คาถาที่ 11 : ถูกล่า
ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นทำให้หลายคนตาสว่างขึ้นมาในทันที
หลังจากที่กระจกหน้าต่างได้แตกออกมา ฝูงนกก็บินเข้ามาภายในห้องเรียนราวกับผึ้งแตกรัง พวกมันบ้าคลั่งบินไปจิกกลุ่มนักศึกษาที่อยู่ภายในห้องจนเกิดเสียงร้องดังระงม ทุกคนต่างพากันวิ่งกรูไปที่ประตูทางออก ตัวผมเองและเพื่อน ๆ ก็รีบเก็บข้าวของลุกจากเก้าอี้เลกเชอร์เพื่อออกไปด้านนอกด้วยเช่นกัน เรื่องบ้าบอคอแตกแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติแน่ ๆ ต้องมีคนทำให้มันเกิดขึ้น และถ้าผมเดาไม่ผิด มันต้องเกิดจากฝีมือกลุ่มแม่มดดำ
“ไป ! รีบออกไปนอกห้องดีกว่า เดี๋ยวกูช่วยกันให้” ไอ้คีย์ร้องตะโกนแข่งกับเสียงคนภายในห้อง พร้อมกับวิ่งนำไปและใช้พลังยมทูตของมันซัดนกที่ขวางทางออกไปเป็นระยะโดยไม่ให้ใครสังเกตเห็น
“โอ๊ย !” ผมร้องออกมา เมื่อมีนกตัวหนึ่งบินเข้ามาจิกผมที่แขนอย่างแรงจนเลือดออก ตามมาด้วยอีกหลายตัวที่บินกรูกันเข้ามาเหมือนพยายามไม่ให้กลุ่มของพวกเราออกไปนอกห้องได้ ฝูงนกหลายตัวบินมาขวางทางพวกเราไว้ มันมากจนทำให้พวกเรามองทางแทบจะไม่เห็น ผมเองก็พยายามใช้พลังที่มีอยู่ภายในตัวทำให้พวกมันกระเด็นออกไปเหมือนกัน แต่มันไม่ได้ควบคุมง่ายเหมือนสิ่งของที่ไม่มีชีวิตน่ะซิ
“นี่มันบ้าอะไรวะ ! ไอ้คีย์ ไอ้ชา พวกมึงทำอะไรสักอย่างดิ๊” ไอ้อิฐร้องโวยวายออกมาเมื่อมีนกสี่ห้าตัวรุมมันอยู่
“กูก็พยายามทำอยู่เนี่ย !” ผมร้องกลับไปแข่งกับเสียงนก และเสียงคนร้อง พร้อมกับใช้พลังบังคับนกที่รุมจิกไอ้อิฐให้กระเด็นห่างออกไป ยังไม่ทันที่จะได้ทำอะไรต่อ เสียงกรี๊ดร้องของไหมก็ดังขึ้น เจ้าตัวล้มลงไปกองกับพื้นเหมือนสะดุดอะไรบางอย่าง
“ไหมเป็นไรรึเปล่า” ผมพูดพร้อมโน้มตัวลงไปประคองไหมที่ล้มลงไปกับพื้นขึ้นมา
“ไม่เป็นไร ฉันโอเค”
สุดท้ายก็เหลือแต่พวกเราเป็นกลุ่มสุดท้ายที่ยังไม่ได้ออกไปนอกห้องเพราะฝูงนกมันขัดขวางเอาไว้ พวกมันยังคงบินเข้ามาอย่างต่อเนื่องไม่มีหยุด จนผมกับไอ้คีย์แทบหมดแรงที่คอยไล่มันไปให้ออกห่างจากทั้งเพื่อนและตัวเอง ทั้ง ๆ ที่ระยะทางระหว่างจุดที่พวกเรายืนอยู่กับประตูไม่ได้อยู่ห่างกันมากนักเลย แต่มันกับกินเวลาในการวิ่งไปมากโข
