ตอนที่1 หนี้สิน
ตอนที่1 หนี้สิน
สวัสดีวันจันทร์ นี่คงจะเป็นแชทในไลน์ที่ใครๆ หลายคนเจอทุกวันหลังจากผ่านวันอาทิตย์มาใช่ไหมล่ะ ยิ่งคนที่ขึ้นชื่อว่าแม่นะโอ้โห้กระหน่ำส่งระรัวยังกลับไปแข่งประกวดขายสติ๊กเกอร์แน่ะ ฉันชื่อมัดหมี่ อายุ28 กำลังงัวเงียขยี้ขี้ตาออกจากเบ้าตาตัวเองอย่างเหนื่อยหน่าย เพราะได้ยินเสียงแชทที่ดังระรัวมาจากมือถือตัวเองที่วางไว้ที่ชั้นวางหัวเตียง เอามือคว้านหาเบาๆก่อนหยิบขึ้นมาสไลด์หน้าจอเปิดดูด้วยความรำคาญกึ่งงัวเงียหน่อยๆ
“สวัสดีวันจันทร์ ขอให้มีความสุขกับวันนี้”
“จ้าแม่..”ฉันพิมพ์ตอบกลับไปให้แม่แล้วก็ปิดมือถือตัวเองโยนลงที่นอนดังตุ๊บก่อนเริ่มเตรียมนอนยาวอีกรอบในห้องตัวเองอีกรอบ
“หาววว..วอๆๆ”ยกมือตบปากตัวเองเหมือนกอลิล่าหาคู่ตอนกลางวัน ขณะที่กำลังกะพริบตาปริบๆพร้อมปิดตาอยู่นั่นเอง
“ปัง!!!พี่มัด..”เสียงเปิดประตูดังปังจนฉันสะดุ้งเฮือกใหญ่ตามด้วยเสียงเจี้ยวจ้าวของน้องสาวตัวแสบของฉันที่แหกปากมาตั้งแต่ขึ้นบันไดยันพังประตูเข้ามาเนี่แหละ
“อารายยย...หาววว”
“รีบๆตื่นซะทีสิพี่พ่อกำลังจะมาถึงแล้ว”
“ฮะ!!พ่อ..จะมา..O.o)”ฉันกระเด้งตัวลุกจากเตียงแทบไม่ทันตอนที่ได้ยินจากปากน้องตัวเองว่าพ่อจะมา แต่แล้วก็ดันเสียหลักสะดุดกับผ้าห่มตัวเองจนหน้ากระแทกพื้นเข้าอย่างจังดังตุ๊บลั่นห้อง
“อั๊ก..อูยเจ็บบบ..”
“เร็วๆเข้าพี่เร็วๆพ่อจะมาแล้วงั้นผัดไปถ่วงเวลารอก่อนนะ”ผัดหมี่พูดด้วยน้ำเสียงลนลานก่อนวิ่งแจ้นออกจากห้องไปทิ้งให้ฉันนอนหมอบกับพื้นอย่างน่าอนาถใจซะงั้น
“ฮือๆ..มาช่วยพี่ก่อนไอ้แสบ..”กวักมือไปมากับอากาศเบาๆ ก่อนยันตัวลุกขึ้นวิ่งเข้าห้องน้ำทันที กวักน้ำลูบหน้าลวกๆ ตามด้วยยกน้ำยาบ้วนปากมากรอกปากบ้วนๆ แล้ววิ่งออกจากห้องลงไปข้างล่างทันทีเพื่อที่จะไปรับหน้าพ่อ
“อูยยย..เจ็บคางฉิบเลย”ลูบคางปอยๆตอนที่ลงมาข้างล่างมองกวาดตาหาไอ้แสบที่วิ่งแจ้นออกมารอก่อนหน้าแต่ก็ไม่เจอ
“ไปไหนอีกเนี่ย..”เดินสำรวจทุกซอกทุกมุมแต่ก็ไม่เจอจนสุดท้ายต้องออกมาที่หน้าบ้านก็เจอจริงๆ เจอพ่อที่กำลังนั่งกระดิกขาดิ๊กๆกับม้าหินอ่อนใต้ต้นชมพู่หน้าบ้าน
“พ่อ..”ฉันเดินน้วยออกจากบ้านเรียกพ่อที่ชะงักขาตัวเอง
“มัด..มานี่ซิพ่อมีอะไรจะคุยด้วย”พ่อถามเสียงแข็งเบาๆ ก่อนกวักมือเรียกฉันให้เข้าไปหาทันที
“อึก..”ลอบกลืนน้ำลายลงคอไปอึกใหญ่ก่อนจะยอมเดินไปหาพ่อทันที ไม่รู้อะไรดลใจให้พ่อมาที่บ้านทั้งๆที่ไม่ค่อยมีเวลาแท้ๆ ยกมือสางผมตัวเองเบาๆก่อนหย่อนก้นนั่งลงข้างๆพ่อ
“ว่าไงคะพ่อ..จะคุยอะไรกับมัด”ฉันยืดอกนั่งหลังตรงกับพ่อที่ทำหน้าตาค่อนข้างบูดบึ้ง
“พ่อแค่จะมาคุยเรื่องที่พ่อต้องรู้สึกผิดไปอีกนานแสนนานเลยล่ะ...”
