บทที่ 275 สำเร็จโทษ
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ : แปลได้แล้ว
ตระกูลหลานนั้นทรงพลังมากเช่นเดียวกับตระกูลจ่างซุน ตระกูลเจียงและตระกูลจ้านแห่งอาณาจักรเสินหวู่ พวกเขาครองอาณาจักรเซิ่งหลิงมาเป็นเวลาหลายพันปีแล้ว
อาณาจักรเซิ่งหลิงอาจถูกกำจัดจนสิ้นซากและราชวงศ์อาจถูกแทนที่ได้ แต่ตระกูลที่ทรงพลังเช่นนี้จะไม่มีวันถูกกำจัดออกไป ตระกูลของคนพวกนี้นั้นฝังรากลึกลงไปยังอาณาจักรเซิ่งหลิงแล้ว
ตระกูลใหญ่เช่นนี้ย่อมมีความจองหองเป็นธรรมดา เกียรติศักดิ์ของเจียงอี้นั้นซึ่งถือว่าเป็นจุดสูงสุดในชีวิตของเขาแล้ว กลับไม่ได้มีค่าอะไรในสายตาของตระกูลที่ทรงพลังเช่นนี้เลย เจียงอี้เป็นเหมือนคนธรรมดาที่ถูกเทิดทูนในตอนนี้ แต่มันก็จะไม่ยั่งยืน
ดังนั้นตระกูลหลานจึงโกรธอย่างเห็นได้ชัดจากพฤติกรรมที่หยาบคายและป่าเถื่อนของเจียงอี้ที่ตรงเข้ามาในเมืองและต้องการฆ่าประมุขน้อยในกระบวนท่าแรกของเขาแทบจะในทันที นี่เป็นทายาทที่ยอดเยี่ยมที่สุดในยุคของพวกเขาเชียวนะ
พวกเขาอาจโกรธมาก แต่...
เมื่อประมุขตระกูลหลานปรากฏตัว เขาก็ยังไม่กล้าเคลื่อนไหวทันที เขาเหาะไปตรงลานตำหนักและถามอย่างเฉยเมยว่า “ผู้ตรวจการเจียง ข้าสงสัยว่าลูกข้าทำอะไรผิดพลาดไป? ทำไมท่านจึงต้องการฆ่าเขา? ท่านอาจเป็นผู้ตรวจการจากราชสำนักจักรวรรดิมังกรเวหา แต่ท่านก็ไม่ควรไร้เหตุผลเชนนี้ หากท่านยืนกรานที่จะลงมือ เช่นนั้นตระกูลหลานของเราก็จะสู้จนกว่าจะจบสิ้นแม้ว่าเราจะต้องสุญเสียสมาชิกทุกคนก็ตาม”
“ฟึ่บ ฟั่บ!”
เมื่อเขากล่าวจบ แหวนในมือประมุขตระกูลหลานก็ส่องแสงและเผยดาบโค้งในมือ ตัวดาบส่องแสงสีฟ้าและถึงกลิ่นอายของมันจะไม่เทียบเท่ากับดาบมังกรเพลิง แต่ก็เห็นได้ชัดว่ามันคือสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์ไม่ผิดแน่!
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดพร้อมสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์!
หลิงอีและคนของเขารู้สึกประหลาดใจ พวกเขาล้อมกันเจียงอี้เป็นวงกลมทันที พวกเขารู้ถึงพลังของสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างดี เมื่อผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดใช้สิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์มันจะไม่เหมือนกับที่เจียงอี้ใช้สิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาไม่ได้เกรงกลัว แต่ความแข็งแกร่งของเจียงอี้นั้นยังอ่อนแอนัก และหากเขาต้องตายไป หลิงเสวี่ยคงจะตัดสินโทษประหารพวกเขาอย่างแน่นอน
“เหตุผล?”