ปั้ง ! เสียงปิดประตูดังขึ้นมาสนั่นหวั่นไหวก่อนที่พวกเราจะวิ่งไปถึง
“ประตู ประตูมันเปิดไม่ออกว่ะ โอ๊ย ! นกเวร” ไอ้อิฐพูดขึ้นมาอย่างหงุดหงิดพลางเขย่าลูกบิดของประตูให้เปิดออก แต่ก็ไม่ได้ผล
“มึงใช้พลังพังออกไปดิไอ้คีย์” ผมร้องบอกไอ้คีย์ที่อยู่ทางด้านหน้า ซึ่งตอนนี้ผมคอยกันทางด้านหลังไว้ให้อยู่ พร้อมกับดึงตัวใยไหมให้ขยับมาใกล้มากขึ้น เมื่อเห็นนกหลายตัวพยายามพุ่งเข้าไปจิกใยไหม งานพระเอกต้องมาล่ะจังหวะนี้ ร่างของเจ้าตัวถูกดึงให้หันหน้าเข้าหาผมตามแรงที่ดึงเข้ามา เราสองคนเลยอยู่ในสภาพกอดกัน พร้อมกับอะไรนิ่ม ๆ ของไหมสัมผัสกับช่วงหน้าท้องส่วนบนของผม
เดี๋ยว ๆ นี่ไม่ใช่เวลาไอ้ชา ... มึงใจเย็น
ใยไหมหน้าแดงพร้อมกับดันตัวผมออกห่าง เฮ้ย ... ไหมเขินเป็นด้วย
“ใจเย็นดิวะไอ้ชา เห็นกูมีสิบมือหรือไง มึงเห็นนกไหมเนี่ย นกเต็มไปหมด” ไอ้คีย์ร้องกลับมาอย่างจริงจังขณะช่วยกางบาเรียครอบกลุ่มพวกเราไว้จะได้ทำอะไรง่ายขึ้น เพราะตอนนี้ไม่มีคนภายนอกแล้ว มันเลยทำอะไรได้เต็มที่ ตอนนี้เหลือแต่กลุ่มพวกเราแค่นั้นเองที่ยังคงติดอยู่ภายในห้อง ยังไงความลับของมันก็ไม่สามารถแสดงให้คนอื่นได้เห็นอย่างโจ่งแจ้งอยู่ดี เลยเพิ่งจะมาทำเอาตอนนี้
เออ นกเต็มไปหมดเลย กูก็นกเนี่ย สักนิดสักหน่อย จะกอดให้นานกว่านี้ก็ไม่ได้ ...
“เฮ้ย ร้อน ๆ” ไอ้อิฐร้องขึ้นมาก่อนปล่อยมือจากลุกบิดที่ตัวเองพยายามจะเปิด รอบ ๆ ลูกบิดประตูเกิดรอยไหม้ขึ้นมาเป็นวงสีดำ จนในที่สุดลูกบิดก็หลุดจากตัวประตูก่อนล่วงลงสู่พื้น พร้อมกับประตูที่ถูกเปิดออก เผยให้เห็นร่างของแมทธิวยืนอยู่ตรงนั้นในสภาพเหงื่อท่วมชุดนักศึกษา เหมือนมันวิ่งมาจากที่ไหนสักแห่ง เจ้าตัวหลังจากเข้ามาก็มองไปรอบ ๆ ห้อง เมื่อเห็นว่าพวกผมไม่ได้เป็นอะไรกันมาก มันก็เดินทะลุบาเรียของไอ้คีย์ออกไปพร้อมกับพึมพำอะไรบางอย่างออกมา จะห้ามก็ไม่ทันเสียแล้ว นกเยอะขนาดนั้นเดี๋ยวก็ได้โดนรุมจิกตายพอดี
พรึบ !