“หื้ม??..”เลิกคิ้วขึ้นอย่างมึนงงตอนที่พ่อพูดเมื่อกี้ อะไรคือเรื่องที่พ่อต้องรู้สึกผิดด้วยล่ะ
“พ่อน่ะ..เฮ้อ..พ่อขอโทษมัด..พ่อเป็นคนที่..ใช้ไม่ได้”พ่อบ่นกับตัวเองเบาๆและกุมขมับไปมา
“..”ฉันถึงกับไปไม่เป็นตอนที่เห็นพ่อออกอาการแบบนี้ครั้งแรกดูท่าน่าจะมีเรื่องกลุ้มใจสินะ
“พ่อผิดเอง..ที่ปล่อยให้มันทำตามอำเภอใจจน..ธุรกิจของเรา..ต้องล้มละลาย”พ่อพูดคำว่าล้มละลายออกมาจากปากด้วยแววตาที่เศร้าหมอง
“ล้มละลาย!!..พ่อ..เกิดอะไรขึ้นพูดออกมาให้หมดเลยนะ”ฉันตกใจแทบไปไม่เป็นที่พ่อพูดอะไรแบบนี้ออกมาต่อหน้าฉันที่ดูไม่ออกว่าพ่อต้องการจะสื่ออะไรกันแน่ระหว่างเรื่องจริงกับโกหก
“พ่อขอโทษ..มัด”พ่อเงยหน้าขึ้นมาพร้อมน้ำตาที่ไหลรินออกจากหน่วยตาของพ่อ จนกระทั่งมันเริ่มไหลลงมาเรื่อยๆจนเปียกชุ่มเต็มไปหมด ฉันถึงกับต้องสะอึกเป็นพักๆตอนที่พ่อนั่งร้องไห้แบบนี้ ฉันใจคอไม่ดีเลยว่าแต่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“พ่อ...”ฉันเรียกพ่อด้วยน้ำเสียงขาดห้วงเหมือนคนกำลังจะร้องไห้ตามพ่อไปอีกคน
“ฮึก..พ่อ..พ่อ..ขอโทษนะมัด”พ่อสะบัดหน้าตัวเองหนีจากฉันก่อนจะใช้หลังมือปาดน้ำตาออกเรื่อยๆ จนแขนของพ่อชุ่มไปด้วยคราบน้ำตามากมายที่เปียกปอน
“พ่อ...”
“ฟึดๆ..ฮ่า..พ่อขอโทษที่ให้คนสารเลว..เข้ามา”พ่อพยายามกลั้นเสียงสะอื้นไว้และพยายามพูดด้วยเสียงสั่นเครือของตัวเองด้วยหน้าตาที่แดงก่ำเพราะร้องไห้จนตาบวมปูด
“ใคร..มันเป็นใครพ่อ”ฉันถึงกับเดือดพล่านไปหมดทั้งตัวตอนที่พ่อไม่ยอมบอกชื่อไอ้สารเลวที่ทำให้ธุรกิจครอบครัวฉันต้องล้มละลาย
“คนที่ขึ้นชื่อว่าลุงของลูกยังไงล่ะ..”น้ำเสียงเบาๆที่พูดออกมานั่นสร้างคำถามมากมายในหัวฉันจนนับไม่ถ้วน ลุงของฉันน่ะนะ!!
“ลุง??..”ฉันพยายามนั่งเรียบเรียงข้อมูลในหัวต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงจำได้ว่าลุงของฉันหน้าตาเป็นแบบไหน
“มัน..แอบใช้กรรมสิทธิ์ของพ่อไปค้ำเงินกู้ทำธุรกิจของมัน แต่แล้วธุรกิจมันก็เจ๊งลงจนต้องยื่นคำร้องขายบริษัทของพ่อไป..สุดท้ายมันก็ยังไม่พอ...มันแอบเอาชื่อพ่อไปใช้ค้ำอย่างอื่นอีกจนเจ๊งไปทุกๆ อย่าง จนตอนนี้ตัวพ่อมีหนี้ท่วมหัว30ล้าน..”
“..พะ..พ่อขอโทษมัด..ที่พ่อรู้ตัวช้าเกินไปจนมันเกิดเรื่องบานปลาย..ฮึก..”