เจียงอี้ยังคงเป็นเช่นดิมโดยปราศจากความเกรงกลัว เขาจ้องมองไปยังประมุขตระกูลหลานด้วยสายตาเย็นชา ปากของเจียงอี้ก็เผยรอยยิ้มที่เย้ยหยันออกมาในขณะที่เขาพูดว่า “ประมุขน้อยของเจ้าจับตัวปู่ของข้า เจียงหยุนไฮ่ไป หากมันเป็นเพียงแค่การกุมตัว เช่นนั้นมันก็ไม่เป็นไร แต่เขารู้ว่าเจียงหยุนไฮ่เป็นญาติสนิทของข้าและไปทำข้อตกลงกับเซี่ยอู๋หุ่ย? เจ้าคิดว่าข้าผิดที่จะฆ่าเขาหรือเปล่า?”
“เจียงหยุนไฮ่?”
ประมุขตระกูลหลานขมวดคิ้วและพูดด้วยความสงสัยว่า “ผู้ตรวจการเจียง ท่านเข้าใจสิ่งใดผิดไปหรือไม่? ยวีเอ๋อร์ มันมีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ?”
“ข้าถูกใส่ร้าย!”
หลานยวี ผู้ที่ถูกผู้อาวุโสสามอุ้มอยู่ก็ตะโกนออกมา “ข้าไม่เคยจับผู้ใดเลย ข้ายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจียงหยุนไฮ่เป็นใคร เจียงอี้กำลังให้ร้ายข้า!”
“ฮึฮึ!”
เจียงอี้หัวเราะเบาๆแล้วตอบกลับด้วยคำถามว่า “ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้เจ้าพูดว่าเจียงหยุนไฮ่ตายไปแล้วหรอกหรือ?”
“ข้า...”
หลานยวีมองไปรอบๆและตอบว่า “ข้าเพียงแค่โกรธเจ้าก็เลยตอบออกไปโดยไม่ทันได้คิด!”
“ฮ่าๆๆๆ!”
เจียงอี้หัวเราะออกมาแล้วกล่าวว่า “เช่นนั้นเจ้าจะอธิบายเรื่องหน้าไม้สังหารเทพที่มาอยู่ในตระกูลเจ้าเช่นไร? นอกเหนือจากตระกูลใหญ่ทั้งเจ็ดของอาณาจักรเสินหวู่ ก็มีเพียงตระกูลราชวงศ์เท่านั้นที่ถือครองมัน และหน้าไม้สังหารเทพของเจ้าเป็นสีทองซึ่งเป็นสีเดียวกันกับหน้าไม้สังหารเทพของตระกูลราชวงศ์แห่งอาณาจักรเสินหวู่ หรือเจ้ากำลังจะบอกข้าอีกล่ะว่า...เจ้าซื้อมันมา?”
“ฮะ!”
หลานยวีพูดไม่ออก มีเพียงอาณาจักรเสินหวู่เท่านั้นที่มีพิมพ์เขียวหน้าไม้สังหารเทพ และนี่คือสิ่งที่ทุกคนทราบกันดี อาณาจักรเสินหวู่ไม่เคยขายหน้าไม้สังหารเทพ หลานยวีไม่มีทางเถียงเรื่องนี้ได้
“อืม?”
ดวงตาของประมุขตระกูลหลานเย็นชาขณะที่มองไปรอบๆและเหาะตรงไปยังหลานยวีและปล่อยฝ่ามืออย่างแรงซึ่งส่งหลานยวีปลิวออกไปกระแทกผนัง จากนั้นเขาก็หันไปเผชิญหน้ากับเจียงอี้และโค้งคำนับ “ผู้ตรวจการเจียง ชายชราผู้นี้เข้าบำเพ็ญไปเมื่อไม่นานมานี้ ท่านโปรดแจงเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ข้าฟังอย่างชัดเจนได้หรือไม่”
เมื่อเขาจบประโยค และมองไปยังผู้อาวุโสสามที่ส่งข้อความถึงเขา ซึ่งทำให้ใบหน้าของผู้อาวุโสสามซีดเผือดไป จากนั้นผู้อาวุโสสามก็สื่อสารกับประมุขอย่างรวดเร็วด้วยข้อความลับ ในไม่ช้าประมุขตระกูลหลานก็หันไปหาเจียงอี้และกล่าวว่า “ผู้ตรวจการเจียง เรื่องนี้เป็นความผิดของไอลูกหมาของข้า แต่ตอนนี้เจียงหยุนไฮ่ยังไม่ตาย เขาถูกส่งไปยังอาณาจักรเสินหวู่ เขาเพิ่งถูกส่งตัวไปเมื่อวานและคงจะยังอยู่ในอาณาจักรเซิ่งหลิง!”
