บทนำ
ผมเอิร์ธ อายุ 19 ปี กำลังเรียนอยู่ชั้นปีที่สองของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้ผมสนับสนุนการแต่งงานใหม่ของแม่และย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านกับพ่อเลี้ยง
จนกระทั่งเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นกับพี่ชายของผม เขาถูกแฟนบอกเลิก อกหักจนแทบไม่เป็นผู้เป็นคน คุณลุงเป็นห่วงจึงขอให้ผมมาอยู่เป็นเพื่อน ผมไม่มีเหตุผลต้องปฏิเสธ ที่สำคัญเพนท์เฮาส์ที่เขาอาศัยอยู่ก็ใกล้กับมหาลัยด้วย ผมจึงตอบรับโดยไม่ตะขิดตะขวงใจ
ดิ๊งด่อง~ ดิ๊งด่อง~
ผมกดออดหน้าประตูห้อง ยืนคอยอยู่สักพักก็ไม่มีวี่แววว่าประตูจะเปิด ผมสงสัยว่าเขาจะรู้เรื่องที่ผมย้ายมาหรือเปล่า ผมเอื้อมมือไปกดออดอีกรอบ ไม่อยากคิดมาก
ดิ๊งด่อง~ ดิ๊งด่อง~
“...”
ดิ๊งด่อง~ ดิ๊งด่อง~
ผมกดออดรัวๆ อย่างหมดความอดทน เริ่มจะหงุดหงิดมากขึ้นทุกที ถ้าประตูยังไม่เปิดงานนี้มีทุบ!
แอ๊ด!!
ทันใดนั้น ประตูถูกเหวี่ยงเปิดอย่างแรงจนผมที่ยืนอยู่ตรงนี้รู้สึกได้ถึงลมร้อนๆ ที่ปะทะใบหน้า
“จะตายหรือไงห๊ะ!! มารบกวนคนอื่นเค้าเนี่ย... เอิร์ธ!” พี่กันต์เงียบเสียงด่าทันทีที่เห็นหน้าผมชัดๆ
เขามองหน้าผมด้วยสายตาไม่คาดฝัน นี่คุณลุงยังไม่ได้บอกอีกเหรอว่าผมจะมา อะไรกันละเนี่ย นึกว่ารู้เรื่องแล้วซะอีก ผมก็ไม่ได้สนิทกับพี่กันต์ขนาดนั้นด้วย
“มาทำอะไร”
“คือคุณลุงให้ผมย้ายมาอยู่ที่นี่...กับพี่”
“ตาแก่นั่นคิดอะไรอยู่!?”
พี่กันต์ชักสีหน้าไม่พอใจ ดวงตาสีดำคมเข้มฉายแววขุ่นข้อง
ผมกะพริบตาปริบๆ รู้สึกกลัวคนตรงหน้าเล็กน้อย ถึงแม้เขาจะเป็นคนที่มีรูปร่างหน้าตาดีมากถึงมากที่สุด แต่กลับชอบทำหน้าตึงเหมือนอารมณ์เสียอยู่ตลอดเวลา ยิ่งตอนนี้ได้ข่าวว่าเพิ่งเลิกกับแฟนที่มีแพลนจะแต่งงานกันผมก็เห็นพายุตั้งเค้าอยู่ลางๆ ด้านหลังพี่กันต์ ว่าแล้วเชียว ผมไม่ควรมาที่นี่
“ขะขอโทษครับ ผมนึกว่าพี่ไม่อยู่ห้อง”
“ถ้าคิดว่าไม่อยู่แล้วจะกดออดทำซากอะไรหลายรอบ!”