“30ล้าน!!..แล้วบ้านหลังนี้ล่ะพ่อ..จะโดนยึดไหม..แม่ล่ะ..แม่รู้รึเปล่า”ฉันเขย่าแขนพ่ออย่างวิตกกังวล ถ้าเกิดเรื่องนี้แดงขึ้นมาแล้วต้องใช้เวลากี่ปีกี่ชาติถึงจะหาเงินมาจ่ายครบ ไหนจะค่าเทอมไอ้ผัดอีกไหนจะส่วนต่างๆ ที่ต้องใช้วันต่อวันล่ะฉันจะทำยังไงดี
“พ่อ..ขอโทษนะมัด...”พ่อเอาแต่พูดคำว่าขอโทษมาเกินยี่สิบคำแล้วนะ
“ไม่เป็นไรค่ะพ่อ..มัดเข้าใจ..มัดจะพยายามหาเงินช่วยพ่ออีกแรงนะ”
“แต่ถึงอย่างนั้น..ละ..ลูก..ก็อย่าให้แม่รู้เรื่องนี้..ดะ..เด็ดขาด”พ่อย้ำเตือนเรื่องสำคัญระดับชาติกับฉันให้เหยียบจนจมมิดไว้
“มะ..มัดจะพยายามค่ะพ่อ”ฉันเบาเสียงลงคล้ายกระซิบบอกพ่อ แค่คิดถึงหน้าแม่ตอนโกรธก็ขนลุกขนพองจะตายถ้ารู้ว่าลุงเอาชื่อพ่อไปค้ำแล้วสร้างหนี้สินบานขนาดนี้บอกเลยตายยันโคตรตระกูลน่ะบอกเลย
“...ขอบใจนะลูก..หมับ”พ่อคว้าตัวฉันเข้าไปกอดเบาๆก่อนที่แผ่นหลังฉันจะเริ่มเปียกแฉะไปด้วยคราบน้ำตาของพ่อที่ไหลอีกระรอบ มันดูเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อที่คนธรรมดาๆแบบฉันและพ่อจะมีหนี้ท่วมหัวตั้ง30ล้านในเวลาชั่วข้ามคืน ฉันอาจจะต้องใช้เวลานานแสนนานเลยกว่าจะหลุดพ้นจากวิบากกรรมนี่พ้นต่อให้จะไม่เหลืออะไรกินฉันก็ต้องลุกขึ้นสู้
ฉันนั่งกอดพ่ออยู่แบบนั้นสักพัก ก่อนที่พ่อจะคลายกอดออกแล้วเดินขึ้นรถกระบะขับออกไป ฉันนั่งมองดูรถของพ่อที่ขับลับออกจากบ้านจนมองไม่เห็นเงา
“เฮ้อออออ..เวรกรรมอะไรของไอ้มัดอีกวะเนี่ย”เกาหัวตัวเองอย่างคิดมากก่อนที่ไอ้แสบตัวป่วนจะกระโดดออกมาจากประตูหน้าบ้าน
“พี่มัด..พ่อคุยอะไรกับพี่อ่าเมื่อกี้..ผัดไม่กล้าดูผัดกลัวพ่อดุ”ผัดบ่นเบาๆกับฉันเพราะกลัวว่าพ่อจะรู้เรื่องที่เจ้าตัวแอบมาดักฟังแล้วถูกดุ
“เพี๊ยะ..”สับกบาลไอ้น้องบ้าหนึ่งทีข้อหากวนโอ๊ย
“โอ๊ยพี่มัดตีผัดทำไหมเนี่ย..เจ็บนะ”ผัดลูบหัวตัวเองไปมาเพื่อบรรเทาอาการเจ็บที่ถูกฉันสับกบาลเข้าให้เพราะคำถามกวนโอ๊ย
“แกน่ะตั้งใจเรียนสูงๆล่ะเข้าใจไหม..”ฉันบอกให้ผัดตั้งใจเรียนในส่วนนี้ เพราะว่าฉันมีความลับที่บอกมันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องหนี้สินครอบครัวจำนวนมหาศาล
“หื้ม??..แล้วพี่จะไปไหนเนี่ย”ผัดเลิกคิ้วดกๆของตัวเองขึ้นด้วยความสงสัยหลังเห็นฉันบิดตัวจะขึ้นไปบนบ้านเพื่อทำธุระส่วนตัว
“ก็ไปหาสมัครงานในเว็บไง..จะเอาแต่งานที่ได้เงินดีจนตาถลนเลยแหละ”ฉันหันมาพูดติดตลกใส่ผัดหมี่ที่ยืนทำหน้าเหวอๆแบบไม่ค่อยเข้าใจ
“โอโห้..จริงอ่า..งั้นเอาเงินเดือนเยอะๆเดือนละล้านเลยนะพี่มัด”ผัดบ้าจี้ไปตามฉันซะงั้น
“อ่าๆ..ไปๆชิ่วๆไปหาอะไรทำอย่ามากวนพี่ล่ะเข้าใจปะ”
“อะเคพี่มัด..ตึกๆ”ยืนดูไอ้ตัวแสบวิ่งหนีไปที่ห้องครัวก่อนที่ฉันเดินขึ้นห้องตัวเองไปอีกรอบเปิดคอมนั่งเสิร์ชในอากู๋พิมพ์หาประโยคว่า
