ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 2 มังกรแบกโลงศพ

บทที่ 1 เจ้าเมืองหนุ่ม


บทที่ 1 เจ้าเมืองหนุ่ม

โลกแห่งเซียน เขตสนธยา

ลูหยุนเด้งขึ้นมาบนเตียงนอน หอบหายใจหอบ เม็ดเหงื่อไหลเย็นบนหน้าผากของเขา

“แม่งเอ้ย! แม่งโคตรน่าอายเลยโว้ย! นักล่าห่านต้องมาจบชีวิตลงด้วยห่านเข้ามาจิกตาตัวเองเนี่ยนะ!”

“ทำไมมันถึงมีกับดักที่จับตายแน่ๆ ในสุสานชาวบ้านยุคราชวงศ์ฮั่นวะ?? ไอ้เปรตตัวไหนมันติดตั้งของแบบนั้นไว้เนี่ย?”

“เอ๊ะ? เดี๋ยว... นี่ฉันยังไม่ตายเหรอเนี่ย?”

ลูหยุนกระพริบตา ก่อนที่เขาจะตัวแข็งทื่อ

“ฮ่าๆๆๆ! ยังไม่ตายโว้ย! เจ๋งเป้ง! ฉัน ลูหยุน ผู้เอาชีวิตรอดเหนือสวรรค์และโลก! ทุกอย่างตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันอยู่ในกำมือฉันหมดแล้ว! ฉันคือผู้ที่แกร่งที่สุด! สุดยอดผู้นำกองทัพโจรปล้นสุสานที่เก่งที่สุดเท่าที่เคยมีมา! ฉันจะไปตายในสุสานกากๆ ได้ไงกัน? ถึงจะมีกับดักเวรนั่น แต่ฉันก็ไม่ตายง่ายๆ หรอกเว้ย!”

เขายังคงกระทบกระเทือนนิดหน่อย แต่ทุกอย่างก็โอเคตราบเท่าที่เขาไม่ตายล่ะนะ! แถมยังโชคดีที่ไม่ทำให้ปู่ของเขาที่เป็นต้นตระกูลโจรปล้นสุสานนี้ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงอีกด้วย

“น่าเสียดายที่ฉันไม่ได้เอาเจ้าตำราสัมฤทธิ์นั่นกลับมาด้วย ของดูมีราคาแท้ๆ” ลูหยุนตบริมฝีปากของเขา “เดี๋ยวก่อนนะ ฉันอยู่ไหนเนี่ย?”

เขาสะบัดหัวและเงยหน้าขึ้นมองตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบตัวเขา

มันดูเหมือนจะเป็นห้องโบราณที่ได้รับการตกแต่งอย่างแปลกประหลาด มุกจำนวนหลากหลายเม็ดเปล่งแสงส่องสว่างทั่วทั้ง 4 ทิศของห้อง

อย่างไรก็ตามภาพที่เห็นนี้มันได้ทำให้ลูหยุนหนาวไปจนถึงสันหลัง

“เจ้าของห้องนี้มันอยากจะตายเอง หรือว่ามันอยากจะสาปแช่งฉันให้ตายแทนมันรึไงวะเนี่ย? ฮวงจุ้ยนี้เห็นได้ชัดเลยว่าเป็นรูปแบบการปฏิเสธหยินทั้ง 9 เลยนี่หว่า! ดูกระจกสีทองที่หันเข้าหาเตียงนั่นสิ! นี่เขาไม่กลัวว่าจะสร้างผีขึ้นมาจากขั้นตอนนี้รึไงเนี่ย?”

“นี่นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย? ไม่มีซินแสมาบอกเขาหน่อยเหรอวะ ว่าการแต่งห้องแบบนี้มันเพี้ยนสุดๆ เลยนะว้อย?”