ฝูงนกเกือบร้อยตัวภายในห้องนั้นพร้อมใจกันลุกติดไฟขึ้นมาอย่างกับนกฟินิกซ์ ตามมาด้วยเสียงร้องครวญครางอย่างทรมานของพวกมัน ก่อนจะล่วงลงสู่พื้นในสภาพไหม้เกรียม ขนแหว่งขาด สภาพไหม้ไปทั่ว พร้อมกับกลิ่นเหม็นไหม้โชยคลุ้งไปทั่วห้อง ผมมองภาพตรงหน้าอย่างทึ่ง ๆ มันทำแบบนี้ได้ไง โคตรเทพอะ
พวกเราพร้อมใจกันถอนหายใจออกมาหลังจากแมทธิวกำจัดนกพวกนั้นไปจนหมด งานนี้ยกให้มันเป็นพระเอกก็ได้ ผมหันไปหามันพร้อมขอบอกขอบใจยกใหญ่
“ว่าแต่มึงรู้ได้ไงเนี่ย ว่าพวกกูอยู่ที่นี่” ผมถามมันออกไป
“พอดีกูเรียนอยู่ตึกฝั่งตรงข้าม เห็นฝูงนกบินแห่กันมาตรงนี้ เลยคิดว่ามันจะเป็นเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่ เลยรีบตามออกมา” แมทธิวตอบกลับมา
พวกเรายังคุยกันได้ไม่เกินสามประโยค ทั้งห้องก็เกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดขึ้น อยู่ ๆ ก็มีลมพัดเข้ามาภายในห้องแรงขึ้นเรื่อย ๆ เศษซากขนนกสีดำไหม้เกรียมที่ล่วงหล่นอยู่ตามพื้นค่อย ๆ ลอยตัวขึ้นตามสายลม ก่อนมันจะหมุนรวมกันคล้ายพายุขนาดเล็กแล้วประกอบร่างกันจนมีสภาพคล้ายมนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งผมดูจากรูปร่างแล้วน่าจะเป็นผู้หญิง แต่ไม่มีร่างกายหรือใบหน้าอะไรทั้งนั้น เป็นเพียงขนนกที่รวมกันจนเกิดเป็นร่างนั้นขึ้นมา คืออะไร มันคืออะไรอีกวะเนี่ย ชีวิตผมตอนนี้เหมือนตัวเองหลุดเข้าไปอยู่ในโลกแฟนตาซี หรือหนังสยองขวัญอะไรแบบนั้นไปแล้ว
“ทำได้ดีหนิ สายเลือดบริสุทธิ์คนสุดท้ายของกลุ่มแม่มดขาว” น้ำเสียงเย็นเฉียบของผู้หญิงดังมาจากกลุ่มขนนกที่รวมร่างกันกลายเป็นร่างของคนขึ้นมา
ขนนกพูดได้ …
“แกต้องการอะไรจากพวกเรา หนังสือนั่นถูกทำลายไปแล้ว ไม่มีอะไรที่แกต้องการอีกแล้ว สิ่งที่อยู่ในนั้นก็ถูกปลดปล่อยไปหาพวกแกแล้วด้วย เลิกยุ่งเกี่ยวกันสักที คนพวกนี้เขาไม่รู้ ไม่เกี่ยวอะไรทั้งนั้น” ไอ้แมทพูดออกไปกับร่างที่อยู่ตรงหน้าพวกเรา สิ่งที่ได้รับกลับมาเป็นเพียงเสียงหัวเราะที่ดังก้องกังวานไปทั่วทั้งห้อง ก่อนร่างขนนกนั้นจะพูดประโยคถัดไป
“เกี่ยวซิ เกี่ยวมากด้วย โดยเฉพาะแก”
ปลายนิ้วที่เต็มไปด้วยขนนกสีดำชี้ตรงมาที่ร่างของผม เฮ้ย ! อะไรอีกวะเนี่ย ผมไปทำอะไรให้มันเกี่ยวอีกอะ
“หมายความว่าไง” ผมถามออกไปอย่างไม่เข้าใจ