“งานที่ได้เงินเยอะๆ..คลิ๊ก”ไม่ช้าเหล่าข้อมูลทั้งหลายก็พรั่งพรูเข้ามาพร้อมกัน มีแต่กระทู้ที่ตั้งว่าทำงานวิศวะเงินเยอะไหม บัญชีเงินเดือนเท่าไหร่
“โอ๊ยยย..ฉันจะหางานไม่ใช่มานั่งอ่านกระทู้พวกแกนะว้อยยย”นั่งคลิ๊กหางานตั้งนานสองนานสุดท้ายก็ไม่มีเริ่มต้องมานั่งเปิดเฟสย้อมใจดูไปเรื่อย
“งานๆ..ของานเงินดีๆเพี้ยง..ติ๊ง..หื้ม??ใครทักมาวะเนี่ย”เหลือบตาไปที่กล่องข้อความแชท ที่ถูกส่งมาก็คลิ๊กเปิดอ่านดูก็เจอภาษาอังกฤษเต็มไปหมดยาวพรืดเลย
“โอ้โห้..อะไรวะเนี่ย..ขอนั่งแปลแป๊บนะ”นั่งไล่สายตากรอกอ่านไปเรื่อยๆจนถึงกลางข้อความฉันก็ต้องย่นคิ้วงงไปใหญ่ อะไรคืออยากรับฉันไปทำงานที่สเปน?? แถมยังมีการแนบเบอร์ติดต่ออะไรต่อมิอะไรจนยาวพรืด ฉันอดสงสัยไม่ได้ที่จะเอาเสิร์ชหาในอากู๋ทันที ขุ่นพระแทบไม่อยากเชื่อสายตาเน็ตดับจ้า รอแป๊บๆกำลังรีเน็ต
“ต๊อกแต่กๆ..ไหนดูสิว่าเป็นใครอะไรยังไงไม่ใช่โจรข้ามชาติมาพาตัวฉันไปขายในซ่องนะเฮ้ย” กดเสิร์ชปุ๊บ สักพักก็มีหน้าเว็บขึ้นมาท่วมไปหมดฉันเลยคลิ๊กเข้าไปดูเว็บแรกที่เจอ เป็นข่าวเกี่ยวกับการเปิดตัวโรงแรมนำเที่ยวชั้นนำของประเทศสเปน ระดับ5ดาว+เลยก็ว่าได้ เป็นการรวมหลายสิ่งหลายอย่างที่ครบเครื่องภายในตัวโรงแรมไม่เว้นแม้แต่ลานจอดเฮอร์ลิคอปเตอร์ได้ถึง10คันบนดาดฟ้า ฉันก็เลยต้องเลื่อนๆ ลงมาดูข้อมูลข้างล่างต่อว่ามีอะไรที่พอจะรู้ได้บ้างว่างานอะไรที่ฉันได้รับมอบหมาย ทำยังกับเป็นสายสืบแน่ะมานั่งค้นข้อมูลยิกๆ
“ชื่ออะไรล่ะเนี่ยอ่านยากจัง..แชกค์เทียส แมนโรล..เหรอ..น่าจะใช่มั้ง”
‘แล้วทำไมต้องเป็นฉันด้วยล่ะที่ต้องสมัคร’ฉันอดใจไม่ไหวเลยไปส่องเฟสเจ้ากรรมที่ทักมาก่อนหน้านี้ แต่ก็ไม่พบอะไรนอกจากเฟสเปล่าๆที่ไม่มีอะไรเลย
“หลอกกันเปล่าวะเนี่ย..ไหนๆก็ไหนๆขอโทรสักหน่อยแล้วกัน อย่าแดกเงินฉันเยอะเลยนะเงินเติมก็ยิ่งไม่มี...ติ๊ดๆๆ”ฉันกดหมายเลขที่แนบมาและโทรออกไปในทันที
*ตรู๊ด..ตรู๊ดดดด*เสียงมือถือที่ดังอยู่ในหูนี่มันดังขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย โอ๊ยตื่นเต้นๆ
*...ปิ๊บ..ฮัลโหล..ใครคะ*ปลายเสียงที่กดรับเป็นเสียงของผู้หญิงน่าจะออกวัยกลางคนกดรับ
‘รับแล้วๆทำไงดีวะกู’
*ฮัลโหล??..เอ่อ..ขอโทษนะคะ..ใช่เอ่อตระกูลแมนโรลรึเปล่า*
*ใช่ค่ะ..ว่าแต่ต้องการพบใครมิทราบคะฉันจะได้เรียนถูก..*
‘เอาไงดีๆจะถามว่าอะไรล่ะ’ฉันเริ่มลนลานไปมาในใจเพราะว่าตื่นเต้น
*เอ่อ..คนที่ติดต่อรับฉันสมัครงานน่ะค่ะ..พอจะตามให้หน่อยได้ไหมคะ..*
*กรุณาถือสายรอสักครู่นะคะ..ตรู๊ดดด*
นั่งถอนหายใจเฮือกใหญ่ตอนที่คุณแม่บ้านบอกให้ถือสายรอ สักพักก็มีเสียงทักเข้ามาในสายเบาๆ
