บทที่ 274 เจ้าเองก็ต้องตายด้วยเช่นกัน
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ : แปลได้แล้ว
เมืองเพลิงภูตคือเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกของอาณาจักรเซิ่งหลิงและยังเป็นหนึ่งในสิบเมืองหลัก เมืองแห่งนี้ถูกควบคุมโดยขั้วอำนาจตระกูลหลานซึ่งถูกจัดให้อยู่ในอันดับหกจากสิบอันดับตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในอาณาจักรเซิ่งหลิง
“นั่นใคร?!”
“ศัตรูบุก!”
เมื่อกลุ่มของเจียงอี้ย่างเท้าเข้ามาในเมืองด้วยท่าทีอันผิดวิสัยไปจากคนปกติ เหล่าทหารลาดตระเวนจำนวนมากก็มีปฏิกิริยาและรุดหน้ามาหาพวกเขาทันที
“ข้าคือทูตตรวจการแห่งจักรวรรดิมังกรเวหา เจียงอี้! ข้ามีเรื่องสำคัญที่จะต้องทำให้เมืองนี้—โปรดหลีกทางให้ด้วย!”
เจียงอี้ถ่ายเทแก่นแท้พลังลงไปในดาบมังกรเพลิงซึ่งทำให้มันส่องแสงเรืองรองพร้อมทั้งร่างจำแลงมังกรที่โผล่ออกมาแหวกว่ายอยู่ในอากาศ
ในขณะเดียวกัน เจตจำนงสังหารอันมากล้นก็ทะลักออกมาจากร่างของเขาและเข้าปกคลุมกองทหารทั้งหมดเอาไว้
“ดาบมังกรเพลิง! เจตจำนงสังหาร!”
ทันใดนั้นสีหน้าของทหารระดับผู้บัญชาการก็แปรเปลี่ยนไป พวกเขารู้ว่าทั่วทั้งทวีปนี้มีเพียงเจียงอี้เท่านั้นที่ครอบครองดาบมังกรเพลิงและเจตจำนงสังหาร
ดาวโชคร้ายได้มาเยือนเมืองเพลิงภูตแล้ว!
“ผู้ตรวจการเจียง!”
ชนชั้นแม่ทัพผู้หนึ่งร่อนลงมาและโค้งคำนับ
“บ่าวผู้นี้เป็นผู้พิทักษ์เมืองเพลิงภูตนามว่า หลานเฟิง ขอรับ! ข้าขอเรียนถามได้หรือไม่ว่าใต้เท้ามีธุระอันใด? ท่านต้องการให้ข้าไปแจ้งท่านเจ้าเมืองหรือไม่ขอรับ?”
“หลานเฟิง?”
ทันทีที่ชายตรงหน้ากล่าวจบ ม่านตาของเจียงอี้ก็หดแคบลงขณะกล่าว “เจ้าเป็นคนของตระกูลหลาน? ดี เช่นนั้นหลานยวีอยู่ที่นี่หรือไม่? ให้มันออกมาพบข้าเดี๋ยวนี้!”
“หลานยวี?”
คิ้วของหลานเฟิงขมวดเป็นปม ในขณะเดียวกันการแสดงออกทางสีหน้าของอีกหลายๆคนก็ผิดแปลกไป
“ใต้เท้า หากว่าประมุขน้อยของพวกเราทำให้ท่านขุ่นเคือง ข้าหวังว่าท่านจะยกโทษให้เขาสักครา แต่… ท่านช่วยบอกต้นสายปลายเหตุก่อนได้ไหมขอรับ ข้าจะได้ไปรายงานท่านประมุขได้อย่างถูกต้อง”
“ประมุขน้อย? ดี ดีมาก!”
เจียงอี้แสยะยิ้มและกล่าวด้วยน้ำเสียงอันเย็นชา “ข้าให้เวลาเจ้าสามสิบนาที จงไปพาประมุขน้อยของพวกเจ้ามาพบข้าเดี๋ยวนี้ มิฉะนั้น… ก็จงเตรียมรับผลที่จะตามมาได้เลย!”