“ขอโทษครับ ผมผิดไปแล้ว”
ผมยิ้มทำใจดีสู้เสือ พยายามไม่สนใจบรรยากาศอึมครึมที่ไหลเวียนอยู่รอบๆ ตัวพี่กันต์
เขาห่างกับผมแปดปี เคยเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยผม แต่นั่นคือเรื่องราวที่ผมได้ยินเมื่อสองปีก่อนตอนที่แม่แต่งงานกับพ่อเลี้ยงใหม่ๆ ส่วนตอนนี้ได้ยินว่ากำลังเรียนต่อด็อกเตอร์ ทว่าสภาพพี่แกในวันนี้คือ โซม ผมเผ้ายุ่งเหยิง หนวดยาวเฟื้อย ไม่ได้ว่านะแต่หน้าเขาอย่างกับมหาโจร ขอบตาดำอีกต่างหากแถมยังมีกลิ่นแอลกอฮอล์ผสมกับกลิ่นตัวเหม็นตุๆ จนผมเริ่มเวียนหัว อยากจะอ้วกขึ้นมาบ้างแล้ว
“น่ารำคาญจริง”
พี่กันต์สบถเดินกลับเข้าไปในห้อง ผมยืนบื้ออยู่ที่เดิมละล่ำละลักถามออกไปเสียงสั่น รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องครับ
“เอ่อ... ผมเข้าไปได้ไหมครับ?”
“กวนประสาทเหรอ ประตูมันไม่ได้ปิดจะเดินเข้ามาเงียบๆ ไม่ได้?”
ผมรู้สึกโง่ขึ้นมาทันที ก็ผมมันไม่ใช่คนชอบล้ำเส้นใครที่นา เด็กดีน่ะครับรู้จักไหม
“ขอโทษครับ”
“เหอะ!”
“ขอโทษนะครับแล้วห้องผมอยู่ไหน” ผมมองไปรอบๆ หลังจากเข้ามาข้างในแล้ว
“มีห้องเดียว ทางซ้ายมือเป็นห้องเก็บของ มีของสำคัญเก็บอยู่ในนั้นให้ใช้ไม่ได้ นอนห้องเดียวกันนี่แหละใครบอกย้ายมาปุบปับใครมันจะไปเตรียมตัวทัน” พี่กันต์บอกอย่างรำคาญ เขาเดินบ่นพึมพำคนเดียวหายไปทางระเบียง เหมือนจะไปโทรศัพท์หาคุณลุงเพราะผมได้ยินเสียงเขาโวยวายแว่วเข้ามาในห้องระหว่างเอาเสื้อผ้าออกจากกระเป๋า
พรุ่งนี้ผมมีเรียน ต้องรีดชุดนักศึกษาเตรียมไว้
พี่กันต์เดินเข้ามาในห้อง เขาหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำเงียบๆ ผมรีดผ้าเสร็จก็ออกมานั่งดูทีวีข้างนอก ไม่นานพี่กันต์คนเดิมเพิ่มเติมคือสะอาดสะอ้านและหอมฟุ้ง ผมเผลอมองใบหน้าเกลี้ยงเกลาไร้หนวดเคราของเขาจนพี่กันต์หันมาสบตาตอนนั้นผมถึงรู้สึกตัว รีบหลบดวงตาคมกริบอย่างลนลาน
รู้สึกประหม่าอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“ฉันจะออกไปข้างนอก รายการอาหารอยู่บนโต๊ะ หิวก็โทรสั่ง”
“แล้วพี่จะไปไหน กลับกี่โมง”
ผมมองตามร่างสูงที่เดินผ่านเลยไปอย่างตั้งตัวไม่ทัน พี่กันต์หยุดเดินแล้วหันกลับมาจ้องหน้าผมด้วยสายตาขวางๆ เหมือนกำลังบอกว่า ‘จะไปไหนก็เรื่องของกู อย่ายุ่ง!’ ก่อนจะเดินออกไปเงียบๆ แต่เต็มไปด้วยแรงกดดัน
ผมควรอยู่ที่นี่หรือเปล่าครับคุณลุง... ผมชักไม่แน่ใจแล้ว