*ฮัลโหล..”น้ำเสียงหวานๆดังมาจากอีกฟากของมือถือเป็นน้ำเสียงที่นิ่งสงบ จนฉันแอบตกใจเล็กน้อยเบาๆกับตัวเองว่า นี่ใช่ระบบตอบรับเสียงอัตโนมัติรึเปล่า
*คุณใช่ไหม..ที่จะมาเป็นเลขา*
*คะ??..ขาอะไรนะคะ*
*คุณสินะคะที่จะมาเป็นเลขาที่บริษัทของฉัน..ขอโทษด้วยค่ะที่ลืมแนะนำตัว..ฉันยูกิแชกค์เทียส แมนโรล..ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ*
*เอ่อ..ฉะ..ฉัน..มัดหมี่ค่ะ..วิมล ไพศาล..ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ*
*คุณพร้อมที่จะมาเริ่มงานเมื่อไหร่คะ*น้ำเสียงของคนในสายเนิบนาบค่อยเป็นค่อยไปและอธิบายรายละเอียดคร่าวๆให้ฉันฟังก่อนตกลงถามไถ่เรื่องการเดินทาง
*อีกสองวันได้ไหมคะ..ฉันจะรีบขึ้นเครื่องไปทันที*
*เหรอคะ..ได้ค่ะ..ฉันจะไปรับคุณที่สนามบินนะคะ*
*ค่ะ..ขอบคุณค่ะ..ปิ๊บ*
“เฮ้ออออ..ได้งานสักทีว่าแต่ทำไมน้ำเสียงดูเหมือนจะหัวเราะหน่อยๆด้วยสงสัยดูอะไรตลกๆอยู่มั้ง..แต่เอาเถอะได้งานแล้วก็ค่อยโล่งหน่อย...อืออออ”ฉันบิดขี้เกียจกับตัวเองไปมาจนได้ยินเสียงกระดูกดังกร๊อบๆไปมาในตัว ปิดคอมเสร็จก็วิ่งแจ้นลงไปข้างล่างทันที
“ผัดหมี่!!!!!!”
“เฮือก..อะไรๆเกิดอะไรขึ้นพี่มัด..อุ๊ก..หายใจไม่ออก”
“พี่ได้งานแล้วนะไอ้แสบบบบบบบบบบบบบ” ฉันผวาเข้ากอดไอ้แสบที่พึ่งสะดุ้งตื่นจากโซฟาเมื่อกี้จนมันตาเหลือกอ้าปากค้าง ก่อนที่ฉันจะยอมคลายกอดลงแล้วเดินบิดตูดหนีมันเข้าครัวไป
“แล้วงานอะไรล่ะพี่มัด...”ผัดถามฉันเบาๆด้วยท่าทีมึนงงแต่ก็ไม่ถามอะไรมาก
“งานเลขา..”ฉันตอบออกไปตรงๆกับน้องสาวตัวเองที่นั่งกอดอกอยู่ข้างหลัง
“เลียขา??”
“เลขาต่างหาก..และอีกอย่างพี่จะไม่อยู่ไทยสักพักนะ”
“หื้ม? ..พี่จะไปไหนพี่มัด”ไอ้แสบวิ่งพรวดพราดออกจากโซฟามาหาฉันที่ครัวทันที
“ไปที่ชอบๆมั้ง??..ล้อเล่นพี่จะไปต่างประเทศน่ะฝากพ่อด้วยนะ”
“เอ๊ะ..”
“ไม่จริงใช่ไหม..พี่มัด..พี่จะทิ้งหนูม่ายด้ายยยยแล้วๆใครจะสอนการบ้านใครจะพาหนูทำเวิร์ดล่ะแล้วๆใครจะพาหนูทำๆ ..”สารพันคำแก้ตัวมากมายของน้องสาวที่เห็นฉันเป็นเครื่องมือทุ่นแรง
“พอๆสต๊อปๆ..พี่จะไปหาเงินมาส่งแกเรียนเข้าใจไหม”
“แต่ๆ..พ่อล่ะ..พ่อก็ทำงานนี่”
“อ่าๆค่ะคุณน้องงงง..งั้นเอาอันนั้นให้ขุ่นพี่หน่อยสิคะพี่เอาไม่ถึงอะ”
“อะๆ..สงสารคนแคระ..”
“ขอบคุณค่าน้องที่รักกกก”ด้วยความที่ฉันเกิดมาเตี้ยแบบสุดๆ เตี้ยกว่าน้องตัวเองประมาณ5เซนต์กว่าๆแหละเกิดมามีกรรมเป็นคนเตี้ย
รับกระป๋องมาม่ามากจากน้องสาวด้วยความปิติก่อนจะเริ่มการทำอาหารสิ้นคิด นั่นก็คือมาม่าต้มใส่ไข่ดาวน้ำ กินเสร็จก็ออกมาย่อยอาหารที่หน้าบ้านต่อเริ่มจากการปีนต้นชมพู่ตัวเองจ้า เพราะช่วงนี้ชมพู่กำลังออกลูกเป็นพวงน่ากินค่ะ
“พี่มัดดดดดดดดด..”