ตามชื่อของมันเลย รูปแบบการปฏิเสธหยินทั้ง 9 คือการจัดเพื่อรวบรวมพลังงานต่างๆ ซึ่งรวมไปถึงการเรียกผีทั้งหลาย ถ้าเกิดมีคนเข้ามาอาศัยอยู่ในห้องนี้นานเข้าล่ะก็ คนๆ นั้นจะต้องได้รับอาการป่วยเป็นของแถมกลับบ้านไปด้วยแน่ๆ แถมอายุไขก็คงจะสั้นลงสุดๆ

แอ๊ด

ประตูห้องเปิดออกในขณะที่ลูหยุนยังคงหลงในความคิด หญิงสาวในชุดกระโปรงสีเขียวเดินเข้ามาพร้อมกับถาดอาหาร

เธอดูอายุราวๆ 16 ปี ผมยาวพาดจากบ่าไปถึงเอว โครงหน้าอันสวยงามและดวงตาที่เปล่งประกายพร้อมด้วยฟันสีขาว เป็นคนที่สวยพอใช้ได้

ลูหยุนใช้เวลาทั้งชีวิตในการพบเจอกับหญิงสาวมากมาย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ทำให้เขารู้สึกหัวใจแทบหยุดเต้นเมื่อได้เห็นเธอ

ชุดย้อนยุคงั้นเหรอ? กำลังถ่ายหนังกันอยู่รึเปล่าเนี่ย? เธอเป็นนักแสดงงั้นเหรอ? แต่ก็ไม่น่าแปลกใจเลยนะเธอสวยมากเลย นี่ฉันเข้ามาอยู่ในหนังเรื่องไหนกันแน่เนี่ย

เขามองไปๆ แต่ไม่พบกล้องหรือทีมถ่ายหนัง

“ท่านเจ้าเมือง* ท่านฟื้นแล้ว” หญิงสาวหยิบชามแกะสลักจากหยกขาวและเดินเข้ามาหาลูหยุน กลิ่นหอมละมุนฝังเข้าไปในจมูกของเขา ลูหยุนไม่แน่ใจว่ากลิ่นที่ว่ามาจากเธอที่อยู่ตรงหน้าหรือว่ามาจากซุปที่กำลังเปล่งประกายแสงสีม่วงอ่อนๆ นี่กันแน่

ซุปที่เปล่งแสง? กินได้เหรอวะ?

"เดี๋ยวก่อน!" ลูหยุนวิ่งหนีไปข้างหลัง “เธอเรียกฉันว่าอะไรนะ? ท่านเจ้าเมือง?”

ไม่สมเหตุสมผลสุดๆ

ในฐานะโจรปล้นสุสานที่เชี่ยวชาญในประวัติศาสตร์จีน เขารู้ดีว่าเธอหมายถึงอะไร นั่นเป็นคำที่ใช้เรียกบุคคลที่เป็นเจ้าเมือง ในยุคปัจจุบันมันมีความหมายคือ คนเลี้ยงแกะ ที่คอยทำหน้าที่ชี้นำผู้คนด้วยอำนาจของเขา

***ตำแหน่งที่ว่านเฟิงเรียกในต้นฉบับคือ มู่ ในภาษาอังกฤษคือ Shepherd ครั้นจะแปลว่า คนชี้นำ มันก็ฟังแปลกไปหน่อย ก็เลยใช้คำว่าเจ้าเมืองไปเลยก็แล้วกัน***

ประวัติศาสตร์ได้บอกว่าอาณาเขตของประเทศจีนโบราณนั้นแบ่งออกเป็น 9 เขต เจ้าเมืองคือบุคคลที่อยู่ในตำแหน่งสูงที่สุดของเขตนั้นๆ และเป็นตำแหน่งที่อยู่ในระบบการเมืองการปกครองสมัยราชวงศ์ฮั่น

นี่เป็นกองถ่ายหนังยุคฮั่นใช่ไหม? สาวน้อยคนนี้เข้าถึงตัวละครได้ดีไม่หลุดเลยรึไงเนี่ย?

ลูหยุนลูบหน้าผากของเขา “สาวน้อย เธอทักคนผิดแล้วล่ะ ฉันไม่ใช่นักแสดงไม่ต้องเล่นบทนี้กับฉันหรอก”

“ท่านเจ้าเมือง ท่านได้รับบาดเจ็บและสูญเสียความทรงจำหรือ ข้าคือคนรับใช้ของท่าน ว่านเฟิง” ดวงตาของหญิงสาวแดงก่ำ “ไม่ต้องกังวลนายท่าน ข้าจะติดตามนายท่านไป ต่อให้นายท่านจะไม่ใช่เจ้าเมืองก็ตาม เพื่อให้นายท่านปลอดภัย”

ลูหยุนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับปฏิกิริยาดังกล่าว

"ฉันอยู่ที่ไหน?" เขาหันหลังกลับโดยคิดว่าเขาควรหาคนธรรมดาเพื่อคุยด้วย

“ที่นี่คือเมืองสนธยา”

“เมืองสนธยาอยู่ที่ไหน” ดูเหมือนจะไม่มีสถานที่ดังกล่าวในประเทศจีนนะ

“แน่นอนว่าเมืองสนธยา ก็ต้องอยู่ในเขตสนธยาสิท่าน”

“แล้วเขตสนธยาอยู่ที่ไหน?”

