ตอนที่ 8 ลานประลองเป็นตาย 2
ตอนที่ 8 ลานประลองเป็นตาย 2
“ทำสำเร็จแล้ว ในที่สุดทำสำเร็จ หยางเย่ผู้นี้ ได้กลายเป็นอาจารย์ยันต์ขั้นแรกแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า!!!” เมื่อมองไปยังเปลวไฟบนกระดาษยันต์ หยางเย่ตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น
จากข้อมูลในคัมภีร์วิชาปลุกยันต์ห้าธาตุจากเปาเอ๋อ หยางเย่ทราบถึงข้อมูลพื้นฐานของอาจารย์ยันต์ อาจารย์ยันต์เปรียบเสมือนผู้ใช้ปราณล้ำลึกและถูกแบ่งออกเป็นลำดับขั้นเช่นกัน ระดับแรกจนถึงระดับห้าเป็นการศึกษาลายจารึกและสร้างยันต์พื้นฐาน ส่วนขั้นหลังจากระดับห้าคือ อาจารย์ยันต์จิตวิญญาณ อาจารย์ยันต์จิตปฐพี อาจารย์ยันต์จิตสวรรค์ อาจารย์ยันต์จิตเทวะ และอาจารย์ยันต์จิตศักดิ์สิทธิ์
ห้าระดับแรกคือการเขียนยันต์ เมื่อสร้างยันต์สำเร็จหนึ่งแผ่นจะได้เลื่อนขึ้นหนึ่งระดับ หากผู้ใดสามารถสร้างยันต์พื้นฐานห้าอย่างและได้บรรลุทั้งห้าธาตุ ผู้นั้นจะเข้าสู่ระดับห้า หยางเย่สร้างยันต์เสริมกำลังสำเร็จแล้ว ดังนั้นเขาจึงกลายเป็นอาจารย์ยันต์ระดับหนึ่ง
ในใจหยางเย่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและหยิบยันต์เสริมกำลังออกมาจากโขดหิน เขาสังเกตมันครู่หนึ่งก่อนจะเกิดแสงประหลาดใจขึ้นในดวงตาพร้อมกล่าวเสียงต่ำ “ยันต์เหล่านี้ถูกแบ่งออกเป็น ระดับใช้ไม่ได้ ระดับต่ำ ระดับกลาง ระดับสูง และระดับยอดเยี่ยม ยันต์เสริมพลังของข้าเมื่อมองจากเปลวไฟที่ดูมีชีวิตแล้ว น่าจะอยู่ในระดับสูง แต่คำภีร์ไม่ได้กล่าวว่าโอกาสสร้างยันต์ขั้นสูงนั้นสูงมากเท่าไหร่ มันเป็นอย่างนี้เพราะพลังปราณทองคำหรือเปล่านะ?
หยางเย่เจอมันในวิชาปลุกยันต์ห้าธาตุ ที่บอกว่ายันต์สามารถแบ่งออกเป็นระดับได้ด้วย ยันต์ที่ระดับแตกต่างออกไปก็มีผลแตกต่างออกไปเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น ยันต์เสริมกำลังระดับต่ำสามารถเพิ่มกำลังของผู้ใช้ได้เพียงงครึ่งหนึ่ง ระดับกลางเพิ่มได้สองเท่า ระดับสูงสามารถเพิ่มได้ถึงสามเท่า ระดับยอดเยี่ยมได้ถึงหกหรือเจ็ดเท่า
แม้ผลของยันต์ระดับสูงและระดับยอดเยี่ยมจะน่าประหลาดใจ ความยากในการสร้างก็น่าประหลาดใจเท่ากัน ความเสี่ยงในความสำเร็จยิ่งค่อนข้างเสี่ยง ดังนั้น เขาเองไม่คาดว่ายันต์ที่สร้างจะได้ระดับสูง “หรือเราจะเป็นอัจฉริยะ?” หยางเย่นึกสงสัย
“ดูเหมือนเรื่องนี้ต้องไปถามเปาเอ๋อเสียแล้ว!” หยางเย่หยุดคิดเรื่องปัญหา เขามองไปที่ยันต์เสริมกำลังในมือพร้อมรอยยิ้มมุมปากที่ดูแปลก “หากเรามีเรื่องในภายหน้าแล้วตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก ข้าจะสามารถใช้ยันต์ติดไว้ที่ตัวแล้วสังหารคู่ต่อสู้ให้สิ้นได้”
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ รอยยิ้มมุมปากหยางเย่กว้างขึ้นแสดงถึงว่าค่อนข้างพึงพอใจ จากนั้นเขาหยิบยันต์พร้อมเดินออกมาจากวายุหุบเขาเหมันต์
เมื่อออกมาจากหุบเขาวายุเหมันต์ หยางเย่มาถึงยังลานฝึกยุทธ์ หลังจากมาถึงไม่นาน เขาถูกหยุดโดยศิษย์ชุดเขียว ชายหนุ่มผู้นี้อายุราวสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี มีสัญลักษณ์ “นอกสำนัก” เขียนนไว้บนไหล่ซ้ายบนชุด มันคือสัญลักษณ์ของศิษย์นอกสำนัก