“แซ่กๆ..อะไรไอ้แสบ...”แหวกใบชมพู่ออกมาดูไอ้แสบที่วิ่งแหกปากมาแต่ไกล
“มีคนโอนเงินให้พี่แสน1อ่า”
“หื้ม??..พรืดดดดดดดดดด”รูดต้นชมพู่ลงทันทีตอนที่มันบอกว่ามีเงินเข้า
“แปะๆ..ไหนเอามาให้พี่ดูสิ”ฉันยืนปัดเศษฝุ่นออกจากมือและรับมือถือจากน้องสาวที่ยื่นให้
“อ๊ะ..”รับมือถือมาดูด้วยอาการมึนงงนิดหน่อยก่อนจะเปิดหน้าจอดูข้อความที่พึ่งเข้าเมื่อกี้พร้อมข้อความแปลกๆที่ทักมา
“ค่ามัดจำสำหรับการเดินทางของคุณ”
“โอโห้อ่านว่าอะไรอ่าพี่มัด..แปลให้ผัดฟังหน่อย”
“อ่านว่าเงินเข้า1แสนค่าเดินทาง”
“จริงอ่า..จริงเหรออะไรจะแพงขนาดนั้นเนี่ยพี่..”
“ไปๆชิ่วๆๆพี่จะไปอาบน้ำแหละ”
“แล้วชมพู่..ชมพู่พริกเกลือหนูล่ะ..”
“ปีนเอาเลยผัด..แบร่”
“อ๊ากกกกก..พี่มัดดดดดดกลับมาปีนให้น้องก่อนนนนนนน”วิ่งเผ่นหนีขึ้นห้องไม่รอให้ไอ้แสบมาฉุดตัวไว้ทัน ฉันล็อกห้องพร้อมเดินมาทรุดตัวล้มลงกับเตียงอย่างนึกขัน
“ฮะ..ฮ่าๆๆ..เรื่องจริงหรอที่คนอย่างฉันจะได้ไปทำงานต่างประเทศไหนจะเรื่องอื่นอีก แล้วๆ พลาสปอร์ตฉันหมดอายุยังวะเฮ้ยพึ่งไปทำมาเมื่อไม่กี่เดือนฝุ่นกินหมดแล้วมั้ง”ลุกจากเตียงไปเปิดลิ้นชักค้นหาเอกสารและมากองๆ รวมกันนั่งปัดฝุ่นเช็กเอกสารทั้งหมดก่อนจะยัดลงซองเปล่าแล้วยัดใส่ลิ้นชักคืน
“เฮ้อออ..ให้ตายเถอะ”
ยืดตัวบิดขี้เกียจเล็กน้อยก่อนหอบผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำไป เตรียมอาบน้ำล้างตัวใหม่เพราะตอนนี้เริ่มเหนียวตัวไปหมดเพราะเศษใบไม้ที่มันติดตัวแล้วก็พวกเศษดิน
“เงินเอ๋ย...จงออกมาเพี้ยงงงง” ยืนเล่นมุกคนเดียวในห้องน้ำก่อนจะอาบน้ำ
“เอาล่ะไหนใครจะไปต่างประเทศ..ฉันน่ะสิๆ...ไหนๆใครติดหนี้..พ่อน่ะสิๆ”
2วันต่อมาที่สนามบิน
ฉันยืนลากกระเป๋างกๆไปมาหน้าลานจอดรถระหว่างรอพ่อออกมาจากห้องน้ำ
“พ่อๆมายัง..”ฉันยืนชะโงกคอมองดูทางที่พ่อกำลังวิ่งตรงดิ่งมาหาฉัน
“ตึกๆๆ..มาแล้วๆ..รอพ่อนานไหมมัดปะๆเร็วๆเดี๋ยวเครื่องจะมาแล้วนะ”
“หาวววว..ทำไมต้องมาดึกขนาดนี้เนี่ยพ่อ”
“ก็มันเป็นเที่ยวด่วนไงลูก...ปะๆๆ”พ่อลากกระเป๋าวิ่งนำโด่งฉันไปไกลลิบ จนฉันต้องวิ่งตาตั้งตามมาติดๆอุตส่าห์ไอ้แสบบอกจะมาส่งสุดท้ายนอนหลับเป็นตายอยู่ห้อง พี่ขอโทษนะไอ้แสบพี่รีบจริงๆ
“ครืนนนน..ไปไหนต่อๆทางนั้นๆเร็วๆลูก”
“แป๊บนะพ่อ..แฮ่กๆๆ”
ใช้เวลาหลงทางไปค่อนข้างนานกว่าจะได้ตัวช่วยจากรปภ.ขับรถกอล์ฟมาส่ง วิ่งกันตาเหลือกไปทำวิธีการต่างๆ นั่นแหละจบด้วยการโบกมือลาพ่อหยอยๆ ที่ทางเดินจนฉันหายลับไปจากพ่อเดินไปตามทางที่พนักงานเขาบอก จนถึงห้องรับแขกก็แวะกินน้ำอึกหนึ่งก่อนจะเดินไปนู่นไปดูเครื่องแล้วก็นั่งรอเวลาที่เครื่องพร้อมออกก็ขนของกันไปขึ้นเครื่อง เลือกที่นั่งที่กลางๆลำเพราะเชื่อว่าเวลามันระเบิดมันจะรอดง่ายที่สุด ฉันเชื่อแบบนี้เพราะว่าฉันดูหนังบ่อยส่วนหัวกับส่วนหลังไปก่อนชาวบ้านเวลามันเกิดอุบัติเหตุนะ
“รับของหวานทานเล่นสักหน่อยไหมคะ?”