“ในมณฑลเนปไฟร์ต”

“… อะไรคือ มณฑลเนฟไฟร์ต?” ลูหยุนเข้าไม่ถึงอย่างสมบูรณ์

“แน่นอนว่ามณฑลเนปไฟร์ตเป็นหนึ่งใน 9 มณฑล 10 ดินแดน และทะเลทั้ง 4 แห่งโลกเซียน”

โครม! ดวงตาของลูหยุนเงยหน้าขึ้นมาในขณะที่เขาทรุดตัวลงนอนบนเตียง

บ้ามาก! บ้าเกินไปแล้ว!

แม่สาวพราวเสน่ห์คนนี้แม่งบ้าไปแล้วแน่ๆ!

ปากของว่านเฟิงบิดเบี้ยวและเธอเกือบจะร้องไห้ ท่านเจ้าเมืองที่อุตส่าห์ฟื้นขึ้นมาทั้งที แต่สุดท้ายก็สลบไปอีกครั้งแล้ว!

เธอวางชามซุปประกายลงบนโต๊ะข้างเตียงและถอยออกจากห้องอย่างเงียบ ๆ

หลังผ่านไปสักพักลูหยุนก็ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง “ยัยนั่นไปแล้วรึยังนะ?” เขาลูบหน้าผากตัวเองแล้วมองไปยังซุปสีม่วงนี่ “อืม หิวเหมือนกันนะเนี่ย”

หลังจากลังเลสักครู่เขาก็หยิบซุปแปลก ๆ ขึ้นมาแล้วกลืนลงไป

“เฮ้อ ดูเหมือนจะไม่ได้วางยาเอาไว้แหะ” เขาเรอและถอนหายใจ ความอบอุ่นไหลเข้าสู่ร่างกายพร้อมกับพละกำลังนิดหน่อย

“ทีมงานหนังเรื่องนี้ค่อนข้างรวยเลยว้อย! ชามเวรนี่มันมีค่าถึงหลักล้านเลยนะ แต่พวกเขาเอามันมาประกอบฉากเนี่ยนะ! บ้าไปแล้วรึไง” ด้วยนิสัยที่ติดมาจากอาชีพของเขา ลูหยุนเก็บชามนั่นไว้ในเสื้อ

“แถมยังใส่ชุดโบราณกับสวมวิกให้ฉันด้วยอีกนะ! เป็นเพราะว่าแม่สาวสุดสวยคนนั้นรึไงถึงได้จัดให้ฉันเป็นนักแสดงนำชายแบบนี้น่ะ?”

ลูหยุนไต่ลงมาจากเตียงและทำท่าทางสบาย ๆ

“สิ่งแรกที่ฉันต้องทำก็คือทำลายรูปแบบปฏิเสธ 9 หยินของห้องนี้ก่อน” เขาเดินไปที่กระจกและวางมือทั้งสองไว้บนมันและต้องการจะย้ายมันออกไป

อย่างไรก็ตาม มันก็ได้ถูกตอกติดเอาไว้กับผนังและไม่มีทางที่เขาจะเอามันออกไปได้

“เอ๊ะ?” สายตาของเขาสะดุดใจกับอะไรบางอย่างในกระจกเงา

มันเป็นภาพสะท้อนของชายหนุ่มอายุราว ๆ 16 ปี ด้วยรูปลักษณ์ที่หล่อเหลา ถ้าไม่ติดที่ว่าผิวของเขาขาวซีดเป็นผีแบบนี้น่ะนะ แถมยังดูผอมแห้งจนลมน่าจะพัดเขาปลิวไปได้สบายๆด้วย

นี่ไม่ใช่ฉันอย่างแน่นอน!