“แกไม่จำเป็นต้องรู้หรอก วันนี้ฉันแค่อยากจะมาเตือนแก ให้ดูแลรักษาตัวเองให้ดี ๆ ก่อนถึงวันที่จะเกิดจันทรุปราคา แกมีค่ามากกว่าที่แกคิด” ร่างขนนกนั้นตอบกลับมา ถ้าร่างนั้นมีหน้า ผมต้องเห็นมันแสยะยิ้มอยู่แน่ ๆ พวกแม่มดดำชอบทำอะไรค้างคาแบบนี้เสมอเหรอ มันจะมาแกล้งทำให้อยากรู้แล้วไม่บอกทำไม
“ส่วนแก คิดซะว่าเป็นบาปของบรรพบุรุษแกที่มาทำลายพิธีกรรมของฉันเมื่อ 400 กว่าปีก่อนละกัน ฉันว่าแกคงอยากจะรู้ ว่าแม่ของแกตายยังไง” ร่างขนนกนั้นพูด พร้อมกับหันใบหน้าไปหาแมทธิวที่ยืนอยู่ไม่ห่างจากผมนัก
เสียงหัวเราะเหมือนคนโรคจิตดังขึ้นมารอบ ๆ ห้อง มันดังจากผนังห้องทางซ้ายที ทางขวาที บ้างก็จากร่างขนนกที่อยู่ตรงหน้า สะท้อนกันไปมาจนผมเองยังรู้สึกหลอน ผมมองร่างของแมทธิวที่ยืนตัวสั่น มือทั้งสองข้างที่ขนาบอยู่ข้างลำตัวกำหมัดแน่นเมื่ออยู่ ๆ ร่างนั้นก็พูดถึงแม่ของตนเองขึ้นมา ผมรู้สึกเห็นใจมันอย่างที่สุด ที่ต้องมาเจอเรื่องราวแบบนี้ ต้องมาเจอกับฆาตกรที่ฆ่าครอบครัวของตัวเอง
“มึงหยุดพูดเดี๋ยวนี้ !” แมทธิวตะโกนออกมาด้วยความโกรธ
“ฉันจะบอกให้เอาบุญ ฉันจับร่างมันให้ลอยขึ้นมาตรึงด้วยเชือกอากาศ ก่อนดึงแขนขามันให้แยกจากกันเป็นชิ้น ๆ สนุกดีนะ” เสียบนั้นยังคงพูดต่อไปเรื่อย ๆ อย่างไม่สะทกสะท้าน ในขณะที่แมทธิวดูจะสติแตกมากขึ้นเรื่อย ๆ ผมไม่รู้มันเป็นอะไร แต่มันดูหวาดระแวงเหมือนเห็นภาพหลอนที่เกิดขึ้น สายตามันกรอกไปมารอบ ๆ ห้อง จากความโกรธตอนนี้มันกลับกลายเป็นความกลัว ความสับสน หวาดระแวง
“หยุด ! หยุดได้แล้ว พอที พอ กูไม่อยากเห็น ! กูไม่อยากเห็น !” แมทธิวพูดแบบนั้นออกมาไม่หยุด ผมรีบเข้าไปประคองตัวมันที่ลงไปคุกเข่ากองอยู่ที่พื้นเอามือปิดหูของตัวเอง มันดูทรมานอย่างที่สุด ไอ้ขนนกมันทำอะไรกันแน่
“แมท มึงตั้งสติก่อน แมท” ผมเรียกชื่อมันให้ได้สติแต่เหมือนจะไม่ได้ผลเท่าไร
“รู้ไหมว่าส่วนที่สนุกที่สุดคือตอนไหน ตอนที่มันกรีดร้องอย่างทรมาน แล้วฉันหักคอมันให้หมุนกลับด้านยังไงล่ะ”
“กูไม่อยากได้ยิน ! กูไม่อยากเห็น ! ไป ! ไปให้พ้น !” แมทธิวร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาของมันเบิกกว้าง สภาพเหมือนทั้งตกใจกลัวและโกรธกับสิ่งที่เห็นในเวลาเดียวกัน