“อ๋อ..ขอบคุณค่ะ”
“นี่ค่ะ..ถ้าต้องการอะไรก็เรียกได้ตลอดเลยนะคะ”
“ค่ะ..”ยิ้มรับให้แอร์ก่อนจะหันหน้าไปที่หน้าต่างดูวิวตอนกลางคืนที่มืดตื้อไปหมดแบบหมดจริงๆ นี่คือฉันต้องต่อเครื่องบินกี่เที่ยวถึงจะไปถึงนู่นได้
“เจอกันพรุ่งนี้ตอนเช้านะคะทุกคน..ราตรีสวัสดิ์ค่ะ”พูดรีวิวแบบบล็อกเกอร์ เผื่อจะได้งานเสริม
ใช้เวลาไปที่สเปนคือแบบข้ามวันข้ามคืนของจริงถึงนู่นก็ค่ำแหละจ้า
ขึ้นหลายต่อแบบเหนื่อยจริงกระไรจริง รู้สึกตัวอีกทีก็มืดค่ำแล้วพร้อมกับตัวฉันที่เดินลงมาจากเครื่องด้วยสภาพสะบักสะบอมเพราะนอนจนตาบวมปูดไปหมด
“หาวววว...วอๆง่วงจัง”ปิดปากหาวมาตลอดทางตั้งแต่ลงจากเครื่องยันมาถึงสนามบิน ฉันรับของเสร็จก็ไปนู่นแหละคาเฟ่รอบค่ำ เดินเปิดประตูร้านเข้าไปกรุ๊งกริ๊งในสภาพหัวฟูกระเซอะกระเซิงเหมือนฟัดกับหมาไม่สิเหมือนพึ่งตากลมหนาวมาต่างหาก
“ยินดีต้อนรับค่า...”
“เอ่อ..ขอคาปูชิโน่ร้อน1แก้วค่ะ..”
“รับอะไรเพิ่มอีกไหมคะ?”
“ไม่เป็นไรค่ะ..”
“ทั้งหมด3เหรียญค่ะ...”
“นี่ค่ะ...”จกเงินให้พนักงานเสร็จก็ไปนั่งเล่นที่เคาท์เตอร์ริมกระจกนั่งแหงนหน้ามองป้ายมองชาวบ้านเดินไปทั่ว ดูรวมๆแล้วก็คึกคักไม่หยอกแต่วิวดีกว่าบ้านเราเยอะจุ๊ๆ
“ขออนุญาตเสิร์ฟเครื่องดื่มค่ะ...”
“ขอบคุณค่ะ..”
ยกแก้วกาแฟมาเป่าเบาๆไล่ความร้อนออกแล้วยกจิบเบาๆพลางมองดูแสงไฟอันอื่นไปพลางๆ
“ตรู๊ด..ตรู๊ดดด...”เสียงสั่นไปมาดังออกมาจากกระเป๋าจนฉันต้องกดรับ
“อ๊ะ..มาแล้วๆ..ปิ๊บ”
*ฮัลโหลสวัสดีค่ะ*
*คุณอยู่ที่ไหนล่ะคะเนี่ย*
*อยู่ที่สนามบินค่ะ พึ่งมาถึงได้เมื่อกี้*
*แล้วอยู่ที่ไหนของสนามบินล่ะคะ*
*เอ่อ..คาเฟ่ค่ะ..คาเฟ่..*
*คาเฟ่..เดี๋ยวฉันจะไปหาแล้วกันนะคะคุณรออยู่นั่นล่ะกัน*
*ได้ค่ะ...ปิ๊บ*
“เฮ้อออ..เหมือนเป็นตัวภาระเลยแหะมาทำให้ชาวบ้านลำบาก ว่าแต่เจ้านายฉันเนี่ยเค้าจะดุไหมจะป่าเถื่อนรึเปล่า เห็นที่อ่านๆมาในหนังสือนะมันแบบกักขังหน่วงเหนี่ยว ข่มขืนผู้หญิงก็มี..แถมยังเผด็จการด้วย อึก..แค่คิดก็ขนลุกแล้วววว”
นั่งซดกาแฟจนหมดแก้วประมาณ3-4นาทีก็มีใครสักคนเดินผ่านประตูเข้ามา
“กรุ๊งกริ๊ง..ยินดีต้อนรับค่ะ”
“ขอความกรุณาด้วยนะคะ..”