จากข้อมูลลับที่ได้จากเฉียนว่านก้วน ผู้ที่ทำการจับตัวเจียงหยุนไฮ่และติดต่อกับเซี่ยอู๋หุ่ยก็คือหลานยวี!
ในใจของเจียงอี้ เขาได้ตัดสินโทษตายสำหรับประมุขน้อยตระกูลหลานคนนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว!
เรื่องที่เขาจับตัวเจียงหยุนไฮ่ไปนั้นยังไม่สำคัญเท่าการที่รู้อยู่แล้วว่าเขาคือปู่ของเจียงอี้และยังแอบไปทำข้อตกลงกับเซี่ยอู๋หุ่ย ในเมื่อเขากล้าล้ำเส้นเช่นนี้ เจียงอี้ก็ไม่คิดที่จะปรานีอย่างแน่นอน
“นี่…”
ใบหน้าของหลานเฟิงซีดขาวลงทันตา เขาไม่กล้ารอช้าและรีบวิ่งกลับเข้าไปในเมืองทันที เพราะรู้แล้วว่าอีกไม่นานกำลังจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว
ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!
สิบห้านาทีต่อมา ผู้คนกว่าหนึ่งโหลได้ออกมาจากเมือง นอกจากนี้พวกเขายังเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวทั้งหมด
หนึ่งในนั้นเป็นชายชราที่น่าจะอยู่ในขอบเขตเสินโหยวขั้นที่เจ็ดหรือแปด เขาสวมเสื้อคลุมลายปักและมีกลิ่นอายที่โดดเด่นกว่าผู้อื่น เห็นได้ชัดว่าเขาจะต้องเป็นบุคคลสำคัญของเมืองเพลิงภูตอย่างไม่ต้องสงสัย
ชายชราเดินนำกลุ่มคนและรีบตรงขึ้นไปบนกำแพงเมือง จากนั้นก็ทำการโค้งคำนับอย่างสุภาพขณะกล่าว
“บ่าวผู้นี้มีนามว่า หลานเหิง เป็นผู้อาวุโสสามแห่งตระกูลหลาน”
“ข้าต้องขออภัยใต้เท้าจากใจจริง ตอนนี้ประมุขน้อยกำลังอยู่ในช่วงบำเพ็ญตน เอาแบบนี้ดีไหม ข้าขอเรียนเชิญกลุ่มของท่านให้เข้าไปพูดคุยกันในตำหนักตระกูลหลานก่อน ท่านคิดเช่นไร?”
ดวงตาอันเยือกเย็นของเจียงอี้กวาดมองใบหน้าทุกคนก่อนที่จะกล่าว
“สรุปแล้วหลานยวีอยู่ที่นี่จริงๆสินะ?”
ผู้อาวุโสสามตระกูลหลานหัวเราะออกมาเล็กน้อยขณะที่เหล่มองผู้พิทักษ์เมืองหลานเฟิงและกล่าวออกมาอย่างนอบน้อม
“ใต้เท้า ข้าได้ส่งคนไปแจ้งประมุขน้อยแล้ว แต่เขายังอยู่ในช่วงสำคัญของการบำเพ็ญตน ข้าเกรงว่า…”
“ฮึ่ม!”
เจียงอี้เค้นเสียงออกมาอย่างไม่ไว้หน้าและกล่าวด้วยความเดือดดาล
“ประมุขน้อยของพวกเจ้าเป็นพวกหยิ่งยโสสินะ? ดี… หากมันไม่มา เช่นนั้นข้าก็จะไปหามันด้วยตัวเอง!”