ขณะมองไปยังชายหนุ่มชุดเขียวที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร หยางเย่รู้ดีว่าชายผู้นี้คือญาติผู้พี่ของตู่ชือ ต้วนจวิน ผู้ที่บรรลุระดับแปดของขั้นปราณมนุษย์
เมื่อพวกเขาเห็นหยางเย่ถูกหยุดโดยต้วนจวิน บรรดาศิษย์ด้านข้างต่างพากันส่ายหัวและถอนหายใจ เพราะหยางเย่ บรรดาศิษย์ในยอดเขาแรงงานจึงไม่ถูกกลั่นแกล้งโดยตู่ชืออีกต่อไป ดังนั้นพวกเขาจึงค่อนข้างประทับใจหยางเย่
บัดนี้ ญาติผู้พี่ของตู่ชือได้กลับมาจากดินแดนมนุษย์แล้ว เห็นได้ชัดว่าเป็นผลจากการกระทำของหยางเย่
ต้วนจวินมองไปที่หยางเย่ด้วยสายตาต้องการฆ่าอันเย็นเยือก เมื่อกลับมาจากดินแดนมนุษย์ เขาทราบว่าตู่ชือและผู้จัดการซู่ถูกเนรเทศไปยังขุนเขาแร่ดวงดาว และตัวการของเรื่องกำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว บรรดาศิษย์ใช้แรงงานและสำนักดาบราชันทราบดีว่าตู่ชือคือญาติผู้น้อง และผู้จัดการซู่ก็อยู่ใต้คำสั่งของเขา หากจะมีเรื่องจำต้องไตร่ตรองให้ดีก่อน ชายผู้นี้ตบหน้าเขาโดยไม่สนสิ่งอื่นใด
ยิ่งกว่านั้น สิ่งที่สำคัญสุดคือตู่ชือและผู้จัดการซู่ต้องจ่ายหนึ่งหมื่นเหรียญทองให้เขาทุกปี ด้วยเงินจำนวนนี้ ทำให้เขาสามารถซื้อทรัพยากรในการบ่มเพาะพลังได้มากขึ้น แต่บัดนี้ทรัพยากรเหล่านั้นไม่มีต่อไป เพราะชายผู้ยืนกำลังอยู่ตรงหน้า! มันราวกับหัวใจของเขาถูกมีดกรีด
เมื่อมาถึง ดวงตาของต้วนจวินแคบลงก่อนจะกล่าว “ไอ้สวะ เจ้าหรือกล้าทำร้ายญาติผู้น้องของต้วนจวินผู้นี้? รับความตาย!” เมื่อกล่าวจบ ร่างนั้นทะยานมาพร้อมฝ่ามือคิดตบหน้าหยางเย่
เมื่อเห็นว่าต้วนจวินจู่โจมอย่างซึ่งหน้าและด้วยเจตนาฆ่า หยางเย่ก้มหน้าต่ำลง เขาร้องเสียงต่ำขณะที่หมัดชกกลับไปยังฝ่ามือต้วนจวิน
ปั้ง!
ฝ่ามือและหมัดปะทะกัน หยางเย่ถอยหลังไปสามก้าวขณะที่ต้วนจวินเองก็ถอยไปสามก้าวเช่นกัน
ในการปะทะแรก พวกเขาทั้งสองพลังสูสี
แววตาของต้วนจวินเต็มไปด้วยความประหลาดใจเมื่อเห็นตัวเองถูกทำให้ถอยหลังได้ “เจ้าก็เป็นผู้ใช้พลังปราณล้ำลึกแล้วงั้นหรือ? แล้วยังไง? ข้าเพิ่งใช้พลังไปหนึ่งในสิบส่วนเท่านั้น ตอนนี้มันเป็นเวลาตายของเจ้าแล้ว!” ขณะพูด พลังปราณล้ำลึกในร่างถูกโคจรพร้อมเตรียมตัวโจมตีหยางเย่อีกครั้ง
“รอประเดี๋ยว!” หยางเย่เดินไปข้างพร้อมมองไปยังต้วนจวินที่สายตาเต็มไปด้วยจิตสังหาร เพราะต้วนจวินทราบว่าตู่ชือและพรรคพวกถูกลงโทษโดยผู้อาวุโสเชียว แต่เขาไม่กล้ายุ่งกับผู้อาวุโสเชียว ดังนั้นจึงมาหาเรื่องหยางเย่แทน ยิ่งกว่านั้น เขาโจมตีพร้อมจิตสังหาร เรื่องนี้ทำให้หยางเย่รู้สึกโกรธอย่างยิ่ง
“อะไร? เจ้าจะร้องขอความเมตตางั้นหรือ?” ต้วนจวินกล่าวด้วยวาจาเย้ยหยัน “หากเจ้ารู้ว่ามันจะเป็นอย่างนี้ ไฉนจึงยังทำเช่นนั้น? ถึงแม้ญาติข้าจะเป็นเพียงศิษย์ใช้แรงงาน แต่เขาก็ไม่ใช่สวะที่ถูกเจ้ากลั่นแกล้ง คำนับข้าพันครั้ง และตะโกนให้ดังว่าข้าผิดไปแล้ว จากนั้นก็ออกไปจากสำนักดาบราชันเสีย เช่นนั้นข้าอาจพิจารณาไว้ชีวิตเจ้า!”
“ข้าขอท้าเจ้าประลองในลานประลองเป็นตาย!” หยางเย่มองไปยังต้วนจวินขณะกล่าวด้วยวาจาอันหนักแน่น
เงียบสงัด ไร้ซึ่งสุ้มมเสียงใด บรรดาศิษย์ใช้แรงงานรอบต้วนจวินก็ชะงักกันชั่วขณะ
ศิษย์ใช้แรงงานกล้าท้าศิษย์นอกสำนัก? ทั้งยังเป็นในลานประลองเป็นตาย?