ฉันหันไปที่ต้นเสียงก็เจอเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่งที่สูงประมาณ170กว่าๆ ผมแดงผิวขาว ตาสีเขียวออกมรกตนิดๆ หน้าเรียวปากชมพูระเรื่อ ขายาวมากแถมๆ ยังหน้ามีความผสมเอเชียนิดๆ ด้วยลงตัวไปหมดเลยนางแบบมาโปรโมทร้านรึไงเนี่ยเลิกคิดๆ
สนใจกับการกินกาแฟต่อและนั่งรอคนที่จะมารับและนั่งซดกาแฟต่อไป
“เอ่อ..ขออนุญาตนะคะ”
“คะ?? ..”ฉันเหวอเล็กน้อยตอนถูกทักขึ้นจากข้างหลังเบาๆจากนางแบบคนเมื่อกี้
“ใช่คุณวิมลรึเปล่าคะเนี่ย...”
“คะ???..(?_?)”หน้าตาฉันดูเหวอไปเลยเมื่อถูกเรียกชื่อเต็มยศกลางดงฝรั่งมากหน้าหลายตา
‘เอ๊ะใครล่ะเนี่ย ทำไมในใบสมัครถึงไม่มีบอกเกี่ยวกับนางแบบเลยนะ’
“ขอโทษด้วยค่ะที่ไม่ได้บอกฉัน..ฉันยูกิ”
“คะ???..”เอ๋อแดกเข้าไปใหญ่เดี๋ยวๆๆยูกิคือนางแบบ นางแบบคืองานที่จะให้ฉันมาทำหน้าที่เลขาให้เรอะ
“ฮ่าๆ..ใจเย็นๆก่อนนะคะฉันคือคนที่ยื่นใบสมัครงานให้คุณไง”
“คะ??”
เหมือนตอนนี้สมองของฉันจะพังพินาศไปซะแล้วเพราะเครื่องมันรวนไปหมด เรียบเรียงใจความไม่ได้แล้ว
“สงสัยเราคงต้องไปคุยกันยาวที่บ้านแล้วล่ะค่ะ”
“คะ???”
กระเป๋าสัมภาระต่างๆของฉันโดนลากไปเก็บตอนไหนไม่รู้ รู้แต่เพียงตอนนี้ตัวฉันโดนหิ้วออกจากคาเฟ่ไปพร้อมกับยูกิ ถูกกระชากลากถูมาเรื่อยๆ จนถึงรถตู้คันหนึ่ง สักพักก็มีเหล่าชายในชุดสูทวิ่งออกมาจากรถตู้พร้อมกับเชือกเส้นใหญ่ผูกรัดตัวฉันเป็นเกรียว ตามด้วยผ้าคาดตาสีดำ
“อื้อๆๆ..ปล่อยฉันนะคุณ”ฉันดิ้นพล่านไปมาด้วยความช็อคปนตกใจ
“ยกไปขึ้นรถฉันเลย..”น้ำเสียงหวานๆที่น่าจะคล้ายกับคุณยูกิออกคำสั่งให้กับใครบางคนอุ้มร่างของฉันลอยละลิ่วไปมากับอากาศ
“รับทราบครับ!!”
ฉันดีดตัวดิ้นหนีไปตลอดทางเวลาที่โดนหิ้วไปไหนไม่รู้เพราะตอนนี้ฉันมองอะไรไม่เห็นแล้ว
“ปึง..ตุ๊บ..ปัง”
“อื๋อ..??ฉันอยู่บนกองขยะเหรอ??”
“ฮ่าๆไม่ใช่กองขยะหรอกค่ะ..คุณอยู่บนรถฉันนอนนิ่งๆนะคะเพราะฉันจะซิ่งแล้ว”
“ซิ่ง??..พรึ่มมม..??..บรืนนนน..บรืนนนนนนนนนน”
“อ๊ากกกกกกกกกกก...มันโยกไปหมดเลยช่วยด้วยยยย”
“ก็นอนนิ่งๆสิคะ..”
“อื้อๆๆ...จะตกๆจะตก..ตุ๊บ!!..อั๊กกก...ออกไม่ได้”
“คุณมัด..”เหมือนได้ยินเสียงตกใจเบาๆจากยูกินะ ว่าแต่ฉันตกมาในร่องอะไรเนี่ยทำไมลุกไม่ขึ้นเลยสุดท้ายก็ต้องนอนตัวแข็งในร่องอะไรไม่รู้ไปตลอดทาง
รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงเลื่อนของประตูดังครืดดดพร้อมกับรถที่หยุดนิ่งตามไปด้วย
“เอาล่ะค่ะคุณมัด..เราไปกันเถอะ”
“คะ??...อ๋า..จะตกๆๆ”
ฉันโดนอุ้มตัวลอยละลิ่วไปพร้อมกับอ้อมแขนล่ะมั้งที่แบกตัวฉันเดินไปตลอดทาง หัวฉันก็สะบัดไปมาตามแรงเดินของยูกิจนฉันได้ยินเสียงร้องทักต่างๆนาๆของเหล่าแม่บ้านฉันถึงกับเหวอไปใหญ่ตอนที่ตัวโดนฟาดลงกับอะไรนิ่มๆ
“อ๊ากกกก..จะตายแล้วววว”
ฉันแหกปากลั่นตอนที่ตัวเองตกลงบนอะไรไม่รู้ที่นุ่มจนแทบจะละลายติดลงไปเลยอย่าบอกนะว่าฉันอยู่ในกระทะ!!!