เจียงอี้นำกลุ่มของเขากระโดดลงมาจากกำแพงเมือง แต่ที่ด้านหลัง ใบหน้าของผู้อาวุโสสามเผยร่องรอยความเย็นชา แต่พริบตาเดียวเขาก็ปกปิดมันอย่างรวดเร็วและกระโดดตามลงมา
“ใต้เท้าผู้ตรวจการ โปรดอย่าเพิ่งบันดาลโทสะ ทุกสิ่งสามารถเจรจากันได้ หากว่าประมุขน้อยของเราเผลอไปสร้างความขุ่นเคืองให้ท่าน ตระกูลหลานของเราจะทำการลงโทษเขาอย่างแน่นอน ท่านไม่จำเป็นต้องเปลืองแรงลงมือเองขอรับ!”
เจียงอี้เพิกเฉยต่อคำพูดเหล่านั้นอย่างสิ้นเชิง เขาเพียงแค่หันไปมองหลานเฟิงและกล่าว “นำทางไป!”
หลานเฟิงลอบปาดเหงื่อและหันไปมองผู้อาวุโสสามที่ดูเหมือนจะมีโทสะ แต่ในเมื่อไม่มีทางเลือก เขาก็ต้องพากลุ่มของเจียงอี้ตรงไปยังตำหนักตระกูลหลานที่อยู่ทางตะวันออกของเมืองอย่างจำใจ
“คารวะผู้อาวุโสและแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน!”
เมื่อยามหน้าประตูตำหนักเห็นกลุ่มคนที่กำลังตรงเข้ามา พวกเขาก็รีบโค้งคำนับอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกัน หนึ่งในนั้นก็รีบกลับเข้าไปในตำหนักอย่างเร่งรีบ เห็นได้ชัดว่าเขากำลังเข้าไปรายงานใครบางคน
ปัง!
เจียงอี้หาได้เกรงใจเจ้าถิ่นไม่ เขาเดินตรงไปและยกเท้าถีบประตูอย่างจัง จากนั้นก็ตะโกน
“หลานยวี! ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้!”
ฟึ่บ! ฟึ่บ!
เสียงตะโกนของเจียงอี้ทำให้ยามอารักขาในตำหนักตื่นตัว แต่ในขณะที่กำลังจะกรูกันเข้ามานั้น พวกเขาก็เห็นร่างของผู้อาวุโสสาม ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าเคลื่อนไหวและทำได้เพียงแค่ยืนมองเท่านั้น
ในเวลาเดียวกัน ผู้อาวุโสทั่วไปหลายคนกำลังเดินตรงมาด้วยความโมโห แต่เมื่อพวกเขาเห็นผู้อาวุโสสามส่งสัญญาณผ่านสายตา พวกเขาก็รีบจากไปทันที
“ใครมันกล้าเอะอะโวยวายที่นี่?! หลานเทียน พวกเจ้ามัวทำอะไรกันอยู่? ไปฆ่าไอ้คนที่แหกปากเมื่อครู่ให้ข้าบัดเดี๋ยวนี้!”
เสียงคำรามที่เต็มไปด้วยความโกรธดังมาจากห้องใต้หลังคาพร้อมกับร่างของเด็กหนุ่มผมฟ้าที่ก้าวออกมา แต่เมื่อเขามองเห็นเจียงอี้ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันทีและตะโกน “เจ้าคือคนในตอนนั้น?”
“หากเราไม่ใช่ศัตรู บางทีอาจจะไม่เจอกันในสถานการณ์เช่นนี้!”
เจียงอี้เองก็ประหลาดใจเช่นกัน เขาเคยเห็นชายหนุ่มผมฟ้าคนนี้มาก่อนในตอนที่อยู่ในสงครามราชอาณาจักร เพราะเขาคือคนที่นำกองทัพเข้าห้ำหั่นกับเผ่าคนเถื่อนของอาหนี
นอกจากนี้ เจียงอี้ยังเคยสังหารคนของเขาและยังจำได้ว่าเขาครอบครองสิ่งประดิษฐ์ชิ้นหนึ่งที่มีนามว่า ดาบภูตจันทรา!
