้ การช่วยเหลือคนต้องมาก่อนและห้ามประมาทเด็ดขาด!”
หลิงอีกับคนที่เหลือพยักหน้าและตรงเข้าไปในโรงเตี๊ยมทันที ทางด้านของเจียงอี้นั้นรู้ดีว่าตัวเองอ่อนแอเกินไป เขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องรออยู่ด้านนอก
ยิ่งเวลาผ่านไป หัวใจของเจียงอี้ก็ยิ่งเต้นเร็วเพราะความกังวล
ตู้มมม!
ทันใดนั้นชั้นสองของโรงเตี๊ยมก็เกิดระเบิดขึ้นมาและตามมาด้วยเสียงกรีดร้องซึ่งดึงดูดความสนใจจากคนทั้งหมดที่อยู่ในบริเวณนั้น
“แย่แล้ว!”
ในขณะที่ความกังวลของเจียงอี้ทะยานถึงขีดสุด ทันใดนั้นเสียงตะโกนของหลิงอีก็ดังแทรกขึ้นมา “ปล่อยท่านเจียงหยุนไฮ่เดี๋ยวนี้ บางทีข้าอาจจะปล่อยให้เจ้ามีชีวิตรอด มิฉะนั้นก็จงตายเสีย!”
ฟึ่บ!
เจียงอี้ไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไปและพุ่งเข้าไปในโรงเตี๊ยมทีนที เมื่อเห็นเช่นนั้น แม่ทัพเฮ่อก็ไม่กล้ารอช้า เขาได้นำผู้ใต้บังคับบัญชานับสิบวิ่งตามเจียงอี้เข้าไปเช่นกัน
บริกรและผู้ดูแลโรงเตี๊ยมต่างก็นั่งลงบนพื้นด้วยอาการสั่นเทาเพราะความกลัว พวกเขาไม่กล้าลุกไปไหนเพราะกลัวว่าจะถูกลูกหลงและต้องตายอย่างน่าสังเวช
เจียงอี้กวาดตามองรอบๆและพุ่งขึ้นมาชั้นบนอย่างรวดเร็ว รอบด้านเต็มไปด้วยซากศพมากมาย แต่ดูจากร่องรอยแล้ว ทั้งหมดนี้น่าจะเป็นฝีมือของหลิงอีและคนของเขา
เจียงอี้ไม่ได้หยุดอยู่กับที่นานนักและตรงไปยังชั้นสามทันที ดวงตาของเขาสอดส่องไปทั่ว จากนั้นไม่นานร่างของเขาก็สั่นสะท้านพร้อมด้วยดวงตาที่ร้อนผ่าวเมื่อมองเห็นร่างของคนผู้หนึ่ง
“ท่านปู่!”
บนชั้นสามของโรงเตี๊ยม หลิงอีและคนของเขากำลังปิดล้อมนักสู้วัยกลางคนผู้หนึ่งไว้ ซึ่งความจริงแล้วพลังของชายคนนั้นค่อนข้างน่าเกรงขามมากที่เดียวเพราะเขาเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นที่ห้า!
แต่ในตอนนี้เขากำลังยืนอยู่พร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งบีบคอชายชราผู้หนึ่ง ส่วนมืออีกข้างก็ถือดาบไว้และพาดอยู่บนคอของชายชรา
ชายชราผู้นั้นมีสภาพมอมแมมราวกับขอทาน เสื้อผ้าของเขาเต็มไปด้วยรอยเลือดที่แห้งกรัง อีกทั้งยังไม่สามารถสัมผัสได้ถึงแก่นแท้พลังจากตัวเขาได้เลยแม้แต่นิดเดียว
ร่างกายของเขาอ่อนแอมากและยังหายใจรวยรินขณะที่อยู่ในกำมือของชายวัยกลางคน
“หืม?”
แต่เมื่อเสียงตะโกนของเจียงอี้ดังสะท้อนเข้ามาในหูของเขา ชายชราก็ลืมตาอันพร่ามัวและพยายามมองหาเจ้าของเสียง แต่เมื่อเหลือบไปเห็นร่างของชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า ร่างกายอันผุพังของเขาก็สั่นสะท้านอย่างช่วยไม่ได้และพึมพำออกมา
“ใต้เท้าน้อย?”
……