“เจ้าสอง!”
หลังจากได้คำอธิบายมาบ้างแล้ว ประมุขตระกูลหลานก็ตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง “ส่งข้อความออกไปทันทีและหาว่าเจียงหยุนไฮ่อยู่ที่ไหน ในสองชั่วโมง ข้าอยากรู้เกี่ยวกับที่อยู่ของเจียงหยุนไฮ่และราชทูตจากอาณาจักรเสินหวู่อย่างแน่ชัด!”
“ขอรับ!”
ผู้อาวุโสของตระกูลหลานรีบออกไปดำเนินการตามคำสั่งทันที จากนั้นประมุขตระกูลหลานก็โค้งคำนับและกล่าวอย่างอ่อนน้อม “ผู้ตรวจการเจียง เรื่องนี้เป็นความผิดของตระกูลหลานของข้า ข้าจะใช้คนของข้าทั้งหมดให้ไปช่วยเจียงหยุนไฮ่ ครานี้ มันเป็นความผิดของหลานยวี และตระกูลหลานจะรับผิดชอบความผิดของลูกชายตัวดี ท่านผู้ตรวจการโปรดระบุเงื่อนไขของท่านมาได้”
“ฮู่ววว!”
เจียงอี้ถอนหายใจยาว มันไม่เป็นไรตราบใดที่เจียงหยุนไฮ่ยังไม่ตาย เจียงอี้มองไปที่หลานยวีที่นอนจมกองเลือดอยู่บนพื้น “ข้าไม่มีเงื่อนไขใดๆ เพียงช่วยปู่ของข้าและ...หลานยวีต้องตาย! และเรื่องนี้ก็จะจบลง”
“ฟึ่บ ฟั่บ ควับ!”
การแสดงออกของทุกคนเปลี่ยนไปอีกครั้ง หลานยวีเป็นผู้สืบทอดคนต่อไปของตระกูลหลาน เขาเป็นทายาทเพียงคนเดียวของประมุขตระกูลหลานและยังเป็นทายาทที่มีพลังที่โดดเด่นที่สุดในศตวรรษที่ผ่านมาของตระกูลหลาน หากเขาถูกเจียงอี้ฆ่าในวันนี้ มันก็ไม่จำเป็นต้องกล่าวออกมาเลยว่าตระกูลหลานจะสูญเสียศักดิ์ศรีมากมายอย่างแน่นอน
“นี่....”
ประมุขตระกูลหลานพึมพำด้วยสีหน้าเศ้ราหมอง “ผู้ตรวจการเจียง ข้ากล่าวว่าตระกูลหลานจะรับผิดชอบในความผิดพลาดของลูกชายข้า ตราบใดที่ท่านให้อภัยหลานยวี ไม่ว่าเงื่อนไขใดๆเราก็สามารถต่อรองได้”
“เช่นนั้นก็ได้”
เจียงอี้ยักไหล่และชี้ไปที่ดาบโค้งในมือของประมุขตระกูลหลาน “เช่นนั้นก็ชดใช้ข้าด้วยสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์ของท่านแล้วกัน!”
“...........”
สีหน้าของเหล่าสมาชิกตระกูลหลานเปลี่ยนไปอีกครั้งขณะที่พวกเขาไม่สามารถยับยั้งจิตสังหารที่ออกมาจากร่างกายของพวกเขาได้ สิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้เป็นสิ่งตกทอดของตระกูลหลาน หากไม่มีมัน ตระกูลหลานก็จะสูญเสียพลังไป เจียงอี้ผู้นี้ต่ำช้ายิ่งนัก
ประมุขตระกูลหลานระงับความโกรธของเขาไว้ในขณะที่กัดฟันและพูดว่า “ผู้ตรวจการเจียง อย่ารังแกพวกเราให้มากนัก เจียงหยุนไฮ่ก็ยังไม่ตายและชายชราผู้นี้สัญญาว่าเราจะช่วยเหลือเขาอย่างเร็วที่สุด! ในเมื่อท่านไม่ได้เสียอะไร ทำไมไม่เปลี่ยนความเกลียดชังนี้เป็นมิตรภาพแทนล่ะ? ตระกูลหลานของเราจะดูแลท่านเยี่ยงสหายเช่นกัน ว่าอย่างไรล่ะ?”