หลานยวีหันไปมองผู้อาวุโสสามและเอ่ยถามด้วยความสับสน
“ผู้อาวุโสสาม นี่มันหมายความว่ายังไง? แล้วคนผู้นี้เป็นใครกัน?”
“ประมุขน้อย จงรีบแสดงความเคารพและคารวะท่านผู้ตรวจการเจียงเร็วเข้า!” ผู้อาวุโสสามกล่าวด้วยน้ำเสียงอันเย็นชาพร้อมกับท่าทางที่จริงจัง
“นั่นไม่จำเป็น!”
เจียงอี้ตะโกนขึ้นแทรก
“หลานยวี! ส่งตัวปู่ของข้าเจียงหยุนไฮ่มาซะ แล้วก็จงฆ่าตัวตายเสีย มิฉะนั้นตระกูลหลานของเจ้าจะต้องเดือดร้อน!”
ควับ! ควับ! ควับ!
สีหน้าของทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นแปรเปลี่ยนไปเป็นการใหญ่ หลานยวีเองก็โมโหโกรธายิ่งกว่าเดิม แต่เมื่อหยุดคิดสักครู่ เขาก็เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็เอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
“เจียงหยุนไฮ่หรือ? มันตายไปแล้ว!”
ครื้นนนนน!
แทบจะทันทีดาบมังกรเพลิงก็ส่องสว่างและตามมาด้วยจิตสังหารที่ไหลทะลักออกมาจากร่างของเจียงอี้ จากนั้นเขาก็คำรามขณะที่ระเบิดกลิ่นอายทั้งหมดออกมา
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เจ้าก็ต้องตายเช่นกัน!”
“ยั้งมือก่อน!”
เมื่อเห็นท่าไม่ดี หลานเหิงก็รีบพุ่งออกไปและคว้าตัวหลานยวีไว้ก่อนที่จะมังกรเพลิงทั้งสองตัวจะเฉียดหัวเขาไปนิดเดียว
“ตู้มมม!”
โชคดีที่ผู้อาวุโสสามค่อนข้างมีความสามารถและว่องไวใช้ได้ เขาช่วยชีวิตหลานยวีไว้ได้ทัน มังกรเพลิงทั้งสองตัวทะลวงผ่านห้องใต้หลังคาและทำให้เศษไม้กับเหล็กจำนวนมากกระจัดกระจายไปทั่ว
สาวใช้หลายคนกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ แต่โชคดีนักที่ไม่มีใครอยู่บริเวณนั้น ไม่อย่างนั้น พวกเขาคงตายไปแล้ว
“ใครมันกล้ามาสร้างความวุ่นวายในเมืองเพลิงภูต?!”
เสียงคำรามดังขึ้น ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญซึ่งเต็มไปด้วยกลิ่นอายอันทรงพลังสามคนกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาประชิดตำหนักที่หลานยวีอยู่
ในขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยจำนวนไม่น้อยต่างก็โผล่ออกมาและเล็งหน้าไม้ในมือมาที่กลุ่มของเจียงอี้
หน้าไม้สังหารเทพ!
สีหน้าของเจียงอี้ย่ำแย่ลงทันตา หน้าไม้สังหารเทพเป็นศาสตราวุธของอาณาจักรเสินหวู่ ไม่จำเป็นต้องกล่าวก็รู้แล้วว่าเซี่ยอู๋หุ่ยต้องเป็นผู้ที่มอบให้พวกมันกับตระกูลหลานอย่างแน่นอน
และมันยังหมายความว่าข้อตกลงนั้นเป็นอันสัมฤทธิ์ผล เจียงหยุนไฮ่อาจจะถูกส่งตัวไปยังอาณาจักรเสินหวู่แล้วหรือไม่ก็… ถูกฆ่าตายไปแล้ว!