…มันเป็นภาพลวงตาใช่ไหม?

ลูหยุนยกมือขึ้น ท่าทางที่สะท้อนจากเพื่อนสุดหล่อในกระจกก็ยกมือขึ้นตามด้วยเช่นกัน เขาส่ายหัวแล้วชายหนุ่มอีกคนในกระจกก็ทำตาม

โครม!

ลูหยุนล้มลงบนพื้นอีกครั้ง “เชี่ยอะไรวะเนี่ย นี่มันไม่ใช่ฉันสักหน่อย! เกิดบ้าอะไรขึ้นวะเนี่ย ??”

ด้วยความงุนงง หัวของเขาคิดอะไรไม่ออกแล้ว เขาพยายามนับถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในระหว่างที่เขากำลังล้มลง

“ฉัน... ดูเหมือนว่าจะออกมาจากกับดักนั่นไม่ได้สินะ ถ้างั้นฉันก็น่าจะตายไปแล้วสิ แต่ทำไมถึงได้กลับมาอยู่ในร่างของพ่อหนุ่มคนนี้กันล่ะ” เขาระลึกถึงความเจ็บปวดและสิ้นหวังในตอนที่เขาตาย

“ถ้าอย่างนั้นผู้หญิงคนนั้นพูดความจริงเหรอ? นี่เป็นโลกเซียนและฉันฟื้นขึ้นมาในร่างของเจ้าเมืองงั้นเหรอ?

“โลกเซียน โลกเซียน... งั้นฉันก็เป็นเซียนอ่ะดิ??” ดวงตาของลู่หยุนเปล่งประกายและกระโดดโลดเต้นไปในอากาศราวกับปลาคาร์พ

โครม!

เขาล้มลงหัวฟาดพื้นอีกครั้ง

ลูหยุนนอนหงุดหงิดบนพื้น และไม่สามารถขยับได้แม้แต่ปลายนิ้ว นี่ตัวเขาเป็นเซียนแบบไหนกันแน่?

“อั้ยย๊า เกิดอะไรขึ้นกับท่านเนี่ย??” ว่านเฟิงกลับเข้ามาในห้องพร้อมช่วยลูหยุนลุกขึ้นอีกครั้ง

“ฉันสลบไปน่ะ” เขายกเอวขึ้น “ฉันที่คิดว่าตัวเองเป็นเซียนก็เลยลองทดสอบตัวเองดู”

“ทดสอบตัวเองงั้นเหรอ?” ว่านเฟิงกระพริบตาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “พูดเป็นเล่นน่านายท่าน ถ้านายท่านเป็นเทพจริง ๆ แล้วทำไมจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ถึงได้พยายามกำจัดนายท่านล่ะ?”

เธอช่วยลูหยุนไปที่เตียงขณะที่เธอพูด หลังจากนั้นมีจุดสีเขียวเล็ก ๆ ก็ปรากฏขึ้นที่ปลายนิ้วของเธอ เธอลูบเอวของลูหยุนเบา ๆ แล้วส่งกระแสเย็นเข้ามาและคลายปวดที่เจ็บปวดอย่างน่าขัน

เธอเป็นนางฟ้า เธอเป็นนางฟ้าสุดสวยแน่ๆ!

“ฉันไม่ได้เป็นเซียนเหรอ” ลูหยุนลุกขึ้นนั่งอีกครั้งเพื่อรีบหาคำตอบ

“ท่านไม่ได้เป็นผู้ฝึกฝนหรอก แม้แต่เซียนก็ไม่คล้ายเลย” ว่านเฟิงถอนหายใจ “เพราะท่านไม่ใช่ผู้มีวิชา ดังนั้นองค์เหนือหัวจึงประกาศว่าถ้าท่านยังไม่สามารถฝึกวิชาได้ภายใน 6 เดือน ท่านจะถูกถอดออกจากตำแหน่งเจ้าเมือง”

“ผู้ฝึกฝน?” ลูหยุนหยุดด้วยความสงสัย แต่เขาเลือกที่จะไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติม เพราะถึงแม้เขาจะอย่ารู้ก็ตาม แต่การถามออกไปโดยไม่คิดก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่

หญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้าของเขามีนามว่า ว่านเฟิง เธอเองก็มีรูปลักษณ์ที่น่าหลงใหลพอควร แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าถ้าเกิดเธอรับรู้ได้ถึงวิญญาณที่อยู่ในร่างเจ้านายเธอดันเป็นคนอื่นกันล่ะ? ถ้าเป็นแบบนี้เขาต้องตายอย่างแน่นอน!