“สหาย? ข้าไม่คู่ควร!”
เจียงอี้หัวเราะออกมาอย่างไร้สติและพูดว่า “มันไม่มีทางอื่นแล้ว จะมอบสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์นั่นมาหรือฆ่าหลานยวี หรือไม่...เจ้าก็สามารถลงมือและฆ่าพวกเราทุกคน!”
“ฟึ่บ ฟั่บ!”
เมื่อเจียงอี้ยื่นข้อเสนอจบ หลิงอีและคนของเขาก็ดึงดาบออกมาพร้อมเทแก่นแท้พลังไปทั่วร่างและเตรียมพร้อมที่จะลงมือตลอดเวลา
“แกว๊ก แกว๊ก!”
ในขณะนั้นเอง เสียงร้องของวิหคหลายตัวก็ดังมาจากท้องฟ้า มีวิหคยักษ์หลายสิบตัวกำลังบินมา บนวิหคนั่นต่างมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวอยู่บนหลังด้วย ผู้นำทัพในหมู่พวกเขาจับจ้องไปยังฉากที่เกิดขึ้นด้านล่างและตะโกนว่า “ทุกคน หยุดก่อน!”
“แม่ทัพเฮ่อ!”
ประมุขตระกูลหลานเผยความปีติออกมาจากดวงตาในขณะที่ตะโกนว่า “แม่ทัพเฮ่อ เจ้ามาทันเวลาพอดี เจียงอี้ผู้นี้ล่วงเกินกันมากไปแล้ว!”
“หืม?”
หลิงอีและคนอื่นๆก็เหลียวไปมอง มีผู้เชี่ยวชาญห้าสิบคนมาที่นี่และมีเจ็ดถึงแปดคนอยู่ในขั้นสูงสุดของขอบเขตเสินโหยว หากพวกเขาต้องประมือกัน พวกเขาทั้งสิบคนก็อาจจะตายอยู่ที่นี่
“ฟึ่บ ฟึ่บ ฟั่บ!”
วิหคยักษ์บนท้องฟ้าหายวับไปขณะที่ผู้เชี่ยวชาญทั้งห้าสิบคนลงมาที่ผืนดิน แม่ทัพเฮ่อเมินประมุขตระกูลหลานไปอย่างสิ้นเชิงแล้วคุกเข่าข้างหนึ่งพร้อมทักทายเจียงอี้ “คารวะท่าใต้เท้าผู้ตรวจการ!”
“คารวะท่านใต้เท้าผู้ตรวจการ!”
ผู้เชี่ยวชาญที่เหลือก็พากันคุกเข่าข้างหนึ่งพร้อมคำนับ จากนั้นเขาก็พูดออกมาด้วยความเคารพ “ท่านใต้เท้าผู้ตรวจการ ท่านมีความเข้าใจผิดอันใดกับตระกูลหลานหรือขอรับ? ท่านต้องการให้ข้าน้อยจัดการสิ่งใดหรือไม่?”
เกิดความประหลาดใจขึ้นในสายตาของเจียงอี้ขณะที่เขาตอบอย่างรวดเร็วว่า “นี่ไม่ใช่การเข้าใจผิด ท่านแม่ทัพ ข้าจะรบกวนขอให้ท่านตัดหัวประมุขน้อยตระกูลหลานได้หรือไม่? จากนั้นช่วยข้าตามหาคนผู้หนึ่ง แล้วข้าจะออกจากอาณาจักรเซิ่งหลิงทันที!”
“ขอรับ!”
แม่ทัพเฮ่อได้รับความไว้ใจจากองค์ราชาผู้ซึ่งประสงค์ให้เขาพาเจียงอี้ผู้ซึ่งเป็นดั่งเทพแห่งโรคระบาดนี้ออกจากอาณาจักร
เขาอยู่ข้างองค์ราชาและไม่ได้อยู่ข้างตระกูลหลาน ด้วยเหตุนี้เขาจึงตะโกนออกมาอย่างไม่มีความสะทกสะท้าน “พวกเจ้า! จัดการตามคำสั่งท่านใต้เท้าซะ!”