เฟี้ยว ! คมอากาศสีแดงจากการตวัดเคียวของไอ้คีย์พุ่งตรงไปหาร่างที่อยู่ตรงหน้าที่พ่นคำพูดเสียดแทงหัวใจออกมาไม่หยุด ก่อนกลุ่มขนนกเหล่านั้นจะแตกสลายกระจายตัวออกไปเป็นเสี่ยง ๆ แต่พวกมันก็กลับมารวมกลุ่มกันจนกลายเป็นร่างนั้นได้เหมือนอย่างเดิม นี่ไม่มีใครจะทำอะไรมันได้เลยใช่ไหม
“หึ พวกยมทูตงั้นเหรอ พวกแกก็เตรียมตัวไว้เถอะ ฉันจะทำให้นรกของพวกแกกลายมาอยู่บนพื้นดิน”
ร่างนั้นยังพูดป่าวประกาศโชว์อำนาจของตัวเองต่อหน้ายมทูตอีก มันไปเอาความมั่นใจมากมายขนาดนี้มาจากที่ไหนเนี่ย ยิ่งเห็นผมก็ยิ่งหมั่นไส้ นี่มันยิ่งกว่าตัวร้ายที่ผมเคยเห็นมาจากซีรีย์ทุกเรื่อง จากหนังสือทุกเล่มที่เคยดูเคยอ่านมาอีก
“ไหม อิฐ ช่วยดูแลไอ้แมทที” ผมหันไปพูดกับเพื่อนสองคนด้านหลังแล้วพยุงตัวไอ้แมทเข้าไปหาทั้งสองคนนั้น ผมกับไอ้คีย์มองหน้ากันเตรียมพร้อมที่จะลุยเต็มที่ ไม่ได้การแล้ว ขืนปล่อยไว้แบบนี้นาน ๆ ไอ้แมทได้กลายเป็นบ้ากันพอดี
ลูกไฟขนาดใหญ่ปรากฏอยู่ในมือของผมกับไอ้คีย์ เตรียมพร้อมจะพุ่งตรงไปเพื่อเผากลุ่มขนนกที่อยู่ตรงหน้า
ตู้ม ! ลูกไฟของเราสองคนพุ่งไปยังร่างของขนนกที่อยู่ตรงหน้า เปลวเพลิงลุกท่วมขนนกอย่างรวดเร็วพร้อมกับเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
“พลังของฉันยังไม่ฟื้นตัวพร้อมที่จะเล่นกับแกได้เต็มที่ แต่อีกไม่นานหรอก เพื่อนแกได้ตามลงนรกไปหาแม่สุดที่รักของมันแน่ ๆ”
ขนนกเหล่านั้นปลิวเกลื่อนกระจายตัวไปรอบห้องหลังจากร่างนั้นพูดประโยคสุดท้ายจบลงไป ทิ้งไว้เพียงเสียงหัวเราะบาดแก้วหูที่ยังดังก้องกังวาลไว้ไปทั่ว ผมไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องแบบนี้มันจะมาเกิดขึ้นกับชีวิตผม กับคนที่อยู่รอบตัว มันมากเกินไปแล้ว ผมมองร่างของแมทธิวที่ล้มตัวลงไปนอนกับพื้นในสภาพแย่อย่างถึงที่สุด มือสั่น ตัวสั่น น้ำตาไหลออกมาอาบแก้ม ผมไม่รู้ว่ามันเห็นหรือเจอกับอะไร แต่มันคงเป็นภาพเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นกับแม่ของมันแน่ ๆ อาการมันถึงเป็นเอามากได้ถึงขนาดนี้
“แมท มึงโอเคเปล่าวะ มึงใจเย็น ๆ นะ” ผมพูดพร้อมตบไหล่มันเบา ๆ พวกเพื่อน ๆ ก็รีบมาช่วยประคองตัวมันขึ้นมา มันสูดหายใจเข้าลึก ๆ ดูเหมือนสติจะเริ่มกลับมาแล้ว มันหอบหายใจถี่ ก่อนค่อย ๆ พูดขึ้น
“กะ กูโอเคแล้ว รีบออกไปจากที่นี่เถอะ ก่อนจะมีใครแห่มา”