“อย่างห่วงไปเลยนายท่าน ข้าน้อยพร้อมรับใช้นายท่านตลอดเวลา ต่อให้นายท่านจะไม่ใช่เจ้าเมืองแล้วก็ตาม ข้าจะเป็นแกนกลางที่คอยใช้พลังในการต่อสู้ แม้ว่าข้าจะไม่อาจสู้พวกเขาเหล่านั้นได้ แต่ถ้าท่านหนีไปได้ก็ไม่มีปัญหา” ว่านเฟิงพูดอย่างมาดมั่น

“ดูเหมือนว่าฉันมีศัตรูไม่น้อยเลยนะ” ลูหยุนหัวเราะคิกคัก นางเองก็เงียบเช่นกัน

ดังนั้นเจ้าของคนก่อนหน้าของร่างนี้จึงได้ชื่อว่าลูหยุน

ตระกูลลูมีอำนาจที่มากมายหลายชั่วอายุคน แม้ว่าจะไม่มีคนในตระกูลมากนัก แต่ด้วยธุรกิจและสายสัมพันธ์ที่มีก็กว้างขวางมาก นี่จึงเป็นตระกูลที่ทรงอำนาจที่สุดด้วยตำแหน่งเจ้าเมืองที่พวกเขามี

อย่างไรก็ตาม บ้านชนชั้นสูงหลังนี้ก็มีชื่อเสียไม่น้อยเลย ไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไรก็ตาม ปู่และพ่อของลูหยุนก็ได้รับการกล่าวขานในด้านความชั่วร้ายเหมือนกัน

และอาจเป็นเพราะบาปทั้งหมดที่พวกเขาทำไว้ ทั้งคู่จึงเสียชีวิตจากการกระทำที่พวกเขาได้ก่อไว้ ส่วนลูหยุนเองก็เองถูกสาปส่งตามสายเลือดให้ไม่สามารถฝึกวิชาได้

แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเป็นผู้มีวิชาได้ แต่เขาก็ไม่ได้มีความผิดพลาดที่น้อยไปกว่าปู่ของเขาหรอก จริง ๆ แล้วเขาเลวกว่าเลยด้วยซ้ำในตอนนี้

ผู้ฝึกฝนทุกคนในเขตสนธยาต่างก็เกลียดพวกตระกูลลูอย่างสุดซึ้ง แต่ด้วยฐานะเจ้าเมือง นั่นก็ทำให้ทุกแว่นแคว้นที่อยู่ภายใต้อำนาจเขาได้แต่ทำอะไรลับหลังเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อ 3 วันก่อน เมื่อจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แห่งเนปไฟร์ตขีดเส้นตายเอาไว้ ถ้าเกิดลูหยุนยังไม่สามารถฝึกวิชาได้ภายในครึ่งปี เขาจะต้องถูกปลดออกจากตำแหน่ง และตระกูลอื่นจะถูกเชิญขึ้นมาแทนที่

มันช่างเป็นการเริ่มต้นที่แสนลำบาก ทั้งเป็นเจ้าเมืองดั้งเดิม ไหนจะการสวมรอยลูหยุน การอยู่ในโลกคนตาย และการเดินทางอีก

ผู้ฝึกฝนที่เคยสาบานตนรับใช้ตระกูลลูได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยทันที ราวกับฝูงลิงที่ที่แตกฮือ ดังนั้นแล้วเขาในตอนนี้จึงไม่สามารถใช้อำนาจที่มีได้เท่าที่ต้องการ

ถึงจะมีเหลืออยู่บ้างเล็กน้อยในตำหนักเจ้าเมือง แต่พวกคนอื่น ๆ ก็เลือกจะรอเจ้าเมืองคนใหม่ที่จะมาในอีกครึ่งปีหลังจากนี้มากกว่า

ว่านเฟิงคิดว่าจิตใจของลูหยุนสั่นคลอนจากอาการช็อกที่เขาได้เผชิญมาก่อนหน้า ดังนั้นเธอจึงพูดยืนยันสถานการณ์ให้เขาเข้าใจอีกครั้ง

“ว่านเฟิง กระจกเวรนั่นทำให้ฉันรำคาญชะมัด เอามันออกไปที” ลูหยุนชี้ไปที่กระจกหันหน้าไปทางเตียง

“รับทราบ” ว่านเฟิงโบกมือไปที่กระจกและส่งมันลอยออกไปจากห้อง

“ต้นไม้นั่นด้วย เอาไปทิ้งซะ!” ดวงตาของลูหยุนเปล่งประกาย ว่านเฟิงเป็นนางฟ้าหรือว่าเป็นผู้ฝึกพลังกันแน่นะ?

เขาไม่ได้สังเกตว่า ว่านเฟิงใช้คำว่า "ฝึกพลังวิชา" แทนที่จะใช้คำว่า เป็นเซียน

พวกคนรับใช้เองก็ไม่เข้าใจคำสั่งเหมือนกัน แต่ก็ยังทำตาม

ต้นไม้สองสามต้นปลิวกระจายไป ลูหยุนเริ่มรู้สึกว่าอากาศในห้องค่อยบริสุทธิ์ขึ้นมาบ้าง ทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว

รูปแบบปฏิเสธ 9 หยินนั้นเป็นอันตรายต่อมนุษย์มาก แต่ดูเหมือนจะไม่สามารถทำอะไรพวกมีพลังอย่างว่านเฟิงได้

“ใช่แล้ว ว่านเฟิง ใครเป็นคนตกแต่งห้องนี้กันนะ?” ลูหยุนถามหลังจากถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“ราชเลขาเซีย เป็นคนจัดเจ้าค่ะ” ว่านเฟิงรู้สึกว่ามีบางอย่างเปลี่ยนไปในห้อง แต่ไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจน

“ราชเลขาเซีย? เขาอยู่ที่ไหน?” ลูหยุนขมวดคิ้ว มีใครบ้างในสายงานเดียวกับเขาในโลกเซียนนี้? การตกแต่งห้องของเขาในตอนนี้มันโคตรผิดหลักฮวงจุ้ยเลย

ลูหยุนสามารถกลับมามีชีวิตในร่างกายของอีกคนได้อย่างแม่นยำ ก็เพราะลูหยุนในโลกนี้ได้ตายด้วยวิธีการจัดห้องของเขาเองนี่แหละ ถ้าเขายังยึดวิถีการจัดห้องแบบนี้ต่อ... มีหวังได้ตายตกตามไปกันแน่

ในฐานะโจรปล้นสุสานอันดับหนึ่ง ลูหยุนจะต้องเรียนรู้ทุกสิ่งตั้งแต่จุดเล็ก ๆ อย่างตำแหน่งโลงศพในสุสาน ไปจนถึงการจัดวางฮวงจุ้ยของสุสาน

“รูปแบบการจัดวางค่ายกลของตำหนักเจ้าเมืองเองก็ต้องปรับปรุงเหมือนกัน ดังนั้นราชเลขาเซียจึงออกไปข้างนอกเพื่อซื้อหินมาใช้ในการจัดวางด้วยตัวเองเจ้าค่ะ”

"ค่ายกลงั้นเหรอ?" ลูหยุนกระพริบตา

"ใช่เลยค่ะ ราชเลขาเซียคือสุดยอดแห่งการจัดวางค่ายกล มีอยู่หนึ่งอันในห้องของท่านด้วย เขามาติดตั้งไว้ให้เพราะท่านมีศัตรูมากมายนี่แหละ”

ลูหยุนลูบหน้าผากของเขา ค่ายกลในโลกเซียน? รูปแบบฮวงจุ้ย?

“ช่วยฉันหน่อยสิ” เขาหายใจเข้าลึก ๆ และรู้สึกอ่อนแอเล็กน้อย

“จัดให้เจ้าค่ะ!” ว่านเฟิงยื่นมือออกมาด้วยมือเพื่อช่วยให้นายของเธอรู้สึกดีขึ้น

เมื่อลูหยุนรู้สึกถึงร่างกายที่อ่อนนุ่มและยืดหยุ่น จิตใจของเขาก็หายเซื่องซึม

...